ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
29 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 
ทอย (32)

บัญชี รายรับ-รายจ่าย กับ นิยายแฟนตาซี สมุด กับ หนังสือ สองเล่มที่แตกต่าง ได้ถูกเปิดออกเกือบจะในเสี้ยววินาทีเดียวกัน โดยมนุษย์หมาป่าสองคน เพื่อวัตถุประสงค์ที่เป็นหนึ่งเดียว หากคิดถึงความน่าจะเป็นที่สองเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นได้อย่างคล้องจองกันเช่นนี้ คงต้องบอกว่ามีอยู่เพียงน้อยนิด จนแทบไม่ต่างจากเรื่องมหัศจรรย์ที่สร้างความงงงวยในทุกครั้งที่ได้ยินทั้งหลายเหล่านั้น

'มนุษย์หมาป่าทั้งสองต่างเอื้อมมือออกไปช้าๆ นิ้วมือสัมผัสเข้ากับหน้าปกเก่าแก่ ที่คล้ายกับจะเชื่อมโยงทั้งสองถึงกันผ่านทางห้วงมิติลี้ลับ รอคอยให้เสี้ยววินาทีแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึง แล้วทั้งคู่ก็พลิกเปิดพวกมันออก ในโมงยามสุดมหัศจรรย์ของห้วงจักรวาลทั้งมวล'

แต่บางทีมันอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ทั้งสองเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องต่อกันอย่างที่ถูกทำให้เข้าใจแบบในโจทย์ข้อแรก อันที่จริงแล้วมีองค์ประกอบต่างๆ มากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งเรื่องของการหายตัวไปของคุณครอส ที่ส่งผลให้เกิดการกระทำต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆ ที่ดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน หรือบางทีอาจนับย้อนกลับไปได้ไกลกว่านั้น เหตุการณ์ทั้งหมดต่างเป็นส่วนหนึ่งของเหตุปัจจัยที่โยงใยผลักดันให้เหตุการณ์ทั้งสองต้องเกิดขึ้น เพิ่มโอกาสแห่งความเป็นไปได้ให้มีมากขึ้น จนมันไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์อีกต่อไป

'มนุษย์หมาป่าทั้งสองต่างเอื้อมมือออกไปช้าๆ นิ้วมือสัมผัสเข้ากับหน้าปกเก่าแก่ และเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้ช่วยกันผลักดันให้ทุกสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องดำเนินมาจนถึงจุดนี้ แล้วทั้งคู่ก็พลิกเปิดพวกมันออกพร้อมกัน โดยไม่มีความมหัศจรรย์ใดใดซ่อนอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น'

“ชีวิตในมุมมองของแต่ละคนก็คล้ายกับเป็นนิยายเรื่องหนึ่ง” กู๊ดแมนเริ่มเรื่องของเขา “ไม่ใช่สิ เราต่างทำความเข้าใจทุกสิ่ง ทั้งภายนอก ภายในตัวเรา และจดจำชีวิตเอาไว้ในรูปแบบอย่างหนึ่ง ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาเป็นสิ่งที่เรียกกันในภายหลังว่าเป็น นิยาย นั่นเอง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ได้ถูกเรานำมาใส่ลงไปให้กลายเป็นเรื่องราวในชีวิต เหมือนกับบทบรรยายพวกนั้น ที่ไม่ควรมีมากเกินไปจนน่าเบื่อหน่าย และก็ไม่ควรน้อยเกินไป จนขาดความลึกของเรื่องราว ขาดความน่าสนใจ บางสิ่งที่ไม่จำเป็นจะถูกตัดออก หรือลืมเลือนไป บางสิ่งที่น่าประทับใจ จะถูกบรรยายอย่างละเอียดบรรจง บางครั้งดำเนินเรื่องอย่างตื่นเต้นรวดเร็ว บางคราวก็เนิบช้าตราตรึง เราทุกคนต่างมีความคิด ความทรงจำเป็นแบบนั้นโดยไม่เคยรู้ตัว”

เขาค่อยๆ พลิกหน้าหนังสือต่อไปอย่างช้าๆ

“ในขณะที่เราเติบโต ในขณะที่เราเรียนรู้สิ่งต่างๆ ผ่านทางความฉลาดภายนอก ซึ่งนอกเหนือไปจากสิ่งที่ธรรมชาติได้มอบให้กับเราแต่ละคน” คุณนายวิกเซ่นเริ่มเรื่องของนาง “ตัวเลขพวกนี้ก็จะเริ่มเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเราอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าเราจะทำอะไร ไม่ว่าเราจะสนใจหรือไม่ แต่พวกมันจะซุกซ่อนอยู่ลึกลงไปภายในจิตใจของเราเสมอ ไม่เคยหนีหายไปไหน ตัวเลขถูกนำมาใช้เป็นตัวชี้วัด ความสุข ความสบาย ความสำเร็จ และอะไรต่างๆ อีกมากมาย ตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ตัวเลขที่ลดลง พวกมันพากันเบียดแทรกเข้ามาภายในความคิด ในชีวิตของเรา”

นางพลิกหน้าสมุดไปช้าๆ ตัวเลขเหล่านั้นก็คล้ายพากันลุกขึ้นเต้นระบำไปมาอยู่บนหน้ากระดาษ

“แต่ละคนต่างก็แต่งนิยายของตนเองขึ้นมา แต่ละคนต่างก็โลดแล่นอยู่ในเรื่องราวที่ต่างออกไป ครั้งหนึ่งนิยายของเราเคยเขียนอยู่บนโลกที่เป็นแผ่นแบนราบ เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ เป็นศูนย์กลางของจักรวาลทั้งมวล และแม้แต่ในทุกวันนี้ โลกของใครบางคนก็อาจยังคงเป็นแผ่นแบนราบอยู่เช่นเดิม อาจกลายเป็นทรงกลมเหมือนลูกบอล หรืออาจเป็นทรงแป้นเหมือนผลส้ม นั่นเป็นฉากหลังไกลๆ ในนิยายของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป”

'โลกก็ต้องกลมสิ' โฮมคิด ในขณะที่วสันต์กลับคิดถึงโลกที่เป็นทรงรีเหมือนกับผลส้ม แต่ที่ทั้งสองไม่รู้สึกเหมือนๆ กันก็คือรอบๆ ตัวของพวกเขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น

“ตัวเลขได้กลายมาเป็นทุกสิ่ง ทั้งที่โดยตัวของมันเองนั้น ไม่ได้มีคุณค่าใดๆ เลย มันไม่มีตัวตนด้วยซ้ำไป เราสร้างมันขึ้นมา และมันก็ได้กลายมาเป็นความต้องการของเรา เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เราได้สร้าง สิ่งแวดล้อมชนิดใหม่ ขึ้นบนโลกใบนี้ สิ่งแวดล้อมมายาที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นใดจะสัมผัสถึงความมีตัวตนอยู่ของมันได้นอกจากมนุษย์เท่านั้น และตัวเลขคือสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับการมีชีวิตรอดอยู่ในสิ่งแวดล้อมประหลาดนี้”

ทอยไม่อาจละสายตาจากตัวเลขบนหน้ากระกาษที่กำลังเต้นรำเหล่านั้น โดยเฉพาะเลขศูนย์กับเลขหนึ่ง ทั้งคู่ต่างมีความดึงดูดที่พิเศษพิศดาร เปิด ปิด เปิด ปิด คือสิ่งที่พวกมันทำ 0 1 0 1 ราวกับว่านั่นคือทุกสิ่งที่จักรวาลแห่งนี้เป็นอยู่

สโนวเองก็ลืมเลือนเสียงทั้งเจ็ดที่อยู่ภายในหัวของตนเองไปชั่วครู่ ลืมไปว่าทุกคนในนั้นต่างกำลังส่งเสียงกรีดร้องพร้อมกับวิ่งวนไปมาอย่างหวาดกลัว

“ใครบางคนอาจคิดว่านิยายนั้นต่างจากชีวิตจริง แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ ในนิยาย ผู้แต่งมีหน้าที่คอยผูกเงื่อนปมต่างๆ ใส่ลงไป ไม่เหมือนกับในชีวิตจริงที่ทุกสิ่งต่างเกิดขึ้นอย่างวุ่นวายสับสน คำถามก็คือ ผู้แต่งสามารถควบคุมทุกสิ่งเอาไว้ได้จริงหรือ ในมุมมองของผม มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป มันอาจควบคุมได้ในบางส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มันจะดำเนินไป อย่างที่มันควรเป็น มันอาจฟังดูแปลก แต่มันก็เหมือนกับในชีวิตจริง คุณอาจจงใจเขียนเรื่องให้ต่างออกไป แต่คนอ่านจะรู้สึกได้ ว่ามันไม่ควรเป็นแบบนั้น มันจะไม่ใช่นิยายที่ดี ถ้าคุณไม่สามารถรู้สึกถึงชีวิตภายในนั้น ในเมื่อชีวิตก็คือนิยาย แล้วจากนิยายนั้นก็ได้สร้างนิยายอีกเรื่องขึ้นมา พวกมันคือกระจกวิเศษ กระจกเงาสองบานที่หันหน้าเข้าหากัน เมื่อคุณเข้าไปยืนอยู่ตรงกึ่งกลาง ก็จะเกิดเป็นภาพสะท้อนที่ไม่สิ้นสุด”

คำพูดเหล่านี้ดึงดูดความสนใจของโฮมมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าในนิยายเองก็มีสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม และผูกโยงเข้าหากันในภายหลังเหมือนกับอาชญากรรมในชีวิตจริงได้เช่นกัน ในขณะที่วสันต์กลับเริ่มรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติรอบๆ ตัว แต่เธอก็ไม่อาจดิ้นหลุดจากแรงดึงดูดที่เพิ่มมากขึ้นจากการเล่าเรื่องได้

กู๊ดแมนรู้เรื่องพวกนี้จากการทำงานของเขาเอง จากเหตุการณ์เล็กๆ ตรงนั้น คำบรรยายสั้นๆ ตรงนี้ รายละเอียดที่ไม่สำคัญบางอย่าง เรื่องราวที่บางครั้งแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเขียนลงไปทำไม แต่แล้วทันใดนั้น เมื่อเรื่องทั้งหมดดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง มันก็ชัดเจนขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าตัวเองรู้เรื่องนี้โดยไม่รู้ตัวในระหว่างที่เขียน หรือเป็นเพราะสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เขียนลงไปก่อนหน้าได้ผลักดันจนกลายเป็นเรื่องราวสำคัญนี้ขึ้นมาในที่สุด

ผู้แต่งเป็นคนที่ผูกเรื่อง หรือเรื่องราวต่างหากที่ผูกตัวมันเองขึ้นมา มีบางสิ่งที่คอยกำหนดชีวิต หรือเป็นเพราะเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่ใส่ใจพวกนั้นต่างหากที่ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น

“ในสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ สิ่งที่จำเป็นต่อการมีชีวิตนั้นเป็นความต้องการที่มีขีดจำกัด ทุกสิ่งต่างเชื่อมโยงกันเป็นข่ายใยที่สลับซับซ้อน มีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน ก็เปราะบางอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในสิ่งแวดล้อมมายาที่ถูกสร้างขึ้นจากตัวเลขนั้น มันเป็นความต้องการอันไม่สิ้นสุดที่ลากดึงทุกสิ่งให้ติดตามไป มันเป็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา เหมือนกับตัวเลขที่ไม่เคยมี จำนวนที่มากที่สุด หรือจำนวนสุดท้าย”

คุณนายวิกเซ่นพลันนึกถึงภาพของตัวเองขึ้นมา ตัวนางที่ติดอยู่กับตัวเลขต่างๆ เหล่านั้นเช่นกัน อาจจะมากกว่าคนอื่นเสียด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่านางจะรู้เรื่องพวกนี้ มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรแตกต่างไปจากเดิมเลย

หน้ากระดาษเริ่มพลิกเปิดอย่างรวดเร็วราวกับโดนลมแรงพัด มองดูคล้ายกับมันสามารถหมุนวนเป็นวงกลม และตัวเลขพวกนั้นก็เช่นกัน

'ภายในตัวฉันเองก็มีความต้องการแบบนั้นอยู่ด้วย' ทั้งทอย และสโนวต่างก็คิดขึ้นพร้อมกัน เขาอยากเลิกเป็นมือสังหาร อยากได้ทำงานในร้านของเล่น ถึงแม้พวกมันจะดูเหมือนว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเลขในครั้งแรก แต่เมื่อมองให้ลึกลงไป เขาก็เห็นความเชื่อมโยงที่ซับซ้อนบางอย่างกับสิ่งแวดล้อมมายาซึ่งเกิดจากตัวเลขที่นางพูดถึง

สโนวเองก็มีความต้องการบางอย่างที่อาจไม่แตกต่างไปจากทอย รวมไปถึงความต้องการที่จะจับกุมคนร้ายของโฮม ความต้องการที่จะติดตามหาตัวบุตรชายของแซนแมนให้พบของวสันต์ ทั้งหมดดูเหมือนแตกต่าง ทั้งหมดดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน ความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง อารมณ์ ความปรารถนา และอีกมากมายล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมมายาที่มนุษย์สร้างขึ้นในสังคมของพวกเขาเองทั้งสิ้น

“นิยายจากผู้คนทั้งหมดที่แตกต่าง ผสมผสานรวมกันเข้าจนกลายเป็นจักรวาลแห่งนี้ขึ้นมา จักรวาลที่อาจแตกต่างจากจักรวาลในความเป็นจริง...ถ้าเราจะสามารถบอกได้ว่า ความเป็นจริง นั้นเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ได้แต่คิดถึงมันในรูปแบบของเรื่องราว เป็น ความเป็นจริงในนิยายของแต่ละคนอยู่นั่นเอง”

แรงดึงดูดจากเรื่องเล่าของกู๊ดแมนทวีความเข้มข้นขึ้นอย่างยิ่งยวด ในขณะที่จำนวนตัวเลขบนหน้ากระดาษของคุณนายวิกเซ่นก็เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วจนกระทั่งมาถึงจำนวนตัวเลขหนึ่งที่อาจมีความสำคัญบางประการ มันเป็นชุดของตัวเลข 299 792 458 299 792 458 299 792 458... ซ้ำกันไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด

แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือสภาพแวดล้อมของทั้งสองกลุ่ม พวกมันต่างค่อยๆ มืดมิดลงเรื่อยๆ ราวกับว่าแสงสว่างที่อยู่ภายในบริเวณนั้นกำลังค่อยๆ ถูกดูดหายไปด้วยแรงดึงดูดของนิยาย ด้วยความเร็วของจำนวนตัวเลขเหล่านั้น

'อันตราย' เสียงจากภายในของทอยร้องเตือนในเสี้ยววินาทีสุดท้าย วสันต์เองก็คิดว่าเธอจำเป็นต้องลงมือทำอะไรบางอย่าง แต่ทั้งคู่ต่างไม่อาจเคลื่อนไหวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับแรงดึงดูดที่มากมายมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ

'พรึบ'

ไม้ขีดไฟในมือของมนุษย์หมาป่าทั้งสองต่างถูกจุดขึ้น แสงสว่างดวงน้อยวาบวับแล้วดับสูญ ในห้องทั้งสองต่างไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง นอกจากว่าตอนนี้มันกลายเป็นห้องที่ว่างเปล่าไร้ผู้คนเสียแล้ว

#####

'เที่ยงคืนหรือยังนะ'

แอนตี้ ไจแอน แจ็ค ยอดนักสำรวจนอนพลิกกายไปมาอย่างกระสับกระส่ายอยู่ภายในถุงนอนใบเก่าของตน ส่วนหนึ่งนั้นคงเป็นเพราะสภาพอากาศข้างนอก หิมะยังคงโปรยปรายลงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มีโอกาสเพียงน้อยนิดที่ในวันพรุ่งนี้เขาจะสามารถทำอะไรได้ และที่ร้ายไปกว่านั้น เขาอาจต้องติดอยู่ภายในนี้จนกว่าสภาพอากาศจะดีขึ้นก็เป็นได้

'และบางที มันอาจจะไม่ดีขึ้นอีกเลยก็เป็นได้'

มันเป็นความกังวลที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่เขาคิดว่าตนเองสามารถรู้สึกถึงมัน ความหายนะเก่าแก่ที่แฝงตัวอยู่ตามซากโบราณสถานต่างๆ ที่เขาเคยเข้าไปขุดค้น สิ่งที่เคยทำลายล้างอารยธรรมอันรุ่งเรือง หรือบางทีอาจเป็นรูปแบบชีวิตที่เคยรุ่งเรืองก่อนหน้ามนุษย์ด้วยก็เป็นได้ มันอาจเกิดซ้ำมาแล้วหลายรอบก็เป็นได้ เขาคิดว่ามีกลิ่นไอเจือจางของมันปะปนอยู่กับหิมะประหลาดซึ่งตกไม่ยอมหยุดพวกนั้น

ความกังวลส่วนที่เหลือเกิดจากท่าทางแปลกๆ ของลูกหาบที่ชื่อทศคนนั้น ตั้งแต่ที่เขาได้ค้นพบภาพสลักประหลาดที่ด้านใน ภาพของเทพีซึ่งถูกห้อมล้อมไปด้วยสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ปัจจัยสี่ไปจนถึงสิ่งที่เขาไม่อาจระบุได้ ทศหวาดกลัวภาพนั้น ไม่ต้องการให้เขาเข้าใกล้ ไม่ต้องการให้เขาศึกษามัน

ทศไม่กล้าแม้แต่จะบอกนามของเทพีองค์นี้ให้เขาได้รับรู้

'ซึ่งอาจจะไม่ใช่ชื่ออันแท้จริงของนางก็เป็นได้' เรื่องนี้เขารู้ดี เมื่อเทพีองค์หนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้น นางอาจมีชื่อหนึ่ง เป็นตัวแทนของบางสิ่งในชุมชนหนึ่ง แล้ววันเวลาก็ผ่านไป สังคมเปลี่ยนไป วัฒนธรรมเปลี่ยนไป การเดินทาง สงคราม ความเชื่อ นางจะถูกเปลี่ยนจากชื่อหนึ่งสู่อีกชื่อหนึ่ง จากหน้าที่หนึ่งสู่อีกหน้าที่หนึ่ง จากเรื่องราวหนึ่งไปสู่อีกเรื่องราวหนึ่ง ชื่อที่ทศรู้จักจึงอาจไม่ใช่นามอันแท้จริงของนาง

นามที่แท้จริงนั้นมีอำนาจ ทุกสิ่งที่ถูกเรียกในครั้งแรกต่างตอบสนองต่อชื่อนั้น และเขาก็ได้ค้นพบบางสิ่งในภาพสลักที่ไม่ได้บอกให้ทศรู้ สิ่งที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นนามอันแท้จริงของเทพีที่ถูกลืม มันเป็นตัวอักษรภาษาในยุคเริ่มแรก อักษรภาพที่ถูกซุกซ่อนปะปนอยู่กับข้าวของต่างๆ ที่เป็นเหมือนกับรัศมีที่ล้อมรอบตัวนางเอาไว้

เขาไม่รู้จักการออกเสียงที่แท้จริงของมัน แต่เขารู้จักการออกเสียงจากอักษรภาพที่มีอายุเก่าแก่น้อยกว่า ภาษาในยุคเริ่มต้นนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ และมันอาจจะอ่านออกเสียงแทบไม่แตกต่างกันเลยก็เป็นได้

ในทุกครั้งที่เขานึกถึงชื่อนั้น มันก็จะคอยชักชวนให้เขากล่าวมันออกมาด้วยเสียงอันดัง ความรู้สึกดึงดูดนี้มีมากขึ้น และมากขึ้นทุกทีอย่างประหลาด

เขายังรู้สึกได้ถึงความวิตกของทศ ความกังวลที่ทศมีต่อหิมะ มีต่อภาพสลัก และที่สำคัญ อาจมีกับตัวเขาเอง เขารู้สึกว่าตนเองกำลังถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา มีบางสิ่งยุ่งยากที่ทำให้ทศลำบากใจ และแจ็คไม่อยากคิดเลยว่า มันอาจเป็นตัวเขา


Create Date : 29 มีนาคม 2557
Last Update : 29 มีนาคม 2557 20:08:18 น. 2 comments
Counter : 796 Pageviews.

 
ภาษาการบรรยายเยี่ยมมากเลยครับ ยอดเลย


โดย: jsoc วันที่: 3 เมษายน 2557 เวลา:15:32:43 น.  

 
ขอบคุณครับ คุณ jsoc


โดย: zoi วันที่: 7 เมษายน 2557 เวลา:21:23:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.