ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
15 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 
ทอย (31)

“...หยุดนะ พวกเราเป็นตำรวจ...”

“...โอ น่ากลัวจริง...”

“...อย่าเข้ามา...”

“...มาจับผมสิ คุณตำรวจ...”

“...อย่า...”

เสียงร้องด้วยความตกใจของวสันต์เรียกสติของโฮมให้กลับคืนมาอย่างฉับพลัน บทสนทนาขาดๆ หายๆ ที่เขาได้ยินเป็นห้วงๆ ระหว่างเธอกับใครอีกคนที่มีเสียงแหบห้าว ซึ่งสมองของเขาจัดให้เข้าในกลุ่มของอาชญากรตัวร้ายอย่างไม่ลังเล เรียงร้อยเข้ากับการจู่โจมที่เกิดขึ้นก่อนหน้า

เขารีบนึกถึงทิศทางของปืนที่กระเด็นหายไป พร้อมกับใช้เรี่ยวแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งอาจเกิดจากการที่เขาได้รับบาดเจ็บ หรือไม่ก็จากความกดดันทางจิตใจที่มีต่อความปลอดภัยของวสันต์ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใด เขารู้ว่ามันจะหมดไปอย่างรวดเร็ว และเขาจำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยอาการล้าไปทั้งร่างหลังจากนั้น

ความเคลื่อนไหวของเขาทำให้ผู้ที่ซุ่มโจมตีหันกลับมาสนใจ เขามองเห็นใบหน้านั้นผ่านศูนย์เล็งของปืนที่เขาคว้าเอาไว้ได้ในทันทีที่ยื่นมือออกไปควานหาบนพื้นในความมืด มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่อาจมีความเป็นไปได้เพียงแค่หนึ่งในหมื่น และตอนนี้เขาก็ต้องการโชคแบบนั้นอีกครั้ง 'มีกระสุนเหลืออยู่นัดเดียว'

เขาเหนี่ยวไกพร้อมกันกับที่สมองบอกเขาว่า เป้าหมายที่อยู่ตรงหน้านั้น เป็น มนุษย์หมาป่า คนหนึ่ง

'โดน' เขาภาวนา

“พลาด” มนุษย์หมาป่าร้องออกมาอย่างสะใจ พร้อมกับเผยให้เห็นเขี้ยวสีขาวเรียงเป็นแถวราวกับเป็นรอยยิ้มของปีศาจ ความเคลื่อนไหวของมือข้างนั้นช่างน่าเหลือเชื่อ แต่เป็นความเหลือเชื่อที่ชวนขนหัวลุก นิ้วที่เต็มไปด้วยขนยาวสีเทาเข้มของมันในตอนนี้กำลังกุมอยู่รอบด้ามมีด ซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายของเขา

“ไม่พลาดเสียหน่อย” เสียงนั้นดังออกมาจากทางด้านหลังของร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยขน ดูเหมือน โชค จะชอบทำตัวเช่นนี้เสมอ โชคจะมาเมื่อเราไม่ได้คาดฝัน และจะหายไปทุกครั้งที่เราต้องการอย่างมาก แต่ครั้งนี้โชคไม่ได้หายไปไหนไกล เพราะดูเหมือนวสันต์จะเป็นคนที่ได้รับโชคหนึ่งในหมื่นนั้นต่อจากเขา

ถึงแม้ว่าเขาอาจจะดึงความสนใจของมนุษย์หมาป่าไว้ได้ชั่วครู่ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้กับเธอ แต่ที่สำเร็จได้ ถ้าไม่ใช่เพราะโชค เขาก็ไม่รู้จะบอกว่าเป็นเพราะอะไรอีกแล้ว

“รีบลุกขึ้นค่ะ สารวัตร” เสียงเธอดังมาอีกครั้ง โดยที่หมนุษย์หมาป่าได้แต่ยืนนิ่ง ยกมือทั้งสองชูขึ้นแสดงอาการยอมแพ้ เขาค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นช้าๆ กล้ามเนื้อทั่วร่างพากันโอดครวญจากการถูกเร่งใช้งานจนเกินกำลังไปเมื่อครู่ แต่เขายังพอทนไหว มันก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก และที่สำคัญที่สุดคือ 'เธอไม่ได้รับบาดเจ็บ'

เขาพึ่งพบว่าร่างของมนุษย์หมาป่านั้นไม่ได้เปลือยเปล่าอย่างที่เข้าใจในตอนแรก แต่กลับสวมใส่ไว้ด้วยเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นสีเทาเข้มซึ่งกลมกลืนเป็นสีเดียวกับขน เสื้อผ้าทั้งสองชิ้นนี้คงเป็นผ้ายืดคุณภาพดีเพราะมันถูกยืดออกจนตึงคับแน่น มีวัตถุซึ่งน่าจะเป็นโลหะสะท้อนประกายใต้แสงจันทร์จี้จ่ออยู่ที่บริเวณลำคออวบหนา โดยมีวสันต์ซึ่งถูกบดบังอยู่ทางด้านหลังเป็นผู้ครอบครองอาวุธชิ้นนี้ ร่างของมนุษย์หมาป่านั้นดูเหมือนจะไม่ได้สูงใหญ่อย่างที่คิดในตอนแรก แล้วเขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น แต่เป็นเพราะร่างที่ว่ากำลังค่อยๆ หดเตี้ยลงต่างหาก

“มีดเงิน อีกอเป็นคนทำให้ไว้ เขาบอกให้ฉันพกติดตัวไว้เสมอ ตามปกติแล้วฉันจะใช้มันตัดเปิดซองจดหมายเท่านั้น”

ขนสีเทาเข้มบนร่างนั้นหดหายไป รวมทั้งส่วนอื่นที่เป็นของฝั่งหมาป่าด้วย เหลือทิ้งไว้เพียงผม ขนคิ้ว หนวดเคราดกหนา กับขนที่หน้าอกสีเดียวกันที่ดูรกรุงรังอยู่บ้าง ร่างกึ่งมนุษย์กึ่งสัตว์เมื่อครู่นี้คล้ายเป็นเพียงฝันร้ายที่ไร้ตัวตน และบางทีอาจจะเป็นฝันร้ายยิ่งกว่านั้น ถ้าไม่มีชุดผ้ายืดพวกนั้นสวมอยู่บนร่างของเขา

“เงินเป็นโลหะที่คนในสมัยโบราณเชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากดวงจันทร์ และอีกอยืนยันว่าเงินสามารถทำปฏิกิริยาที่น่าสนใจบางอย่างกับสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับดวงจันทร์ภายใต้การทดลองที่มีการควบคุมเป็นอย่างดีด้วย” เธอคิด 'แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่ามันเป็นการทดลองแบบไหน และอันที่จริงตอนนั้นฉันก็ไม่ค่อยอยากจะรู้ด้วย'

นักเล่นแร่แปรธาตุในสมัยโบราณเชื่อว่าทองคำมาจากดวงอาทิตย์ ส่วนเงินนั้นมาจากดวงจันทร์ บางทีอาจเป็นเพราะสีเงินยวงที่งดงามเหมือนดั่งจันทร์เพ็ญของมันนั่นเอง ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ยังมีความเชื่อที่ว่าเงินนั้นมีความเกี่ยวข้องกับวิญญาณ ซึ่งเกิดจากมีการนำแผ่นเงินขัดเงามาใช้เป็นกระจก แล้วกระจกมาเกี่ยวข้องอะไรกับวิญญาณอย่างนั้นหรือ เพราะพวกเขาเชื่อว่าเงาที่สะท้อนอยู่ในนั้น คือวิญญาณของผู้ส่องนั่นเอง ดังนั้นปีศาจที่ไม่มีวิญญาณ จึงไม่มีเงาในกระจกและหวาดกลัวเงินด้วยเช่นกัน

“ผมไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย” โฮมบอก

“ผมเองก็ไม่เชื่อ” ร่างในชุดผ้ายืดสีเทาเข้มที่ดูเหมือนจะถูกยืดมากจนเกินไปพึมพำ ตอนนี้เขาเหลือความสูงพอๆ กับวสันต์เท่านั้น แต่ก็ยังคงมีมัดกล้ามเนื้อให้เห็น มันเป็นร่างที่เหมาะสมกับผู้ที่เป็นมนุษย์หมาป่า ซึ่งมีการออกกำลังอยู่เป็นประจำ “แต่ก็อย่างที่เห็น มันได้ผลกับผม โดยทั่วไปแล้วมันจะทำให้หัวใจของผมเต้นช้าลง ความตื่นเต้นลดลง ร่างกายหนักขึ้นอะไรแบบนั้น ผมไม่เคยใช้เครื่องเงิน และร้านอาหารที่ใช้ช้อนเงินอะไรพวกนั้นผมก็จะไม่เข้าเช่นกัน”

'ที่จริงแล้วเป็นเพราะฉันไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อ หรือไปนั่งกินอาหารตามร้านหรูหราพวกนั้นต่างหาก' เขาคิดอย่างขมขื่น เขาเป็นนักเขียน ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือการที่เขาเป็นนักเขียนที่ไม่มีชื่อเสียงต่างหาก หนังสือของเขาทำรายได้ให้ไม่มากนัก และสำนักพิมพ์ทั้งหลายต่างก็ไม่ค่อยจะยอมรับพิมพ์งานของเขาโดยง่าย

ส่วนเรื่องผลกระทบของเงินที่มีต่อมนุษย์หมาป่า บางทีมันอาจมีคำอธิบายที่เชื่อมโยงทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันอย่างลึกลับซับซ้อน หรือไม่อย่างนั้น มันก็อาจไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องของความเชื่อ ความเชื่อที่แม้แต่พวกมนุษย์หมาป่าเองก็ยังเชื่อถือโดยที่ไม่รู้ตัว

เสียงของมนุษย์หมาป่านั้นเปลี่ยนไปจากเดิมอยู่บ้าง บางทีอาจเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงรูปของกล่องเสียง หลอดลม ลิ้น ช่องปาก หรือไม่ก็เป็นเพราะการจัดเรียงตัวของฟัน แต่ไม่ว่าอย่างไร โฮมก็ยังคงจัดให้น้ำเสียงแบบนี้ค่อนไปทางกลุ่มของอาชญากรอยู่ดี

โฮมแสดงบัตรประจำตัวของตนพร้อมกับประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง “พวกเราเป็นตำรวจตัวจริง” ก่อนจะหยิบสมุดพกเล่มเล็กของเขาออกมาเพื่อทำการจดบันทึก “โปรดแจ้งชื่อของคุณด้วยครับ”

“...ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าพวกคุณเป็นตำรวจจริงๆ ก็ตำรวจที่ไหนจะมาทำอะไรตอนดึกๆ แถวนี้” ดูเหมือนเขาพยายามจะแก้ตัว

“โปรดแจ้งชื่อด้วยครับ” โฮมถามย้ำอีกครั้ง

“...กู๊ดแมน ผม พี เอ กู๊ดแมน” เขาบอกเบาๆ

ชื่อที่ได้ยินนี้ทำให้โฮมกับวสันต์ต้องรีบสบตากันทันที เธอลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะผ่อนแรงที่เคยกดคมของมีดเงินให้จมลงบนตำแหน่งที่เป็นเส้นเลือดสำคัญบนลำคอ รู้สึกถึงแรงเต้นของมันที่ค่อยๆ แผ่วลง อีกอเล่าให้ฟังว่า หมาป่ามักจะลงมือจัดการกับเหยื่อที่เลือกไว้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพด้วยการกัดเข้าที่เส้นเลือดสำคัญตรงตำแหน่งนี้เช่นกัน และที่เหตุการณ์ทั้งหมดสามารถยุติลงได้โดยไม่มีการขัดขืนที่ไม่จำเป็นนั้น ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะทั้งคู่ต่างก็รู้เรื่องนี้

“คุณคือ คุณกู๊ดแมนตัวจริงแน่หรือ” โฮมถามย้ำ

“ใช่ และผมก็เป็นมนุษย์หมาป่าด้วย ถ้าพวกคุณจะยังไม่รู้กันอีกนะ” เขาเหน็บ

“เอาล่ะ คุณกู๊ดแมน ดูเหมือนเราอาจจะมีการเข้าใจผิดกันอยู่บ้าง แต่เราคงสามารถทำความเข้าใจกันใหม่ได้ไม่ยาก...เอ่อ อ้อใช่ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผม สารวัตรโฮม” เขาผายมือไปทางด้านหลังของกู๊ดแมน “และนั่นคือวสันต์ ผู้ช่วยของผม”

ทั้งสามคนต่างมองกันไปมา ยังคงวางสีหน้ากันไม่ถูก

“เอาล่ะ ผมขอโทษด้วยที่นึกว่าพวกคุณเป็นพวกคนไม่ดีพวกนั้น” กู๊ดแมนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน “และผมคงจะตื่นเต้นมากเกินไปหน่อยก็เลย...กลายเป็นแบบนั้น แล้วเล่นงานพวกคุณ ผมเสียใจ”

แต่โฮมคิดว่ามันไม่ค่อยจะมี ความเสียใจ อยู่ในน้ำเสียงของเขาเลย หรือถ้าจะมีมันก็อาจไม่ใช่ความเสียใจในสิ่งที่เขาได้ทำลงไป แต่น่าจะเป็นความเสียใจที่ลงมือจู่โจมเหยื่อไม่สำเร็จเสียมากกว่า

“เรามาตามหาคุณ คุณกู๊ดแมน” โฮมบอก

“ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเพิ่งจะผิดนัดชำระหนี้ไปเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น ตอนนี้หนังสือเล่มใหม่ของผมก็ใกล้จะเสร็จแล้ว และมันจะต้องมียอดขายถล่มทลายไม่เหมือนกับที่ผ่านมาแน่นอน” กู๊ดแมนพูดรัวจนแทบจะไม่มีการพักหายใจ

“...เราไม่ได้มาด้วยเรื่องนั้น” โฮมว่า 'ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม' เขาคิด “เรามีเรื่องบางอย่างที่จะขอ...” เขารีบนึกหาคำที่เหมาะสม “...ความร่วมมือ จากคุณ คุณกู๊ดแมน” ซึ่งเขาคิดว่ามันคงดีกว่าการใช้คำว่า ขอความช่วยเหลือ อย่างน้อยก็ดีกับความรู้สึกของตัวเขาเอง

“คุณหมายความว่า ไม่ได้มีใคร เอ่อ แจ้งความจับผมอะไรแบบนั้นใช่ไหม”

“ไม่มีแน่นอน คุณกู๊ดแมน” โฮมยิ้มกว้าง 'อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้' เพราะเขากำลังคิดถึงคดีอย่าง ทำร้ายเจ้าพนักงาน หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ อะไรทำนองนั้นอยู่

กู๊ดแมนยิ้มบ้าง และโฮมไม่ชอบฟันขาวที่เรียงรายอยู่ในรอยยิ้มพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย “ถ้าอย่างนั้น เราก็เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า คุณตำรวจ”

“เดี๋ยวครับ” โฮมเรียกในขณะที่กู๊ดแมนกำลังจะเดินผ่านเขาไปที่ประตูของตึกแถวเก่า “กรุณาคืนมีดเล่มที่คุณ เก็บ ไปให้ผมก่อนครับ”

กู๊ดแมนรีบส่งมันคืนมาอย่างไม่ลังเล ก่อนที่เขาจะทำท่าเป็นไม่รู้เรื่องเมื่อโฮมบรรจุกระสุนสองเล่มกลับลงไปในปืนก่อนที่จะเดินตามไป ซึ่งในตอนที่บรรจุกระสุนอยู่นั้น เขาก็แอบเห็นใบหูของกู๊ดแมนกระดิกไปด้วย มนุษย์หมาป่านั้นมีความสามารถในการฟังน้อยกว่าการดมกลิ่น แต่มันก็ยังคงสูงมากกว่ามนุษย์ทั่วไปอยู่ดี เขาหันไปหาวสันต์ที่เดินใกล้เข้ามาพร้อมกับพูดด้วยการขยับปากโดยไม่ส่งเสียง

'ระวังตัวด้วย' เธอพยักหน้ารับทราบ และเขาไม่รู้ว่ามีดเงินเล่มเมื่อครู่ของเธอหายไปอยู่ที่ใดแล้ว 'ว่าแต่ เธอจะมีอีกสักเล่มไหมนะ' เขาสงสัย แต่คิดว่าคงไม่ สุดท้ายจึงไม่ได้ถาม

ภายในตัวตึกนั้นก็มีสภาพเก่าแก่ไม่ต่างจากที่เห็นภายนอก ปูนฉาบแตกหลุดร่วง กับสีที่แทบจะบอกไม่ได้แล้วว่าเคยเป็นสีอะไร แต่ที่ว่างด้านในนี้ก็มีสิ่งที่ทำให้ตำรวจทั้งสองต้องรู้สึกตื่นตะลึงอยู่ด้วย มันคือตู้หนังสือขนาดใหญ่หลายใบที่มีหนังสือบรรจุอยู่เต็ม

“พวกมันคือวัตถุดิบ สมบัติอันล้ำค่าของผม” ไม่รู้ว่ากู๊ดแมนไปหยิบแว่นตามาจากที่ใด และเมื่อสวมแล้วมันก็ทำให้เขามองดูแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย เขาผายมือไปรอบๆ อย่างภาคภูมิใจ และวสันต์ก็สังเกตพบในทันทีว่า นอกจากหนังสือพวกนี้แล้ว ภายในสถานที่แห่งนี้แทบจะไม่มีสิ่งของเพื่อการอยู่อาศัยอย่างอื่นอีกเลย

“ผมควรจะหาน้ำชามาต้อนรับพวกคุณสักหน่อย”

“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันว่าเรารีบคุยธุระกันเลยดีกว่า” เธอรีบบอกเมื่อคิดว่าชุดน้ำชาของเขาจะถูกเก็บเอาไว้ในสภาพไหน 'ถ้ามันจะมีอยู่นะ' และเธอคงจะไม่อยากดื่ม หรือกินอะไรก็ตามที่ถูกเก็บเอาไว้ภายในสถานที่แห่งนี้เป็นแน่ เธอเคยพบกับคุณนายวิกเซ่นมาก่อนแล้ว และนางเป็นคนที่ชมชอบความสะอาด แต่กู๊ดแมนคนนี้แตกต่างออกไป เขาทำเหมือนกับว่าที่นี่เป็นเพียงถ้ำของหมาป่า ไม่ใช่เป็นบ้านอย่างที่ควรจะเป็น 'ยกเว้นแต่หนังสือพวกนี้เท่านั้น'

กู๊ดแมนเลือกตำแหน่งก่อนนั่งลงบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมกับเชื้อเชิญทั้งสองคนให้นั่งลงด้วยกัน ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ไม่อาจปฏิเสธได้

“คุณต้องการอะไรจากผม...คงไม่ใช่อยากได้ลายเซ็นใช่ไหม” เขาทำท่าขยับมือยุกยิกพร้อมกับยิ้มกวน

โฮมจึงให้วสันต์เล่าเรื่องราวทั้งหมด ที่แต่งขึ้นใหม่ในแบบของเธอให้เขาฟัง

“...พวกคุณกำลังติดตามตัวลูกชายของแซนแมนที่คาดว่าจะถูกลักพาตัวไปโดยเด็กสาวหมวกแดงเข้าไปในโลกแห่งความฝันที่ไม่รู้จักด้วยไม้ขีดไฟนี้” กู๊ดแมนยกไม้ขีดที่โฮมส่งให้หนึ่งก้านขึ้นมาดม เขาไม่ได้นำมันมาชิดติดจมูก แต่ถือให้ห่างไปเล็กน้อยก่อนหลับตาลง พร้อมกับสูดลมหายใจเบาๆ “อา...ใช่ กลิ่นของมัน เรื่องที่พาข้ามไปสู่โลกแห่งความฝันนั้นน่าจะเป็นไปได้ แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันยังคงมีกลิ่นจางๆ ของเธอคนนั้นติดอยู่ด้วย ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นก็อาจจะไม่สามารถแยกกลิ่นนี้ได้แบบผม พวกคุณมาตามหาถูกคนแล้ว” เขาฉีกยิ้มกวนแบบเดิม

“หมายความว่าคุณจะยอมร่วมมือ ช่วยพาเราข้ามไปสู่โลกแห่งความฝัน พร้อมทั้งติดตามหาตัวผู้ต้องสงสัยของเราด้วยใช่ไหม” โฮมถามอย่างระวัง เขาไม่คิดว่ามันจะง่ายดาย โดยเฉพาะกับกู๊ดแมนคนนี้

“ใช่” กู๊ดแมนเน้นชัด “ถ้าพวกคุณมีข้อเสนอที่ดีให้ผม”

'นั่นไง' โฮมบ่นในใจ และเขาไม่ชอบต่อรองกับคนประเภทนี้

“ฉันเข้าใจว่าคุณกำลังมีปัญหากับเจ้าหนี้อยู่ใช่ไหม” วสันต์พูดเรื่อยๆ เหมือนกับกำลังพูดถึงเรื่องทั่วไป กู๊ดแมนหรี่ตาที่ย้อมไปด้วยประกายสีแดงของเขา “ช่าย และมันมีหนังสือสัญญาที่ถูกต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”

“ซึ่งฉันเชื่อว่าสัญญาพวกนั้นคงจะไม่ค่อยถูกต้องตามกฏหมายสักเท่าไร” เธอว่า

“นั่นเป็นข้อเสนอจากพวกคุณอย่างนั้นหรือ” เขาว่า และโฮมเกลียดเสียงแบบนี้ มันทำให้เขาคิดถึงเวลาที่เจอกับแมลงสาบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่แย่ที่สุด แต่มันเป็นตอนที่พอเขาเห็นมันก็ไต่หายเข้าไปในขากางเกงของเขาเสียแล้วนั่นต่างหาก เขากำลังจะพูดว่า 'ไม่' แต่เธอกลับชิงตอบออกไปก่อน “ใช่ แค่บอกชื่อเจ้าหนี้ของคุณมา เพราะฉันคิดว่าข้อมูลที่เหลือคงมีเก็บอยู่ในฐานข้อมูลของตำรวจอยู่แล้ว”

“น่าสนใจ แต่คงยังไม่ดีพอ” กู๊ดแมนยักคิ้ว “ขอเป็นไปเที่ยวกับคุณสองต่อสองด้วยได้ไหม คุณตำรวจวสันต์คนสวย” โฮมรู้สึกว่ากู๊ดแมนแอบเหลือบมองมาทางเขา 'มันจะมากไปแล้วพวก' แต่วสันต์กลับพูดว่า “ได้ ฉันตกลง” และนั่นยิ่งทำให้เขาต้องอ้าปากค้าง

“ดี ถ้าอย่างนั้นผมก็ตกลงเช่นกัน และกับตำรวจดีอย่างพวกคุณทั้งสอง ผมคงไม่จำเป็นต้องทำสัญญาอะไรอีกนอกเสียจาก...” เขาจงใจยื่นมือไปตรงหน้าเธอ และเธอก็จับมือเขา หลังจากนั้นเขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินหายไปที่มุมด้านหนึ่งของตู้หนังสือ

'คุณทำอะไร' เขาขยับปากโดยไม่มีเสียง และสีหน้าของเขาคงบอกอะไรได้มากยิ่งกว่าคำถามนี้เสียอีก

'เงียบไว้ก่อน' เธอตอบ พร้อมกับทำท่าบอกว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอเอง
กู๊ดแมนเดินกลับมานั่งลง พร้อมกับวางหนังสือเล่มหนึ่งลงตรงหน้า โฮมจึงสามารถมองเห็นตัวอักษรส่วนหนึ่งที่อยู่บนหน้าปกซึ่งเขียนเอาไว้ว่า

แฟนตาซี


Create Date : 15 มีนาคม 2557
Last Update : 15 มีนาคม 2557 20:43:11 น. 0 comments
Counter : 532 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.