ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
1 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
ทอย (39)

“มันเกิดอะไรขึ้น”

เฒ่าเฮฟดึงมีดเล็กๆ เล่มหนึ่งออกมา ก่อนก้มลงตัดเชือกให้กับนายอำเภออย่างไม่ลังเล โดยไม่ได้มีทีท่าว่าจะใส่ใจกับคำขู่ของทอมเลยแม้แต่น้อย

“...ทำอย่างนี้เดี๋ยวเจ้าจะเดือดร้อนไปด้วยนะ เฒ่าเฮฟ” นายอำเภอขยับพร้อมกับบีบนวดไปตามส่วนต่างๆ ที่เคยถูกมัดไว้ก่อนพยายามลุกขึ้นยืน ตามร่างกายของเขามีร่องรอยถูกทำร้ายอีกหลายแห่ง แต่ดูไม่ร้ายแรง

“เชอะ เจ้านั่นมันก็ดีแต่ปากเท่านั้นแหละ มันไม่กล้ายุ่งกับข้าหรอก” เฒ่าเฮฟหมุนมีดในมือเล่นอย่างคล่องแคล่วก่อนซุกเก็บไว้เหมือนเดิม

“ข้าไม่ได้หมายถึงเจ้าโง่ทอมกับพวกของมัน แต่ข้าหมายถึง...อาลีบาบากับโจรสี่สิบต่างหาก”

เฒ่าเฮฟไม่ได้แสดงท่าทีแปลกใจแต่อย่างใด ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ถ้าอย่างนั้นข่าวลือก็เป็นจริงสินะ”

“ข้าสงสัยมานานแล้วนะเฒ่าเฮฟ เจ้าแทบจะไม่เคยออกไปไหนเลย แต่ทำไมถึงดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในหมู่บ้านนี้ดีนัก” นายอำเภอมองเลยไปที่เกรทซึ่งยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ เด็กหญิงก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา

“เด็กมักไม่ค่อยเป็นที่สนใจ และได้ยินอะไรแปลกๆ อยู่เสมอ” เฒ่าเฮฟพึมพำเบาๆ “เรื่องนั้นช่างเถอะ ว่าแต่เจ้าทอมกับพรรคพวกของมันโง่พอที่จะไปร่วมมือกับโจรจริงหรือ”

“เจ้าพวกนั้นไม่ได้แค่โง่ แต่ยังโลภมากด้วย พวกมันคิดว่าจะได้รับการยกเว้นจากเจ้าอาลี บางทีอาจมีส่วนแบ่งลับๆ ด้วย” นายอำเภอกำหมัดแน่น “มันยังคิดที่จะตั้งตัวเองขึ้นเป็นนายอำเภอคนใหม่หลังจากที่พวกโจรจากไปแล้วด้วย หนอย ทำเป็นมาพูดว่าที่ข้ายังไม่ตายก็เป็นเพราะมันช่วยพูดให้”

“พวกมันได้ตายกันหมดแน่ รวมทั้งตัวเจ้าด้วย ไอ้จอมโจรนั่นมันไม่ยอมปล่อยโอกาสดีๆ อย่างนี้ให้หลุดมือไปแน่”

“ข้าก็คิดอย่างนั้น”

เฒ่าเฮฟตบไหล่นายอำเภอก่อนเดินนำไปที่โต๊ะซึ่งทุกคนยังคงนั่งอยู่ การรับประทานอาหารยุติลงชั่วครู่ นอกจากเกรทเพียงคนเดียวที่ยังคงหยิบอาหารใส่ปากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นายอำเภอมองไปรอบโต๊ะ “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะเดินทางมาถึงผิดที่ผิดเวลาไปหน่อย เราเจอร่างของโจรสองคนที่พวกเจ้าอ้างแล้ว และยังได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของความชั่วร้ายน่ากลัวที่พวกเจ้าเรียกว่าผีดูดเลือดอีกด้วย”

ทอยเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา หมู่บ้านแห่งนี้มีความเชื่อในเรื่องของผีดิบ ศพเดินได้ หรือผู้ไม่ยอมจากไป มีวิธีการหลายอย่างในการหยุดพวกมันซึ่งพวกเขาพบเห็นได้ในสุสานนอกหมู่บ้าน 'แต่ไม่ใช่ผีดูดเลือด' มันไม่เคยมีมาก่อน เมื่อคิดในแง่นี้แล้ว ก็ราวกับว่าพวกเขาเป็นผู้ที่สร้างความเชื่อใหม่ สร้างผีดูดเลือดให้เกิดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

'ไม่ นี่เป็นโลกความฝัน ไม่ใช่อดีต' เขาย้ำเตือนตัวเอง

“แล้วพวกคุณมีแผนจะทำอย่างไรกันต่อไป” คุณนายวิกเซ่นถามอย่างสนใจ

เฒ่าเฮฟกับนายอำเภอหันมองหน้ากัน “ก็คงต้องลงมือทำอะไรบางอย่าง แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า” นายอำเภอบอก

“คุณยังไม่ไว้ใจพวกเรา” นางถามตรงๆ

“นั่นก็ส่วนหนึ่ง” นายอำเภอยอมรับ “อาลีเป็นจอมเจ้าเล่ห์ ข้าต้องระวังไว้ก่อน”

“เจ้าพวกนี้ไว้ใจได้” เฒ่าเฮฟพูดอย่างมั่นใจ “ข้าดูคนไม่ผิดหรอก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเจ้าก็ไม่ควรเข้ามายุ่งกับเรื่องอันตรายแบบนี้”

“พวกเขาพูดถูก” สโนวพูดขึ้นโดยไม่เจาะจงไปที่ใคร “เราจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้”

“ไม่ เรายุ่งไปแล้ว และฉันเชื่อว่าเราจะยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นจนกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะสิ้นสุดลง” นางลังเล “ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม”
สโนวเงียบไปครู่หนึ่ง “ก็ตามใจ แต่ฉันไม่เอาด้วย”

“มีคนช่วยเพิ่มขึ้นก็ดี” เฒ่าเฮฟบอก “แต่...” นายอำเภอค้าน

“เพราะฉันเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรือ” นางว่าพร้อมกับพุ่งตัวออกจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว กระโดด ตีลังกา หมุนตัว อย่างน่าประทับใจ

“...เจ้าเป็นใครกันแน่ นักกายกรรมจากแดนไกลที่เคยได้ยินจากพวกคนเดินทางอย่างนั้นหรือ” นายอำเภอถาม

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ และไม่ใช่แค่นี้” นางหยิบฟืนชิ้นหนาที่เฒ่าเฮฟกองไว้ใช้กับเตาหลอมขึ้นมา ก่อนฟันมันด้วยสันมือ มันไม่ถึงกับหักออกจากกันอย่างที่นางต้องการ แต่ก็สร้างความประทับใจได้ไม่น้อย เกรทที่นั่งดูอยู่ถึงกับทำตาโตพร้อมตบมือด้วยความชอบใจ

ทอยเหลือบมองสโนวที่ยังคงทำเป็นไม่สนใจใคร ไม่รู้ว่าทำไมตนเองจึงต้องรู้สึกกังวลกับความรู้สึกของเธอ “ผมเอาด้วย” เขาตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด
สโนวพลันลุกขึ้นจากโต๊ะ ก่อนเดินกลับเข้าไปในห้องขังชั่วคราวคนเดียวเงียบๆ โดยไม่ได้หันกลับมา

“ปล่อยเธอไป เธอมีเหตุผลของเธอ” นางกระซิบบอกกับทอย

“น่าเสียดาย” เฒ่าเฮฟพึมพำออกมาเบาๆ ซึ่งนายอำเภอไม่เข้าใจว่าหมายถึงเรื่องอะไร

“แล้วคุณมีแผนอย่างไร” นางหันไปถามนายอำเภอ “ก่อนอื่นเลยก็คงต้องหาอาวุธ พวกมันยึดดาบของข้าไป”

“เจ้าพูดอะไร ตาบอดหรือไงกัน” เฒ่าเฮฟส่ายหน้า “มองดูไปรอบๆ แล้วข้ามเรื่องนี้ไปเลย” นายอำเภอดูเหมือนจะยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ทอยนั้นเข้าใจดี
“ช่างเหล็กที่รู้วิธีสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์ในไร่นาพวกนี้ให้กลายเป็นอาวุธได้ไม่ยาก” เขาบอก

“เจ้าหนูนี่พูดถูก” เฒ่าเฮฟหัวเราะลั่น “และข้าคือช่างเหล็กคนนั้น ข้ารู้วิธีตีอาวุธ”

นายอำเภอพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้น ขั้นต่อไปเราก็ต้องหาข้อมูลของพวกโจรสี่สิบมาให้มากที่สุด” ทุกคนพากันหันไปมองเกรทเป็นตาเดียว เด็กหญิงยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับ

“แบบนี้จะดีหรือ” นายอำเภออดถามเฒ่าเฮฟไม่ได้ “เออน่า เชื่อมือหลานข้าเถอะ” แต่ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย “อย่าทำเป็นเล่นไป ถ้าพวกมันเกิดสงสัยเจ้าขึ้นมา ก็ให้บ่ายเบี่ยงทำเป็นเด็กที่พูดไม่รู้เรื่องไปเลยนะ” ครั้งนี้เด็กหญิงตอบรับอย่างจริงจัง

“เจ้าโง่ทอมคิดจะให้พวกมันเข้าร่วมงานเทศกาลในคืนนี้ด้วย แถมยังอาสาว่าจะเป็นคนไปรวบรวมของมีค่าจากชาวบ้านมาให้เอง” นายอำเภอขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ “มันโง่หรือว่าบ้ากันแน่” เฒ่าเฮฟส่ายหน้า

“แต่นั่นก็เป็นโอกาสของเรา ในงานมีผู้คนมากมาย เราจะหาทางแอบปะปนเข้าไป เป้าหมายหลักคือการลงมือจัดการกับเจ้าอาลีอย่างรวดเร็ว เมื่อขาดหัวหน้า ในท่ามกลางความสับสน พวกโจรที่เหลือคงทำอะไรไม่ได้มากนัก นอกจากแยกย้ายกันหนีเอาตัวรอด

“มันฟังดูเข้าที” แต่เฒ่าเฮฟก็ยังไม่ค่อยมั่นใจนัก “ข้าว่า เราอาจต้องคิดอะไรบางอย่างเพิ่ม แต่...แค่นี้ก็น่าจะพอ” ทอยแอบเห็นคุณนายวิกเซ่นเหลือบมองไปทางห้องขังโดยไม่พูดอะไร

“เอาล่ะ ถ้าตกลงได้แล้วก็ลงมือกันเลย” เฒ่าเฮฟหันไปหาเด็กหญิง “เกรท ตาว่าเจ้าตามฮานให้ไปด้วยจะดีไหม” เด็กหญิงทำตาโตพร้อมกับส่ายหน้าติดต่อกัน “ไม่ค่ะ หนูไปคนเดียวดีกว่า พี่ฮานอาจทำให้พวกนั้นสงสัย แถมพี่ยังอาจจะทำอะไรลงไป...” เฒ่าเฮฟนึกถึงนิสัยของหลานชายพร้อมกับบอกตัวเองว่าหลานสาวผู้นี้ฉลาดเกินวัยจริงๆ

“หลานพูดถูก ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถิด ระวังตัวให้มากๆ ด้วยล่ะ” เด็กหญิงจากไปพร้อมกับความร่าเริงของวัย ที่มักหล่นหายไปเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอันที่จริงแล้วทุกคนยังคงมีมันอยู่เสมอ เพียงแต่ถูกพอกทับเอาไว้ด้วยสิ่งอื่น อย่างเช่นความเคยชิน ความเฉยชา ความกลัว ความหลง และอีกมาก ถ้าหากใครต้องการให้ความร่าเริงแห่งวัยเด็กหวนกลับมา ที่ต้องทำก็แค่ลอกเปลือกเหล่านี้ออกเท่านั้น

“เอาล่ะ คราวนี้ก็ถึงตาคุณล่ะ” คุณนายวิกเซ่นหันไปพูดกับนายอำเภอซึ่งทำหน้างง “ข้า ข้าทำไม” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาจึงพูดตะกุกตะกัก บางทีอาจเป็นเพราะนางกำลังจ้องเขาอยู่

“ถอดเสื้อผ้าของคุณออก”

“หือ” ทั้งสามคนต่างอุทานขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่เฒ่าเฮฟจะหัวเราะขึ้นด้วยเสียงดัง “ใช่ ใช่ เจ้ารีบแก้ผ้าตามที่นางบอกเร็ว” ท่าทางที่ทั้งแปลกใจ ทั้งตกใจของนายอำเภอยิ่งทำให้เฒ่าเฮฟหัวเราะต่อไปไม่ยอมหยุด “ฉันแต่งงานแล้ว ไม่ต้องอาย” เขาไม่เคยได้ยินคำว่า 'แต่งงาน' มาก่อน แต่ก็พอเดาได้ ซึ่งยิ่งทำให้ใบหน้าคล้ำแดดของนายอำเภอกลายเป็นสีเข้มยิ่งกว่าเดิม

“ข้ามียาดีอยู่ที่ชั้นตรงนั้น กับเศษผ้าสะอาดเก็บไว้ด้วยกัน เจ้าทำแผลให้มันได้ตามสบาย” เฒ่าเฮฟพูดปนหัวร่อ และทำให้สองคนที่เหลือเข้าใจเรื่องราว

“ข้าเองก็คงต้องลงมือแล้วเหมือนกัน” เฒ่าเฮฟพูดขึ้นพร้อมกับตรงไปยังพื้นที่ทำงานของตน ในขณะที่คุณนายวิกเซ่นก็กำลังดึงตัวนายอำเภอที่มีท่าทางไม่ยินยอมไปยังอีกมุมหนึ่ง “อ้าว นี่เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ...” เฒ่าเฮฟร้องถามด้วยความแปลกใจ แต่ตอนนั้นประตูก็ปิดลงพอดี พร้อมกับเสียงฝีเท้าเล็กๆ คู่หนึ่งวิ่งจากไป

เฒ่าเฮฟเริ่มเก็บกวาดงานที่ทำค้างอยู่ “เจ้าแฟรงนั่นต้องการดาบสักเล่ม แต่ข้าไม่มีเวลาพอที่จะตีขึ้นใหม่ทั้งหมด” ทอยที่ติดตามเฒ่าเฮฟมาหันไปมองเคียวเก่าอันหนึ่งที่วางพิงไว้ ซึ่งเฒ่าเฮฟเองก็หมายตาเอาไว้แต่แรกแล้วเช่นกัน

“ให้ผมช่วยนะครับ” เขาเดินไปหยิบเคียว ส่วนของคมเคียวนั้นยาวพอพอกับดาบเล่มหนึ่ง โค้งเล็กน้อย และตอนนี้แทบจะไร้ความคม ตัวด้ามไม้ยาวนั้นเก่าผุ จนเขาสามารถดึงส่วนคมเคียวออกจากด้ามโดยแทบจะไม่ต้องออกแรง

เฒ่าเฮฟมองดูการกระทำของเขาอย่างสนใจ “เจ้าหนู เจ้ารู้จักอาวุธดี ข้ารู้ว่าข้าดูคนไม่ผิด”

“ผม เคยเป็น เป็น...” เขาไม่คิดว่าความจริงจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมในตอนนี้

“เจ้าก็คงเหมือนกับข้าในตอนที่ยังหนุ่ม ทั้งปู่กับพ่อของข้าล้วนเป็นช่างตีเหล็กอยู่ในโรงช่างแห่งนี้” เฒ่าเฮฟผายมือไปรอบๆ “แล้วข้าจะเป็นอะไรได้ แต่ตอนนั้นข้าไม่รู้สึกว่าอยากจะเป็นช่างตีเหล็กเลยแม้แต่น้อย ข้าจึงตัดสินใจแอบหนีไปกับขบวนพ่อค้าเร่ที่นานๆ จะผ่านมาสักครั้ง ระหว่างที่เดินทางพวกเขาก็ได้สอนวิชาการต่อสู้ให้กับข้า เจ้าเองก็คงได้พบเจอกับอาจารย์ที่เก่งกาจมาใช่ไหมล่ะ”

“เอ่อ ครับ” เฒ่าเฮฟเดาไปคนละทาง แต่เรื่องที่บอกว่าตัวเองเติบโตขึ้นมาในครอบครัวของช่างตีเหล็ก แต่กลับหนีไปตอนวัยรุ่นนั้นต่างหากที่ทำให้เขาอึ้ง เพราะมันช่างคล้ายกับเรื่องของตัวเขาเองเหลือเกิน

“จนกระทั่งข้าถูกธนูยิงเข้าที่เข่า เกือบตายในระหว่างการปล้นครั้งนั้น ข้าจึงตัดสินใจกลับมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ ปู่ข้าตายไปแล้ว และพ่อข้าก็กำลังป่วย”

เฒ่าเฮฟวางเคียวลงบนกองไฟ ใช้คีมคีบมันพลิกไปมาอย่างคล่องแคล่ว ให้ความร้อนเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของเนื้อโลหะตามที่ต้องการ “ข้ายังได้พบเจอกับช่างตีเหล็กมากมายระหว่างการเดินทาง ไม่รู้เป็นเพราะอะไรที่ข้ายังคงสนใจในสิ่งนี้ สิ่งที่ข้าวิ่งหนีไป” เขาคีบเคียวขึ้นดู วางลงบนทั่งก่อนเริ่มใช้ค้อนทุบมันเพื่อยืดให้ตรง

ขั้นตอนต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเรื่องเล่าของเฒ่าเฮฟ “ข้าจุดไฟขึ้นในโรงช่างแห่งนี้อีกครั้ง หลังจากที่มันดับไปพร้อมกับพ่อของข้า ข้าคิดว่าตัวเองนั้นไม่รู้วิธีตีเหล็กอีกแล้ว แต่ข้าคิดผิด พอมือข้าได้จับค้อนของพ่อ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ย้อนกลับมา”

“ในการทุบครั้งแรกนั้นเองที่ทำให้ข้ารู้ตัวว่า ข้าคือช่างตีเหล็ก”

จากคมเคียวตอนนี้ได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นดาบเรียบร้อยแล้ว เฒ่าเฮฟจุ่มมันลงในรางน้ำยาว มันส่งเสียง เกิดเป็นกลุ่มไอน้ำ ทอยรู้ว่ามันคือลมหายใจของดาบที่พึ่งถือกำเนิดขึ้น เหลือเพียงทำการขัด ลับ และใส่ด้ามเท่านั้น

“...คุณคิดว่า ทุกคนไม่อาจหนีไปจากสิ่งที่ตัวเองเกิดมาพร้อมมันได้ใช่ไหมครับ” ทอยถามสิ่งที่เขาสงสัย

เฒ่าเฮฟหัวร่อ “ผิดแล้วเจ้าหนู ที่ข้าจะบอกก็คือ เราไม่อาจหนีตัวเอง ไม่อาจหนีจากสิ่งที่ตัวเองเป็นได้ ข้าเป็นช่างตีเหล็กมาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ข้าไม่รู้ตัวเท่านั้น ข้าอาจพบเจอกับคำตอบที่แตกต่าง แต่การค้นหาครั้งนั้นก็ได้นำพาข้ากลับมาสู่คำตอบเดิม มันฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เสียเวลาเปล่า แต่ความหมายมันห่างไกลเหมือนคนละฟากฝั่งทีเดียว”

“เจ้าก็คล้ายกับข้าสมัยหนุ่มๆ แต่ข้าหล่อกว่า” เฒ่าเฮฟหัวเราะลั่นพร้อมกับส่งดาบที่พึ่งตีเสร็จให้ทอยทดลองดู “ระหว่างทางข้าได้พบกับช่างตีเหล็กหลายคน แต่ละคนก็อ้างว่าวิธีการของตนนั้นดีที่สุด ข้าเองก็เช่นกัน” เฒ่าเฮฟมองดูการเคลื่อนไหวของทอยด้วยความสนใจ “สุดท้ายแล้วพวกเราต่างก็เป็นช่างตีเหล็ก ที่ไม่เหมือนกันเลยสักคน นั่นล่ะที่มีความหมาย เอ่อ เจ้าจะเอาดาบอีกสักเล่มไหม ข้าว่าข้าพอจะหาเคียวเก่าๆ ได้อีกสักอัน”

'เจ้านี่ไม่ธรรมดาเลย มันรู้จักดาบดี' เฒ่าเฮฟนึก

“ไม่ครับ ผมอยากได้มีดมากกว่า” ทอยรู้ได้ถึงสมดุลของดาบซึ่งถูกปรับเปลี่ยนจากเคียวได้อย่างถูกต้อง ของสองสิ่งนี้แม้มีรูปร่างคล้ายกัน แต่วิธีการใช้งานนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง เฒ่าเฮฟรู้ในสิ่งที่ตัวเองทำเป็นอย่างดี

“เจ้าแน่ใจนะ” เฒ่าเฮฟย้ำ

“ครับ” ทอยพลันคิดอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง “และผมอยากให้ทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย” เขาบอกความตั้งใจของตนกับนายช่างซึ่งฟังแล้วต้องยกมือขึ้นเกาหัว “ทำแบบนั้นจะดีหรือ”

“ผมอยากได้แบบนั้นครับ”

“เอ้า เอาก็เอา ข้าทำให้ได้ทั้งนั้นแหละ” ก่อนจะหันไปหาคุณนายวิกเซ่นที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ไม่ห่างจากนายอำเภอ “แล้วเจ้าอยากจะได้อะไร ข้าว่า...กรงเล็บเหล็กสักคู่ดีไหม” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดที่ทำให้เฒ่าเฮฟนึกถึงสิ่งนี้ขึ้นมา บางทีเขาอาจรู้สึกได้ถึงหมาป่าในร่างของนางโดยไม่รู้ตัว

“ไม่ล่ะ มือเปล่าก็พอแล้ว” น้ำเสียงในคำตอบของคุณนายวิกเซ่นทำให้ทุกคนพากันเงียบไป


Create Date : 01 มิถุนายน 2557
Last Update : 1 มิถุนายน 2557 18:58:28 น. 0 comments
Counter : 603 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.