ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
21 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
ทอย (55)

ทอยพยายามฝืนตัวเองไว้ไม่ให้เหลียวมองกลับไปทางด้านหลัง นอกจากที่จะพยายามสำรวจสภาพแวดล้อมแห่งใหม่อย่างรวดเร็ว เขาเกลียดการเดินทางผ่านโลกความฝัน เกลียดการที่ต้องย้ายเข้าไปอยู่ภายในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยอย่างฉับพลัน เพราะมันไม่ปลอดภัย ไม่มีทางเลยที่ใครจะปลอดภัยอยู่ได้ถ้าไม่รู้จักสภาพรอบตัวเอง แต่คนส่วนใหญ่กลับใช้ชีวิตพร้อมกับละเลยพวกมันไปอย่างน่ากลัว

'ไม่มีใครแอบอยู่ข้างหลังทั้งนั้น'

เขาไม่อาจสลัดความรู้สึกแปลกๆ นั้นทิ้งไปได้ ความรู้สึกที่ว่าตนเองกำลังถูกเฝ้ามองนี้เกิดขึ้นเมื่อเขาได้ทำการ ก้าวถอยหลัง เป็นครั้งแรก และยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อเขาทำมันอีกครั้งในการต่อสู้กับอาลีบาบาหัวหน้าโจรสี่สิบคนนั้น มันเป็นความรู้สึกที่คอยรบกวนจิตใจเขาเรื่อยมา จนทำให้เขาทำตัวเงียบไปนับตั้งแต่นั้น

สถานที่ใหม่แห่งนี้เป็นพื้นที่แคบๆ เหมือนกับภายในถ้ำที่พวกเขาเคยอยู่ก่อนหน้า แต่แตกต่างกันที่ทั้งพื้น ผนัง และเพดาน นั้นราบเรียบไร้รอยต่อ มันต้องเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำด้วยวัสดุชนิดใดกันแน่ ภายในพื้นที่ปิดรูปทรงสี่เหลี่ยมนี้มีแสงสว่างจางๆ คล้ายกับในยามเช้า แสงที่ไม่รู้ที่มานอกจากจะบอกว่าพวกมันทะลุผ่าน หรือไม่ก็ส่องสว่างออกมาจากในกำแพงทั้งหมดโดยที่ไม่ก่อให้เกิดความร้อนขึ้น

“นี่เป็นสถานที่ที่คุณบอกหรือ คุณกู๊ดแมน มิติที่อยู่เหนือความเข้าใจของเรา” โฮมพูดขึ้นเบาๆ และทอยแปลกใจที่เขาไม่ได้ยินเสียงสะท้อนเลยสักนิด “...ผมคิดว่าเราถูกจับยัดใส่เข้ามาในกล่องมากกว่า” โฮมสรุปซึ่งตรงกับความคิดของอีกหลายคน

“ไม่ใช่”

กู๊ดแมนตอบโต้พร้อมกับดมไปรอบๆ ยังคงมีร่องรอยของแซนแมนกับสาวน้อยหมวกแดงตกค้างอยู่อย่างเด่นชัดภายในสถานที่แห่งนี้ แต่เส้นทางที่ใช้ในการเดินทางต่อไปนั้นต่างหากที่ทำให้เขาต้องงงงวย 'กลิ่นมันเป็นแบบนั้นได้อย่างไร' เขาไม่เคยพบเจอเส้นทางของกลิ่นแบบนี้มาก่อน เขาหันไปสบตากับคุณนายวิกเซ่น ซึ่งคิ้วที่ขมวดเป็นปมของนางก็บ่งบอกถึงความแปลกใจที่คงไม่ต่างจากตัวเขาเช่นกัน

“...เรายังไปไม่ถึงที่นั่นกัน” กู๊ดแมนรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องตรงมาทางเขา โดยเฉพาะสายตาที่ร้อนแรงของสารวัตรโฮม “แต่เราก็ไม่ได้หลงเสียทีเดียว เรามาถูกทางแล้ว แต่ก็อย่างที่ผมบอก ดูเหมือนว่าถึงแม้จะรวมพลังของพวกเราทั้งสองเข้าด้วยกันแล้ว ก็ยังไม่เพียงพอที่จะก้าวข้ามไปยังมิติแห่งนั้นได้อยู่ดี”

ความเงียบพลันเข้ายึดครองพื้นที่สี่เหลี่ยมนั้น

“...ถ้าอย่างนั้น พวกเราย้อนกลับไปที่มหานครก่อนดีไหม เอ่อ เรายังย้อนกลับไปได้ใช่ไหม” ข้อเสนอของวสันต์ทำลายความเงียบขึ้นเป็นคนแรก

“ไม่” สโนวกับโฮมแทบจะประสานกันเป็นเสียงเดียว

“ฉันจะไม่กลับไปถ้าไม่มีคุณครอส” สโนวว่า

“เราจะไม่กลับถ้ายังจับตัวสาวน้อยหมวกแดงคนนั้นไม่ได้” โฮมบอก
มนุษย์หมาป่าทั้งสองได้แต่มองหน้ากัน เพราะทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าคงไม่อาจติดตามร่องรอยต่อไปได้อีกแล้ว ทั้งคู่มาไกลจนเกินกว่าที่จะมีใครเคยทำได้ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมเข้าใจ ยอมรับในเรื่องนี้

ทอยยื่นมือออกไปลูบกำแพงอย่างระวัง พวกมันให้ความรู้สึกที่อ่อนนุ่มเล็กน้อย ไม่เย็นเหมือนกับโลหะ หรือแก้ว แต่ก็มีพื้นผิวที่ราบเรียบจนเกินกว่าที่จะเป็นสิ่งทอ พวกมันแปลกประหลาดจนยากที่จะเชื่อได้ว่าเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ แต่จะมีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นใดอีกที่จะสามารถสร้างสิ่งก่อสร้างแบบนี้ขึ้นได้

ความรู้สึกที่เหมือนกับกำลังถูกเฝ้ามองนั้นยิ่งชัดเจน บางครั้งมันก็ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างประหลาด คุ้นเคยจนเขาอยากที่จะเชื่อว่ากำลังถูกปู่แจ็คจอมเสียบของเขาเฝ้าติดตามดูอยู่ แต่มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ถึงแม้ว่าปู่ของเขานั้นจะแสนร้ายกาจ เป็นผู้ใช้มีดที่เหนือล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์อันยาวนานของเหล่ามือสังหารก็ตาม

“ผมอยากเห็นข้างนอกจัง”

ทอยรีบถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของแสงที่ส่องออกมาจากในผนัง กำแพง และแม้แต่บนพื้นซึ่งทั้งหมดยืนอยู่อย่างฉับพลัน พวกมันมืดลงในตอนแรกก่อนถูกกลืนหายไปในความมืดสลัวนั้น ไกลออกไปทางด้านบนส่วนที่ควรจะเป็นท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยจุดแสงหลากสี ที่กระพริบพรายอยู่บนฉากหลังซึ่งส่วนใหญ่เป็นความมืดมิด คล้ายกับเป็นดวงดาวในค่ำคืนเดือนมืดแต่มากมายสวยงามยิ่งกว่านั้น ส่วนด้านล่างที่ควรจะเป็นพื้นนั้นมองเห็นบางสิ่งที่คล้ายกับหมู่เมฆล่องลอยอยู่ต่ำลงไป กับบางส่วนของสิ่งก่อสร้างที่คล้ายกับเป็นเสาโลหะขนาดใหญ่ยื่นทะลุขึ้นมา ไกลออกไปนั้นดูเหมือนจะมีเสาแบบเดียวกันอยู่อีกเป็นจำนวนมาก สิ่งที่เหมือนกับเมฆนั้นแยกตัวออกในบางพื้นที่เผยให้เห็นบางสิ่งที่มีสีฟ้า และเขียวที่ดูราวกับเป็นผืนป่ากับท้องทะเลกว้างเมื่อมองลงมาจากยอดเขาสูง

วสันต์กับคุณนายวิกเซ่นต่างกรีดร้องออกมาเกือบจะพร้อมกัน ในขณะที่ทั้งหมดรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังร่วงหล่นลงจากความสูงที่เหนือจินตนาการ ณ ขอบโค้งของบางสิ่งที่มีขนาดใหญ่ไกลออกตรงสุดสายตาทางเบื้องล่างพลันปรากฎแสงสว่างเรืองขึ้นพรัอมกับขอบของลูกไฟสีส้มเข้มค่อยๆ โผล่พ้นออกมาอย่างช้าๆ

“ปิดได้แล้ว” เสียงของ คิง ปริ้น ดังขึ้นอีกครั้ง แล้วภาพทั้งหมดก็หายวับไป เหลือไว้แต่กำแพงของห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กเหมือนเมื่อก่อนหน้า ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่าเด็กชายได้ติดตามคณะเดินทางมาด้วยตั้งแต่เมื่อใด

“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ พวกคุณคงไม่คุ้นเคยกับของพวกนี้” รูปกายภายนอกของเด็กชายเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้เขาดูภูมิฐาน สง่างาม แตกต่างจากเด็กชายที่ชอบเอาแต่กินคนเดิมราวกับเป็นคนละคน

“ผมคิดว่าเราอาจกำลังอยู่ในสถานีอวกาศ ไม่ใช่สิ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของลิฟท์อวกาศมากกว่า และน่าจะอยู่บนระดับความสูงที่เกินกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตรจากพื้นโลก หรือที่เรียกว่าเส้นคาร์มัน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้เป็นขอบเขตที่แบ่งแยกระหว่างการบินภายในโลก กับการบินในอวกาศ...”
แล้วเขาก็ได้เห็นใบหน้าที่ว่างเปล่าของแต่ละคน และนึกถึงสิ่งที่แซนแมนคนก่อนเคยบอกกับเขา มันเป็นการเสียเวลาไปเปล่าๆ ที่จะพยายามอธิบายบางเรื่องให้กับคนที่ไม่มีวันจะเข้าใจฟัง โลกของพวกคนเหล่านั้นล้วนแตกต่างกันไป พวกเขาล้วนไม่มีความสำคัญกับแซนแมน จึงไม่ควรจะไปใส่ใจให้มากนัก

“...ช่างมันเถอะ” เขาตัดบท

ทอยค่อนข้างแน่ใจว่าเด็กชายที่เปลี่ยนไปคนนี้ไม่ได้เดินทางมาพร้อมกับพวกเขาตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงมีคำตอบได้อีกเพียงอย่างเดียวก็คือ เขามีความสามารถมากพอที่จะติดตามมาที่นี่ได้ด้วยตัวเอง บิดาของเขา แซนแมน คิง ได้ถูกจับตัวไปแล้ว ตอนนี้จึงเหลือเพียง แซนแมน ปริ้น ผู้นี้เท่านั้น

ทอยคิดว่าตนเองพอที่จะคาดเดาแผนที่แท้จริงของแซนแมนผู้พ่อนั้นออกแล้ว แซนแมนเป็นผู้ที่ดูเหมือนจะไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาทั้งสิ้น ดังนั้นมนุษย์หมาป่าทั้งสองจึงไม่น่าจะใช่คนที่ถูกหมายตาเอาไว้ตั้งแต่แรก แซนแมนจะมีได้เพียงหนึ่งเดียว ดังนั้นเมื่อแซนแมนคนปัจจุบันจากไป 'มันก็หมายความว่า'

“ผมไม่ควรทำแบบนี้ เพราะหากเขากลับมาเมื่อไร ผมก็จะไม่ใช่ แซนแมน อีกต่อไป เขาสอนผมแบบนั้น เขาเป็นพ่อแบบนั้น”

เขาพูดออกไปทั้งๆ ที่รู้ว่าคนอื่นคงไม่เข้าใจ เขาไม่ได้กลายมาเป็นแซนแมนแบบที่พ่อต้องการ และอันที่จริงแล้วพ่อก็ไม่ได้เป็นแซนแมนแบบที่เขาบอก พ่อยังคงเป็นห่วงเขา พยายามที่จะติดตามหาเขาทั้งๆ ที่เคยบอกไว้ว่าจะไม่ยอมทำอย่างเด็ดขาด และสุดท้ายพ่อยังนำสิ่งที่อาจจะเป็นอันตราย นำสาวน้อยหมวกแดงคนนั้นให้พ้นไปจากเขา อีกอย่างหนึ่งพ่อเองก็ใส่ใจกับคนพวกนี้ไม่เหมือนกับที่พ่อเคยพูด หรืออย่างน้อยเขาก็เห็นท่าทีที่พ่อมีให้กับผู้หญิงที่ชื่อวสันต์คนนั้น

แซนแมนไม่ได้ไร้หัวใจเหมือนอย่างที่พ่อคอยตอกย้ำกับเขาเรื่อยมา

แซนแมนคนปัจจุบันออกคำสั่งอีกครั้ง “ผมต้องการเชื่อมต่อกับระบบไกอาเน็ต” เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าความรู้ ความเข้าใจทั้งหมดนี้ผุดขึ้นมาจากที่ใดในสมองของเขา บางทีอาจเป็นสมองที่เป็นส่วนของแซนแมนก็เป็นได้

“ปฏิเสธ” เสียงของผู้หญิงที่นุ่มนวลแต่ไร้อารมณ์ดังขึ้น “คุณไม่สิทธิ์ในการเข้าถึง”

แซนแมนขมวดคิ้ว “ขอสิทธิ์การเข้าถึงระดับซุปเปอร์ยูสเซอร์”

“ปฏิเสธ คุณไม่มี...”

“รหัสผ่านคือ...” เขานึกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะยิ้ม “...แซนแมน”

“รหัสผ่านไม่ถูกต้อง คุณไม่มี...”

“พอได้แล้ว” ร่างของเขาพลันยกตัวลอยขึ้นกลางอากาศ ชุดทรายที่สวมใส่อยู่นั้นพัดพลิ้วราวกับกำลังเกิดลมพายุคลั่ง กลายเป็นดั่งเนินทรายนับพันนับหมื่นกลางทะเลทรายเวิ้งว้างที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างอยู่ตลอดเวลา ทุกคนต่างเฝ้าดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ไม่มีใครสักคนที่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

“ข้าคือแซนแมน” เขาประกาศก้อง

ความเงียบที่เกิดขึ้นติดตามมาถูกทำลายลงด้วยเสียงของผู้หญิงคนเดิม “รหัสผ่าน...ถูกต้อง อนุญาตการเข้าถึงระดับซุปเปอร์ยูสเซอร์” เสียงนั้นยังคงไร้อารมณ์อยู่เช่นเดิม

“ลิฟท์อวกาศแห่ง กรุงเทพมหานคร ยินดีต้อนรับ”

คำว่า มหานคร ที่มีคำนำหน้าแปลกๆ นั้นสร้างความสนใจให้กับพวกเขาได้ไม่น้อย แต่ก็ยังคงไม่มีใครเข้าใจอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น

“แต่เดิมสถานที่แห่งนี้ไม่เคยหยุดนิ่ง พวกมันมีการเคลื่อนที่ขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา มีผู้คนมากมายจากไป และย้อนกลับมาเสมอ แต่มันได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว”

พื้นส่วนหนึ่งที่ด้านหน้าของแซนแมนพลันยกตัวสูงขึ้นถึงระดับหน้าอก เขายื่นมือออกไปข้างหน้าเพื่อสัมผัส มันมองดูคล้ายเป็นส่วนควบคุมของอะไรบางอย่าง

“ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าพิศวง ผู้คนมากมายยังคงอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ยังคงป้อนพลังงานให้กับ ไกอาเน็ต อยู่ตลอดเวลา จานแสงที่ใช้ในการเก็บข้อมูลซึ่งทวีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดก็แทบจะไร้ขีดจำกัด ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในนั้นต่างไม่รู้ตัวกันเลยสักนิด”

“...เอ่อ...เธอพูดเรื่องอะไรกัน” วสันต์ตัดสินใจเอ่ยถาม โดยไม่แน่ใจว่าควรจะพูดกับเขาในสถานะใดดี

“พวกคุณไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนี้ เพราะพวกคุณไม่มีทางที่จะเข้าใจอยู่แล้ว” โฮมคิดว่าเขาเริ่มที่จะไม่ชอบหน้าเด็กชายคนนี้เหมือนกับที่ไม่ชอบหน้าแซนแมนคนพ่อขึ้นมาแล้ว “เอาแค่ว่า พวกคุณยังอยากที่จะติดตามสาวน้อยหมวกแดงคนนั้นไปหรือไม่”

ทั้งหมดหันไปพยักหน้าให้กัน ก่อนที่โฮมจะเป็นตัวแทนในการตอบ “แน่นอน”

“ดี” แซนแมนขยับนิ้วไปมาบนแท่นตรงหน้าอย่างรวดเร็ว “ผมจะส่งพวกคุณไปที่นั่น สถานที่ที่ไม่มีตัวตน ไม่เคยมี และไม่อาจจะมีอย่างที่คุณกู๊ดแมนเคยว่าไว้” เขาทำตาลอย พร้อมกับกัดริมฝีปากล่างอย่างใช้ความคิด “ผมไม่รู้ว่าพวกคุณจะเอาชนะเธอ ผมหมายถึงสาวน้อยหมวกแดงคนนั้นได้อย่างไร ผมอยากจะให้คำแนะนำบางอย่าง แต่...ที่จริงแล้วไม่มีอะไรที่จะสามารถเอาชนะเธอได้เลย”

โฮมคิดว่ามันเป็นคำแนะนำที่แย่ที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา แต่เขาคิดผิดเพราะยังมีคำพูดต่อจากนั้น

“ที่สำคัญ ผมไม่มั่นใจว่าจะพาพวกคุณกลับมาได้หรือไม่” เขาพูดราวกับมันเป็นเพียงเรื่องธรรมดา “พวกคุณยังอยากที่จะข้ามไปอีกไหม”

ถึงตอนนี้จึงจำเป็นต้องมีการปรึกษากันเกิดขึ้น

“ฉันจะไป” สโนวยังคงยืนยันเช่นเดิม

“คุณทอย คุณต้องไปกับพวกเรา“ โฮมบอกแกมบังคับ “ส่วนวสันต์ คุณต้องรอผมอยู่ที่นี่” เขายืนยันอย่างหนักแน่น โดยไม่ยอมฟังเหตุผลของเธอ

“ผมไม่ยอมไปแน่ ไม่ใช่ว่าผมกลัวหรืออะไรหรอกนะ” เขาเผลอมองไปทางคุณนายวิกเซ่นโดยไม่รู้ตัว “แต่มันไม่ใช่...เขตแดนของผม อะไรประมาณนั้น และพวกคุณก็บังคับผมไม่ได้ด้วย คุณตำรวจ ผมช่วยพวกคุณมามากแล้ว ผมเสียใจ”

“...ฉันก็เสียใจ เซฟ ฉันคงไม่ไปเหมือนกัน” นางบอกกับสโนว “คุณทอย คุณต้องระวังตัวให้มาก” นางบอกทอยอย่างห่วงใย “สารวัตรโฮม คุณเองก็ด้วย”

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเราก็ตกลงกันตามนี้” โฮมรีบสรุป “และผมไม่อยากที่จะพูดแบบนี้เลย แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับทีมสามคนของพวกเรา” เขาหันไปทางวสันต์ “คุณ ผู้ช่วยวสันต์ มีหน้าที่ที่จะต้องรีบกลับไปรายงานให้ท่านผู้ว่ารับทราบ และพวกคุณทั้งสองคน” เขาหมายถึงพวกมนุษย์หมาป่า “มีหน้าที่...ไม่ ผมหมายถึง ผมขอร้องให้พวกคุณช่วยพาเธอกลับไป ดูแลเธอให้ปลอดภัยด้วย”

“ดูเหมือนว่าจะตกลงกันได้แล้วสินะ” แซนแมนถาม “พร้อมจะไปกันแล้วใช่ไหม”

ทั้งสามคนขยับออกมาข้างหน้าพร้อมกับพยักหน้า

“ดี ถ้าอย่างนั้น...” ชั่วขณะนั้นคล้ายกับเขาจะกลับไปเป็นเด็กชายคนเดิมอีกครั้ง “ช่วยพ่อของผมกลับมาด้วยนะครับ” นิ้วของแซนแมนแตะลงบนแป้นควบคุมพร้อมกับออกคำสั่ง

“ส่งทั้งสามคนเข้าไปในไกอาเน็ต”


Create Date : 21 กันยายน 2557
Last Update : 21 กันยายน 2557 19:53:05 น. 0 comments
Counter : 494 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.