ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
29 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
ทอย (43)

งานเทศกาลนั้นก็คงมีความคล้ายคลึงกันในทุกที่ ทุกเวลา สถานที่จัดงานในครั้งนี้เป็นลานกว้างของหมู่บ้าน ตรงกลางลานมีกองท่อนไม้ขนาดใหญ่ถูกจัดเตรียมรอไว้สำหรับใช้จุดเป็นกองไฟในยามราตรีที่กำลังจะมาถึง เหล่าผู้คนที่รู้จักคุ้นเคยกันต่างทยอยเข้ามาในพื้นที่ หลายคนโบกมือทักทาย แล้วหยุดยืนพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารความเป็นไปในแต่ละครอบครัว ส่วนพวกที่ไม่ค่อยจะชอบหน้ากันต่างก็พยายามหลบ และฝืนยิ้มให้กันบ้างตามมารยาทหากไม่อาจเลี่ยงพ้น ทั้งหมดต่างขยับเขยื้อนเคลื่อนไป รวมตัว แยกย้าย ขยับเขยื้อน มันมองดูเหมือนกับเป็นหมากกระดานขนาดใหญ่ที่มีตาราง และวิธีการเดินหมากที่ซับซ้อนสับสน ต่างคนต่างยึดถือในกติกาของตน แต่ก็ยังคงเล่นร่วมกันได้อย่างน่าพิศวง

'พืชผลในฤดูกาลนี้เป็นอย่างไร อะไรดี อะไรแย่ ปศุสัตว์พบเจอโรคระบาดบ้างไหม ตกลูกได้ดีหรือไม่ ฤดูต่อไปมีแผนจะทำอย่างไร' หรือไม่ก็ 'ลูกใครเป็นอย่างไรบ้าง มีใครที่จะแต่งงาน มีใครกำลังจะได้สมาชิกใหม่ ผู้สูงอายุที่บ้านเป็นอย่างไร มีใครเจ็บป่วย หรือมีเหตุการณ์อะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง' ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นหัวข้อการสนทนาที่ได้ยินอยู่ทั่วไป และแม้ว่ากาลเวลาจะเคลื่อนไป แกนกลางของบทสนทนาอาจไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก

อาหาร ผลไม้ และเครื่องดื่มที่แต่ละครอบครัวต่างเตรียมมาถูกจัดวางรวมกันไว้ทางด้านหนึ่งเพื่อให้ทุกคนได้เลือกรับประทานกันตามความพอใจ ซึ่งนับเป็นการแข่งขันกันอย่างไม่เป็นทางการของเหล่าแม่บ้าน อาหารที่อร่อยถูกปากคนส่วนใหญ่จะได้รับการกล่าวขานยกย่องไปจนกว่าจะถึงงานฉลองในครั้งถัดไป และไม่มีแม่บ้านคนใดที่อยากจะถูกซุบซิบนินทาลับหลังว่าทำอาหารได้แย่จนไม่มีใครอยากชิม

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมที่ถูกสร้างขึ้น การอยู่ร่วมกันในสังคมมนุษย์ ที่ถึงแม้จะไม่มีการต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อขึ้นเป็นจ่าฝูง แต่ก็ยังมีการจัดลำดับทางสังคม ยังคงมีความรู้สึกถึงการเปรียบเทียบแข่งขันซุกซ่อนอยู่ในทุกเรื่อง โดยที่เหล่าสมาชิกทั้งหลายอาจรู้ หรือไม่รู้ตัวก็ตาม

บรรยากาศโดยทั่วไปของงานในวันนี้นับว่าค่อนข้างปกติ นอกจากในบริเวณหนึ่งซึ่งมีที่นั่งถูกจัดเพิ่มเติมขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรับรองหัวหน้าโจรอาลีกับพรรคพวกของเขา ที่ชาวบ้านต่างรีบเดินผ่านไปโดยทำเป็นมองไม่เห็น ราวกับว่าหากไม่มีใครสนใจ หรือเอ่ยถึงพวกมัน เรื่องของกองโจรสี่สิบพวกนั้นก็จะไม่เป็นความจริง ไม่เคยเกิดขึ้น

ในอีกมุมหนึ่งของลานซึ่งไม่ค่อยเป็นที่สนใจ มีคนสามคนกำลังจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่เบาๆ ห่างจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ไกลจนเกินไป บางครั้งก็จะมีสายตาสองสามคู่มองมา สมาชิกหนึ่งในนั้นอาจมองตอบกลับไป ในขณะที่อีกสองคนที่เหลือต่างพยายามยืนอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่ทั้งหมดจะขยับย้ายเคลื่อนไปอย่างช้าๆ เพื่อหลบเลี่ยงจากสายตาเหล่านั้น ราวกับพวกเขาเป็นนักแสดงกายกรรมที่กำลังหลบหลีกลูกศรล่องหนด้วยการขยับเขยื้อนให้น้อยที่สุด

“ดูเหมือนสถานการณ์ของเราจะไม่ค่อยดีนัก” คุณนายวิกเซ่นกระซิบ

“ไม่หรอกน่า” แต่น้ำเสียงของนายอำเภอก็เจือไว้ด้วยความกังวลเช่นกัน “หลายคนคงรู้เรื่องที่ข้าโดนจับตัวไว้แล้ว พวกเขาคงกำลังสงสัยว่าข้ามาทำอะไรที่นี่ และถ้าทุกคนยังแค่มองมาแล้วเงียบอยู่แบบนี้ ก็คงไม่น่าจะเป็นอะไร”

“คุณบอกว่าทั้งพวกโจรกับทอมผู้ช่วยตัวดีของคุณยังไม่มาใช่ไหม” นางพยายามที่จะไม่ขมวดคิ้วเมื่อตั้งคำถาม

“...ใช่ ข้ายังไม่เห็นพวกมันสักคน” เขากวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้น เราก็ยังไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกโจรมาถึง” นางหมายถึงชาวบ้านที่ยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอยู่ในตอนนี้คนใดคนหนึ่ง เพียงแค่ชี้มือมาพร้อมบอกกับพวกนั้นว่า 'นายอำเภออยู่ตรงนั้น' เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้แผนของพวกเขาต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า

เฒ่าเฮฟที่พึ่งเข้ามาภายในลานกว้าง เดินโขยกเขยกเฉียดผ่านเข้าใกล้ แต่ก็ไม่เข้ามาร่วมวง ได้แต่ยกมือทำท่าว่าจะแยกไปคุมเชิงอยู่อีกด้านหนึ่ง ท่าทางของเฒ่าเฮฟเองก็ดูจะมีความกังวลอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ในตอนนั้นเองที่ การขาดหายไปของเสียง ซึ่งดังชัดเจนยิ่งกว่า ความเงียบ พลันเกิดขึ้นจากแถบด้านนอกของงานทางฝั่งตะวันตก ก่อนที่จะแผ่ขยายไปจนทั่วอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนต่างพยักหน้าให้กันพร้อมกับใช้โอกาสนี้ในการแยกย้ายเพื่อไปประจำตามจุดของตนตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้

ทอยเหม่อมองดูฝูงชนทั้งหมดเหมือนดั่งเป็นผิวน้ำราบเรียบที่กำลังจะมีหยดน้ำเล็กๆ ร่วงหล่นลงมาใส่ และจากที่ใดที่หนึ่งลึกลงไปภายในจิตใจ เสียงกระซิบที่คอยรบกวนเขาก็ค่อยๆ ดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

'งานนี้มันเหมาะกับเจ้ามากกว่า' เขาเถียง 'ฉันไม่ใช่มือสังหารแล้ว'
'ใครบอกกัน ว่าเจ้าไม่ได้เป็นมือสังหาร' เขาตอบ 'ฉันทิ้งมันไป ฉันไม่มีพลังพวกนั้นอีกแล้ว'

'เจ้าโง่ เจ้าจะละทิ้งตัวเองไปได้อย่างไรกัน' เสียงนั้นก้องดังอยู่เนิ่นนาน

ฝูงชนที่เงียบงันต่างพากันขยับเพื่อเปิดทางให้กับกลุ่มของผู้มาใหม่โดยไม่จำเป็นที่จะต้องมีเสียงของทอมกับพรรคพวกคอยตะโกนบอก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงส่งเสียงตะโกนกันอยู่ดี พวกเขาอาจคิดว่ามันเป็นสิ่งที่จะทำให้พวกตนแตกต่าง โดดเด่นเป็นที่สนใจ โดยไม่สนว่าจะเป็นในแง่ใดก็ตาม

“ทางนี้เลย มาทางนี้ สหายอาลี มาลองชิมฝีมือการทำอาหารของพวกเราดูก่อน” ทอมพยายามทำท่าว่าสนิทสนมกับผู้ที่เดินอยู่ข้างกายดี แต่ดูเหมือนจอมโจรอาลีจะคิดต่างออกไป จอมโจรผู้นี้มีร่างกายกำยำ แต่งกายแบบนักเดินทางเหมือนกับสมาชิกคนอื่นๆ ของกองโจรสี่สิบ แต่บนศีรษะสวมใส่ผ้าสีดำปกปิดใบหน้าเอาไว้ เหลือให้เห็นเพียงดวงตาที่มีประกายคมวาวดุดันคู่หนึ่งเท่านั้น

“สหายข้าอย่าได้วุ่นวายไปเลย” แต่น้ำเสียงที่อาลีใช้นั้นไม่ได้แสดงถึงความเป็นเพื่อน หรือความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย “พวกข้ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องรบกวนพวกเจ้ามากกว่าเรื่องของกินอีกมาก”

คำพูดนี้ของอาลีเรียกเสียงหัวเราะจากเหล่าสมาชิกกองโจรได้ไม่น้อย และยิ่งเพิ่มความเงียบงันให้กับเหล่าชาวบ้าน นอกจากทอมกับพรรคพวกที่ทำเป็นไม่เข้าใจ และพยายามร่วมหัวเราะกับเพื่อนใหม่ไปด้วย

“ข้าว่าอย่าให้เสียเวลา พวกเราไปรอดูการแสดงกันเลยดีกว่า”

“อย่าใจร้อน สหายอาลี อย่างน้อยก็ควรต้องชิมน้ำผลไม้หมักขึ้นชื่อของพวกเราเสียก่อน“

ทอยไม่แน่ใจว่าทอมผู้นี้เป็นคนที่มีความรู้สึกช้า หรือเอาแต่สนใจแค่ตัวเองเท่านั้น ทอมกับพรรคพวกพยายามยื่นส่งแก้วใส่เครื่องดื่มให้กับกองโจร ซึ่งในที่สุดก็รับไปถือไว้ ก่อนที่จะนำทั้งหมดไปยังที่นั่งซึ่งจัดเตรียมไว้

ทอยเฝ้ามองดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และเขาหมายถึงทั้งหมด สิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับคนส่วนใหญ่ในที่นี้ ในห้วงเวลานี้ ก็คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆ ตัวของอาลี ราวกับว่าร่างของจอมโจรผู้นี้ได้กลายเป็นสิ่งที่มีแรงดึงดูดมหาศาลจนกระทั่งสามารถดึงดูดสายตา ดึงดูดความเป็นจริงทั้งหมดมาไว้ที่ตน มันจึงมี สิ่งที่เกิดขึ้น บางส่วน ที่สามารถเล็ดลอดออกจากข่ายใยของความเป็นจริงไปได้ อย่างเช่นตำแหน่งที่อยู่ของนายอำเภอในตอนนี้

หยดน้ำตกกระทบกับผิวหน้าของผืนน้ำแล้วในความคิดของทอย ปัญหาก็คือวงคลื่นของมันจะกระจายตัวออกเช่นไร

#####

“พี่ว่าอย่าดีกว่า”

“ไปเถอะนะ พี่นะ” เกรทยังคงพยายามออดอ้อน

“น้องก็ได้ยินชัดแล้ว ว่าตากับแม่สั่งไว้ว่าอย่างไร” ฮานยังคงทำใจแข็ง ไม่ยอมสบกับสายตาคู่นั้น เพราะรู้ดีว่าผลสุดท้ายจะเป็นเช่นไร

“พี่ฮานไม่อยากรู้หรือว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป” ที่จริงเขาเองก็อยากรู้ “แต่มันอันตรายเกินไป” เขาย้ำ

“ตอนนี้ทุกคนก็อยู่ที่นั่น มันอาจจะปลอดภัยกว่าก็ได้” เธอว่า “แต่ว่า...” เขายังไม่ยอม “ถ้าอย่างนั้น เราก็แค่แอบย่องไปดูเงียบๆ แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ค่อยรีบหนีตามที่ตากับแม่สั่งไว้ก็ได้”

“ก็ได้” ในที่สุดเขาก็ต้องยอม เขาไม่เคยขัดใจน้องสาวที่น่ารักคนนี้ได้เลยสักครั้ง แต่เขาก็มีความต้องการของตนเองบางอย่าง หากเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นกับคุณตาและพวกของนายอำเภอ เขาก็อาจจะช่วยอะไรบางอย่างได้ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้พวกโจรสี่สิบที่เคยฆ่าบิดาลอยนวลอยู่อย่างสุขสบายแบบนี้ไปตลอด

“เราก็แค่ย่องเข้าไปแอบดูเงียบๆ เหมือนกับเวลาที่เล่นซ่อนหากัน” เธอบอกอย่างร่าเริงพร้อมกับตรงไปที่ประตู ในความคิดของเด็กน้อยอย่างเธอ ความดีจะต้องชนะเสมอ คนดีจะต้องประสบความสำเร็จ มันจะต้องเป็นอย่างนั้น ใครใครก็บอกอย่างนั้น ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว แม้แต่ตัวเธอเองก็เคยได้พบเจอกับเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้จบลงอย่างงดงาม และโดยไม่เข้าข้างตัวเอง เธอเองก็นับว่าเป็นเด็กดีคนหนึ่งเหมือนกัน

ประตูบ้านถูกเปิด เธอเดินนำพี่ชายที่ติดตามออกมาพร้อมกับตะเกียงที่มีอุปกรณ์สำหรับพรางแสงไฟ และข้าวของที่เตรียมไว้ใช้สำหรับในกรณีที่จำเป็นต้องหลบหนี และเธอต้องแปลกใจเมื่อได้พบเห็นบางสิ่งบนพื้น บางสิ่งที่ถูกจัดวางไว้อย่างตั้งใจ แกนของแอปเปิ้ลแดงสดที่ถูกกัดกินจนเกือบหมด เธอรีบมองหาไปรอบๆ และไม่ห่างออกไปนักก็ได้พบกับอีกอันหนึ่งที่ถูดจัดวางไว้ในลักษณะเดียวกัน

“พวกมันมีอะไรหรือน้องเกรท” เขาเองก็รู้สึกสงสัยว่าพวกมันมาทำอะไรอยู่แถวนี้ แต่ที่ทำให้ต้องแปลกใจมากกว่าคือท่าทีที่ตื่นเต้นตกใจของน้องสาว
“เราต้องรีบตามพวกมันไป” เธอร้องบอก

“ตามอะไร เดี๋ยวน้องเกรท รอพี่ด้วย บอกพี่ก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เขาร้องพร้อมกับรีบวิ่งติดตามเธอที่วิ่งออกไปก่อน “แกนแอปเปิ้ลพวกนี้มีอะไรอย่างนั้นหรือ” แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมให้คำอธิบายใดๆ กับเขานอกจากบอกย้ำๆ ซ้ำไปซ้ำมาว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ และเธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าใคร หรืออะไรที่นำพวกมันมาวางไว้แบบนี้

“น้องเกรท พี่ว่ามันอาจจะเป็นกับดัก” เขาพยายามใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว “พวกมันเหมือนเป็นเหยื่อล่อให้เราติดตามไปยังสถานที่ที่ต้องการ และมันหมายถึงอันตราย” เขาคว้าไหล่เล็กๆ ของน้องสาวเพื่อดึงตัวเอาไว้ เขาไม่เคยขัดใจเธอ แต่ครั้งนี้เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องทำเสียแล้ว

“แต่มันสำคัญนะพี่ฮาน น้องต้องรู้ให้ได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของใครกันแน่” แล้วเธอก็เริ่มสะอึกสะอื้น “...มันอาจหมายถึงชีวิตของทุกคนในหมู่บ้านนี้ที่กำลังตกอยู่ในอันตรายก็เป็นได้”

'เธอต้องปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้' เมื่อพูดถึงแผนการของนายอำเภอเมื่อก่อนหน้านี้ เธอก็ยังดูไม่ค่อยจะวิตกกังวลอะไรมากนัก แต่เมื่อได้เจอกับแกนแอปเปิ้ลพวกนี้ เธอก็กลับกลายเป็นตรงกันข้าม นั่นหมายความว่าเธออาจรู้ถึงแผนการอย่างอื่นที่เขาและคนอื่นๆ ไม่รู้ แผนที่ทำให้เธอวางใจ 'และมันจะต้องเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับแกนแอปเปิ้ลพวกนี้' ซึ่งจะเป็นแผนที่พิศดารอย่างไรเขาก็ไม่อาจคาดเดาได้

แต่เขาเชื่อมั่นในตัวน้องสาวคนนี้ เชื่อเธอเสมอมา

“ไม่ต้องร้องนะน้องเกรท เราจะตามมันไป แล้วรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราจะช่วยกันแก้ไข ตกลงไหม” เขาค่อยๆ ปลอบโยนน้องสาวให้สงบลง “ว่าแต่น้องเกรทจะเล่าให้พี่ฟังได้ไหมว่าพวกมันเกี่ยวข้องอะไรกับแผนของนายอำเภอกันแน่” เขาลองถามดูอีกครั้ง

“ขอโทษนะพี่ฮาน แต่น้องเกี่ยวก้อยสัญญาไปแล้วว่าจะไม่บอกใครทั้งนั้น” เขาจึงได้แต่ถอนใจ “เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นเราก็รีบตามรอยไป แต่อย่าประมาท ไม่ว่าใครก็ตามที่กำลังรอพวกเราอยู่ มันจะต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่” เธอยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตา พยักหน้า พร้อมกับพยายามที่จะฝืนยิ้ม
ทั้งคู่ช่วยกันมองหา และติดตามร่องรอยของแกนแอปเปิ้ลที่ถูกทิ้งไว้ไปได้ระยะหนึ่ง เขามองสำรวจทิศทางไปรอบๆ ตัวก่อนที่จะเริ่มคาดการณ์ถึงจุดหมาย ซึ่งพอถึงตรงนี้แล้วก็พอจะเดาได้ไม่ยาก

“พวกมันน่าจะนำเราไปแถวๆ แพข้ามฟาก” ซึ่งเธอค่อนข้างที่จะเห็นด้วย ไม่ใช่บริเวณพี่พักของพวกโจรสี่สิบอย่างที่เธอกังวลในตอนแรก

'ห้ามพวกลูกๆ ไปเล่นตรงท่า หรือใกล้ริมฝั่งแม่น้ำแถวที่มีต้นไม้ขึ้นรกอย่างเด็ดขาดรู้ไหม' มารดาของพวกเขาจะคอยย้ำเตือนอยู่เสมอ 'มีคนพบเห็นพรายน้ำอยู่แถวนั้นหลายครั้งแล้ว' นางหมายถึงสัตว์ประหลาดที่มีผิวหนังเป็นเกล็ดสีเขียวปกคลุมด้วยเมือกลื่นๆ มีตากลมโตเหมือนปลา นิ้วมือนิ้วเท้ามีพังผืดเพื่อช่วยในการว่ายน้ำ มีเหงือกอยู่ที่ข้างลำคอ และที่สำคัญที่สุดคือมีปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมเพื่อใช้กัดและดูดกินเลือดของเหยื่อหลังจากที่ลากพวกเขาลงไปให้จมน้ำหมดสติแล้ว

มีคนที่เคยถูกพวกมันลากจมน้ำ แต่ก็ยังไม่เคยมีใครที่โดนดูดเลือด หรือถูกกัดกินตามที่มารดาบอก

“บางที นี่อาจจะเป็นฝีมือของ...พรายน้ำ หรือเปล่า” ฮานเอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมกับรู้สึกถึงขนที่ลุกตั้งชันขึ้นตลอดแขนไล่ไปจนถึงที่กลางหลัง

เกรทไม่ค่อยเห็นด้วย เธอมักจะคิดเสมอว่าสิ่งประหลาดเหล่านี้เป็นคำเตือนของผู้ใหญ่ที่มีให้กับเด็กๆ ด้วยการสร้างให้มันกลายเป็นคำเตือนที่มีชีวิต

'อย่าไปเล่นแถวริมฝั่งน้ำที่มีพืชขึ้นรก เพราะบางครั้งพวกลูกๆ อาจไม่ทันระวังว่ามันไม่ใช่พื้นดิน แต่เป็นเพียงกลุ่มพืชที่จับตัวกันอย่างหลวมๆ ที่พร้อมจะสร้างความแปลกใจเมื่อมีใครวิ่งไปบนพวกมัน' หรือ 'พืชที่เห็นอาจกระพริบตา แล้วกลายเป็นสัตว์อันตรายบางชนิดที่พุ่งเข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็ว' หรือ 'ลูกอาจแค่ประมาท ว่ายน้ำไปพันกับต้นอะไรเข้า แล้วก็จมน้ำ' ฯลฯ

เทียบกับ

'มันมีพรายน้ำอยู่แถวนั้น มันน่ากลัว และอย่าไปเล่น เข้าใจไหม'

และอะไรอื่นๆ อีกมากมาย ที่คำเตือนถูกสร้างให้กลายเป็นสิ่งชั่วร้ายน่ากลัว แต่จดจำได้ง่ายกว่าคำเตือนพื้นๆ ที่น่าเบื่อ จนกระทั่งถึงวันนี้ที่ความคิดของเธอต้องเปลี่ยนไป จนกระทั่งเมื่อเธอได้พบเจอกับบางสิ่งที่สุสาน เด็กหญิงที่น่าสงสาร หรือผีดูดเลือดคนนั้น

เธอพลันรู้สึกว่าตนเองไม่ได้อยู่เพียงลำพังสองคนกับพี่ชายอีกแล้ว


Create Date : 29 มิถุนายน 2557
Last Update : 29 มิถุนายน 2557 14:20:06 น. 0 comments
Counter : 919 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.