สอนลูกน้องให้เก่งและเป็นงาน
โดย : Matsuo Akihito
แปลโดย ดร.สุลภัส เครือกาญจนา
ขนาด : 145 x 210 mm.
จำนวนหน้า 168 หน้า
เคยคิดไหมว่า “ถ้ามีตัวเราอีก 1 คนล่ะก็...งานคงเสร็จเร็วขึ้นอีก 2 เท่า”
มาสร้าง “ทายาทที่จะสืบทอด DNA งาน” ของคุณขึ้นมาอีกหลาย ๆ คน เพื่อปลดปล่อยคุณออกจากชีวิตการทำงานอันยุ่งเหยิงกันเถอะ...
เพราะ “บทบาทของหัวหน้า” ที่สำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งองค์กรสมัยนี้ต้องการ คือ การ “เสริม” “สร้าง” และ “ขับเคลื่อน” ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ ”เก่ง” และกลายเป็น “กลไกหลัก” ที่จะทำให้องค์กรเติบโตและก้าวหน้าต่อไปได้ แต่จะมีหัวหน้าสักกี่คนที่ใช้เครื่องมือ ที่เรียกว่า “การสอน” ได้อย่างครบถ้วนและเกิดผลจริง
เนื้อหาในเล่มบอกถึง
• การสร้าง “ห่วงโซ่แห่งการสอน” อย่างต่อเนื่อง จากหัวหน้า -> ผู้ใต้บังคับบัญชา และจาก รุ่นพี่ -> รุ่นน้อง
• เทคนิคการสอนที่เหมาะกับผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละแบบ
• หลักการสอนแบบ “Give Give Give”
• การสอนแบบตัวต่อตัว (Man to Man) ที่จะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา “ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง”
• วิธีสอนผู้ใต้บังคับบัญชาพร้อม ๆ กันจำนวนมาก
ให้ระลึกเสมอว่า “เมื่อยืนอยู่เหนือคนอื่น = มีหน้าที่สอนผู้อยู่ข้างล่าง”
เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ใช่สมบัติของหัวหน้า แต่เป็นบุคลากรที่สำคัญของบริษัท
--------------------------------------------------------------------------------------
"สอนลูกน้องให้เก่งและเป็นงาน" เล่มนี้ เหมาะสำหรับหัวหน้าทั้งมือใหม่และเก่าที่กังวลใจว่าตัวเอง “สอนไม่เก่ง” หรือไม่ถนัดในเรื่อง “การสอน และสร้างคน”
ลองมาดูตัวอย่างในหนังสือที่กล่าวถึง "ประเภทของคนที่เราจะสอน" กันค่ะ
คงไม่มีใครที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคย “สอน” อะไรให้กับใคร ไม่ว่าจะสอนเพื่อนใช้คอมพิวเตอร์ สอนพ่อแม่ใช้โทรศัพท์มือถือ สอนลูกจับตะเกียบหรือขี่จักรยาน หรือสอนงานให้ลูกน้อง แต่ไม่ว่าจะสอนแบบใด เรื่องไหน ฐานะอะไร ก่อนจะสอนเราลองมาสังเกตกันดีกว่า ว่า “คนที่เราจะสอนน่ะ เป็นแบบไหนกันบ้าง ?”
แบบแรก คือ พวก “มือใหม่” พวกนี้สอนง่ายมาก เพราะเขาจะตั้งใจเรียนรู้เพื่อซึมซับสิ่งที่เราสอนให้ได้มากที่สุด แล้วยังทำตามอย่างว่าง่ายด้วยนะ เพราะเขาไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อนเลย และที่สำคัญ “ไม่มีอคติ” ในใจ อย่างเช่น พวกนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ไงล่ะ
แบบที่ 2 เป็นพวกที่ “เคยรู้หรือเคยทำ” มาบ้าง พวกนี้มักจะเอาสิ่งที่เราสอนไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่เคยได้ทำได้รู้มาแล้ว แล้วก็คิดว่า “ทำไมไม่สอนแบบนั้นแบบนี้ล่ะ” ถ้าเจอแบบนี้ ก็ต้องใช้ความอดทนในการสอนค่อนข้างมากเชียวล่ะ
แบบที่ 3 เป็นพวกที่ “มีความมั่นใจแบบไม่มีเหตุผล” รู้แต่ว่าฉันต้องทำได้ เพราะฉันเคยทำงานคล้าย ๆ แบบนี้แล้วประสบความสำเร็จมาก่อน อย่างเช่น พวกนักศึกษาที่เคยทำกิจกรรมหรืองานอีเว้นต์มาบ้าง จะไม่คอยฟังสิ่งที่เราสอน อย่างงี้เราต้องหยุดสอน แล้วให้เขาลองทำเลย เมื่อได้ผลงานออกมา ค่อยมาสอนกันอีกทีว่า เพราะไม่ฟังสิ่งที่สอนไง ผลก็เลยออกมาเป็นแบบนี้
แบบที่ 4 เป็นพวกที่ “ไม่มั่นใจ” และคิดไปก่อนว่าจะไม่สำเร็จ ก็เลยไม่กล้าลงมือทำ แบบนี้เราก็ต้องคอยประกบและช่วยสนับสนุนเขาอยู่ห่าง ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับเขา
แบบที่ 5 เป็นพวกที่ “อายุมากกว่า” เราก็ต้องสอนเขาอย่างนอบน้อม แล้วบอกว่าต้องรบกวนให้ช่วยเหลือด้วยนะคะ/ครับ ที่สำคัญ “ห้ามดุ” เขาอย่างเด็ดขาด เพราะเขาอาวุโสกว่าเรา
แบบที่ 6 เป็นพวกที่ “อายุน้อยกว่า” ต้องสอนเขาพร้อมกับดึงความสามารถที่เขามีอยู่ออกมา พร้อมกับยอมรับและชื่นชมเขาว่า “เก่งมาก ๆ จริง ๆ นะ” แล้วใช้สิ่งที่เขามีอยู่นั้นให้เป็นประโยชน์
แบบที่ 7 เป็นพวกที่ “ไม่อยากเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ” เพราะคิดไปว่าป่านนี้แล้ว หรือทำไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก อย่างงี้เราก็ต้องสร้างแรงจูงใจ หรือเปลี่ยนทัศนคติของเขาให้เป็นบวกก่อนที่จะสอน
แบบที่ 8 เป็นพวกที่ “ตั้งใจมากเกินไป” ต้องระวังไม่ให้เขาคาดหวังหรือตั้งใจกับสิ่งที่ทำมากเกินไป เพราะจะกลายเป็นความกดดันและทำให้เครียด ผลงานที่ออกมาก็อาจจะไม่ดีไป
ลองสังเกตดูนะว่าคนที่เราจะสอนเป็นคนแบบไหน จะได้สอนได้ถูกต้องและเหมาะกับเขา เมื่อสอนไปบ่อย ๆ เข้าเราก็จะกลายเป็น คนที่ “ถนัดสอน” ไปเอง !
=============================================================
เชิญแวะชมรายละเอียดหนังสือใหม่ของสำนักพิมพ์ ส.ส.ท. ได้ที่
//www.tpa.or.th/publisher/new_arrive.php
หนังสือเล่มอื่น ๆ ที่เนื้อหาใกล้เคียงกับ "สอนลูกน้องให้เก่งและเป็นงาน"
เปลี่ยนลูกน้องให้เปี่ยมแรงบันดาลใจ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=book4u&date=27-03-2012&group=1&gblog=97
คนเก่งสร้างได้ //www.tpabookcentre.com/catalog/product_info.php?products_id=2092
สอนเก่งสอนเป็น
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=book4u&date=08-04-2011&group=1&gblog=81