4 ปีนรกในเขมร
ผู้แต่ง: ยาสึโกะ นะอิโต / ผู้แปล: ผุสดี นาวาวิจิต สำนักพิมพ์: ผีเสื้อ พิมพ์ครั้งที่ 9 กันยายน 2543 ราคา 149 บาท
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงของ ยาสึโกะ นะอิโต สตรีญี่ปุ่นคนแรกที่แต่งงานกับชาวกัมพูชาชื่อ โศ ทันลัน สามีของเธอทำงานประจำกระทรวงการต่างประเทศที่พนมเปญ ยาสึโกะติดตามสามีที่โยกย้ายไปประจำตำแหน่งที่ไซง่อน มอสโก โปแลนด์ ก่อนจะกลับประเทศเขมรในปีพ.ศ. 2515 เมื่อสามีของเธอครบเกษียณอายุราชการลาออกมาอยู่อย่างสงบที่พนมเปญ
ในปี 2515 นั้น กองทัพเขมรแดงเริ่มยิงปืนใหญ่เข้าเมือง ปี 2516 มีการลงนามในสนธิสัญญาสงบศึกระหว่างอเมริกากับเวียตนามที่กรุงปารีส อเมริกาถอนกำลังออกจากเวียตนามโดยสิ้นเชิง แต่ในวันที่ 1 มกราคม 2518 กองทัพเขมรแดงกลับเคลื่อนเข้าสู่กรุงพนมเปญ ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่หลบหนีออกจากประเทศ เหลือแต่หญิงญี่ปุ่นที่แต่งงานกับชาวเขมรทั้งหมด 10 คน ไม่มีใครรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเขมรหลังจากนั้นนานถึง 4 ปี (2518-2522)
หนังสือเล่มนี้เป็นข้อความซึ่งยาสึโกะบันทึกระหว่าง พ.ศ. 2515-2518 ผู้ปรากฏชื่อในเรื่องนี้บางฅนยังมีชีวิตอยู่ แต่บางฅนล้มหายตายจากไปแล้ว นี่เป็นความจริงที่โหดร้ายที่สุด น่าเศร้า และไม่น่าเชื่อ
* * * * * * * * *
จขบ. เพิ่งเคยอ่านเล่มนี้ค่ะ นึกว่ามันจะโหดร้าย กดดัน เครียดจนอ่านไม่ไหว ปรากฏว่าไม่ถึงขนาดนั้นแฮะ (เรื่อง 'ทาสกาม' ยังกดดันกว่าเยอะ แต่เล่มนั้นเป็นนิยาย)
เนื้อหาเขียนเป็นลักษณะไดอารี่รายสะดวก เพราะทางการไม่อนุญาตให้บันทึกอะไรไว้ เนื้อหาไม่ได้บรรยายยาวเป็นวา ช่วงแรกที่ครอบครัวเริ่มออกจากพนมเปญจะเขียนไว้ยาวหน่อย บอกเล่าความรู้สึกและการสูญเสียไว้ แต่พอนานเข้า เนื้อหาส่วนใหญ่เริ่มเหลือแค่การจดว่าวันนี้มีอะไรกิน ทำอะไรบ้าง รัฐบาลมีข่าวอะไร หรือไม่ก็พูดถึงเพื่อนชาวเขมรคนโน้นคนนี้
ถ้าหนังสือเล่มนี้จะบีบคั้น ก็คงเป็นเพราะอารมณ์ที่ไม่ได้พรรณนาออกมานี่แหละ
แต่โดยรวมแล้ว จขบ. อ่านได้แฮะ (เคยนึกว่าอ่านแล้วคงร้องไห้ปางตาย)
ช่วงที่จขบ. คิดว่าซึ้งและสวยงาม กลับเป็นบทนำที่เขียนโดย โนริโมโต โมริ ผู้สื่อข่าวที่เข้าไปบันทึกภาพสงครามในพื้นที่และเผอิญได้รับโน้ตขอความช่วยเหลือจากคุณโยสึโกะ จึงเริ่มการค้นหาจนพบตัวเธอจนพบ
"บนถนนสายหนึ่ง ในย่านที่เคยเจริญและมั่งคั่งที่สุดของพนมเปญ เมื่อครั้งก่อนโน้น มีทหารเดินตรวจตราอยู่ประปราย ทหารเหล่านั้นยังดูเด็กเหลือเกิน อายุคงไม่เกิน 15 ปี หน้าตาท่าทางดูเศร้า ไม่มีความหวังหรือความรู้สึกอื่นใดเหลือในชีวิต แลดูเหมือนหุ่นมากกว่าที่จะเป็นคน เขาคงเพียงแต่มีชีวิตอยู่ให้ผ่านไปวันหนึ่ง ๆ โดยไม่หวังอะไร ...
ทหารหนุ่มคนหนึ่งเล่นเปียโนด้วยบทเพลงที่ผมไม่รู้จัก อาจจะเป็นเพลงเขมร หรือเพลงที่เขาเพิ่งแต่งขึ้นในตอนนั้น ผมหยุดยืน ส่องกล้องถ่ายภาพยนตร์ไปที่นั่น จับนิ่งอยู่กับภาพเดียวนั้นเป็นเวลานาน
มันช่างแสนเศร้า ราวกับว่าแต่ละบทของท่วงทำนองนั้นเขียนขึ้นจากสายเลือดที่ไม่อาจหลั่งไหลได้อีกแล้ว ประสานด้วยเสียงซึ่งกลั่นจากน้ำตา และล่องลอยไปด้วยสายลมแห่งความทุกข์โศกมิรู้จบ---เสียงเปียโนดังแผ่นกระทบซากตึกที่อยู่ฝั่งตรงข้าม สะท้อนกลับ รับกับเสียงใหม่ที่นิ้วเล็ก ๆ ของชายหนุ่มจิ้มลงบนคีย์
ผมอยากให้คนทั้งโลกได้ยินเสียงเพลงบทนี้ ได้เห็นภาพซึ่งอยู่เบื้องหน้า ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่ไม่สามารถวัดได้ด้วยมาตราใดก็ตามในโลก บางทีทุกคนจะได้รู้ว่าผลของการกระหายอำนาจ ความมักใหญ่ใฝ่สูงนั้น ได้ทำให้คนอื่น ๆ ที่ไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวอะไรต้องเป็นอย่างไรบ้าง
ไม่มีความสวยงามเหลือให้เห็นอีกแล้ว ..."
อ่านเรื่องย่อได้ ที่นี่
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2551 |
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2551 14:23:49 น. |
|
18 comments
|
Counter : 4392 Pageviews. |
|
|
|
เราอาจจะช่างจินตนาการมากไปหน่อย เลยอ่านไปร้องไห้ไปง่ะ นึกภาพเขาต้องเห็นคนที่รักตายไปทีละคน ๆ แล้วมันสลดใจ...ยิ่งคิดถึงว่าเขาเคยมีความเป็นอยู่ที่ดีเพียงใด แต่ต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนั้น...
แม้แต่เกลือก็ยังต้องปันกันเป็นเม็ด ๆ เศร้าอ่ะ...