วิมานทรายบนสายรุ้ง
ผู้แต่ง: เพ็ญศิริ สำนักพิมพ์: ดอกหญ้า 2000 พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม 2550 ราคา 245 บาท
ความฝันทั้งชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่ง เพื่อสร้างวิมานอันงดงามฝากไว้บนขอบฟ้าอันไกลโพ้น เป็นวันที่สุดแห่งความหวัง
เธอเฝ้าทุกเวลานาที แห่งชัยชนะและเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว เหลือเพียงก้าวเดียวเท่านั้น เธอก็จะข้ามโพ้นสะพานสายรุ้งสู่ความสำเร็จ
แต่...ภาพทุกอย่าง พลันหายไปกับตา เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับหัวใจสลาย เมื่อวิมานพังครืน เม็ดทรายต่างหาก คือรางวัลอันเจ็บปวดของผู้หญิงทะเยอทะยานเช่นเธอ สมควรได้รับ
* * * * * * * * *
ก่อนอื่นเลย ขอบอกว่าคำโปรยบนปกหลัง (ข้างบนนี้) ไม่ได้ตรงกับเนื้อเรื่องในเล่มเลย คือก็ตรงนะ ถ้าเอาตัวร้ายเป็นโฟกัส แต่มันไม่ใช่อ่ะกิ๊บ
พล็อตแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งลูกเลี้ยงที่มีศักดิ์เป็นหลานแท้ ๆ จนการะเกดต้องหนีออกจากบ้านไปอยู่คณะนางรำตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จึงมีความเป็นอยู่ดีขึ้น แต่เธอก็ยังหนีไม่พ้นความเกลียดชัง เมื่อเธอโตขึ้นมาเป็นสาวงาม มีชายหนุ่มหลายคนมาติดพัน เป็นเหตุเพื่อนสาวรำวงด้วยกันหมั่นไส้ เมื่อเธอเข้าเรียนในบางกอกก็โดนเกลียดชังจากเพื่อนร่วมห้อง 2 คน เพราะชายที่พวกนั้นชอบมาติดพันเธอ และหนึ่งในสองคนนั้นคือกำไลทอง..น้องสาวของเธอเอง
โฟกัสของเรื่องอยู่ที่การะเกด นางเอกสไตล์นิยายยุคเก่าที่ไม่มีปากมีเสียง ทนการกลั่นแกล้งทุบตีได้ไม่หยั่น ไม่คิดโกรธแค้น แถมยังให้อภัยและหวังดีกับผู้ทำร้ายได้อีกต่างหาก แน่นอนว่าพระเอกสุดหล่อ ชาติตระกูลดี เป็นที่หมายปองของสาวทุกคนในเรื่อง..จะต้องมาหลงรักนางเอกคนนี้ (ทั้งนี้เพื่อให้นางเอกโดนตัวร้ายกลั่นแกล้งรังเกียจยิ่งขึ้น ฮา) แล้วตัวร้ายก็จะยิ่งรังแกนางเอกที่ไม่โต้ตอบเลยด้วยความเมามัน จนถึงจุดอิ่มตัว ความร้ายกาจเผยออกมาเอง (สรุปว่า นางเอกแผนสูงที่สุดในเรื่อง )
เรื่องนี้ใช้ฉากช่วงก่อนผลัดศตวรรษ ก่อนขึ้นพ.ศ. 2500 เล็กน้อย เลยแทบไม่มีการติดต่อสื่อสารในเรื่อง ชาวบ้านมีน้ำใจแต่ก็ไม่เข้าไปก้าวก่ายครัวเรือนคนอื่น
ช่วงแรกของเรื่องที่หนูน้อยการะเกดโดนแม่เลี้ยง/น้าทุบตีนี่ยังอ่านแล้วสมเหตุผล ได้อารมณ์นิยายน้ำเน่าดี ช่วงกลางเรื่องที่เป็นเรื่องของสาวรำวงอิจฉากระแนะกระแหนกันก็ยังโอเค หรือฉากที่น้องสาวพระเอกหึง เพราะพิทยา (เพื่อนพระเอก) ทำท่าจะชอบนางเอก เธอเลยร่วมมือกับกำไลทองกลั่นแกล้งนางเอกตลอด..ก็ยังเข้าใจ แต่จขบ. คิดว่าปัญหาใส่ร้ายในตอนท้ายออกจะเว่อร์ไม่สมเหตุผลไปหน่อย Spoil: ช่วงท้ายเล่ม คณะนางรำกำลังแย่เพราะพวกนางรำมีปัญหา นางเอกกลับไปดูแลจนขาดเรียนเป็นเวลานาน ใครมาตามเธอก็ทำเฉย พวกตัวร้ายถือโอกาสปล่อยข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ ทำให้บรรดาครูเตรียมไล่เธอออกหากเธอไม่มารายงานตัวภายในกำหนด
ที่ว่าไม่สมเหตุผลก็เพราะ..นางเอกทำอะไรไม่บอกใครผิดวิสัยเด็กมีมารยาท นึกจะหยุดยาวก็หยุด ไม่บอกกล่าวใครแม้แต่เจ้าของบ้านที่มาอาศัยอยู่ด้วยหรือครูผู้มีพระคุณฝากฝังเธอ ไม่แจ้งลากับโรงเรียน หรือถ้าอยากเลิกเรียนไปดูแลคณะก็ลาออกไปเลยสิ นี่อยู่ ๆ ก็หายไปให้คนเขางงเล่น แบบนี้ ถึงไม่มีตัวร้ายคอยแกล้ง เธอก็สมควรโดนโรงเรียนพิจารณาไล่ออกอยู่ดี (หรือถือว่าเป็นนางเอกแล้วได้สิทธิพิเศษ?) ในขณะเดียวกัน พวกครูก็บ้าจี้ เตรียมไล่นร. ออกเพราะข่าวลือ ทุกคนเชื่อข่าวลือหมดเลยตอนนั้น อ่านแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมถึงหูเบากันยกโขยงเลยเนี่ย
สรุปว่าเป็นนิยายน้ำเน่ายุคเก่าที่สำนวนบรรยายโน่นนี่ชวนให้อ่านเพลินดีค่ะ แต่นักอ่านรุ่นใหม่อาจจะอ่านไปค่อนขอดความเว่อร์แบบนิยายสมัยเก่าไปด้วย เช่น พ่อนางเอกที่ลูกสาวโดนแม่เลี้ยงทุบตีแล้วพ่อไม่รู้เรื่องเอาเลย (ซื่อบื้อ แต่ตอนจะตายเกิดรู้ดีขึ้นมาเชียว) หรือนางเอกที่ท่าทางจะต่อมอารมณ์พิการ (เหมือนเธอกำลังบอกว่า 'แกล้งฉันเถอะ') ... ในวงเล็บคือความคิดที่แว่บขึ้นมาของจขบ. ตอนอ่านค่ะ ไม่สามารถสวมอารมณ์คนยุคนั้นได้ แหะแหะ
Create Date : 26 มกราคม 2551 |
Last Update : 26 มกราคม 2551 2:43:55 น. |
|
9 comments
|
Counter : 822 Pageviews. |
|
|
|