รองเท้าบัลเลต์ (Ballet Shoes)
ผู้แต่ง: Noel Streatfeild / ผู้แปล: งามพรรณ เวชชาชีวะ สำนักพิมพ์: ร่วมด้วยช่วยกัน พิมพ์ครั้งแรก พฤศจิกายน 2550 ราคา 270 บาท
พบกับเรื่องราวประทับใจของสามพี่น้อง สามบุคลิก ตระกูลฟอสซิล กับการตามหาฝันที่โรงเรียนสอนการแสดงและบัลเลต์
พอลลีน เพโทรวา และโพซี เติบโตในบ้านของปู่แมตธิวอย่างมีความสุข จนกระทั่งเมื่อปู่แมตธิวหายสาบสูญและเงินเริ่มร่อยหรอ ทั้งสามพยายามช่วยเหลือทางบ้านอย่างเต็มความสามารถ
พอลลีนใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง เพโทรวามีความสุขที่สุดเวลาอยู่ในอู่รถยนต์ โพซีอยากเต้นบัลเลต์ตลอดเวลา
สามพี่น้องจะทำสำเร็จหรือไม่ ร่วมเป็นกำลังใจให้กับสามพี่น้อง และสนุกสนานไปกับหลากลีลาในโรงเรียนบัลเลต์
* * * * * * * * *
บล็อกหนังสือ แต่ขอเริ่มคุยเรื่องหนังก่อน ... ใครเคยดูหนังรัก Youve Got Mail (นำแสดงโดยทอม แฮงค์และเม็ก ไรอัน) ที่เกี่ยวกับธุรกิจร้านหนังสือ คงจำได้ว่ามีฉากที่นางเอกเข้าไปนั่งร้องไห้ในร้านหนังสือของพระเอก เธอกำลังจะปิดกิจการร้านหนังสือของตัวเองเพราะสู้ร้านเชนสโตร์ใหญ่อย่างฟ็อกซ์ไม่ได้ ระหว่างนั้น มีลูกค้ามาถามหาหนังสือชุด รองเท้า แล้วพนักงานไม่รู้จัก ถามว่าชื่อผู้แต่งสะกดยังไง นางเอกที่นั่งสะอื้นอยู่แถวนั้นเลยสะกดชื่อให้ทีละตัว ตามด้วยข้อมูลหนังสือ ... เป็นฉากที่นักอ่านหรือคนทำร้านหนังสือทุกคนต้องสลด ลูกค้าไม่รู้จักหนังสือเพราะเธอแค่มาซื้อหนังสือนอกเวลาให้ลูก พนักงานทำหน้าที่ขายอย่างเดียวตามหน้าที่ นางเอกเป็นคนเดียวที่รู้จักหนังสือจริง แต่กลับต้องออกนอกวงการ เพราะไม่มีทุนพอสำหรับการแข่งขันในตลาด หนังสือที่หนังเรื่องนี้ใช้เป็นสื่อแสดงถึงความรู้พื้นฐานในวงการก็คือ Ballet Shoes ของโนเอล สเตรทเฟลด์เล่มนี้เอง
หนังสือเล่มนี้เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่มีอายุถึง 70 ปีแล้ว โดยตีพิมพ์เมื่อปี 2479 และขายดีมากขนาดที่คนแต่งเองยังซื้อจากหน้าร้านได้แค่สองเล่ม นี่คือร้านให้สิทธิพิเศษในฐานะคนแต่งแล้วนะ เพราะความจริงร้านให้โควต้าซื้อได้แค่คนละเล่ม! (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Shoes series ได้ ที่นี่)
รองเท้าบัลเลต์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสามพี่น้อง พอลลีน เพโทรวาและโพซี ซึ่งไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันเลย ต่างก็เป็นเด็กที่ กัม (G.U.M. Great-Uncle Matthew) ไปเจอเข้าระหว่างออกเดินทางหาฟอสซิล แล้วนำกลับมาให้หลานสาวชื่อ โซเฟีย กับพยาบาลพี่เลี้ยง นาน่า ก่อนจะออกเดินทางครั้งใหม่ เด็กทั้งสามจึงใช้นามสกุลฟอสซิลที่ตั้งขึ้นเอง และปฏิญาณไว้ว่าจะทำให้ชื่อฟอสซิลนี้ได้อยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ ไม่ให้ใครพูดได้ว่าพวกเธอเดินตามรอยปู่
เมื่อกัมเดินทางหายไปหลายปี โดยไม่ส่งข่าวหรือเงินกลับมา การเงินในบ้านเริ่มฝืดเคือง โซเฟียและนาน่าจำต้องเปิดบ้านให้คนเช่า และส่งเด็ก ๆ ไปโรงเรียนสอนการแสดง เพื่อที่เมื่ออายุครบกำหนด พวกเด็ก ๆ จะได้หารายได้จากการแสดง โชคดีที่เด็กสองในสามชอบการแสดงและเต้นรำเป็นทุนอยู่แล้ว จึงไม่ลำบากใจกับการฝึกฝนเป็นนักแสดงนี้ และโชคดีซ้ำสองที่ผู้เช่าบ้านทุกคนสามารถสนับสนุนพวกเด็ก ๆ ในด้านการศึกษาและคำแนะนำเรื่องอื่นได้ด้วย
หนังสือเล่มนี้อาจเริ่มเรื่องด้วยโทนอบอุ่นน่ารัก ละม้ายคล้ายบรรยากาศในหนังสือของเอนิด ไบลตันที่ผู้ใหญ่ทุกคนปกป้องและโอ๋เด็ก แต่ยิ่งเด็กเริ่มโต เรื่องก็ยิ่งจริงจัง มีเรื่องการศึกษา เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เข้ามาให้คิด รวมถึงความชอบ ความฝัน การแข่งขันในหมู่เพื่อน ...และจุดที่ชอบมากคือ เรื่องนี้เขียนให้เด็กโตแล้วมีความคิดเป็นของตัวเอง รู้จักขวนขวาย กล้าเลือก กล้าเสี่ยงและค้านผู้ใหญ่ (อย่างมีเหตุผล--แม้จะเป็นเหตุผลจากคนละมุมมองกัน) แล้วผู้ใหญ่ก็รับฟังในที่สุด
ตัวละครสามพี่น้องในเรื่องมีเสน่ห์ไปคนละแบบ พอลลีน สวยแบบตุ๊กตาอังกฤษ ตาสีฟ้า ผิวอมชมพู ผมบลอนด์เป็นหลอด นิสัยรักการแสดง เธอเป็นคนแรกที่อายุครบจะหางานแสดง เลยมีบทบาทในเรื่องมากกว่าพี่น้องคนอื่น เพโทรวา ผมดำเงางาม โครงหน้าแบบรัสเซีย ชื่นชอบเครื่องยนต์เป็นชีวิตจิตใจ โพซี ผมสีแดงสะดุดตา รักการเต้นบัลเลต์และทำให้คนหัวเราะกับการแสดงเลียนแบบได้เสมอ ทั้งสามคนเป็นตัวละครแบบที่คนอ่านจะเอาใจช่วยหรืออยากสวมบทบาทได้ไม่ยาก โดยเฉพาะเมื่อสามคนนี้มีเป้าหมายร่วมกันคือหาเงินมาจุนเจือครอบครัวด้วยการแสดง เวลาอ่านเลยลุ้นตลอดว่าใครจะได้งานดี ๆ เป็นคนต่อไป ใครจะได้แสดงความสามารถไหม ฯลฯ
ถึงจะแต่งมานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว เล่มนี้ก็ยังอ่านติดหนึบค่ะ จขบ. อ่านรวดเดียวจบเลย เหตุผลแรกที่อ่านแล้ววางไม่ลงก็คือลุ้นเรื่องการแสดงของแต่ละคน เสียดายที่โพซีมีบทน้อยไปหน่อย เรื่องเกริ่นถึงความสามารถไว้เสียเลิศเลอ แต่ไม่ยักกะมีบทให้โชว์แฮะ วางเล่มนี้ลงด้วยความรู้สึก อิ่มอารมณ์ ซึ่งแปลว่าเล่มนี้มีสาระดี
ความพิเศษของเรื่องนี้คือ ความจำเป็น (ครอบครัวไม่มีเงิน) กับ ความฝัน (เด็กชอบการแสดง) หลอมรวมเป็นเรื่องเดียวกัน เรื่องราวความสำเร็จของสามพี่น้องเลยเป็นทั้งการแก้ปัญหาหลักในเรื่องและการดึงดูดด้วยเรื่องหวือหวาพาฝัน ซึ่งในเล่มนี้ใช้ฉากเป็นโลกการแสดง เรื่องเลยยิ่งดึงดูดใจ เพราะคนสมัยไหนก็ชอบอ่านเรื่องประเภท เส้นทางสู่ถนนสายดวงดาว (ที่จบแบบแฮปปี้) อยู่แล้ว ดังนั้น เรื่องนี้จึงอ่านสนุกทุกยุคสมัย แถมยังมีคุณค่ามากขึ้นด้วย เพราะเป็นหนังสือเด็กที่ realistic ดี นั่นคือแฝงคติปลูกฝังให้เด็กเตรียมตัวเป็นผู้ใหญ่ (พูดง่าย ๆ คือ รู้จักทำมาหากิน) พร้อมกับให้อ่านสนุก
แนะนำทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่ชอบหนังสือเด็กค่ะ
Create Date : 20 มกราคม 2551 |
Last Update : 20 มกราคม 2551 6:10:11 น. |
|
18 comments
|
Counter : 2167 Pageviews. |
|
|
|