เคล็ดลับปรับโฉม "ร้าน" ให้ขายได้ขายดี : เพิ่มยอดขายได้เพียงขยับปลายนิ้ว
สวัสดีค่ะ วันนี้มีหนังสือใหม่มาแนะนำอีกแล้วค่ะ





เคล็ดลับปรับโฉม "ร้าน" ให้ขายได้ขายดี
ผู้เขียน Nagashima Yukio
ผู้แปลและเรียบเรียง ทิพวรรณ อภิวันท์วรรัตน์
จำนวนหน้า 264
ตัวอย่างเนื้อหา



อ่านหัวข้อแล้วอาจจะคิดว่า "เว่อร์ป่าวเนี่ย !" แต่บ.ก.ขอยืนยันว่าเหมาะที่สุดแล้วละค่ะสำหรับหนังสือเล่มนี้ เคล็ดลับปรับโฉม "ร้าน" ให้ขายได้ขายดี เพราะเป็นอย่างที่ว่าจริง ๆ ขอแค่ขยับปลายนิ้ว มือ แขน ขา ฯลฯ ก็เพิ่มยอดขายได้แล้ว เพราะหนังสือที่จะแนะนำคราวนี้เกี่ยวกับเทคนิคการจัดเรียงสินค้า และการจัดแต่งร้านและเชลฟ์สินค้า ซึ่งไม่ต้อง "ลงทุน" ขอแค่ "ลงแรง" ก็พอ


แฮ่ม ! แต่ก่อนจะเล่าถึงเล่มที่ว่าให้ฟัง ขอพูดถึงเล่มอื่น ๆ ซักหน่อยนะคะ ช่วงนี้หนังสือแปลออกติด ๆ กันหลายเล่ม ทั้ง เซียนปริศนา สนุกฮาพัฒนาสมอง (หมวดคณิตศาสตร์) คิดอย่างมีกลยุทธ์ (หมวดบริหาร-จัดการธุรกิจ) ที่มาเล่าให้ฟังไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงคิว เคล็ดลับปรับโฉม “ร้าน” ให้ขายได้ขายดี (หมวดบริหาร-จัดการธุรกิจ) และแอบบอกไว้ก่อนว่ายังมีอีกเล่มที่จะตามมาติด ๆ สีสัน สร้างเสน่ห์และความสำเร็จ (หมวดการพัฒนาตนเอง) เกี่ยวกับเลือกใช้สีในการแต่งตัว เลือกข้าวของเครื่องใช้ให้เหมาะกับโอกาส และสถานการณ์ต่าง ๆ ใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและในโลกธุรกิจ กำลังจะคลอดออกมาเร็ว ๆ นี้ สัญญาว่าคราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังนะคะ



เอาล่ะ ! มาพูดถึงเล่ม เคล็ดลับปรับโฉม “ร้าน” ให้ขายได้ขายดี ดีกว่า



Smiley เวลาเดินในซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อน ๆ เคยสังเกตเห็นไหมคะว่าจะมีป้ายนู่นนี่ทั้งสินค้าแนะนำ สินค้าใหม่ที่มักจะใช้คำว่า NEW ติดอยู่ที่เชลฟ์เต็มไปหมด บางทีก็ทำเป็นกรอบคล้าย ๆ กรอบรูป มีภาพโฆษณาแล้วก็วางสินค้าไว้ในกรอบ มีกล่องหรือตะกร้าเล็ก ๆ ที่วางสินค้าตัวอย่างไว้ให้ทดลอง แล้วก็จัดเรียงสินค้าสีเดียวกันไว้ด้วยกันเป็นกลุ่ม ๆ นี่แหละค่ะคือวิธีที่ทางร้านต่าง ๆ ใช้เรียกความสนใจจากลูกค้าที่เดินผ่านไปมา โดยที่เราเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะมองนะคะ แต่กลับถูกเจ้าป้ายพวกนั้นดึงดูดจนต้องเข้าไปดูสักหน่อยว่ามันคืออะไร (จริง ๆ อาจจะเพราะความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัวด้วยละมั้ง )



ทั้งหมดที่ว่ามาถือเป็นเคล็ดลับพื้นฐานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทางร้านนำไปใช้ในการเรียกความสนใจจากลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสนใจสินค้า และเลือกซื้อในที่สุด ซึ่งในหนังสือ เคล็ดลับปรับโฉม “ร้าน” ให้ขายได้ขายดี ได้รวบรวมไว้หลากหลายวิธี ให้ร้านค้าไม่ว่าจะเป็นห้างร้านขนาดใหญ่ หรือร้านค้าเล็ก ๆ สามารถนำไปปรับใช้ เพื่อเพิ่มยอดขายได้โดยที่ไม่ต้องลงทุนมากมาย ผู้เขียนเขาบอกไว้นะคะว่า “ลงทุนแค่แรงกาย ปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ น้อยอย่างจริงจัง และทำให้ต่อเนื่อง” แค่นี้ยอดขายของร้านก็จะเพิ่มขึ้นแล้วค่ะ



Smiley จุดเด่นของหนังสือ อยู่ที่การรวบรวมเทคนิคต่าง ๆ ไว้หลากหลายทั้ง การจัดเรียงสินค้าบนเชลฟ์ การตกแต่งหัวเชลฟ์ การจัดแต่งภายในร้าน การจัดมุมโปรโมชั่น ฯลฯ มีภาพประกอบการอธิบาย เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น พอจะจินตนาการออก และสามารถนำไปประยุกต์ใช้จริงได้ง่าย ๆ



ขอหยิบตัวอย่างเทคนิคมาให้ดูหน่อยหนึ่งละกัน (เทคนิคนี้อยู่ที่หน้าปกด้วยค่ะ ลองสังเกตดูนะคะ)






จากภาพ Smiley คือการจัดเรียงสินค้าให้ดูมีปริมาณมากแต่สต๊อกน้อย


สำหรับร้านที่ต้องการจัดเรียงสินค้าให้ดูเหมือนมีปริมาณมาก แต่ไม่ต้องการสต๊อกสินค้าไว้มากเกินไป เพื่อให้ลูกค้าไม่รู้สึกว่าสินค้าขาด หรือที่ร้านมีการสั่งสินค้าอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องเป็นราว ก็อาจใช้วิธี “จัดเรียงให้เกิดเป็นช่องว่าง” วิธีการก็คือ จัดเรียงแบบสามมิติโดยวางกล่องเปล่าไว้ด้านล่าง และวางกล่องที่มีสินค้าไว้ด้านบน ภายในก็ให้เกิดเป็นช่องว่าง ๆ ไว้ เรรามาลองเปรียบเทียบปริมาณสต๊อกดู


Smiley ถ้าจัดเรียงแบบไม่มีช่องว่างต้องมีสต๊อก 20 กล่อง x 3 ชั้น = 60 กล่อง

Smiley ถ้าจัดเรียงแบบให้ด้านในเป็นช่องว่างจะมีสต๊อก 14 กล่อง x 3 ชั้น = 42 กล่อง


แค่นี้ก็จะดูเหมือนมีสินค้ามากแต่สต๊อกไม่บวมได้แล้ว !



ในเล่มยังมีวิธีการจัดเรียงแบบอื่น ๆ รวมถึง วิธีจัดแต่งหัวเชลฟ์สำหรับแนะนำสินค้าใหม่ สินค้ายอดนิยม สินค้าแนะนำ สินค้าโปรโมชั่น สินค้าที่มีน้ำหนักมาก สินค้าสำหรับเด็ก สินค้าตามฤดูกาล เพื่อให้โดดเด่น เข้าถึงง่าย ขายได้ทะลุเป้า อีกมากมาย หากร้านค้าหรือพื้นที่ขายได้ลองหยิบไปใช้ก็น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ !!


จะว่าไปในยุคที่เศรษฐกิจซบเซาแบบนี้ ร้านค้าคงต้องหาวิธีกระตุ้นยอดขายโดยที่ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ใช่วิธีที่ต้องอาศัยเงินทุนมากมาย เพราะเกิดลงทุนมากแต่ได้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่า เดี๋ยวก็จะกลายเป็นยิ่งแย่ไปใหญ่ เพราะฉะนั้น ถ้าเข้าใจหลักการ และปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยตามเทคนิคที่แนะนำไว้ในหนังสือ ก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะอย่างน้อยก็พอจะมองเห็นแนวทางบ้าง อีกอย่างผู้เขียนก็มีประสบการณ์ในการจัดแต่งร้านถึง 30 ปี และยังให้ความสำคัญกับ “การลงทุนน้อยที่ให้ผลตอบแทนสูง” ด้วย เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องกลัวเลยค่ะว่างบจะบานปลาย



พอจะมองเห็นภาพกว้าง ๆ กันแล้วนะคะ
ถ้าอยากเรียนรู้เทคนิคอื่น ๆ อีก ก็ต้องไปตามอ่านตัวเล่มบนแผงหนังสือแล้วค่ะ หรือก็คือ ต้องไปซื้อที่ร้าน เพราะวางขายแล้วนั่นเอง


คราวหน้าจะมาพร้อมหนีบเล่ม สีสัน สร้างเสน่ห์และความสำเร็จ มาเล่าให้ฟังนะคะ


^______^



Create Date : 01 กรกฎาคม 2552
Last Update : 1 กรกฎาคม 2552 10:52:34 น.
Counter : 3071 Pageviews.

5 comments
  
รูปประกอบก็น่ารัก น่าอ่านดี
โดย: เอ๊กกี่ วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:34:06 น.
  
น่าสนใจมากเลยค่ะ
บางทีอาจจะมีประโยชน์ซักวัน
แต่ไม่มีร้านเป็นตัวเองให้ปรับโฉมน่ะสิ


สิ่งแรกที่เราว่าดึงดูดใจลูกค้าได้ดีก็คือ"ป้ายลดราคา"
555+ ทั้งที่ในความเป็นจริงมันจะไม่ได้ลดราคาจริงๆก็ได้
โดย: nikanda วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:03:19 น.
  
คิดเห็นเหมือนคนข้างบนเลยคะ อิอิ
โดย: tempopo วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:45:33 น.
  
...เคยอ่านของสำนักพิมพ์นี้นานแล้ว ถ้าจำไม่ผิดชื่อ--เจ้าของร้านสะดวกซื้อ--หน้าปกเป็นาร์ตูนขาวๆ อะไรนี่แหละค่ะ เล่มนี้น่าจะมาอยอดได้ ไว้จะลองหามาดูนะคะ
โดย: shide-gi IP: 115.67.76.229 วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:12:21 น.
  
อยากหนังสือเล่มนี้จังติดต่อกลับด้วยนะครับ086-1770002
โดย: สมชาย IP: 183.89.21.228 วันที่: 8 มกราคม 2555 เวลา:23:30:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Book4u.BlogGang.com

textbook
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]

บทความทั้งหมด