"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 
16 กันยายน 2554
 
All Blogs
 

แนะนำเรื่องสั้น ของ เจียวต้าย ชุด เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา .. คนชอบเขียน




เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา

คนชอบเขียน

"เพทาย"




ความที่ผมรักการอ่านการเขียนมาตั้งแต่เด็ก ผมจึงชอบอ่านหนังสือทุกชนิด ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร ทุกชนิด รวมทั้งหนังสือพระ หนังสือแจกงานศพ ตลอดจนหนังสือโป๊ ที่ต้องแอบขายแอบอ่าน และใบปลิวทุกชนิด อ่านแม้กระทั่งข้อความที่ เมื่อก่อนแอบเขียนกันตามกำแพงวัด ในซอกมุมที่มืด ๆ หรือในส้วมสาธารณะ ซึ่งต่อมาได้ลุกลามออกมาในที่เปิดเผย ตามรั้วและกำแพงบ้าน ซึ่งไม่มีศิลปะในการเรียบเรียง ไม่เป็นการเคารพและให้เกียรติ แก่ภาษาไทยของเราเลย

ข้อสำคัญก็คือการทำลายหรือทำความเสียหาย ให้แก่เจ้าของพื้นที่ซึ่งใช้รองรับข้อเขียนนั้น อย่างรั้วหรือกำแพงที่เขาอุตส่าห์ทาสีเสียสวยงาม ก็มีข้อเขียนสีดำบ้างสีขาวบ้าง เปรอะเลอะเทอะไปหมด แม้จะมีผู้มาช่วยลบข้อความเหล่านั้น ด้วยสีขาวหม่น ๆ ซึ่งได้ทาเพื่อจะทับตัวอักษรเหล่านั้นเป็นปื้น ๆ ก็ดูเหมือนจะเกิดความน่าเกลียดเท่าเดิม ยิ่งเป็นตู้ไปรษณีย์ หรือตู้เชื่อมสายโทรศัพท์ ตัวอักษรหรือสีที่ป้ายทับ ก็จะยิ่งทำลายข้อความหรือตัวเลข ที่เป็นเครื่องหมายของตู้นั้น ให้ลบเลือนหรืออ่านไม่ออกไปเสีย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ป้ายแนะนำหรือคำสั่งห้าม ของเจ้าหน้าที่จัดการจราจร ป้ายบอกเส้นทาง บอกชื่อตำบล ตามสี่แยกในเมือง หรือบอกระยะทางเป็นกิโลเมตรริมทางหลวง ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะที่ไม่คุ้นเคยกับเส้นทางนั้น เมื่อได้ถูกตัวอักษรอันไร้สาระเหล่านั้นบดบังเสียแล้ว ประโยชน์ที่ประชาชนผู้ซึ่งสัญจรไปมาจะได้รับ ก็จะสูญเสียไปจนหมดสิ้น และจะต้องเสียงบประมาณของแผ่นดิน ในการแก้ไขซ่อมแซม อย่างน่าเสียดายอีกด้วย

ผมจึงชอบข้อเขียน ที่เดิมจะอยู่ตามท้ายรถบรรทุกสิบล้อ แต่เดี๋ยวนี้ได้กลายเป็นสติ๊กเกอร์ แปะตามกระจกรถเมล์เล็กและรถโดยสารประจำทางทั่วไป เพราะคล้องจองเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย และเป็นคำที่มีความหมายในทางขบขัน บางชิ้นอาจจะมีความหมายไปในทางหยาบคายบ้าง ก็น้อยเต็มที

คนที่โดยสารรถประจำทางเป็นกิจวัตร เพราะไม่มีรถส่วนตัวอย่างผม จึงได้เห็นข้อความเหล่านั้นเสมอ มากมายหลายสิบแบบ ไม่จำเป็นจะต้องยกตัวอย่างท่านผู้อ่านก็คงจะนึกออก แต่ข้อความที่เขียนด้วยปากกาหมึกแห้ง ซึ่งปรากฎอยู่บนพนักพิงด้าน หลังของเก้าอี้ที่อยู่ค่อนไปทางท้าย ๆ ของรถประจำทางระยะไกล ที่วิ่งออกไปยังเมืองบริวารของกรุงเทพนั้น ก็จะมีรูปแบบเช่นเดียวกับที่ชอบเขียนตามกำแพงหรือเสาไปฟ้าต้นใหญ่ ๆ ในเมืองเหมือนกัน ผู้เขียนคงจะมีหลายกลุ่มและเดินทางเป็นประจำ จึงสามารถเขียนตอบโต้กันไปมาอย่างดุเดือดขึ้นทุกที จนเปรอะไปหมดทั้งแผ่นพนักพิงนั้น และมีความคิดในการเปลี่ยนสีของหมึกไม่ให้เหมือนกัน จึงอ่านออกเกือบทุกประโยค

แม้จะไม่ชอบวิธีการ แต่ผมก็ติดใจอยู่บทหนึ่งที่เขียนเป็นสาระ ไม่เหมือนใครเลย บนรถโดยสารประจำทาง ที่แล่นจากสถานีขนส่งสายใต้ ไปจังหวัดนนทบุรี มีความเป็นกลอนแปดว่า

ในนภาท้องฟ้าอันแสนกว้าง
ผมจะสร้างตำนานให้คุณเห็น
พวกเทคนิคเทคโนที่คุณเป็น
คุณจะเห็นผมนี้หรือคือบิดา


ผมอาจจะคัดมาคลาดเคลื่อนก็ได้ เพราะมีเวลาน้อย และลอกอย่างรีบเร่ง บนรถที่แล่นอย่างรวดเร็ว ตามเส้นทางที่ไม่เรียบร้อย แต่ยังคงความหมายอยู่อย่างครบถ้วน เว้นแต่สรรพนามของบุรุษที่หนึ่งและบุรุษที่สองเท่านั้น ที่ผมแก้ให้สุภาพขึ้น เพราะเจ้าของลายมือท่านเขียน ตรงตามภาษาสมัยพ่อขุนเปี๊ยบเลย

ผมคิดว่า น่าจะเป็นคนที่ชอบอ่านชอบเขียนมาตั้งแต่เด็กอย่างผม นะครับ.

##########

นิตยสารโล่เงิน
เมษายน ๒๕๔๗



โดย: เจียวต้าย วันที่: 16 กันยายน 2554 เวลา:5:38:03 น.




 

Create Date : 16 กันยายน 2554
12 comments
Last Update : 16 กันยายน 2554 8:54:01 น.
Counter : 605 Pageviews.

 

สวัสดีตอนเช้าค่ะท่านเจียวต้าย

เรื่องของคนชอบเขียนตามฝาผนัง ทั้งเล็กและใหญ่นี่ ที่ใหนๆ ก็มีพวกแบบนี้ มากมาย

แต่คิดๆไป น่าจะมี การทำฝาผนังไว้เป็นจุด ๆ ให้เขียนหรือว่าวาดรูปแบบสามารถลบเองได้ ทำไว้ให้พวกอยากลองมือ ได้มีที่เขียน หรือหัดวาดรูปนะคะ


โดย: Katai_Akiko วันที่: 16 กันยายน 2554 เวลา:7:34:56 น.

 

โดย: Katai_Akiko (sirivinit ) 16 กันยายน 2554 8:55:28 น.  

 

สวัสดีค่ะ

"ในนภาท้องฟ้าอันแสนกว้าง
ผมจะสร้างตำนานให้คุณเห็น
พวกเทคนิคเทคโนที่คุณเป็น
คุณจะเห็นผมนี้หรือคือบิดา"

สงสัยของเดิมจะเป็น

ในนภาท้องฟ้าอันแสนกว้าง
กรูจะสร้างตำนานให้มรึงเห็น
พวกเทคนิคเทคโนที่มรึงเป็น
มรึงจะเห็นกรูนี้หรือคือพ่อมรึง

เด็ดเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ

นาถชอบเรื่องเล่า วรรณกรรมห้องน้ำที่ว่า

"บวชชีเพราะช้ำรัก"
ความต่อ
"อกหักเพราะรักชี"
ความต่อ
"บวชยี่สิบปี...."
ความต่อ "อนุมัติ"
อะทิบบ่อดีกรมสาดสะหนา

คนไทย มีนิสัยเจ้าบทเจ้ากลอน
ไม่นอนเปล่ากันทั้งเมืองค่ะ

วันนี้ตกอันดับ มาอยู่ที่ ๒ ปกติค่ะ

 

โดย: nart (sirivinit ) 16 กันยายน 2554 9:03:54 น.  

 


คุณลุงสามารถจริงๆ ค่ะ อุตส่าห์จำมาลอกมาด้วย...

ของพี่นาถที่จำมา...ถ้าว่ากันเขียนตามฝาห้องน้ำ ออกแนวหยาบคาย แจกเบอร์โทร. แปลกๆ กันก็เยอะนะคะ อยู่ตรงหน้าเรา...ไม่อ่านก็เนาะ ระดับสายตาพอดี...


สวัสดีค่ะพี่ต่าย วันนี้คงยังไม่เข้ามามังคะ

คอมเมนท์นี้พี่นาถยกมาวางให้วันนี้แน่เลยค่ะ


เสาร์-อาทิตย์ หนูไม่ได้เข้าบล็อก แล้วหนูจะมาอ่านย้อนหลังนะคะคุณลุง




 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 16 กันยายน 2554 13:58:13 น.  

 

เพิ่งตื่นค่ะ

พี่ต่ายเข้ามาเป็นคนแรกเลยค่ะน้องหนู
พี่นาถสิเข้ามาทีหลัง
ต้องไปยกมา
ดูวันที่กะเวลาสิ .. ฮิฮิ

 

โดย: nart (sirivinit ) 16 กันยายน 2554 14:16:21 น.  

 


เอ๋อ...จริงด้วยค่ะ


หนูนึกว่าเมื่อคืน....


 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 16 กันยายน 2554 15:12:34 น.  

 

วันนี้เหงาๆ เงียบๆ
ด้านนอก ฟ้าก็สลัวมัวหม่น
ราวกับฝนกำลังจะตก

ท่านเจ้าของเรื่อง คงไปทำบุญที่วัด
แล้วชมวัดอยู่น่ะ
มาวางเรื่องตั้งแต่ตีห้าเศษๆ

วันนี้จะไม่ล้อหนึ่งวันค่ะ...

 

โดย: nart (sirivinit ) 16 กันยายน 2554 15:58:05 น.  

 

พอวางเรื่องนี้เสร็จก็กินอาหารเช้าด้วยขนมปังปั่นกับนมเย็น แล้วเข้าพันทิปไม่ได้เพราะปิดซ่อม ก็ออกจากบ้านไปมูลนิธิปอเต็กตึ๊งครับ

วันนี้วันที่ ๑๖ ก.ย.ไปทำบุญให้ลูกชายคนโต และบริจาคเงินช่วยน้ำท่วม

เดินตั้งแต่แยกเสือป่า ไปจนถึงปอเต็กตึ๊ง แล้วเดินกลับมาขึ้นรถ ปอ.๔๙ ที่หน้าโรงพยาบาลกลาง ถึงบ้านกินมื้อกลางวัน ด้วยข้าวต้มกับปลาเค็ม อิ่มแล้วก็นอนเพราะเพลียเต็มทีครับ

เดี๋ยวนี้แดดกรุงเทพตั้งแต่สามโมงเช้า ถึงสามโมงเย็นร้อนแทบละลายครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 16 กันยายน 2554 18:07:10 น.  

 

เขาปิดเฉพาะหลังไมค์ไม่ใช่หรือคะพี่ห่อ
ก็นาถ ยังอั๊พบล็อกได้ตลอดเวลา
เพียงแต่ง่วง ก็หนีไปนอนเท่านั้นค่ะ

พอบ่าย เน็ท.อืดสุดๆ

ก็นาถทราบว่า วันนี้พี่ห่อต้องไปทำบุญ
ถึงบอกว่า "จะไม่ล้อ ๑ วัน ไงคะ"


แดดที่ไหน ก็แรงทั้งนั้นค่ะ
ที่ออสเตรเลียยิ่งแล้วใหญ่
หน้าร้อนนี่ ตีห้า แดดแจ๋แหว
และแดดแรงมาก ขืนตากแดดเป็นผิวไหม้
แถวนั้น ชั้นบรรยากาศรั่วด้วย
เราไม่ชิน น่ากลัวมะเร็งผิวหนังมากค่ะ

 

โดย: nart (sirivinit ) 16 กันยายน 2554 18:54:43 น.  

 

เข้าไม่ได้ทุกห้องเลยครับ
แต่เข้าบล็อกได้ ผมจึงมาวางเรื่องตอนเขาปิดได้ไงครับ
คุณนาถช่างเดาใจผมได้แม่นดีจริง ๆ ครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 17 กันยายน 2554 8:26:49 น.  

 

เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา

ผู้บำเพ็ญประโยชน์

" เพทาย "

หมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่นี้ ไม่ใช่มีทางเข้าออกเพียงทางเดียวหรือสองทาง เหมือนอย่างหมู่บ้านสมัยใหม่ทั่ว ๆ ไป แต่มีซอยกว้างขวางให้รถวิ่งสวนกันได้ ผ่ากลางหมู่บ้าน จากถนนใหญ่สายหนึ่งไปยังถนนใหญ่อีกสามสายถึงสิบซอย ดังนั้นจึงมีรถที่แล่นผ่านเข้าซอยนี้ไปออกซอยโน้น ตลอดทั้งวันเป็นปริมาณ
มากมายนับไม่ถ้วน จนถึงกับทางผู้มีหน้าที่จัดการจราจร ต้องออกกฎเกณฑ์ ห้ามเลี้ยวขวาบ้าง ห้ามออกในเวลาที่กำหนดบ้างเกือบจะทุกปากซอย

ทีนี้ผู้ขับขี่รถยนต์ทั้งส่วนตัวและสาธารณะ ที่ไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศ แลเห็นถนนซอยกว้างขวางดี ก็คิดจะหาทางลัด เมื่อเจอเอาป้ายห้ามต่าง ๆ เข้า ก็ต้องวนไปตั้งต้นใหม่ ส่วนผู้ที่ตามหลังมาด้วยความไม่รู้เช่นกัน ก็ต้องถอยเข้าถอยออกติดเป็นแพ ตำรวจจราจรก็ไม่มีมาช่วยจัดการ จึงเกิดมีอาสาสมัคร ช่วยเป่านกหวีดโบกไม้โบกมือ ชี้ทางให้บ่อย ๆ ชี้ถูกบ้างผิดบ้างไปตามเรื่อง

ชายผู้นั้นมีอายุเข้าวัยชราแล้ว ผมเผ้าที่ตัดเกรียนติดหนังศรีษะ มีเส้นสีขาวแซมอยู่ทั่วไป แต่ร่างกายยังแข็งแรง นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวตุ่น ยืนเป่านกหวีดอยู่ได้ครึ่งวันค่อนวันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ชาวบ้านเรียกชื่อเล่นว่า ก๋อย ตาก๋อยหรือลุงก๋อยคนนี้ มีลักษณะคล้ายคนปัญญาอ่อน แต่ไม่มากนัก ข้อสำคัญคือเสียงพูดจะอู้อี้ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็พอจะเดากันได้ แกไม่ได้ทำงานการอะไร บางครั้งจะเห็นแกขายสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือผลการออกสลากกินแบ่ง ซึ่งบางทีก็เป็นคนละงวดกับที่เขาออกกันในวันนั้น และบางวันก็ขายหนังสือพิมพ์ ที่ป้ายรถเมล์นั้นเอง

บางคราวก็จะถือเครื่องวิทยุ หรือเครื่องขยายเสียงขนาดเล็ก ที่ต่อกับไมโครโฟนได้ เที่ยวเดินร้องเพลงไปตามถนนในซอย โดยไม่มีใครฟังออกว่า เพลงที่แกร้องนั้นเป็นเพลงอะไร ในบางโอกาสก็จะเป่าแคนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งมีแค่สองเสียงคือดูดกับเป่าเท่านั้น และถ้ามีวงดนตรีของคนตาบอด มายึดทางเท้าบรรเลงเพลง เรียกร้องให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาบริจาคเงิน แกก็จะถือโอกาสเข้าไปเป็นคอนดัคเตอร์ หรือผู้อำนวยเพลงโดยไม่ได้รับเชื้อเชิญ และนักดนตรีก็ไม่มีโอกาส จะรู้ด้วย ประชาชนที่เดินผ่านไปมา ก็จะสนใจมองดูพฤติกรรมของแก แต่ถ้าเป็นชาวบ้านที่คุ้นเคยกันอยู่ ก็ไม่มีใครให้ความสนใจ เพราะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

อีกเรื่องหนึ่งที่แกชอบทำ คือเมื่อหมู่บ้านนี้มีงานเพื่อส่วนรวม เช่นทำบุญเลี้ยงพระประจำปี แกก็จะเป็นผู้ช่วยมัคทายก ยกอาหารหรือเครื่องไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ที่มาร่วมพิธี ถ้าเป็นการทำความสะอาดถนนสายต่าง ๆ ในหมู่บ้าน เนื่องจากวาระอะไรก็ตามแต่ แกก็จะหิ้วโทรโข่งส่วนตัว เดินประกาศเรียกชาวบ้านที่ผ่านไป ให้ออกมาร่วมมือด้วยภาษาที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องของแก แทบทุกครั้ง และแม้เมื่อมีการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นระดับหมู่บ้าน ระดับมหานคร หรือระดับชาติ แกก็จะทำหน้าที่นั้น ด้วยความเต็มใจโดยไม่ต้องออกปากไหว้วาน ซึ่งทำความขบขันให้แก่คนนอกหมู่บ้านให้ยิ้มหัวว่า หมู่บ้านนี้ช่างไปหาคนประเภทไหน มาทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์

ยังมีอีกคนหนึ่งซึ่งหนุ่มกว่ามาก ชาวบ้านเรียกว่า นายด้อง หรืออาจมีคำนำหน้าเป็นอย่างอื่นก็ได้ รายนี้ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้สังคมเลย ดีแต่เที่ยวเดินชี้หน้าว่าคนโน้นคนนี้ ด้วยภาษาและประโยคที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ด้วยหน้าตาที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเครา และผมที่ยาวยุ่งเหยิงรุงรัง กับท่าทางที่ถมึงทึงและน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้คนที่ไม่คุ้นเคยต้องสะดุ้งอยู่บ่อย ๆ แต่ถ้าตั้งใจฟังเข้าจริง ก็ไม่รู้ว่าเขาตวาดเอาด้วยเรื่องอะไร และถ้าเป็นผู้หญิงสาว ๆ ผ่านมา เขาก็จะแสดงท่าทางขึงขังให้น่ากลัวยิ่งขึ้น ทำให้แตกหนีไปคนละทาง แต่ก็เช่นเดียวกัน ชาวบ้านเห็นเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่สมควรจะต้องเสียเวลาให้ความสนใจเท่าไรนัก

เขาจะนุ่งกางเกงขายาวกระดำกระด่าง เป็นประจำ แต่ใส่เสื้อทหารหรือตำรวจเพียงครึ่งท่อน ซึ่งไม่ทราบว่าไปเอามาแต่ไหน บางทีก็มีแฟ้มหรือแผ่นกระดาษอยู่ในมือ ชี้โบ๊ชี้เบ๊หรือจดอะไรไปตามเรื่องตามราว

บางคราวเขาจะหายหน้าไปเดือน ผู้รู้บอกว่าญาติส่งไปเข้าโรงพยาบาล เพื่อบำบัดอาการดังกล่าว แต่เมื่อกลับมาก็ไม่เห็นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแต่อย่างใด ต่อมาเขาไม่พูดจากระโชกโฮกฮากเพียงอย่างเดียว แต่มีการออกท่าทางเหมือนอย่างมวยไทย ทั้งชกทั้งเตะต่อย ตีศอกและขึ้นเข่าไปตามลมตามแล้ง ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาต้องเลี่ยงให้ห่างออกไปอีก เพราะถ้าเคราะห์ร้ายถูกลูกหลง ก็ไม่รู้จะเจรจาเอาความกันได้อย่างไร

ทำอย่างนั้นอยู่ได้ไม่นาน วันหนึ่งก็มีผู้พบว่านายด้อง มีอาการป่วยหน้าตาเขียวช้ำ โดยเฉพาะโหนกแก้มขวาบวม และดวงตาข้างนั้นก็แดงก่ำ ราวกับถูกใครลงมือลงไม้มา ชาวบ้านที่พบเห็นก็พากันสงสารเวทนา แต่ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าไปโดนอะไรเข้า ก็ได้แต่เดาว่าคงจะเป็นผู้ที่เขาไม่รู้ว่าเป็นคนเสียสติ
และนึกว่าจะถูกทำร้ายเอานั่นเอง

เมื่อนายด้องโคจรมาพบตาก๋อยเข้า บางครั้งก็คุยกัน แต่บางทีก็มีการถกเถียงกัน ด้วยภาษาพูดคนละภาษา ที่ไม่มีใครทราบว่าเขารู้เรื่องกันหรือไม่ ซึ่งเป็นที่ขบขันเฮฮาสำหรับพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอย ที่ตั้งขายของอยู่บนทางเท้าในซอยนั้น

ในวันที่ตาก๋อยกำลังทำหน้าที่ จัดการจราจร ด้วยการเป่านกหวีดไล่รถให้เลี้ยวหลบซอยที่ห้ามออก ไปทางซอยอื่นอยู่อย่างขะมักเขม้นนั้น นายด้องโผล่จากไหนไม่ทราบ เดินบ่นมาตามข้างถนนในซอยที่แดดร้อนเปรี้ยง

พอแลเห็นตาก๋อยที่หัวมุมซอย ก็ถลาเข้าไปหาโดยตัดหน้ารถแท็กซี่อย่างกระชั้นชิด จนโชเฟอร์ต้องเบรคเสียงสนั่น พร้อมกับบีบแตรดังลั่น ทำให้นายด้องสดุ้งโหยง รีบหยุดกึกแล้วหันขวับมาชี้หน้าพลขับ พร้อมกับตะโกนเสียงโหวกเหวก อย่างเคย

โชเฟอร์แท็กซี่ได้ยินไม่ถนัด นึกว่าคนเดินตัดหน้าแล้วยังจะเอาเรื่องอีก ก็เปิดประตูผางออกมา และปรี่เข้าหานายด้อง ซึ่งก็ไม่มีทีท่าว่าจะถอยเหมือนกัน

ตาก๋อยรีบปล่อยนกหวีดหลุดจากปาก วิ่งเข้ามาฉุดนายด้องให้ถอยห่างออกไป พร้อมกับว่า

" ไอ้อ้า เอินไอ้อูอ๊ดอูอา เอี๋ยวโอนอั๊บอายอ่า "

โชเฟอร์จึงชะงักอยู่กับที่ เมื่อตาก๋อยเข้ามายกมือไหว้ แล้วพูดว่า

" อ่าอื๋ออันเอยอั๊บ ไอ้อ้องอันเอ็นอนอ้า "

ในขณะนั้นเองที่พ่อค้าแม่ค้าซึ่งอยู่ใกล้ กับชาวบ้านที่ผ่านมาเห็น ก็ช่วยกันร้องบอกโชเฟอร์ทำนองว่า อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนใบ้เลย เขาจึงหัวเราะออกมาได้และเดินกลับมาขึ้นรถ ขับเคลื่อนออกไปจากที่นั้น รถที่ตามหลังมาต่างก็ต้องเหลียวดูชายไม่สมประกอบทั้งสอง ด้วยความขบขันและสังเวชในใจ เมื่อนายด้องได้รอดจากมือเท้า ของโชเฟอร์แท็กซี่เลือดร้อนผู้นั้นแล้ว ก็เดินตะโกนอะไรเรื่อยเปื่อยต่อไป โดยไม่ได้สนใจตาก๋อย ซึ่งช่วยให้ตนพ้นภัยมาได้เลย

ส่วนตาก๋อยนั้น ผมเองเห็นว่า ถึงแม้จะป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ไม่ค่อยได้สติสตัง แต่ก็ยังมีค่าต่อสังคม รู้จักบำเพ็ญประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ และช่วยเหลือคนที่มีสติน้อยกว่า แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่ชอบขี้หน้าเท่าไรนักก็ตาม ทั้งยังรู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ ด้วยการคว้านกหวีดที่คล้องคออยู่ เอามาเป่าเป็นสัญญาณประกอบกับมือ ที่โบกให้รถแล่นไปตามทิศทางที่ถูกต้องต่อไป โดยปล่อยให้นายด้อง เดินบ่นบ้าอยู่ต่อไปแต่ผู้เดียว อย่างไม่สนใจใยดีเหมือนกัน

ขณะนั้นผมกำลังหิ้วถุงโอวเลี้ยงสองถุงเพื่อไปฝากแม่บ้าน ผ่านมาถึงพอดี แกเลยขอเอาไปถุงหนึ่ง ยกขึ้นดูดด้วยความกระหายน้ำ รวดเดียวเกือบแห้ง แล้วก็ส่งคืนพร้อมกับยิ้มเห็นฟัน ที่เหลืออยู่สองสามซี่ พร้อมกับโบกมือไล่

" ออบไอโอ๊ย ไอไอ้อ๊น อ่าอาอืนอ๋างอาง อ๊ดอิดอายอ่า "

ผมรีบแอบเข้าข้างทาง ตามคำสั่งของแก โดยไม่รู้จะเถียงแกให้เสียเวลาไปทำไม ก็เห็นกันมาตั้งแต่เด็กนี่ครับ.

##########


นิตยสารโล่เงิน
พฤษภาคม ๒๕๔๗

 

โดย: เจียวต้าย 17 กันยายน 2554 8:29:18 น.  

 

ผมเอาเรื่องสั้นมาวางแล้วตั้งแต่เช้า
แต่เขาบอกว่า จขบ.ขอตรวจดูก่อน
มาอีกทียังไม่เห็น จึงวางอีกครั้งครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 17 กันยายน 2554 9:45:02 น.  

 

เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา

ผู้บำเพ็ญประโยชน์

" เพทาย "

หมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่นี้ ไม่ใช่มีทางเข้าออกเพียงทางเดียวหรือสองทาง เหมือนอย่างหมู่บ้านสมัยใหม่ทั่ว ๆ ไป แต่มีซอยกว้างขวางให้รถวิ่งสวนกันได้ ผ่ากลางหมู่บ้าน จากถนนใหญ่สายหนึ่งไปยังถนนใหญ่อีกสามสายถึงสิบซอย ดังนั้นจึงมีรถที่แล่นผ่านเข้าซอยนี้ไปออกซอยโน้น ตลอดทั้งวันเป็นปริมาณ
มากมายนับไม่ถ้วน จนถึงกับทางผู้มีหน้าที่จัดการจราจร ต้องออกกฎเกณฑ์ ห้ามเลี้ยวขวาบ้าง ห้ามออกในเวลาที่กำหนดบ้างเกือบจะทุกปากซอย

ทีนี้ผู้ขับขี่รถยนต์ทั้งส่วนตัวและสาธารณะ ที่ไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศ แลเห็นถนนซอยกว้างขวางดี ก็คิดจะหาทางลัด เมื่อเจอเอาป้ายห้ามต่าง ๆ เข้า ก็ต้องวนไปตั้งต้นใหม่ ส่วนผู้ที่ตามหลังมาด้วยความไม่รู้เช่นกัน ก็ต้องถอยเข้าถอยออกติดเป็นแพ ตำรวจจราจรก็ไม่มีมาช่วยจัดการ จึงเกิดมีอาสาสมัคร ช่วยเป่านกหวีดโบกไม้โบกมือ ชี้ทางให้บ่อย ๆ ชี้ถูกบ้างผิดบ้างไปตามเรื่อง

ชายผู้นั้นมีอายุเข้าวัยชราแล้ว ผมเผ้าที่ตัดเกรียนติดหนังศรีษะ มีเส้นสีขาวแซมอยู่ทั่วไป แต่ร่างกายยังแข็งแรง นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวตุ่น ยืนเป่านกหวีดอยู่ได้ครึ่งวันค่อนวันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ชาวบ้านเรียกชื่อเล่นว่า ก๋อย ตาก๋อยหรือลุงก๋อยคนนี้ มีลักษณะคล้ายคนปัญญาอ่อน แต่ไม่มากนัก ข้อสำคัญคือเสียงพูดจะอู้อี้ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็พอจะเดากันได้ แกไม่ได้ทำงานการอะไร บางครั้งจะเห็นแกขายสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือผลการออกสลากกินแบ่ง ซึ่งบางทีก็เป็นคนละงวดกับที่เขาออกกันในวันนั้น และบางวันก็ขายหนังสือพิมพ์ ที่ป้ายรถเมล์นั้นเอง

บางคราวก็จะถือเครื่องวิทยุ หรือเครื่องขยายเสียงขนาดเล็ก ที่ต่อกับไมโครโฟนได้ เที่ยวเดินร้องเพลงไปตามถนนในซอย โดยไม่มีใครฟังออกว่า เพลงที่แกร้องนั้นเป็นเพลงอะไร ในบางโอกาสก็จะเป่าแคนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งมีแค่สองเสียงคือดูดกับเป่าเท่านั้น และถ้ามีวงดนตรีของคนตาบอด มายึดทางเท้าบรรเลงเพลง เรียกร้องให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาบริจาคเงิน แกก็จะถือโอกาสเข้าไปเป็นคอนดัคเตอร์ หรือผู้อำนวยเพลงโดยไม่ได้รับเชื้อเชิญ และนักดนตรีก็ไม่มีโอกาส จะรู้ด้วย ประชาชนที่เดินผ่านไปมา ก็จะสนใจมองดูพฤติกรรมของแก แต่ถ้าเป็นชาวบ้านที่คุ้นเคยกันอยู่ ก็ไม่มีใครให้ความสนใจ เพราะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

อีกเรื่องหนึ่งที่แกชอบทำ คือเมื่อหมู่บ้านนี้มีงานเพื่อส่วนรวม เช่นทำบุญเลี้ยงพระประจำปี แกก็จะเป็นผู้ช่วยมัคทายก ยกอาหารหรือเครื่องไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ที่มาร่วมพิธี ถ้าเป็นการทำความสะอาดถนนสายต่าง ๆ ในหมู่บ้าน เนื่องจากวาระอะไรก็ตามแต่ แกก็จะหิ้วโทรโข่งส่วนตัว เดินประกาศเรียกชาวบ้านที่ผ่านไป ให้ออกมาร่วมมือด้วยภาษาที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องของแก แทบทุกครั้ง และแม้เมื่อมีการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นระดับหมู่บ้าน ระดับมหานคร หรือระดับชาติ แกก็จะทำหน้าที่นั้น ด้วยความเต็มใจโดยไม่ต้องออกปากไหว้วาน ซึ่งทำความขบขันให้แก่คนนอกหมู่บ้านให้ยิ้มหัวว่า หมู่บ้านนี้ช่างไปหาคนประเภทไหน มาทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์

ยังมีอีกคนหนึ่งซึ่งหนุ่มกว่ามาก ชาวบ้านเรียกว่า นายด้อง หรืออาจมีคำนำหน้าเป็นอย่างอื่นก็ได้ รายนี้ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้สังคมเลย ดีแต่เที่ยวเดินชี้หน้าว่าคนโน้นคนนี้ ด้วยภาษาและประโยคที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ด้วยหน้าตาที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเครา และผมที่ยาวยุ่งเหยิงรุงรัง กับท่าทางที่ถมึงทึงและน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้คนที่ไม่คุ้นเคยต้องสะดุ้งอยู่บ่อย ๆ แต่ถ้าตั้งใจฟังเข้าจริง ก็ไม่รู้ว่าเขาตวาดเอาด้วยเรื่องอะไร และถ้าเป็นผู้หญิงสาว ๆ ผ่านมา เขาก็จะแสดงท่าทางขึงขังให้น่ากลัวยิ่งขึ้น ทำให้แตกหนีไปคนละทาง แต่ก็เช่นเดียวกัน ชาวบ้านเห็นเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่สมควรจะต้องเสียเวลาให้ความสนใจเท่าไรนัก

เขาจะนุ่งกางเกงขายาวกระดำกระด่าง เป็นประจำ แต่ใส่เสื้อทหารหรือตำรวจเพียงครึ่งท่อน ซึ่งไม่ทราบว่าไปเอามาแต่ไหน บางทีก็มีแฟ้มหรือแผ่นกระดาษอยู่ในมือ ชี้โบ๊ชี้เบ๊หรือจดอะไรไปตามเรื่องตามราว

บางคราวเขาจะหายหน้าไปเดือน ผู้รู้บอกว่าญาติส่งไปเข้าโรงพยาบาล เพื่อบำบัดอาการดังกล่าว แต่เมื่อกลับมาก็ไม่เห็นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแต่อย่างใด ต่อมาเขาไม่พูดจากระโชกโฮกฮากเพียงอย่างเดียว แต่มีการออกท่าทางเหมือนอย่างมวยไทย ทั้งชกทั้งเตะต่อย ตีศอกและขึ้นเข่าไปตามลมตามแล้ง ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาต้องเลี่ยงให้ห่างออกไปอีก เพราะถ้าเคราะห์ร้ายถูกลูกหลง ก็ไม่รู้จะเจรจาเอาความกันได้อย่างไร

ทำอย่างนั้นอยู่ได้ไม่นาน วันหนึ่งก็มีผู้พบว่านายด้อง มีอาการป่วยหน้าตาเขียวช้ำ โดยเฉพาะโหนกแก้มขวาบวม และดวงตาข้างนั้นก็แดงก่ำ ราวกับถูกใครลงมือลงไม้มา ชาวบ้านที่พบเห็นก็พากันสงสารเวทนา แต่ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าไปโดนอะไรเข้า ก็ได้แต่เดาว่าคงจะเป็นผู้ที่เขาไม่รู้ว่าเป็นคนเสียสติ
และนึกว่าจะถูกทำร้ายเอานั่นเอง

เมื่อนายด้องโคจรมาพบตาก๋อยเข้า บางครั้งก็คุยกัน แต่บางทีก็มีการถกเถียงกัน ด้วยภาษาพูดคนละภาษา ที่ไม่มีใครทราบว่าเขารู้เรื่องกันหรือไม่ ซึ่งเป็นที่ขบขันเฮฮาสำหรับพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอย ที่ตั้งขายของอยู่บนทางเท้าในซอยนั้น

ในวันที่ตาก๋อยกำลังทำหน้าที่ จัดการจราจร ด้วยการเป่านกหวีดไล่รถให้เลี้ยวหลบซอยที่ห้ามออก ไปทางซอยอื่นอยู่อย่างขะมักเขม้นนั้น นายด้องโผล่จากไหนไม่ทราบ เดินบ่นมาตามข้างถนนในซอยที่แดดร้อนเปรี้ยง

พอแลเห็นตาก๋อยที่หัวมุมซอย ก็ถลาเข้าไปหาโดยตัดหน้ารถแท็กซี่อย่างกระชั้นชิด จนโชเฟอร์ต้องเบรคเสียงสนั่น พร้อมกับบีบแตรดังลั่น ทำให้นายด้องสดุ้งโหยง รีบหยุดกึกแล้วหันขวับมาชี้หน้าพลขับ พร้อมกับตะโกนเสียงโหวกเหวก อย่างเคย

โชเฟอร์แท็กซี่ได้ยินไม่ถนัด นึกว่าคนเดินตัดหน้าแล้วยังจะเอาเรื่องอีก ก็เปิดประตูผางออกมา และปรี่เข้าหานายด้อง ซึ่งก็ไม่มีทีท่าว่าจะถอยเหมือนกัน

ตาก๋อยรีบปล่อยนกหวีดหลุดจากปาก วิ่งเข้ามาฉุดนายด้องให้ถอยห่างออกไป พร้อมกับว่า

" ไอ้อ้า เอินไอ้อูอ๊ดอูอา เอี๋ยวโอนอั๊บอายอ่า "

โชเฟอร์จึงชะงักอยู่กับที่ เมื่อตาก๋อยเข้ามายกมือไหว้ แล้วพูดว่า

" อ่าอื๋ออันเอยอั๊บ ไอ้อ้องอันเอ็นอนอ้า "

ในขณะนั้นเองที่พ่อค้าแม่ค้าซึ่งอยู่ใกล้ กับชาวบ้านที่ผ่านมาเห็น ก็ช่วยกันร้องบอกโชเฟอร์ทำนองว่า อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนใบ้เลย เขาจึงหัวเราะออกมาได้และเดินกลับมาขึ้นรถ ขับเคลื่อนออกไปจากที่นั้น รถที่ตามหลังมาต่างก็ต้องเหลียวดูชายไม่สมประกอบทั้งสอง ด้วยความขบขันและสังเวชในใจ เมื่อนายด้องได้รอดจากมือเท้า ของโชเฟอร์แท็กซี่เลือดร้อนผู้นั้นแล้ว ก็เดินตะโกนอะไรเรื่อยเปื่อยต่อไป โดยไม่ได้สนใจตาก๋อย ซึ่งช่วยให้ตนพ้นภัยมาได้เลย

ส่วนตาก๋อยนั้น ผมเองเห็นว่า ถึงแม้จะป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ไม่ค่อยได้สติสตัง แต่ก็ยังมีค่าต่อสังคม รู้จักบำเพ็ญประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ และช่วยเหลือคนที่มีสติน้อยกว่า แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่ชอบขี้หน้าเท่าไรนักก็ตาม ทั้งยังรู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ ด้วยการคว้านกหวีดที่คล้องคออยู่ เอามาเป่าเป็นสัญญาณประกอบกับมือ ที่โบกให้รถแล่นไปตามทิศทางที่ถูกต้องต่อไป โดยปล่อยให้นายด้อง เดินบ่นบ้าอยู่ต่อไปแต่ผู้เดียว อย่างไม่สนใจใยดีเหมือนกัน

ขณะนั้นผมกำลังหิ้วถุงโอวเลี้ยงสองถุงเพื่อไปฝากแม่บ้าน ผ่านมาถึงพอดี แกเลยขอเอาไปถุงหนึ่ง ยกขึ้นดูดด้วยความกระหายน้ำ รวดเดียวเกือบแห้ง แล้วก็ส่งคืนพร้อมกับยิ้มเห็นฟัน ที่เหลืออยู่สองสามซี่ พร้อมกับโบกมือไล่

" ออบไอโอ๊ย ไอไอ้อ๊น อ่าอาอืนอ๋างอาง อ๊ดอิดอายอ่า "

ผมรีบแอบเข้าข้างทาง ตามคำสั่งของแก โดยไม่รู้จะเถียงแกให้เสียเวลาไปทำไม ก็เห็นกันมาตั้งแต่เด็กนี่ครับ.

##########


นิตยสารโล่เงิน
พฤษภาคม ๒๕๔๗

 

โดย: เจียวต้าย 17 กันยายน 2554 9:46:38 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.