"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
9 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
แนะนำเรื่องสั้นท่านเจียวต้าย .. เรื่องของบุญรอด




เรื่องของคนกับหมาและแมว

เรื่องของบุญรอด

"เพทาย"




เมื่อเช้าของวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๔๘ เวลาประมาณ ๐๖.๓๐ น. ผมจะออกจากบ้านไปใส่บาตร และซื้อแกงถุงมาเป็นอาหารเช้าตามปกติ ก็เห็นก้อนดำ ๆเล็กนิดเดียวกองอยู่ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ จึงรู้ว่าเป็นลูกแมวเพิ่งคลอดใหม่ ๆ ผมนึกว่ามันตายแล้ว จึงออกจากบ้านไป กะว่ากลับมาจะจัดการศพให้

เมื่อผมกลับมาปรากฏว่า มันกระดุกกระดิกได้ และแถกพื้นหมุนตัวไปรอบ ๆ ผมกลัวว่ามดจะรุมกัดจึงเอาไปใส่ตะกร้าเล็ก ๆ เอาเศษผ้ารองพื้นไว้ รอเผื่อแม่มันจะกลับมาคาบเอาไปเลี้ยง

ผมกินข้าวแล้วก็เขียนหนังสือ จนกินข้าวกลางวันแล้วก็นอนหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาตอนประมาณ บ่ายสองโมง ก็ได้ยินเสียงลูกแมวร้องระงม จึงนึกถึงลูกแมวสีดำตัวนั้นได้ และเดินออกไปดูที่ตะกร้าซึ่งวางไว้หน้าห้องรับแขก ปรากฏว่าไม่มีในตะกร้า มันหลุดไปได้อย่างไรไม่ทราบ ไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในรางระบายน้ำเสีย ที่เผอิญน้ำแห้งแต่ไม่ได้แห้งสนิท มันจึงเปียกเปื้อนไปทั่วตัว ระหว่างนั้นมันก็กลิ้งไปกลิ้งมาพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสาร

ผมต้องเก็บมันขึ้นมาจากรางนั้น แล้วหาอ่างเก่า ๆ ที่ใบโตกว่าตะกร้า เอาผ้าผืนเก่าปูรองแล้ววางมันลงไปตามเดิม พร้อมกับเอากระดาษเช็ดมือซับน้ำบนตัวจนค่อยแห้งลง มันจึงเงียบเสียง

แต่ปรากฏว่ามีเสียงลูกแมวร้องดังมาจากอีกทิศทางหนึ่ง คือข้าง ๆ บ้านซึ่งมีพงหญ้ารกรุงรัง ผมเดินไปดูก็เห็นลูกแมวอีกตัวหนึ่งสีขาว กำลังล้มลุกคลุกคลานกลิ้งเกลือกอยู่ จึงบุกพงหญ้าเข้าไปเอามันมาวางไว้ในกะละมังเดียวกันกับเจ้าดำ มันจึงเงียบเสียงลงไปได้เหมือนกัน

ผมวางกะละมังไว้ใต้โต๊ะหน้าห้องรับแขก เผื่อฝนตกจะได้ไม่เปียก รอให้แม่มันมาดูแล แต่แม่ของมันก็ไม่ได้มาคาบไปเหมือนแม่แมวตัวอื่น ๆ ที่ผมเคยเห็นมาเลย ผมไม่เคยเลี้ยงแมว เพียงหาอาหารเม็ดให้แมวพเนจรหน้าบ้านกินเท่านั้น แล้วผมจะทำอย่างไรดี

มันเพิ่งเกิดมายังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง มันควรจะกินอะไรหรือยัง ผมควรจะเอาน้ำให้มันกินได้ไหม มันยังไม่ลืมตาจะป้อนอย่างไร ถ้าแม่มันทิ้งไปเลย ผมมิต้องเลี้ยงมันไปจนกว่าจะโตหรือ แล้วผมจะทำอย่างไร ในเมื่อผมไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อนเลย

ใครก็ได้ที่ผ่านมา ช่วยผมด้วยครับ นึกว่าเวทนาแกสัตว์ผู้ยาก..... ช่วยด้วยครับ......ช่วยด้วย

ผมร้องตะโกนลงไปในอินเตอร์เนต และในไม่ช้า ก็มีผู้เมตตากรุณาต่อแมว ส่งความคิดเห็น คำแนะนำ คำปลอบใจและเห็นใจ ด้วยความเอื้ออารีมากมาย ตลอดทั้งวัน

ต่อมาผมจึงได้ทราบว่า ข้างบ้านมีลูกแมวอยู่อีกตัวหนึ่ง จึงไปถามเขาว่าเห็นแม่มันไหม เขาว่ามันมาออกลูกตอนสาย ๆ แล้วก็หายไปเลย ทิ้งลูกไว้ในที่โล่ง ๆ สายสะดือยังไม่หลุด เขาจึงหา กล่องเปล่ามาใส่มันไว้ ตัวนี้ด่างขาวน้ำตาล และเห็นแม่มันซึ่งด่างขาวดำ มาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่เหมือนกัน

ผมจึงขอเอาเจ้าสองตัวที่บ้านผมมาไว้รวมกัน โดยเอากะละมังของผมทิ้งไว้ให้ เผื่อแม่มันจะมาดูลูกบ้าง หรืออาจจะคาบเอาไปทั้งสามตัวก็ได้

พอทุ่มกว่า ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ผมจึงสวมหมวกออกไปดูพวกมันที่บ้านนั้น ปรากฏว่าเขายกกะละมังเข้าไปไว้ใต้หลังคาแล้ว เป็นอันว่าคืนนี้ผมจะได้นอนตาหลับเสียที

แต่เมื่อผมนอนหลับไปได้สักพัก หลังฝนหายแล้วก็ยังได้ยินเสียงลูกแมวร้องวี๊ด ๆ อยู่อีก แต่ผมก็หลับต่อไปได้ แม้เมื่อลุกขึ้นมาฉี่ตอนตีสามครึ่ง ก็ยังได้ยินเสียงลูกแมวร้องอยู่อีก แต่ด้วยความง่วงงัวเงีย ผมก็หลับต่อไปจนถึงหกโมงเช้า

๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๘ เมื่อผมตื่นล้างหน้าล้างขี้ตาแล้ว ก็ออกไปใส่บาตรกลับมา จึงรู้ว่าลูกแมวที่มันร้องมาตลอดคืนนั้น ไม่ใช่ลูกแมวที่อยู่บ้านโน้น ที่จริงมันร้องอยู่ในพงหญ้าที่เดิม ตัวมันเป็นสีขาว ผมจึงเข้าใจว่าเป็นตัวเดิม แม้จะสงสัยว่ามันกลับมาได้อย่างไรตั้งไกล จากกะละมังที่อยู่บ้านโน้น ผมจึงเอากะละมังแตกอีกใบหนึ่ง เอาผ้าขี้ริ้วรองพื้น แล้วก็ไปจับตัวลูกแมวที่กำลังดิ้นกระแด็ก ๆ อยู่ในพงหญ้ามาใส่ไว้อีก มันจึงเงียบเสียงลงไปได้

ผมรออยู่จนสายจึงไปสั่นกระดิ่งเรียกบ้านที่ฝากแมวไว้เมื่อเขาเปิดให้เข้าไปก็พบว่าลูกแมวสีดำได้ตายไปแล้ว แต่ที่เหลือสองตัวคือเจ้าขาวกับเจ้าด่าง ผมจึงรู้ว่าเจ้าตัวสีขาวที่ได้มาเมื่อเช้านี้ เป็นตัวที่สี่ มันคงจะต้องตากฝนอยู่ตลอดคืนทีเดียว

คุณป้าเจ้าของบ้านมีอาชีพร้อยพวงมาลัยขาย แกบอกว่าไม่มีเวลาที่จะมานั่งดูแลลูกแมวเหล่านี้ได้ แม่ของมันก็ไม่มาเลย ในไม่ช้ามันก็จะตายหมด

ผมจึงว่าขอให้ผมเอามันไปไว้ที่บ้านผมเถอะ ถ้าตายก็จะฝังถ้ายังก็จะเลี้ยงเอง ผมต้องทำอะไรให้มากกว่าที่จะรอให้มันตายไปต่อหน้า ทีละตัวอย่างแน่นอน ซึ่งแกก็ยกให้ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงเอากะละมังที่มีแมวสองตัวกลับมารวมกับเจ้าน้องใหม่ เป็นสามตัวขาวสองด่างหนึ่ง

จากนั้นผมก็แต่งตัวออกไปโรงพยาบาลสัตว์ ที่ถนนราชวิถีใกล้ทางรถไฟ เมื่อปรึกษาคุณหมอผู้หญิงท่าทางใจดี ท่านก็บอกว่าขวดนมลูกแมวไม่มี แต่มีขวดนมลูกหมา ผมดูด้วยตาแล้วเห็นว่าหัวนมมันใหญ่กว่าปากของลูกแมวแน่ จึงถามหาอุปกรณ์อย่างอื่น

คุณหมอก็เอาหลอดสำหรับดูดยาฉีดมาให้ โดยไม่คิดเงิน ผมจึงถามหานมที่จะให้ลูกแมวเพิ่งเกิดกิน หมอก็หยิบเอามาให้ดูเป็นกระป๋องโตพอสมควร ราคาสามร้อยบาท ผมก็อึ้งอยู่นิดหนึ่ง หมอก็เอาอย่างเป็นซองมาให้ แต่ก็ใหญ่พอดูหนักสามร้อยกรัม ราคาสองร้อยบาท

ผมจึงเกี่ยงว่านมสดตราหมีแมวกินได้ไหม หมอว่านมวัวไม่เหมาะสำหรับแมว ผมเลยถามต่ออีกว่า ถ้าแมวกินไม่หมดผมจะกินต่อได้ไหม หมอไม่ตอบแต่หัวร่อกี๊กไปเลย ความจริงผมถามไปงั้นเอง เพื่อคลายเครียด

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็จัดแจงชงนมใส่ขวดเล็ก ๆ แล้วแบ่งใส่ถ้วยเอาหลอดดูยาฉีดที่หมอให้มา ดูดนมไปจ่อที่ปากลูกแมว มันก็ไม่ยอมอ้าปาก ต้องอุ้มมันขึ้นมามันจึงจะอ้าปากร้อง ผมก็เอาปลายหลอดแหย่เข้าไปในปากของมัน และกดให้น้ำนมไหล มันก็พอจะกลืนได้บ้างหกเสียบ้าง เพราะไปกล้ากดแรงกลัวนมจะพุ่งเข้าหลอดลม ดูท่าว่ามันไม่เคยดูดนมแม่มาก่อนเลย

ผมลองให้นมมันทั้งสามตัว พอรู้รสนมเสียก่อน แล้วบ่าย ๆ จึงจะลองใหม่ แล้วผมก้เอานมที่เหลือไปเทใส่จานอาหารแมวที่หน้าบ้าน พอดีเจ้าสีอ่อนท้องโตเดินพุงโย้ผ่านมา ก็เข้ามาเลียกิน ผมก็บอกมันไปว่า เวลาออกลูกไปออกที่บ้านอื่นบ้างนะ แล้วจะเอาเจ้าสามตัวนี้ไปฝากให้เลี้ยง มันก็ไม่ว่าอะไร ก้มหน้าเลียนมจนหมดเกลี้ยง

จนถึงบ่ายสองโมงผมก็ชงนมใส่ขวดใหม่ แล้วก็แบ่งใส่ถ้วยมาป้อนเจ้าสามตัว ด้วยหลอดดูดยาฉีดเช่นเดิม คราวนี้มันพอจะดูดปลายหลอดได้บ้าง แต่ไม่มากนักก็หันหน้าหนี จนถึงสี่โมงเย็นก็ป้อนมันอีกรอบหนึ่ง นมที่เหลือก็เก็บเข้าตู้เย็นไว้

คราวนี้เจ้าขาวตัวหนึ่งนอนนิ่งเสียแล้ว หยอดนมใส่ปากก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ สงสัยจะเป็นตัวที่ตากฝนเมื่อคืน ส่วนอีกสองตัวยังส่งเสียงร้องและดูดนมกลืนได้มากขึ้น

หลังจากนั้น เมื่อผมออกจากบ้านจะไปถ่ายเอกสาร ก็พบแมวด่างดำขาวหางกุดซึ่งเคยท้องป่อง คราวนี้ท้องมันยุบลงไปและเห็นหัวนมห้อยอยู่ จึงเรียกเพื่อนบ้านออกมาดูว่าเจ้าตัวนี้ใช่ไหมที่เป็นแม่เจ้าตัวเล็ก ซึ่งเขาเห็นมันขระที่กำลังคลอดลูก เขาก็ยืนยันว่าใช่แน่ ผมจึงวานให้เขาเอากะละมังใส่ลูกแมวสามตัวไปวางไว้ใกล้ ๆ มัน เพราะปกติมันขี้ระแวงไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้ แล้วผมก็ไปถ่ายเอกสาร

เมื่อกลับมาก็เห็นว่า เจ้าด่างหางกุดตัวนั้นนอนอยู่ใกล้ ๆ กะละมังลูก แต่ก็ไม่ได้เข้ามาดมหรือมาเลีย หรือคาบไปไว้ที่อื่น ผมไม่กล้าจะทิ้งกะละมังไว้นอกบ้านได้ จึงยกเข้ามาวางไว้ในบ้านตามเดิม

เมื่อแม่มันไม่ยอมเลี้ยง ผมก็จำต้องเลี้ยงเจ้าสามตัวนี้ต่อไป เพราะเราคงมีกรรมผูกพันต่อกันอยู่ก็ได้ ผมจะพยายามทำหน้าที่ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของผมนี้ ให้ดีที่สุดทั้ง ๆ ที่ไม่มีความรู้มาก่อนเลย ก็สุดแล้วแต่เวรกรรมเท่านั้น ผมคิดได้ดังนี้แล้ว จึงสามารถทำใจให้เป็นปกติได้ ไม่กระวนกระวายเดือดร้อนใจเท่าใดนัก วันนี้ผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ถึงไม่รู้มันก็เข้ามาหาเราจนได้

ก่อนจะสิ้นสุดวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พอถึงตอนค่ำผมให้นมอีกรอบหนึ่ง จึงเห็นว่าเจ้าตัวขาวที่นอนนิ่งนั้น ได้สิ้นลมหายใจไปอีกตัวหนึ่งแล้ว จึงเหลือเพียงสองตัว ขาวกับด่าง

๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๘ เป็นวันที่สามแล้ว ที่เก็บเจ้าลูกแมวกำพร้ามาเลี้ยงไว้ เมื่อให้อาหารเม็ดแก่แมวหน้าบ้านก็มีเจ้าด่างดำขาวหางขอดโผล่เข้ามาอีกตัวหนึ่ง พร้อมกับเจ้าด่างหางกุดตัวเดิม และมีลักษณะเป็นแมวแม่ลูกอ่อนเหมือนกัน เลยไม่แน่ใจว่าตัวไหนเป็นแม่ที่แท้จริง ของไอ้เจ้าสองตัวในกะละมัง

ตลอดวันนี้ก็ยังมีผู้อ่านในเนตมาให้ความเห็น และส่งกำลังใจให้เป็นระยะ ๆ และบางท่านก็แนะนำมาหลังไมค์ ซึ่งทำให้ผมซาบซึ้งในน้ำใจไมตรีของท่านเหล่านั้นเป็นอย่างยิ่ง ผมให้นมประมาณสองชั่วโมงต่อครั้ง โดยเปลี่ยนจากหลอดดูดยาฉีด เป็นหลอดดูดหมึกพิมพ์คอมพิวเตอร์ ที่มีลูกยางสำหรับบีบด้านท้าย ทำให้ป้อนง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก เจ้าขาวกินน้อยนอนมาก เจ้าด่างดูดกินได้มากขึ้น ดิ้นมากขึ้น และร้องถี่ขึ้น ทำให้ผมมีความหวังว่ามันจะรอด จึงตั้งชื่อเจ้าขาวว่า บุญเหลือ เจ้าด่างชื่อ บุญรอด กลางคืนก็ยกกะละมังเข้ามาไว้ในห้องรับแขก เพื่อป้องกันภัยจากสัตว์ร้าย กลางวันก็เอาออกไปไว้หน้าห้อง ให้นมกินมันก็หลับ พอหิวก็ลุกขึ้นร้องเป็นวัฏฏะจักรไปเช่นนี้ทั้งวัน จนผ่านวันที่ ๑๖ ไปได้อีกวันหนึ่ง

๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๘ เวลาประมาณ ๐๖.๔๐ น. ยกกะละมังออกมาจะให้นมเจ้าสองตัว ก็พบว่าเจ้าขาวหรือบุญเหลือ ไม่หายใจไปอีกตัวหนึ่งแล้ว คงเหลือเจ้าด่างหรือบุญรอด เพียงตัวเดียว กินนมครั้งละสองหลอด

๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๘ วันนี้มีผู้ใจบุญแจ้งว่าจะส่งขวดนมลูกแมวมาให้ ผมก็ดีใจและขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง เจ้าบุญรอดตอนเช้ายังแหกปากร้อง และไต่ไปตามผ้าขนหนูที่เอามามัดให้เป็นชะนีที่เขาใช้ห้อยผ้าป่าได้อย่างแข็งแรง อ้าปากดูดนมได้มากขึ้น แต่พอตกเย็นเสียงร้องก็ชักอ่อยลง และดูซึม ๆ ไป ยิ่งดึกเสียงยิ่งเบาลง ต้องลุกมาดูที่กะละมังเห็นนอนเงียบก็ไม่สบายใจ อยากให้มันร้องทั้งคืนอีก

๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๘ เวลาตีห้ากว่า ๆ ผมมาดูบุญรอดที่กะละมังเพื่อให้นม เพราะแปลกใจที่ไม่มีเสียงร้อง หยิบตัวมันขึ้นมาจึงร้องเพียงค่อย ๆ เมื่อเอานมป้อนให้ก็ไม่ยินดีที่จะกลืน ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานกินได้ถึงสามหลอด เมื่อเห็นว่าไม่เอาแน่แล้วผมก็วางลงตามเดิม มันก็ไม่ตะเกียกตะกายเหมือนเช่นเคย เป็นสัญญาณว่ามันไม่อยากจะอยู่กับผมเสียแล้ว ถ้าอยู่ได้ถึงพรุ่งนี้เช้า ก็คงจะมีปาฏิหาริย์เท่านั้น

ถึงเวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. บุรุษไปรษณีย์ก็นำพัสดุมาส่งให้ ภายในเป็นขวดนมลูกแมว ที่มีผู้ใจบุญส่งมาตามที่บอก ผมรีบล้างทำความสะอาดแล้วกรอกนมใส่ อุ้มบุญรอดขึ้นมา เอาหัวนมใส่ปาก แต่บุญรอดไม่ดูดเสียแล้ว.......... อนิจจา

พอถึงเวลาประมาณ ๑๘.๓๐ น.บุญรอดก็นอนนิ่งเงียบ ไม่ขยับเขยื้อน และไม่มีเสียงร้อง ผมต้องยกกะละมังขึ้นมาดูอย่างใกล้ชิด จึงจะเห็นว่าท้องยังกระเพื่อมอยู่ จึงไม่อยากจะแตะต้องตัว ให้เกิดเวทนา ทั้งผมและบุญรอด ขอให้จากไปอย่างสงบเถิด...........ลูกเอ๋ย

เมื่อเวลาผ่านไปอีกไม่นาน ประมาณ ๑๙.๐๐ น. ผมเข้ามาเขียนรายงานในเนตแล้ว ก็ออกไปดูบุญรอด ปรากฏว่านอนนิ่งเฉย พอเอานิ้วเขี่ยก็เขยื้อนไปทั้งตัว แสดงว่าหมดลมหายใจ ปราศจากวิญญาณเสียแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะเร็วอย่างนี้ รู้สึกใจหายไปวูบหนึ่ง

ชีวิตของบุญรอด ตั้งแต่เกิดมาเมื่อ ๑๓ พฤษภาคม จนถึง ๑๙ พฤษภาคม เป็นชีวิตที่สั้นมาก ยังไม่ทันจะลืมตาขึ้นดูโลกใบนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ในโลกของความเป็นจริง ทุกสิ่งย่อมเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น บุญรอดจึงต้องตายตามพี่น้องของมันไป เป็นตัวสุดท้าย โดยไม่มีปาฏิหาริย์

หน้าที่ของผมจึงสิ้นสุดลงเพียงนี้ ขอบุญกุศลที่ผมได้ทำแล้ว จงคุ้มครอง บุญรอด บุญเหลือ เจ้าขาว และเจ้าดำ ให้ไปสู่สุคติ ในสัมปรายภพนั้นเถิด

และถ้าได้ใช้หนี้เวรกรรมหมดแล้ว ก็จงไปเกิดเป็นคนเสียเลย

และอย่าถูกแม่ใจร้าย ทอดทิ้งเหมือนชาตินี้อีก.

############




โดย: เจียวต้าย 9 พฤศจิกายน 2554 5:19:20 น.



Create Date : 09 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2554 6:47:48 น. 13 comments
Counter : 653 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะพี่ห่อ น้องหนู


เดี๋ยวกลับมานะคะ




โดย: นาถ (sirivinit ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:7:38:27 น.  

 
นางวิฬาร์ใจร้าย
ทิ้งลูกได้ลงคอ
สองตัวแล้วนะคะ
ประหลาด

ไม่มีสัญชาตญาณของความเป็นแม่
มีแต่สัญชาตญาณของความเป็นสัตว์ที่จะสืบพันธุ์

แต่ไม่ทำตามหน้าที่
นางแมวไร้ระเบียบวินัย


โดย: นาถ (sirivinit ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:7:48:32 น.  

 
โลกอลหม่าน
ประเทศไทยน้ำท่วม จนมิดหัวครั้งนี้
ก็เพราะผู้มีหน้าที่ มานไม่ทำเต็มความสามารถ
แค่ในหน้าที่ของมานเท่านั้น
เดือดร้อนแสนสาหัสทุกวันนี้
ก็เพราะพวกไม่รู้จักหน้าที่
ดีแต่จะกัดกันราวกับสุวาน...

เสียดายภาษีที่จ่ายมาทั้งชีวิตนัก



โดย: นาถ (sirivinit ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:7:50:53 น.  

 
ขออนุโมทนากับน้ำใจของพี่ห่อนะคะ
แมว ก็ชีวิตหนึ่ง
ถึงจะได้ยินมาว่า แมวเก้าชีวิตก็เถอะ
ได้บุญ และปีติในใจ

รวมทั้งเจ้าของพัสดุ คนนั้น จิตใจดีมากค่ะ ขอสดุดี



โดย: นาถ (sirivinit ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:7:52:54 น.  

 

แอบแซวคุณลุงค่ะ เล่นพันทิปก่อนหนูหลายปีเลยนะคะเนี่ย ตั้งกะปี ๔๘ หนูเพิ่งเข้ามาเมียงมองได้ ๒-๓ ปีเองค่ะ

เดี๋ยวนี้เห็นชัดมากขึ้นค่ะพี่นาถ สัญชาตญาณความเป็น "แ่ม่" ไม่มี เคยเห็นหมาแม่ลูกอ่อน เค้าหวงลูกมากเลยนะคะ ใครเข้าใกล้ ขู่ใหญ่เลย

คุณลุงต้องมีรังสี "ความใจบุญ" แผ่ออกมาแน่เลยค่ะ เค้าเหมือนรู้นะคะ ได้ดูแลกันจนถึงที่สุด จนไป...หนูเคยเห็นลูกแมวตัวเล็กๆ เกิดใหม่ๆ ไม่ค่อยกล้าจับค่ะ ตัวนิดเดียว หน้าตาน่าเกลียดด้วย ไม่เหมือนลูกหมา (ถ้าจะลำเอียงนะคะเนี่ย)



สวัสดีวันสีเขียวค่ะ คุณลุง / พี่นาถ


หนูไม่ได้ตื่นสายนะคะพี่นาถ ช่วงนี้ เช้ามาโทร. ไปบ้านแม่ เช็คว่าน้ำถึงไหนแล้ว สายๆ โทร. หาเพื่อนโน่นนี่ บ้้านเพื่อนน้ำท่วม ออกไปอยู่ข้างนอก เมื่อวานกลับมาดูบ้าน (บางบัวทอง) เข้ามาข้างในแทบช็อค ทั้งเหม็น ขึ้นรา สารพัด เธอว่า น้ำลดกลับมาซ่อมบ้านที่คิดไว้ว่าช่วงซ่อมน่าจะอยู่ชั้นบนได้ เห็นท่าจะไม่ไหว เพราะเหม็นเหลือเกินค่ะ






โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:05:33 น.  

 
ไปทำบุญที่วัดชลประทานมาค่ะ
ตอนอุทิศส่วนกุศล
ได้ให้ห้พี่และน้องที่รักทั้งสองเป็นพิเศษ
รวมทั้งเพื่อนบล็อกที่เป็นแฟนกันด้วยค่ะ

แบกมาหนักมาก รับไปด้วยนะคะ



โดย: นาถ (sirivinit ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:58:51 น.  

 
ไม่ต้องกังวลค่ะน้องหนู
มาเมื่อสะดวกนะคะ
เราจะไม่ว่ากัน

แต่ล้อกัน...ได้ ฮ่าๆๆๆ



โดย: นาถ (sirivinit ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:00:00 น.  

 
ขออนุโมทนาสาธุการ ที่ได้ไปทำบุญที่วัดชลประทานครับ

ผมไปปีละสี่ครั้งเท่านั้นครับ
หนทางไกลและติดขัดเรื่องการเดินทางอยู่เรื่อย เดี๋ยวสร้างนั่น เดี๋ยวสร้างนี่

เวลานี้น้ำคงจะยังไม่ท่วมนะครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:17:37:15 น.  

 
น้ำไม่ท่วมค่ะพี่ห่อ
ศาลาใหญ่ที่กำลังสร้างก็เสร็จด้านนอกมากแล้วค่ะ

ที่จริง จะไปหาท่านอาภรโณภิกษุ กุฏิ ๓๘ แต่ไม่พบท่าน
เห็นแต่น้องหมาน้อยสองตัว

ต้นสาละท้ายวัดก็ทรุดโทรมมาก
มีดอกอยู่ช่วงกลางลำต้น
สีไม่ค่อยสดใสค่ะ

เลยไปแวะกุฏิ ๒๔ พระเฉลิมเกียรติ พระ - อาจารย์สอนหนังสือ
และเป็นพระธรรมทูต

พูดจาฟังแล้วเป็นพระผู้รู้ สอนดี พูดดี ปีติค่ะ


ไม่สบายค่ะ เป็นไข้หวัด
เพิ่งลุกมาเปิดดู
รักษาสุขภาพนะคะ
ปวดนิ้วจิ้มดีด ต้องรีบเลิก
ตระคริวกินแล้วจะมาหาอีกค่ะ

เรา สว. มากแล้ว ต้องถนอมตนค่ะ



โดย: นาถ (sirivinit ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:18:07:20 น.  

 
ผมเองก็รู้สึกว่าปีนี้มีอาการแปลก ๆ ที่เคยเห็นคนแก่เป็นกันอยู่

เช่นการมีเสลดหริอเสมหะเกิดต่อเนื่องไป ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นหวัด เดี๋ยวกระแอมกระไอ ค็อกแค็กเรื่อยไปครับ

นิ้วมือใช้มาก ๆ ก็เป็นตะคริวงอไม่เข้า และลามออกไปทั้งสี่นิ้ว แต่มีขี้ผึ้ง เสลดพังพอนทาแล้ว ค่อย ๆ กำ แล้วคลาย สักพักก็หายได้ครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 10 พฤศจิกายน 2554 เวลา:6:15:53 น.  

 
เรื่องของคนกับหมาและแมว

เรื่องของคนกับหมา

เพทาย



ดูเหมือนจะมีคำพังเพย ของคนข่าวหนังสือพิมพ์ มาตั้งแต่โบราณแล้วว่า หมากัดคนไม่เป็นข่าว คนกัดหมาจึงจะเป็นข่าว แต่ผมได้พบเห็นเหตุการณ์ทำนองนั้นมาแล้ว เมื่อไม่นานมานี้เอง กลับไม่มีข่าวในหนังสือพิมพ์ฉบับใดเลย

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อผมเดินลงมาจากชานชลาสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งมีผู้โดยสารลงกันมากมาย ผมเดินตามกลุ่มคนลงบันไดมาร่วมสี่สิบขั้น และเดินต่อไปบนสะพานลอย ซึ่งทอดยาวออกมาทางด้านโรงพยาบาลราชวิถี แล้วจึงลงบันไดอีกกว่าสี่สิบขั้น กว่าจะถึงทางเท้าข้างถนน ผมเดินลงมาจนเกือบถึงขั้นสุดท้าย ก็เห็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ตรงเชิงบันได

มีหมาตัวหนึ่งลักษณะเป็นพันธุ์ทาง คงจะมีเชื้อฝรั่งอยู่มากหน่อย ตัวใหญ่ปากแหลม หูตั้ง แต่หน้าตาดูซื่อ ๆ นั่งยันสองขาหน้าแล้วสูงเลยเข่า มันนั่งนิ่งเหมือนกับสุนัขตำรวจหรือทหาร ที่อยู่ในแถวเคียงข้างครูฝึก ตามองตรงไปข้างหน้า ไม่ได้เหลียวมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาเลย และไม่ได้อ้าปากหายใจจนลิ้นห้อย เหมือนอย่างที่เคยเห็นทั่วไป ที่พื้นทางเดินเบื้องหน้าของมันมีแผ่นกระดาษแข็ง เขียนเป็นภาษาไทยมีความทำนองว่า ขอเศษสตางค็ ให้ผมซื้ออาหารเลี้ยงชีวิตด้วยครับ

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ ขันใส่เงินที่วางอยู่ตรงหน้าหมาตัวนี้ ซึ่งมีเงินเหรียญกองอยู่ก้นขันค่อนข้างมาก เรียกว่ามากกว่าคนขอทานที่เคยเห็นมา อาจเป็นเพราะมันไม่สามารถจะเก็บเข้ากระเป๋า ให้เหลือแต่น้อยดูน่าสงสารได้ ที่สำคัญคือมีธนบัตรใบละร้อยบาทหนึ่งใบ กับยี่สิบบาทอีกหนึ่งใบ วางอยู่บนเงินเหรียญเหล่านั้น ผมล้วงมือลงไปคลำเศษเหรียญในกระเป๋ากางเกง ปรากฏว่ามีแต่เหรียญสิบบาท จึงต้องชะงัก เพราะผมไม่ค่อยจะได้ให้ขอทาน ทีละสิบบาท รีบบอกมันในใจว่า เดี๋ยวไปฉี่ก่อนเขาทอนแล้วจะเอามาให้

และผมก็เดินเข้าไปในห้องสุขาสาธารณะที่อยู่ใกล้ ๆ เสียค่าผ่านประตูสามบาท ได้เงินทอนมาเจ็ดบาท คิดว่าจะเอาเหรียญห้าขึ้นรถเมล์ เศษสองบาทให้เจ้าหมอนั่น

แต่เมื่อเสร็จธุระแล้ว เดินกลับมาที่เดิมก็ต้องแปลกใจ มือกำเศษเหรียญบาทค้างอยู่ในกระเป๋ากางเกง เพราะเจ้าหมอนั่นยังนั่งอยู่ที่เดิม แต่ไม่มีขันใส่เงินเสียแล้ว ความคิดแล่นเร็วว่า เจ้าของเขาเลิกงานแล้วกระมัง แต่ทำไมมันยังนั่งอยู่ที่เดิม อิริยาบถก็เหมือนเดิม ไม่รู้จะถามใคร เพราะถึงถามเจ้าตัวมันก็คงไม่ตอบ

พอดีเห็นหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้เคียง เขากำลังจ้องมองมันอยู่ ผมเหลียวไปรอบตัวเพื่อจะหาผู้ที่มีท่าทางว่าจะเป็นเจ้าของ ก็ไม่มี เห็นแต่ผู้คนที่ยืนรอรถเมล์ และคนที่กำลังลงบันไดมา ต่างก็จ้องมองไปที่จุดหมายเดียวกัน

ผมจึงตัดสินใจถามชายหนุ่มคนนั้นว่า เจ้าของเขาไปไหนเสีย และทำไมมันจึงไม่มีขันเหมือนเมื่อกี้ เขาตอบว่าเห็นวิ่งไปทางโน้น เขาแหงะหน้าไปทางหัวเลี้ยวไปถนนราชวิถี ผมก็ถามด้วยความสงสัยว่าวิ่งไปทำไม เขาก็ว่าวิ่งตามเด็กไป แต่คราวนี้เขาไม่รอให้ผมสงสัยต่อ รีบบอกว่า เด็กมันคว้าขันใส่เงินวิ่งไป เจ้าของเขาอยู่ข้างหลังตู้โทรศัพท์สาธารณะ แลเห็นก็เลยวิ่งไล่กวดไป โธ่เอ๋ย…..เวรกรรมแท้แท้ทีเดียว

ผมถอนใจใหญ่ กำลังจะเอาเงินเพิ่มให้สักสองบาท ก็ไม่มีขันจะใส่เสียแล้ว
แต่ก็ตัดสินใจอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะให้แล้วก็ควรจะให้ ผมจึงเดินเข้าไปเอาเงินสองบาท วางลงบนกระดาษแข็งที่ยังแบอยู่ตามเดิม ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่ยืนเดินอยู่รอบ ๆ ตัว โดยไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร

ถ้าเขาเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมา แล้วคิดเหมือนอย่างผม บางทีกระดาษแข็งแผ่นนั้น อาจจะมีเศษเงินเพิ่มขึ้นอีกก็ได้

ผมไม่ยอมสบสายตาใคร เดินจ้ำออกไปทางศาลาพักผู้โดยสาร ที่เรียงรายอยู่ พยายามมองหาว่าเจ้าของหมา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย จะตามเด็กมือไวทันหรือไม่ ถ้าเดินกลับมาพร้อมกับขัน ผมก็จะดีใจด้วย แต่ก็ไม่เห็น

พอดีรถเมล์สายสิบสองแล่นมาจอดหน้าป้าย ผมจึงรีบสาวเท้าขึ้นไป และพ้นจากจุดเกิดเหตุมาได้ อย่างหงุดหงิดในหัวใจเต็มที

ความสลดสังเวชเกาะกุมจิตใจผมอยู่ ตลอดเวลาที่นั่งมาบนรถเมล์คันนั้น เมื่อกี้ผมไม่อยากมองหน้าเจ้าหมาแสนซื่อตัวนั้น ผมคิดว่าทำไมมันไม่งับมือเด็ก ที่มาหยิบขันของมัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เจ้าของ แล้วก็ตอบตัวเองว่ามันเป็นหมาสุภาพ เจ้าของไม่ได้ฝึกให้มันจับขโมย เหมือนอย่างสุนัขของตำรวจ มันไม่มีสัญชาตญาณที่จะรู้ว่า ผู้ที่หยิบขันใส่เงินของมันเป็นผู้ร้าย มันจึงนั่งเฉยไม่เขยื้อนที่ และไม่ได้ลุกขึ้นยืนเสียด้วยซ้ำ แสดงว่ามันเคารพคำสั่งของเจ้าของ ที่ให้มันนั่งนิ่งอยู่ อย่างซื่อสัตย์

และทำไมผู้คนที่ยืนรอรถเมล์มากมายเหล่านั้น จึงพากันเฉยเมย ข้อสำคัญคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจาจร ที่เคยอยู่แถวนั้นตั้งหลายนาย หายไปไหนหมด และไม่มีแม้แต่พลเมืองดีที่จะช่วยวิ่งไล่จับคนร้าย ปล่อยให้หนีไปได้ต่อหน้าต่อตา ไม่รู้สึกสงสารหมากันบ้างเลยหรือ หมาที่แสนซื่อแสนดี

หวังว่าเมื่อเจ้าของกลับมา คงจะไม่โมโหโกรธา ถึงกับด่าว่าหรือทำโทษมันซ้ำอีก

ผมคิดอยู่ในใจเรื่อยเปื่อย ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจแทนหมา จำนวนเงินในขันมันมากพอ ที่จะทำให้คนเราโลภจนกล้าทำผิด ต่อหน้าผู้คนเป็นจำนวนมาก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง และไม่อายหมาบ้างเลย

ส่วนคนที่จะช้ำยิ่งกว่าหมา ก็คือเจ้าของหมา ซึ่งประมาทว่าอยู่ท่ามกลางกลุ่มชน ปล่อยให้ธนบัตรสีแดงวางล่อตาคนร้าย จนลาภที่อยู่แค่มือเอื้อมต้องหลุดลอยไป

ผมคิดอยู่จนกระทั่งถึงป้ายจอดรถจุดที่ผมจะต้องลง ก็ยังไม่เลิกคิด ทั้ง ๆ ที่พยายามแล้ว จนต้องเอาธรรมะมาใช้ ขณะที่เดินเข้าตรอกบ้าน

คือเมื่อเราเห็นผู้ใดได้รับทุกข์แล้ว แต่สุดความสามารถที่จะช่วยเขาได้ ก็ควรจะวางเฉยเสีย ตัวเราจะได้ไม่พลอยเป็นทุกข์ไปด้วย

แล้วนี่เจ้าหมอนั่นมันจะทุกข์หรือเปล่าก็ไม่รู้ เราเอามาคิดเสียเป็นวรรคเป็นเวร ด้วยความสงสาร ทั้ง ๆ ที่เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนาน หลายนาทีแล้ว

แต่ถึงอย่างไรผมก็อดที่จะประนาม ผู้ที่วิ่งราวขันใส่เงินของหมาตัวนั้นไม่ได้ พุทโธ่เอ๋ย คนเราทุกวันนี้ ก็แย่งกันกินจนนัวเนีย ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร อะไรเป็นอะไรแล้ว ยังไม่พอ

ดันมาแย่งหมากินเสียนี่ ………..อนิจจา..คนหนอคน.

###########

นิตยสารต่วยตูน
พฤศจิกายน ๒๕๔๖ ปักษ์แรก



โดย: เจียวต้าย วันที่: 10 พฤศจิกายน 2554 เวลา:6:17:24 น.  

 

หนูยังไม่เคยไปวัดชลประทานฯ เลยค่ะ โฉบไปเฉี่ยวมา นี่เค้าว่าบุญไม่ถึงมังคะ


นิ้วเป็นตะคริว...หนูเคยเห็นคนเดินออกกำลังกายเค้ากำอะไรซักอย่าง เห็นว่าช่วยให้กล้ามเนื้อนิ้ว ยืด-คลาย ได้ดี ไม่รู้จริงรึป่าวค่ะ



คงต้องถนอมตัวทั้ง 2 ท่านหล่ะค่ะ






โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 10 พฤศจิกายน 2554 เวลา:16:22:28 น.  

 
เรื่องนี้ถ้าเปลี่ยนจากลูกแมวเป็นลูกคน พี่ปู่คงป่วนมากกว่านี้


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 7 สิงหาคม 2555 เวลา:21:29:00 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.