ผู้แต่ง: โยฮัน ธีโอรีน / ผู้แปล: อุษา ฤทธาภิรมย์สำนักพิมพ์สันสกฤตพิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม 2552ราคา 350 บาท20 ปีที่เเล้ว เด็กชายตัวเล็กๆ เดินหายไปในสายหมอกหนาจัดบนเกาะเออลานด์ของสวีเดน ไม่มีร่องรอยใดๆ ว่าหนูน้อยหายหรือตายไปอย่างไร เเฟ้มคดีถูกปิดไปเนิ่นนาน ปล่อยให้ผู้เป็นเเม่จมอยู่กับความเศร้าซึมที่กัดกร่อนจิตใจเธอตลอดมาจู่ๆ วันหนึ่ง รองเท้าเเตะข้างหนึ่งของเด็กชายที่เขาสวมใส่ในวันที่เดินหายไปในสายหมอก ถูกส่งมาให้คุณตาของเขาทางไปรษณีย์ มันคือจุดเริ่มต้นของปมคำถามว่า...ใครส่งมา? ส่งมาทำไม...? ส่งมาเพื่ออะไร?เรื่องราวสืบสวนรสชาติสวีดิชที่นุ่มลึก ขมุกขมัวเเต่เเหลมคมสมจริงอย่างที่คุณไม่อาจคาดเดาได้ จนกว่าหน้าสุดท้ายจะมาถึง รางวัลยอดเยี่ยมสมาคมนักเขียนเรื่องสืบสวนเเห่งสวีเดน เข้าชิงรางวัล CWA International Dagger Award แปลแล้ว 18 ภาษา* * * * * * * *เล่มนี้เป็นแนวสืบสวนที่ขมุกขมัวอย่างที่บอกไว้ตรงปกหลังจริงๆ ค่ะ ไม่ว่าจะฉากเมืองเออลานด์ที่เป็นเมืองเล็กแทบร้าง ผู้อาศัยเป็นอดีตชาวเรือ คนงานเหมืองขุดหินหรือคนงานตัดไม้ที่ล้วนแต่ย่างเข้าวัยแย้มฝาโลง ไม่มีคนหนุ่มสาวในเรื่องเลย สภาพอากาศก็หนาวและมีหมอกเสียส่วนใหญ่ ระหว่างที่อ่านก็จะรู้สึกหม่นๆ พิกลการเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ยิ่งเพิ่มความหม่นในฉาก (กลมกลืนดีนะ ) ตัวละครไม่ใช่แบบที่จะเอาข้อมูลมาแบ่งกันแล้วมีตัวนักสืบสมัครเล่นมาโยงใยหาข้อสรุป ความจริง จะบอกว่าไม่มี "นักสืบ" ก็ว่าได้ เพราะตัวแม่ของเด็ก..จูเลีย..แค่กลับมาดูว่ามีความคืบหน้าเรื่องลูกชายไหม ไม่ได้มุ่งหาคนร้าย ส่วนตัวตา..แยร์ลอฟ..ก็แค่แย็บหาเบาะแสบางอย่างที่เขาสงสัย มีนายตำรวจอีกราย..แต่รายนี้ไม่สงสัยอะไรเป็นพิเศษ ดังนั้น เรื่องจะเหมือนพาเราไปดูบรรยากาศเมืองทั่วไป ดูชีวิตของคนโน้นคนนี้มากกว่าจะมุ่งสืบเน้นๆแต่คนอ่านจะรู้ว่ามีเงื่อนงำสืบสวนรออยู่ เพราะคนแต่งเดินเรื่องในอดีตกับปัจจุบันสลับกัน โดยเปิดเรื่องตอนที่หนูน้อย เยนส์ เดินไปเจอชายชื่อ นิลส์ คันท์ กลางสายหมอก เขารู้ว่าสายเกินไปแล้วที่จะวิ่งหนี ... จากนั้นก็ตัดมายุคปัจจุบัน สักพักก็ตัดไปที่เรื่องราวชีวิตของนิลส์ คันท์ ซึ่งออกจะเป็นพวกโรคจิตน่ากลัว สไตล์ urban legend หน่อยๆ ... สลับไปมาอย่างนี้จนถึงไคลแมกซ์ช่วงท้าย ที่ขอบอกว่าพลิกล็อกเกินคาดแฮะสรุปว่าอ่านแล้วไม่น่าเบื่อเลย สาเหตุแรกเพราะมีการตายเกิดขึ้นก่อนที่จะเบื่อ จากนั้นก็เผลอตามเบาะแสโน่นนี่ไปจนลืมตัว ได้เล่มนี้มาปุ๊บก็อ่านจบในวันถัดมาเลย เป็นแนวสืบสวนที่นุ่มๆ ไม่โฉ่งฉ่างดีค่ะ และถ้าพิจารณาถึงเหตุจูงใจในการฆ่าแต่ละครั้ง จะเห็นถึงธาตุแท้ของมนุษย์หลายๆ แบบดีด้วย