"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
4 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
นิทานชาวสวน ชุด สงครามเอเซีย ตอน มฤตยูจากฟากฟ้า (๖)

นิทานชาวสวน
ชุด สงครามเอเซีย
มฤตยูจากฟากฟ้า


เมื่อเข้าสู่ภาวะปกติก็คืออยู่ระหว่างสงครามตามเดิม ผมเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๓ ทางราชการเห็นว่าหยุดเรียนกันหลายครั้ง เลยอนุโลมให้สอบไม่ต้องถึง ๕๐ % ก็เลื่อนชั้นได้ ดูเหมือนจะเป็น ๓๕ % จำไม่ได้แน่ ผมจึงเลื่อนขึ้นไปเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๔ เลิกเป็นลูกเสือ แต่ได้เป็นยุวชนทหาร ปีที่ ๑ เริ่มฝึกแบบนักเรียนรักษาดินแดนเดี๋ยวนี้
เครื่องแต่งกาย เสื้อกางเกงขาสั้นสีกากีแกมเขียวแทนเครื่องแบบลูกเสือ ไม่มีผ้าพันคอ ปกเสื้อติดเครื่องหมายเหล่าทหารราบ คือปืนเล็กยาวไขว้กับตับกระสุน อินทรธนูติดเลข ๑ ตามชั้นปีของตน สวมหมวกแก็ปทรงหม้อตาลเหมือนทหาร มีผ้าพันขอบหมวกสีแดง ตราหน้าหมวกเป็น อุณาโลมประกอบตัวหนังสือ รักชาติยิ่งชีพ เลี่ยงจากทหารที่มีอักษรว่า สละชีพเพื่อชาติ

ขณะนั้นนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๖ เป็นยุวชนปีที่ ๓ แล้ว เราเพิ่งเริ่มฝึกท่ามือเปล่าและท่าอาวุธ ด้วยปืนเล็กยาวโบราณที่ปลดประจำการไปแล้ว ดูเหมือนจะเป็น ปลย.๔๕ คือเริ่มใช้เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๕ เราฝึกกันที่สนามของโรงเรียน โดยมีครูเป็นนายสิบ และผู้ควบคุมการฝึกเป็นร้อยโท ท่านแต่งเครื่องแบบทหารสวมท็อปบู๊ทสง่างามมาก
ตัวยุวชนทหารเองก็ดูขึงขังมิใช่น้อย เด็กลูกเสือจะมองเราอย่างนับถือ เพราะยุวชนทหารมีชื่อเสียงมาก เมื่อต่อสู้ต้านทานทหารญี่ปุ่น ที่ยกพลขึ้นบกจังหวัดปัตตานี และยุวชนทหารก็ต้องทำความเคารพด้วยการวันทยาหัตถ์ ต่อทหารและตำรวจตั้งแต่นายสิบขึ้นไป กระดุมเม็ดบนที่ติดลูกกระเดือกซึ่งเพิ่งโผล่ ห้ามปลดออกแบะอกเป็นอันขาด

เมื่อย่างเข้า พ.ศ.๒๔๘๖ แม่บันทึกเรื่องงานวันของแม่ ซึ่งน่าจะเป็นวันแม่ครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อวันพุธที่ ๑๐ มีนาคม ๒๔๘๖

วันนี้เป็นวันครบรอบปีที่ตั้งกระทรวงสาธารณสุขขึ้น จึงมีงานฉลอง คือ
๑. เลี้ยงพระและเลี้ยงแพทย์ในกระทรวง และมีงานเล่นเบ็ดเตล็ด
๒. มีงานวันของแม่ที่สวนอัมพร เลี้ยงของว่างแก่แม่และเด็ก
แจกของเล่นแก่เด็ก มีการประกวดสุขภาพของแม่ และมีการแสดงเบ็ดเตล็ดอีกหลายอย่าง ไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู แต่ต้องแต่งกายสุภาพตามวัฒนธรรม (ผู้หญิงต้องนุ่งกระโปรงหรือผ้าซิ่น สวมหมวก) ค่าโดยสารรถยนต์เรือยนต์ลดครึ่งราคา แต่ต้องมีบัตรประจำตัว คือไปขอเจ้าหน้าที่ก่อนวันงาน ฉันเองไม่นึกสนุกจึงไม่ไป แต่อยากให้ลูกไปสนุกกับเขาบ้าง จึงสั่งให้ลูกชายไปเที่ยวตอนบ่าย เมื่อกลับจาก ร.ร. แต่เขาไม่ยักไป เขาบอกว่าอายกางเกงก้นปะ

ที่ว่าบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ ก็คืออยู่ในภาวะสงครามเช่นเดิมนั่นเอง ความกลัวภัยทางอากาศก็กลับมาครอบงำจิตใจอีก ชีวิตประจำวันก็คงเหมือนเดิม แม่ไปสอนนักเรียนที่ ร.ร.ปัญญานิธิ น้องก็ไปเรียนหนังสือกับแม่ ผมก็ไปเรียนและฝึกยุวชนทหารที่วัดราชา บางทีก็มีหวอกลางคืน บางทีก็กลางวัน จนเกิดความเคยชินขึ้น แม่จึงบันทึกไว้ครั้งหนึ่งว่า

วันเสาร์ ๑๐ เมษ ๘๖ คืนนี้เวลาประมาณ ๑๑ น.มีหวูดอันตรายเกิดขึ้น ต่อมาสักครู่มีเสียงเครื่องบินและเหมือนเสียงปืนแต่ไกลมาก แล้วก็เงียบ ฉันหลับสบายทั้งสามคนแม่ลูก มารู้สึกตื่นเมื่อเสียงหวูดปลอดอันตราย ที่จริงก็ดีหลับแล้วไม่รู้สึกกลัว ยิ่งตายเมื่อเวลาหลับก็ยิ่งดี จิตใจไม่หวาดกลัว

ชีวิตของแม่ในยามสงคราม คงเศร้าหมองและหดหู่มาตลอดเวลา เพราะการครองชีพที่เพิ่มขึ้น ตามลูกสองคนที่โตขึ้น แต่รายได้น้อยเหลือเกิน แม่เคยบันทึกไว้ว่า เริ่มขออนุญาตกระทรวงศึกษาธิการ เป็นครูตั้งแต่ เดือนกรกฎาคม ๒๔๘๒ สอนนักเรียนชั้น ป.๑ ได้เงินเดือน ๘ บาท ๑๐ บาท ๑๒ บาทตามลำดับ

พ.ศ.๒๔๘๓ ได้เงินเดือน ๑๕ บาท พ.ศ.๒๔๘๔ ได้เงินเดือน ๑๘ บาท พ.ศ.๒๔๘๕ ได้เงินเดือน ๒๐ บาท พ.ศ.๒๔๘๖ ได้เงินเดือน ๒๕ บาท

แต่เมื่อโรงเรียนปิดเพราะภัยทางอากาศ หรือน้ำท่วม ก็ไม่ได้เงินเดือนตามนั้น ไปขอเงินเดือน แต่ละครั้ง เจ้าของหรือผู้จัดการ ร.ร.ก็ให้มาทีละ ๒ – ๕ บาท รวมแล้วก็ไม่เกินครึ่งของเงินเดือน ส่วนผมเองมีค่าเลี้ยงดูจากพ่อ ที่บ้านสวนฝั่งธนบุรี เดือนละ ๔ บาท แม่จึงต้องเที่ยวขอยืมแบบไม่มีโอกาสใช้หนี้คืน จากญาติที่สนิท และผู้มีพระคุณ ที่ร้านขายยาหอมบรรทัดคู่มือ หน้าวัดมหรรณพาราม จนท่านยกให้โดยไม่ต้องใช้หนี้

พอถึงเดือนตุลาคม ๒๔๘๖ กระทรวงศึกษาธิการมีคำสั่งให้โรงเรียนสอบไล่ชั้นประถม ป.๑-ป.๔ ทั้งหมดทุกโรงเรียน แล้วปิดการเรียนตั้งแต่ ๓๑ ตุลาคม ชั้นมัธยมปีที่ ๑-๕ สอบพฤศจิกายน ส่วน ม.๖ คงเรียนต่อไป ผมอยู่ชั้น ม.๔ จึงต้องสอบไล่ก่อน ร.ร.จะปิด ได้เกิน ๕๐ % ไปไม่มาก ถ้าโรงเรียนเปิด ก็จะได้เลื่อนขึ้นไปเรียนชั้น ม.๕ แม่บันทึกเรื่องราวไว้ว่า

พุธ ๑๐ พ.ย.๘๖ วันนี้เจ้าหน้าที่ทางบ้านเมืองมาแนะนำว่าให้อพยพ เขาว่าเด็กและคนแก่ควรไป ให้ผู้ชายเฝ้าบ้าน ไปได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งปลอดภัยเท่านั้น ฉันถามว่า ถ้าไม่ไปจะเอาผิดไหม เขาว่าก็ไม่เอาผิด ดังนั้นเราตกลงว่ายังไม่อพยพ นอกจากจะมีเหตุร้ายแรงจริง ๆ จึงจะไป

อาทิตย์ ๓ ธันว์ หวอมาอีกแล้วคืนนี้ ๒ ครั้ง รวม ๑๑ เครื่อง ชนิดป้อมบินสี่เครื่องยนต์ เขาเคยขู่มาตั้งแต่เดือนตุลาแล้วว่า เครื่องบินของเขาจะมากลางวัน มาอย่างละลอกคลื่นทีเดียว รัฐบาลของเราเลยฉวยโอกาส ประกาศตักเตือนให้ราษฎรอพยพไปอยู่ที่ปลอดภัย นักเรียนในพระนครธนบุรีให้รีบสอบไล่ให้เสร็จภายในเดือน ตุลาคม ส่วนชั้น ม.๖ ชั้นเดียวให้เรียนต่อไป เพราะเป็นนักเรียนรุ่นโต รู้จักหลบหลีกอันตรายได้เอง ส่วนชั้นอื่น ๆ เป็นนักเรียนเล็ก จะได้อพยพไปกับผู้ปกครอง

เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนต่างก็พากันอพยพไป โดยมากไปอย่างไม่มีจุดหมาย หวังแต่จะหลบภัยชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีหลักแหล่งทำมาหากิน มีแต่ควักเงินออกไปเรื่อย ๆ พอถึงเดือนธันว์ก็ยังเงียบไม่มีหวอ พวกที่ไปจึงพากันกลับบ้านกันหลายราย บ้างมาถึง ๗ วัน ๓ วัน วันเดียว ก็พอดีหวอมา บ้างก็ตาย บ้างก็บ้านพัง น่าอนาถ

มาคราวนี้เขามีของแปลกมาให้เราชม และทำลายขวัญเราด้วย ทุกทีเมื่อหวอมา ฉันเคยนั่งหรือนอนอยู่ในมุ้ง แต่คราวนี้ต้องวิ่งลงหลุมหลบภัย เพราะตกใจขวัญเสีย สิ่งที่แปลกนี้คือพลุสีแดง ส่องแสงสว่างจ้าราวกับเดือนหงาย เห็นหน้ากันถนัด อ่านหนังสือได้ เขาทิ้งลงมาเป็นระยะ ๆ สว่างไปได้ไกล เช่นทิ้งลงที่บางซื่อ แสงสว่างถึงสามเสน บางคนเพลินชม บางคนวิ่งหนี

การกระทำของข้าศึกนี้ พวกเรารู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำส่งเดช คือเขาเลือกจุดหมายจะทำลายแต่ที่สำคัญ ๆ เท่านั้น หากแต่พลาดจึงไปถูกบ้านเล็กเรือนน้อย ผู้คนตาย เพราะบินสูงลิบสุดระยะปืน และใช้พลุสีแดงส่องดูจุดหมาย เหมาะที่ไหนก็ลงมาทิ้งบอมบ์ แล้วก็บินขึ้นสูงอีก ก่อนนี้เรากลัวหวอเมื่อตอนเดือนหงาย ใจคอไม่สบายไปตามกัน เดือนมืดเราสบายใจ ต่อไปนี้เดือนหงายหรือเดือนมืด ก็ต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ

วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๔๘๖ แม่บันทึกย้ำเรื่องภัยทางอากาศอีกครั้งหนึ่ง หวอมาอีกเวลา ๒๒.๓๐ น. ประมาณ ๑๐ เครื่อง ครั้งแรกทิ้งพลุแดงส่งทางเป็นระยะ ๆ ไป แล้วก็ทิ้งระเบิดเพลิงตามลงมา เกิดไฟไหม้สว่างจ้าขึ้น ๓ แห่ง แล้วกี่ลำ ๆ ก็วนทิ้งเพิ่มเติมลงอีก ไหม้ต่อ ๆ ไปเกือบสุดถนน เช่นบางรักเป็นต้น นอกจากนี้ที่ถูกระเบิดเพลิงอีกคือ วัดตรี ตรอกวัดสามพระยา สะพานเหลือง ร.ร.การเรือนระเบิดด้าน เวลา ๓.๓๐ น.จึงกลับไป รวมเวลาที่บินวนเวียนอยู่ ๕ ชั่วโมง

หวอมาครั้งที่ ๒ นี้ ทำลายขวัญพลเมืองมาก เพราะไม่ใช่จุดสำคัญก็ถูกเผาถูกทำลาย โดยเขาทิ้งพลาดจากที่หมายไกลมาก เมื่อถูกวิทยุของเรากล่าวติเตียนว่าไม่มีศีลธรรม เขาเลยคุยและขู่ทางวิทยุเดลฮีว่า เขาเตรียมระเบิดประเทศไทยไว้ ๑๕๐๐ ตัน เขาจะทำลายพระนครให้เป็นเมืองร้างให้จงได้

ดังนั้นเมื่อวันศุกร์รุ่งขึ้น ประชาชนไม่มีแก่ใจจะไปเที่ยวดูสถานที่ถูกระเบิดอีกแล้ว รีบขนของอพยพกันทันทีทันใดโดยไม่รีรอ ทางบกทางน้ำเบียดเสียดเยียดยัดกันอัดแอ ขอแต่ให้ได้ไปให้พ้น ๆ พระนครก็แล้วกัน แถวซอยราชวิถีที่เราอยู่ เงียบเชียบเพราะเด็กและหญิงไปกันหมด เหลือชายเฝ้าบ้านละคน
เราจะอยู่อย่างไรได้ ถึงคราวจำเป็นแล้ว เราก็ต้องหลบไปบ้าง เวียนปรึกษาหารือนัดแนะกันอยู่ ๑ วันจึงตกลง อพยพไปอยู่ คลอง ๒ อำเภอลาดกระบัง บ้านคุณแม่ของเพื่อนบ้านตรงข้ามซอย เราไปกัน ๔ คน คือฉัน และน้องกับลูกสองคน ออกจากบ้านโดยจักรยานสามล้อ แล้วลงเรือจากประตูน้ำไปคลอง ๒ ถึงบ้านนั้นเวลาบ่าย ๑๓.๓๐ น. วันอาทิตย์ ๒๖ ธันว์

บ้านเขากว้างขวางขนาดบ้านเราแต่ห้องน้อย เขาปล่อยเป็นห้องใหญ่โล่ง แต่มีระเบียงและนอกชาน จึงกว้างขวางกว่าบ้านเรา เวลานี้อยู่รวมกันทั้งเจ้าบ้าน ลูกหลาน และแขกรวม ๒๕ คนแล้ว ก็ยังไม่แออัดนัก เจ้าบ้านอัธยาศัยดี เราก็สบายใจแต่แปลกที่นอนไม่หลับ คอยฟังหวอเสมอ

สุดท้ายเมื่อวันสิ้นปี แม่บันทึกว่า พ.ศ.๒๔๘๕ กำลังจะผ่านพ้นไปวันนี้แล้ว ปีนี้เป็นปีที่เราสามคนแม่ลูกลำบากยากแค้น และเศร้าโศกมาก ได้เสียญาติและคนใกล้ชิดไป ๓ คน (พี่สาว ลูกของน้า ผู้จัดการ ร.ร.ปัญญานิธิ ของแม่ และ พ่อผมที่อยู่สวนธนบุรี) ต้องจากบ้านเรือนระเหเร่ร่อน เมื่อไรจึงเป็นปกติสุขกันที ขอส่งปีเก่าด้วยความเศร้าและว้าเหว่ที่สุด ขอปีเก่าจงเก็บเอาความทุกข์ยากไปให้หมด

วันเสาร์ ๑ มกร ๘๗ วันขึ้นปีใหม่ประชาชนเขาทำบุญใส่บาตรกันทุกจังหวัดทุกหมู่บ้าน แต่เราพลัดบ้านเมืองมา ไม่ได้ทำบุญกับเขา เพราะสงบเสงี่ยมเจียมตัว กลัวจะไม่พอใช้ ที่เคยได้รับจากสวนก็ไม่ได้อีกแล้ว ที่เคยได้รับจาก ร.ร.เดือนนี้ก็ไม่มีหวัง ฉันขอต้อนรับปีใหม่ ด้วยหน้าชื่นอกตรม ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงประทานความสุขสมบูรณ์ให้ฉันบ้าง ถ้าฉันไม่มีวาสนาจะได้รับความสุขอีกแล้ว ขอจงบันดาลให้ตายไปเสียจากโลกนี้

แม่บันทึกต่อไปว่า ระหว่างที่อยู่คลอง ๒ แห่งลาดกระบังนี้ มีอาชีพทางรับจ้างทำใบตองห่อข้าวหมาก ราคา ๑๐๐๐ ต่อ ๑ บาท หรือร้อยละ ๑๐ ส.ต. เราทำได้อย่างมากคนละ ๑๕๐ ราคา ๑๕ ส.ต. พอเป็นค่าขนมประจำวัน ถ้าตั้งใจทำจริง ๆ อาจได้วันละ ๓๐๐ แต่นี่ทำเฉพาะกลางวัน กลางคืนยุงชุมมากทนไม่ไหว ถ้าใครอาบน้ำค่ำ ๆ ต้องเต้นระบำทุกคน เวลา ๑๘ น. ยังไม่ทันมืดพวกเรากางมุ้งกันแล้ว และต่างก็เข้าไปนอนคุยกันในมุ้ง

วันศุกร์ ๗ มกร ๘๗ เรา ๔ คนลงเรือ “ดิน กอง ทราย” เวลา ๑๑ น. มุ่งไปขึ้นประตูน้ำสระปทุม มีคนเต็มเรือ แต่เข้าไปขึ้นพระโขนงเสีย ๓/๔ ถึงประตูน้ำราวบ่าย ๓ โมง รวมเวลาเรือยนต์แล่น ๔ ชั่วโมง ถ้าเรือแจว ๕ ชั่วโมง เพราะไม่แวะที่ไหน ถ้ารถไฟชั่วโมงครึ่ง เราขึ้นจักรยานสามล้อ ๒ คันจากประตูน้ำราคาคันละ ๕ สลึง เมื่อไปคันละ ๓ บาท นับว่าดีขึ้น

เมื่อถึงบ้านเห็นประตูรั้วไม่มีกุญแจ ประตูเรือนมีกุญแจของบ้านอื่นใส่อยู่ ได้ความว่าเมื่อตอนกลางคืนฝนตกถูกคนงัด เช้าขึ้นเพื่อนบ้านเขาหากุญแจมาใส่ให้ ตกลงกุญแจหายไป ๑ ดอก ถูกงัดเสียทิ้งอยู่ ๑ ดอก ของอื่นไม่มีหาย

วันจันทร์ ๑๐ มกร ๘๗ หวอมาเวลา ๔ ทุ่ม ๑๐ นาที เรามาถึงบ้าน ๔ วัน ก็ได้ยินเสียงหวอเทียวนะ เมื่อเราอยู่ลาดกระบัง ๑๒ วัน มันไม่มาเสียให้พอ คราวนี้มันไม่ต้องทิ้งไฟแดงเพราะเดือนหงาย แต่วนเวียนหาจุดอยู่บนหัวเราตั้งนาน จึงทิ้งระเบิดเพลิงลงที่ ร.พัน.๙ ประมาณตั้ง ๑๐๐ ลูก เขารีบดับเกือบหมด เหลือลูกเดียวที่ติดไฟไหม้ขึ้นที่คลังสัมภาระ
ขณะนั้นพอดีเครื่องบินข้าศึกกลับมา มันเห็นแสงสว่างจึงทิ้งระเบิดทำลายลงตั้งแต่ชิงสะพานวชิราวุธ เรื่อยมาถึงโรงรถ ร.พัน.๙ นับไม่ถ้วนว่ากี่ลูก ถูกสถานที่พัง ๓ แห่ง ถนนพัง ๑ แห่ง ก๊อกประปาพัง ๑ แห่ง ระเบิดในที่ว่างอีก ๒ แห่ง แล้วเลยเงียบไปเลย

คราวนี้ชาวราชวิถีหรือชาวสวนอ้อยหอบของวิ่งกันใหญ่ เพราะใกล้เหลือเกิน (สวนอ้อยกับ ร.พัน.๙ มีถนนนครราชสีมาแคบ ๆ คั่นนิดเดียว) แต่เดชะบุญมันไม่ย้อนกลับมาอีก (วิ่งไปหลบอยู่ที่วัดส้มเกลี้ยง วัดราชผาติการาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา) เวลา ๒ น.หวูดขึ้นบอกหมดอันตราย ต่างหิ้วของกลับบ้านเดินคออ่อน เหนื่อยเหลือเกิน เมื่อเวลาไปไม่ยักเหนื่อย ความรีบหนีภัยเรี่ยวแรงมาจากไหนไม่รู้

วันพุธ ๑๒ มกร ๘๗ หวอมาอีกเวลา ๒๑ น. เครื่องบินข้าศึกมา ๔ ลำ ของเราขึ้น ๓ ลำ คืนนี้มันไปทิ้งสถานีหัวลำโพง ตลอดจนบางรักไปจรดที่ถูกระเบิดเก่า มันทิ้งระเบิดเพลิงก่อน วกกลับมาอีกเที่ยวจึงทิ้งระเบิดทำลาย เกิดมาพึ่งเคยเห็นรบกันบนอากาศ และบนหัวเราด้วย ปืนกลปืนใหญ่ดังสนั่นหวั่นไหว น่าสนุกและน่าขวัญหาย ฉันใจสั่นเสียงสั่นเหมือนเป็นไข้

เวลา ๒๔ น.หมดอันตราย เครื่องบินของเราตก ๑ เครื่อง เขาว่าเครื่องบินข้าศึกไม่กลับฐานทัพ ๒ เครื่อง แถวหัวลำโพงคนตายมาก เขาว่าเหม็นเขียวศพที่ถูกไฟไหม้คลุ้งไปหมด

############


โดย: เจียวต้าย วันที่: 4 มีนาคม 2556 เวลา:10:07:45 น.  



Create Date : 04 มีนาคม 2556
Last Update : 4 มีนาคม 2556 12:05:48 น. 16 comments
Counter : 942 Pageviews.

 
ขอบพระคุณพี่ปู่ค่ะ


นาถแก้อุณาโลม กับอันอื่นอีก ๑ ให้ค่ะ แต่ใส่ คอมม่า ระหว่าง ๑,๕๐๐ ตันไม่ได้ ทำอย่างไรก็ไม่ได้ เลยปล่อยไปค่ะ

สงครามดีต่อนักรียน ไม่ต้องสอบได้เลื่อนชั้น กับอีกพวกได้เป็นยุวชนทหาร โก้ไปเลย

นาถเพิ่งทราบว่าลูกกระเดือก เด็กชายเพิ่งขึ้นวัยนี้ค่ะ

แม่หม้ายที่ไม่เคยลำบากมากมาก่อน ต้องหอบลูกน้อยหนีภัยสงสคราม หดหู่ใจแทนนะคะ

แต่เพราะเป็นคนดี มีมิตรไมตรีกับเพื่อนบ้าน เขาจึงชวนไปหลบภัยที่บ้านญาติเขาด้วย คนไร้ญาติก็ลำบาก ที่จริงนั้น มีภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวว่า

"ขึ้นสวรรค์นั้นยากนัก แต่ยามลำบาก หาคนช่วยยากยิ่งกว่า" ต้องยกเว้นในกรณีคุณแม่พี่ปู่ และเพื่อนบ้านเป็นคนดีเหลือเกิน มิตรแท้ในยามยาก


นาถเคยโดนด่ามาแล้ว คือมีเพื่อนที่ชอบ "ขอยืม" ขอยืมชั่วนาตาปี ยืมชั่วหมดสิ้นชาติ ยืมชั่วฟ้าดินสลาย ยืมอย่างไม่ละอาย แต่จะออกตัวทุกครั้ง และชมว่านาถเป็นเพื่อนดี "เพื่อนต้องช่วยเพื่อน"

ตอนยังทำงานอยู่ ก็โอเค เงินเดือนมาก ช่วยกันได้ รู้อยู่เต็มอก ว่าให้ยืมไปไม่มีทางได้คืน พอนาถไม่ทำงานแล้ว ก็ไม่ให้ยืมสิ ก็โกรธ โกรธก็โกรธไปเถอะ จะให้เลี้ยงจนตายนี่มันเกินไปค่ะ

คุณแม่พี่ปู่ ท่านเป็นคนละเอียดถี่ถ้วน บันทึกไว้อ่านเข้าใจง่ายๆ ลูกชายคนเดียวก็ได้รำลึกความหลังจากบันทึกแห่งชีวิตของคุณแม่ ได้แบ่งให้น้องสาวคนเดียวอ่านบ้างรึเปล่าคะพี่ปู่


โดย: นาถศรี (sirivinit ) วันที่: 4 มีนาคม 2556 เวลา:12:17:01 น.  

 
มาอ่านต่อค่า ก็พูดเหมือนเดิม สมัยก่อนลำบากมากเลยนะค่า
คุณแม่คุณลุง บัยทึกได้ละเอียดดีจัง
อ่านและนึกภาพตาม เหมือนกับตัวเองอยู๋ในเหตุการณ์สมัยนั้นเลยค่า

1 พี่นาถ ขราาาาาาาาาาา
เพื่อนขอยืมเงินหรือค่า ไม่ใช่แล้วค่า
ต้องเป็น ขอลืม ค่า ขอแล้วลืม ไปเลยค่า
เคยเจอเหมือนกัน เราทวงจนเราอาย ตอนหลังเราไม่อายแล้ว ทวงสุดฤทธิ์




โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 4 มีนาคม 2556 เวลา:13:28:11 น.  

 
คุณแม่คุณลุงเก่งมากเลยค่ะ วันสิ้นปีเป็นปีที่ลำบากยากแค้น และเศร้าโศกมาก...มีหลายเรื่องเกิดในเวลาไล่เรี่ยกัน

ในเวลาลำบากแบบนี้ ก็ยังมีขโมยขโจร โชคดีนะคะ ที่เค้าเอาอะไรไปไม่ได้

เวลาไปไม่ยักเหนื่อย เวลากลับเดินคออ่อนกลับ...เหนื่อยเหลือเกิน

แปลว่า ภาพจากเรื่องคู่กรรมบางส่วนใกล้เคียงเหตุการณ์จริงมากเลยนะคะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 4 มีนาคม 2556 เวลา:21:23:51 น.  

 
เรื่องนี้ผมถ่ายเอกสารเย็บเล่ม ให้เป็นของขวัญแก่ทุกคนในบ้านแล้วครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 5 มีนาคม 2556 เวลา:5:10:13 น.  

 
ขอบพระคุณค่ะพี่ปู่


โดย: นาถสรี (sirivinit ) วันที่: 5 มีนาคม 2556 เวลา:8:15:31 น.  

 
นิทานชาวสวน
ชุด สงครามเอเดซีย
ตอน จุดเปลี่ยนของเมืองไทย

ภัยทางอากาศใน พ.ศ.๒๔๘๗ ได้รุนแรงมากขึ้น และเพิ่มความถี่มากขึ้น เพราะฝ่ายสัมพันธมิตรตั้งหลักได้แล้ว กำลังตีโต้และผลักดันกองทัพญี่ปุ่นให้ถอยร่น จากทิศตะวันตกกลับไป แม่ได้บันทึกชีวิตของตน ที่ต้องอดทนต่อความรุนแรงของภัยทางอากาศ เป็นลำดับ

วันพฤหัส ๒๐ มกร ๘๗ วันนี้ (น้าหนีเปิดไปลาดกระบังแล้ว ตั้งแต่ตอนกลางวัน) เรารู้สึกเปลี่ยวมาก แต่ก็จำทน เพราะบ้านที่พักที่ลาดกระบังคนแน่นเต็มที่แล้ว ถ้าเราเพิ่มไปอีกจะเอาที่ที่ไหนนอน เราหรือก็จน เราก็ต้องทนอยู่ทนกลัว

วันศุกร์ ๒๑ มกร ๘๗ วันนี้ไป ร.ร.เพื่อหางานทำ งานนั้นคือเป็นกรรมกรตากผัก แต่ไม่สำเร็จเพราะไกลบ้านมาก อยู่ถึงวัดอินทร์ฝั่งธน เราไม่สามารถจะไปถึงแต่โมงเช้าได้ เลยทอดอาลัยและหายกลัวหวอไปวันหนึ่ง เพราะเราเป็นสุนัขจนตรอก ถ้าตายเสียก็จะเป็นบุญ

ศุกร์ ๔ กุมภ์ ๘๗ หมู่นี้อาหารการกินราคาแพงทวีขึ้นอีกมาก ยิ่งเครื่องอุปโภคยิ่งแพงกว่าเครื่องบริโภคอีก แต่ก่อนซื้อสบู่กรดซักผ้า ๑ ก้อนราคา ๓ ส.ต. สบู่หอมถูตัว ๑ ก้อนราคา ๑๐ ส.ต. ซื้อ ๒ อย่างราคา ๑๓ ส.ต. เดี๋ยวนี้ซื้อ ๒ อย่างราคา ๑ บาท เงินบาทของเรามีค่าเพียง ๑๓ ส.ต.เท่านั้นเอง

จันทร์ ๖ มีน ๘๗ หวอมาเวลา ๔ ทุ่มครึ่ง ทยอยมาทีละพวก จะเป็นกี่ลำไม่ทราบ พอมาถึงก็ทิ้งระเยิดตูม ๆ แล้วเลยไปทางเหนือ เงียบไปสักพักก็มาอีกพวกหนึ่ง ทิ้งระเบิดตูม ๆ แล้วก็ไปทางเหนืออีก แล้วพวกที่ ๓ ก็มา ทิ้งระเบิดตูม ๆ แล้วไปทางเหนืออีก ไม่กลับวกมาวนเวียนอีกเลย คราวนี้มาจากทางใต้ แล้วหายเงียบไปทางเหนือ เขาหมายจุดโรงไฟฟ้าสามเสน แต่ทิ้งระเบิดตรงข้ามที่หมาย ถูกหลังวัดโบสถ์ บ้านราษฎร โรงหนังตำบลศรีย่าน

พุธ ๑๗ พ.ค.๘๗ โรงเรียนต่าง ๆ เปิดเรียนทั่วไปทั้งประเทศ ฝนโปรยปรายอยู่เรื่อยแทบทุกวัน หลุมหลบภัยซ่อมแล้วก็พังอีก เพราะน้ำขังตั้งครึ่งหลุม บุญหน่อยที่ข้าศึกไม่มารบกวนเพราะฝนชุก ฉันอดหมากแล้วอย่างเด็ดขาด แต่ทานอาหารจุตั้งแต่น้ำท่วมจนบัดนี้ อ้วนจนเสื้อผ้าคับไปหมด

แม้เครื่องบินข้าศึกจะเข้ามาในเวลากลางวันบ่อย ๆ และแม้ฝนจะตกอยู่เรื่อย ก็ยังอุตส่าห์มีการแข่งม้ากัน แต่แถบสามเสน มีแต่รำวง พวกเราไม่กล้าไปไหนค่ำ ๆ เพราะไม่มีรถกลับขี้เกียจเดิน ร.ร.หยุด ๖ เดือนกว่า งานบ้านก็มีทำอาหารกิน และเย็บเสื้อผ้าอยู่เรื่อย ๆ

๕ มิ.ย.๘๗ วันนี้เป็นวันวิสาขะบูชา ราษฎรชักธงชาติขึ้นสู่ที่สูงทุกบ้านทุกเรือน เหล่าพุทธมามกะทั้งหญิงชาย ต่างก็ชักชวนกันไปวัด เพื่อฟังเทศน์ เลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. ก็มีเครื่องบินข้าศึกผ่านเข้ามาประมาณ ๔๐ เครื่องพวกประชาชนต่างก็ตื่นเต้นประหลาดใจ มองดูการเคลื่อนไหวของเครื่องบิน แต่ไม่สู้จะหวาดกลัว เพราะนึกเสียว่าเขาเข้ามาเวลากลางวันหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยทิ้งระเบิดเลย เคยเข้ามา ๓ เครื่องบ้าง ๕ เครื่องบ้าง เสียงแต่ปืนฝ่ายเรายิง ครั้งนี้แม้จะมามากมายก็คงจะเลือกทิ้งแต่จุดสำคัญ ดังนั้นจึงไม่ใคร่จะพากันหลบภัย ดังเช่นกลางคืน

พอเขาเข้ามาครู่เดียวก็ทิ้งระเบิดปัง ๆ ทีเดียว ทิ้งไม่เลือกที่เสียด้วย กระจายกันออกไปหมู่ละ ๕ ลำ มีเรือนำอีก ๑ ลำ เจ้าเรือนำขีดวงตรงไหน เจ้าบริวารก็ทิ้งบอมบ์ที่นั่น ตำบลหนึ่ง ๆ ทิ้งระเบิดลงมาไม่ต่ำกว่า ๒๕ ลูก หลุมระเบิดต่อหลุมระเบิดจรดกันก็มี การเขียนวงเครื่องหมายกะที่ให้ทิ้ง คือพ่นควันออกทางหางและทางปีก ทั้ง ๒ ข้าง แล้วบินวงโค้ง ฝ่ายเจ้าบริวารก็กระจายแถวเรียงหนึ่ง ดากันเข้าประเคนลูกระเบิดมหาวินาศลงมา เสียงบึ้ม ๆ เปรี้ยงปร้าง โผงผาง กราว ๆ แทบหูดับ บ้านเรือนสะเทือนไหวโยกเยก ล้มระเนระนาด ที่ยังทรงอยู่ได้ ก็หลังคาทะลุปรุโปร่ง

นับว่าเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ และหนักที่สุด กว่าทุก ๆ ครั้งที่ถูกมาแล้ว ลูกระเบิดที่ทิ้ง มีทั้งระเบิดเพลิง ระเบิดทำลาย และระเบิดสังหาร ๕วันผ่านไปก็ยังเก็บศพไม่หมด เพราะถูกเรือนทับบ้างดินทับบ้าง มากต่อมาก ขุดรื้อกันทุกวัน

การทิ้งระเบิดคราวนี้มีเอกสารภายหลังระบุว่า มีเครื่องบิน บี.๒๙ ทั้งหมด ๑๐๐ เครื่อง เพิ่งทดลองใช้งานเป็นครั้งแรกกับกรุงเทพประเทศไทย เพราะมีการต้านทานน้อยกว่าที่อื่น เขาบินเดินทางมาจากอินเดีย แต่ก็กลับสนามบินไม่ครบทั้ง ๑๐๐ เครื่อง ประสบอุบัติเหตุบ้าง เครื่องขัดข้องบ้าง และถูกยิงเสียหายต้องลงกลางทางบ้าง แต่ก็เป็นจำนวนน้อย

สำหรับบ้านของเรา ลูกระเบิดที่ตกใกล้ที่สุด ห่างจากบ้านไปเพียงสองหลัง แต่เป็นที่ว่างไม่มีใครปลูกบ้าน มันขุดเอาดินดาน
มาทุ่มใส่หลังคาบ้านเรา ประกอบกับการกระเทือนจากแผ่นดิน กระเบื้องหลังคาแตกเห็นท้องฟ้าแพรวพราย และเพื่อนเด็กชายคนหนึ่ง อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน อยู่บ้านถัดไปสองซอย ได้เสียชีวิตในหลุมหลบภัย เพราะลูกระเบิดตกใกล้ ถูกดินบีบอัดคาหลุม
พ.ศ.๒๔๘๗ นี้ เมื่อโรงเรียนเปิดผมก็ขึ้นไปเรียนชั้น ม.๕ แต่เรียนไปได้ไม่เท่าไร จำได้ว่าท่องบทพิสูจน์เรขาคณิต ยังไม่ถึงครึ่งเล่มโรงเรียนก็ปิดอีก คราวนี้ไม่มีกำหนดเปิด ให้นักเรียนไปหาที่เรียนต่อเอาเอง เพื่อนร่วมชั้นเขามีบ้านนอกจะกลับ เขาก็ไปเรียนที่บ้านเขา ผมเป็นคนกรุงเทพ ไม่มีที่จะไป และโรงเรียนในกรุงเทพก็ปิดหมด แม่ก็ไม่ได้สอนหนังสือที่โรงเรียน จึงเปิดสอนเด็กระดับประถม ที่ม้านั่งใต้ถุนบ้าน

มีเด็กเล็ก ๆ ที่ไม่ได้อพยพไปต่างจังหวัด มาสมัครเรียนนับสิบคน พ.ศ.๒๔๘๗ มี ๗ คน สอนเลยไปจนขึ้น พ.ศ.๒๔๘๘ จำนวนสุดท้าย ๓๒ คน คงมีที่ออกไปและที่เข้ามาใหม่ด้วย ไม่ได้สอนพร้อมกันทั้ง ๓๒ คน ผมมีความรู้จบ ม.๔ ก็ได้เป็นครูผู้ช่วยสอน ตั้งแต่จับมือเขียน ก.ไก่ ข.ไข่ บวกเลขตัวเดียว ผันอักษร กลาง สูง ต่ำ และอ่านแบบเรียนเร็ว

“ ตาดีมือแป แกไปนาตาขำ ไปเจอะตาขำ กำลังไถนา ตัวเลอะเทอะ ฯลฯ “

นักเรียนผ่านมาให้ผบจับมือเขียนกอขอกอกานี้ เมื่อผมเกษียณอายุราชการ เด็กหญิงคนหนึ่ง ได้เป็นคุณหญิง ภรรยาแม่ทัพภาค เด็กผู้ชายคนหนึ่ง เป็น พลเรือโท และเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง เป็นหัวหน้ากองหนึ่งในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นายคนหลังนี้กินเบียร์กับผม ตั้งแต่ยังรับราชการ จนเกษียณมาทันผมจนได้

โรงเรียนปิดมาจนขึ้น พ.ศ.๒๔๘๘ เดือนพฤษภาคม ก็ยังไม่เปิดเรียน ที่บ้านเราได้ค่าเล่าเรียนจากผู้ปกครองเด็ก เพียงเล็กน้อยพอดำรงชีพอยู่ได้ แต่มีภัยทางอากาศมากเหลือเกิน จนแม่ไม่ได้บันทึกถึงการดำเนินชีวิตในครอบครัวเลย จดไว้แต่เรื่องการโจมตีทางอากาศล้วน ๆ

สรุปว่า พ.ศ.๒๔๘๗ มีหวอรวม ๒๗ ครั้ง ที่รุนแรงมากจนจำฝังใจ นอกจากวัน วิสาขบูชาแล้ว ก็คือ ๒๗ พฤศจิกายน เวลา ๑๐.๓๐ – ๑๔.๐๐ น. มีเครื่องบินเข้ามาในพระนคร ๗๒ ลำ ชนิดสี่เครื่องยนต์ ทิ้งระเบิดที่ตลาดเทเวศร์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ใกล้แยกสี่เสา (ใบพร) เทเวศร์ และ ย่านชุมทางรถไฟบางซื่อ

๒ ธันวาคม เวลา ๒๔.๐๐ – ๐๓.๐๐ น. เครื่องบินผ่าน ๗ ลำ ทิ้งระเบิดบางโพ วัดสร้อยทอง สะพานพระราม ๖ สะพานพระพุทธยอดฟ้า ท่าเตียน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ซึ่งเข้าใจว่าจุดหมายคือ สะพานข้ามแม่น้ำทั้งสองแห่ง เฉพาะที่สะพานพระราม ๖ เป็นระเบิดเวลา (ที่เคยเล่าไว้แล้ว) ระเบิดเป็นระยะติดต่อกันตลอดคืน

เป้าหมายนี้ตามมาซ้ำ เมื่อ ๑๔ ธันวาคม เวลา ๑๐.๐๐ น. มีเครื่องบินเข้ามา ๔๐ ลำ ทิ้งระเบิด สะพานพระราม ๖ วงเวียนเล็ก และวัดประยูรวงศาวาส ใกล้สะพานพระพุทธยอดฟ้า ฝั่งธนบุรี

เหตุการณ์บ้านเมืองที่สำคัญในปีนี้ก็คือ นายกรัฐมนตรี จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้แพ้คะแนนในสภา จึงต้องลาออกจาก
ตำแหน่ง และผู้แทนราษฎรก็ลงมติให้ นายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรีสืบต่อไป จึงเป็นเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน สงครามมหาเอเชียบูรพาหรือสงครามโลกครั้ง ที่ ๒ มาถึงยกสุดท้ายแล้ว นายควง อภัยวงศ์ เมื่อรับหน้าที่แล้วก็ได้เดินทางไปเจรจากับท่านจอมพล เพื่อขอให้ช่วยกันรักษาบ้านเมือง อย่าให้มีเรื่องบาดหมางระหว่างไทยด้วยกัน จนทหารญี่ปุ่นเข้ามาแทรกแซงซ้ำเติมได้ แล้วท่านนายกใหม่ก็เลิกระบบใหม่ทั้งหลาย ที่นายกเก่าตั้งขึ้นไว้ เช่นการสวมหมวก การห้ามกินหมาก การปรับปรุงอักษรไทย จนภาษาไทยวิปริต ฯลฯ ทั้งหมด ประชาชนที่อึดอัดมานาน ก็มีความยินดีโดยทั่วกัน

บ้านเมืองเดินหน้าฝ่าภัยสงครามมาจนถึง พ.ศ.๒๔๘๘ มีหวอตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง เดือนเมษายน รวม ๔๘ ครั้ง ทำลายสถานที่สำคัญในพระนคร หลายแห่ง เช่น วันเสาร์ที่ ๑๔ เมษายน เวลา ๑๕.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. โรงไฟฟ้าวัดเลียบ ใกล้สะพานพุทธฯ และโรงไฟฟ้าสามเสน ศรีย่าน แหลกหมด

สำหรับโรงไฟฟ้าสามเสนนี้ ผมยืนมองจากระเบียงบ้าน เห็นเครื่องบินเลาะลำแม่น้ำมาจากทางใต้ จึงไม่กลัว เขาปลดลูกระเบิด ตั้งแต่วัดส้มเกลี้ยง เห็นลอยลงมาเรียงยังกับนิ้วมือ พอลับตาไปก็มีเสียงระเบิดดังเป็นกลุ่มก้อน คือไม่ใช่ดังทีละบึ้ม เหลียวมองไปอีกที ปล่องสูงของโรงไฟฟ้าที่เคยเห็นอยู่ทุกวัน ได้หายไปจากสายตาแล้ว

แม่บันทึกว่า ต่อไปนี้ จังหวัดพระนครจะไม่มีไฟฟ้าใช้ ถ้าเดือนมืดถนนจะมืดตื๋อ รถรางไม่มีเดิน น้ำประปาไม่มีกิน หนังละครไม่ได้เล่น โรงงานต้องหยุดทำ จักรยานสามล้อ เที่ยวละ ๕-๑๐ บาท น้ำคลองหาบละ ๕๐ ส.ต.ถึง ๑ บาทไม้ขีดกลักละ ๑ บาท น้ำมันก๊าสขวดละ ๘ บาท ปี๊บละ ๔๐๐ บาท แล้วยังหาซื้อยาก ต้องใช้น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันหมูแทน และไม่มีหวอบอกสัญญาณภัยด้วย ต้องใช้รถดับเพลิงเปิดไซเรนแล่นผ่านถนนต่าง ๆ ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง

ครั้งที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งก็คือ วันจันทร์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๔๘๘ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. มีป้อมบิน ๓ ลำ บินผ่านท้องสนามหลวงต่ำมาก ส่งยารักษาโรคจากอเมริกามากำนัล ๑๘ ถุง ผูกกับร่มชูชีพหย่อนลงกลางสนามหลวง มีเครื่องบินมัสแตงลำตัวแฝด แปดลำเป็นเครื่องขับไล่คุ้มกัน มีการยิ่งขู่ ร.ล.วิรุณ เรือดำน้ำที่จอดเทียบท่าราชวรดิษฐ์ และเตรียมพร้อมประจำสถานีรบ ลูกกระสุนนัดหนึ่งเฉียดกระบอกปืนใหญ่ประจำเรือขนาดสามนิ้วแหว่งไปนิดหนึ่ง และมีการทิ้งใบปลิวบอกว่า ส่งยามาช่วยโรงพยาบาลไทย ได้อ่านจากเอกสารภายหลังว่า มีหน่วยที่ไปเก็บถุงเวชภัณฑ์สองหน่วย คือหน่วยกองพลรักษาพระนคร ซึ่งเป็นเสรีไทยของกองทัพบก กับหน่วยของเสรีไทยสายพลเรือน แต่เมื่อทหารญี่ปุ่นมาถึง ก็ไม่เห็นร่อยรอยแล้ว ท่านนายกรัฐมนตรี นายควง อภัยวงศ์ เคยเล่าว่า ผู้บัญชากาทหารญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้ประชดว่า ท่านไม่สบายก็ใช้ยาของอเมริกันซิ

###########


โดย: เจียวต้าย วันที่: 6 มีนาคม 2556 เวลา:10:27:19 น.  

 
คุณนาถคงไม่สบายต่อ ขอให้กินยาตามเวลานะครับ

ผมเอาปฏิทินรูป ออกัส มาวางให้ชมแลบ้วครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 7 มีนาคม 2556 เวลา:5:41:24 น.  

 
ฟ้องนะคะ...พี่นาถลืมกินยาบ้างค่ะคุณลุง ตอนเช้าลุกไม่ไหว แทนที่จะได้กินยาก่อนและหลังอาหารเช้า ก็ต้องมากินเป็นยามื้อเที่ยง เพราะกินตอน ๑๑ โมงบ้างอะไรบ้างค่ะ ยาไม่ครบก็ยิ่งหายช้า ภูมิคุ้มกันก็ไม่ค่อยมีค่ะ ลมพัดมาอากาศเปลี่ยน ร่างกายก็ไม่สู้แล้วค่ะ

อีกเรื่องคือ คอมไม่ค่อยเสถียรค่ะ พอพี่นาถจะคอมเมนท์ทีก็จะก็อบมาวางทีละตัวอักษรค่ะ กว่าจะครบประโยค


คุณแม่คุณลุงเป็นคนเข้มแข็งมากเลยนะคะ ว่าไปแล้วบ้านเราก็เคยผ่านเหตุการณ์ไม่มีไฟฟ้าใช้ ข้าวยากหมากแพง ในยุคนี้ถ้าเราจะเจออะไรแบบนี้บ้างถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่นะคะ เพียงแต่มูลเหตุในการเกิดต่างกัน


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 7 มีนาคม 2556 เวลา:15:53:42 น.  

 
ขอบคณครับคุณหนู

ถ้าคุณนาถยังไม่สบายก็ไม่ต้องกังวลบล็อกนี้ครับ
ผมจะวางต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องย้าย คงจะวันเว้นวัน ครับ

เมื่อวานได้รับบัตรสวยงามจากคุณหนูแล้วครับ

เหมือนโปสการ์ดของนอกเลย ขอบคุณมากครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 8 มีนาคม 2556 เวลา:6:23:47 น.  

 
ถึงแล้วนะคะ ว่าไปก็ยังนึกเสียดายของพี่นาถที่ส่งไปให้คุณลุงนะคะ หายกลางทางซะนี่

ภาวนาว่ารอบนี้ขอให้พี่นาถไม่ป่วยนานเหมือนคราวก่อนโน้นนะคะ สาธุ

พี่นาถเข้ามาอ่านได้ค่ะคุณลุง เพราะให้นอนบนเตียงทั้งวันพี่นาถก็ไม่ไหวเหมือนกัน โอสถทิพย์พี่นาถก็นี่ค่ะ อัพบล็อก อ่านข้อความพวกเราคุยกัน



โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 8 มีนาคม 2556 เวลา:7:52:31 น.  

 
ขออภัยพี่ปู่ค่ะ นาถเพิ่งเห็น


โดย: sirivinit วันที่: 8 มีนาคม 2556 เวลา:9:25:45 น.  

 
ขอบพระคุณค่ะพี่ปู่


วันวิสาขะบูชา ชาวบ้านไปทำบุญ ก็ยังมาทิ้งระเบิดมากมาย มาตั้ง ๑๐๐ ลำ

ลูกศฺิษย์ รุ่นจับมือเขียน ได้ดีหลายคนนะคะ
เพื่อนร่วมเป็นร่วมตายยามสงครามแท้ๆ


"จักรยานสามล้อ เที่ยวละ ๕-๑๐ บาท น้ำคลองหาบละ ๕๐ ส.ต.ถึง ๑ บาทไม้ขีดกลักละ ๑ บาท น้ำมันก๊าสขวดละ ๘ บาท ปี๊บละ ๔๐๐ บาท แล้วยังหาซื้อยาก ต้องใช้น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันหมูแทน " ลำบากกันอย่างยิ่งนะคะ

นึกถึงสบูกรดกับสบู่หอมยามสงคราม ๒ ก้อน ๑ บาท คนลำบากกันทั้งเมืองนะคะ


"วันจันทร์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๔๘๘ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. มีป้อมบิน ๓ ลำ บินผ่านท้องสนามหลวงต่ำมาก ส่งยารักษาโรคจากอเมริกามากำนัล ๑๘ ถุง ผูกกับร่มชูชีพหย่อนลงกลางสนามหลวง "

๑๘ ถุง คงถุงใหญ่มหึมา


"ท่านนายกรัฐมนตรี นายควง อภัยวงศ์ เคยเล่าว่า ผู้บัญชากาทหารญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้ประชดว่า ท่านไม่สบายก็ใช้ยาของอเมริกันซิ"

อยากทราบจังค่ะว่า "ตะปูควง" แรงฤทธิ์ ตอบว่าอย่างไร


โดย: นาถศรี (sirivinit ) วันที่: 8 มีนาคม 2556 เวลา:9:44:06 น.  

 
เข้ามาอ่านต่อจากตอนที่แล้วด้วยค่ะ

18 ถุง คงต้องเป็นถุงใหญ่มหีมาจริงๆละนะคะ

แต่ที่เก็บกันได้อย่างรวดเร็ว ก่อนทหารญี่ปุ่นจะได้มาเห็นซากนี่ซิ ให้รู้สึกทึ่งกว่าเยอะเลยค่ะ

นั่นซิคะ อยากทราบว่าตอบท่านผู้บัญชาการทหารญี่ปุ่นว่าเช่นไร

แต่เรื่องแบบนี้ คงตอบได้ สะสวยละมังคะ


โดย: Katai_Akiko วันที่: 11 มีนาคม 2556 เวลา:15:01:34 น.  

 
ไม่น่าเชื่อค่ะ
คอมเมนท์บนนี้ของหนูต่ายโดนแบน
ไปกู้มาเรียบร้อย สมคนโพสต์ก็ไม่รู้ตัวว่าโดนแบนค่ะ


โดย: นาถศรี (sirivinit ) วันที่: 11 มีนาคม 2556 เวลา:15:26:51 น.  

 
๑๓ อะจ๊าก !! พี่ต่ายขา ไม่รู้ตัวแน่เลยค่ะ ว่าโดนแบน

ขออภัยนะคะ หัวเราะเสียงดังไปหน่อยค่ะ พี่นาถเริ่มก่อนนะคะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 11 มีนาคม 2556 เวลา:15:31:48 น.  

 
๘.สงครามสงบ

นิทานชาวสวน

ชุด สงครามเอเซีย

ตอน สงครามสงบ


หลังจากนั้นกองทัพญี่ปุ่นในประเทศไทยก็ไม่ไว้ใจ กองทัพไทยว่าจะร่วมมือในการต่อสู้กับฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อฝ่ายนั้นบุกทางพลร่มเข้ามาในกรุงเทพ จึงทำป้อมค่ายด้วยดินหรือกระสอบทราย ตามค่ายทหารของเขาทุกแห่ง ทหารไทยก็สร้างแบบเดียวกัน ทุกกรมกองทหารในพระนคร ที่สวนอ้อยบ้านผมมีป้อมที่สร้างกว้างใหญ่เต็มซอยกลาง มีช่องให้พลยิงหลายช่องทางด้านที่หันลงแม่น้ำ และทำทั้งถนนราชวิถี กับถนนสุโขทัยด้วย ทั้งสองป้อมนั้น มีปืนใหญ่ของทหารราบประจำอยู่แห่งละหนึ่งกระบอก เป้าหมายคือครอบคลุมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี แยกซังฮี้ และแยกสุโขทัย มีเสาต้นใหญ่ทำเป็น งาแซงขวางทางที่จะเลี้ยวเข้าถนนทั้งสอง ปล่อยให้มีการจราจรแต่ถนนสามเสนเท่านั้น

ในเวลานั้นชาวบ้านธรรมดาไม่ทราบหรอก ว่าทหารไทยจะรบกับใคร สัมพันธมิตรหรือญี่ปุ่น

แต่เหตุการณ์น่าหวาดเสียวที่คิดว่าจะเกิดขึ้น เมื่อสัมพันธมิตรจะเข้าโจมตีด้วยกำลังทหารพลร่มนั้น ก็มิได้เกิดขึ้น เพราะสงครามได้ยุติลงอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อ ๑๖ สิงหาคม ๒๔๘๘

มีข่าวที่น่ายินดีว่า ญี่ปุ่นยอมจำนนต่อสัมพันธมิตรโดยไม่มีเงื่อนไข หลังจากที่อเมริกาได้นำเครื่องบินไปทิ้งระเบิดปรมาณู ที่เมือง ฮิโรชิมา และนางาซากิ ราบไปทั้งสองเมืองด้วยอานุภาพของระเบิดที่คิดขึ้นใหม่ ประชาชนเสียชีวิตหลายแสนคน บาดเจ็บอีกมากมายมหาศาล สมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิ์จึงประกาศให้กองทัพญี่ปุ่นหยุดรบ ทุกแนว แล้ววางอาวุธทั้งสิ้นโดยทันที ทหารญี่ปุ่นเป็นทหารที่มีวินัยเยี่ยม เมื่อยามรบก็ยอมตายเพื่อพระมหาจักรพรรดิ เมื่อได้รับคำสั่งให้หยุดรบก็ไม่มีการขัดขืน นายทหารที่เสียใจ ในการพ่ายแพ้ ก็ฆ่าตัวได้ด้วยวิธีฮาราคีรี คว้านท้องตนเองหลายราย สงครามโลกครั้งที่ ๒ จึงสงบลงโดยสิ้นเชิง เพราะประเทศเยอรมันนี ได้ยอมแพ้แก่สัมพันธมิตรไปก่อนหน้านั้นแล้ว

ในกรุงเทพมหานคร มีการประกาศสันติภาพของรัฐบาลไทย ว่าการประกาศสงครามเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๕ เป็นโมฆะ เพราะไม่ใช่เจตนารมณ์ของประชาชน และได้เปิดเผยว่า คนไทยในประเทศอังกฤษ ก็ตั้งคณะเสรีไทย ช่วยประเทศอังกฤษ เสรีไทยในประเทศสหรัฐอเมริกา มี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เอกอัครราชทูตไทยเป็นหัวหน้า เสรีไทยในประเทศมี นายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รัชกาลที่ ๘ เป็นหัวหน้า

ถึงเดือนกันยายน ๒๔๘๘ โรงเรียนก็เปิดสอนตามปกติ โรงเรียนเด็กเล็กใต้ถุนบ้าน ก็ต้องปิดไปเพราะไม่ได้ขออนุญาตกระทรวงศึกษาธิการ แม่กลับไปเป็นครูสอนที่โรงเรียนเดิม น้องก็เรียนต่อชั้นมัธยม ผมเข้าไปรายงานตัวที่โรงเรียนมัธยมวัดราชาธิวาสแล้ว เขาให้นักเรียนทุกคนสมัครสอบเข้าชั้นเรียนได้ ตามความสามารถ ผู้ที่เรียนต่อโรงเรียนอื่นมาแล้ว ก็สอบเข้าชั้นที่ตนจะต่อ ถ้าสอบไม่ผ่านก็เรียนชั้นเดิมก่อนโรงเรียนปิด ผมไม่ได้เรียนต่อที่ไหนเลย มีความรู้ชั้น ม.๕ เพียงเทอมเดียว ก็เสี่ยงสอบเข้าชั้นมัธยม ปีที่ ๖ บังเอิญผ่าน จึงได้เรียนที่ห้องเรียนชั่วคราว ใต้ศาลาการเปรียญ วัดราชาธิวาสริมแม่น้ำ จนถึงปลายปี มีการสอบไล่ ผลการสอบของผมได้ ๔๖ % จึงต้องเรียนซ้ำชั้น ม.๖ ใน พ.ศ.๒๔๘๙

และเคราะห์ร้ายส่งท้ายครอบครัวของเราคือ แม่ไม่สบายเป็นวัณโรค ค่อยมีอาการเพิ่มขึ้นจนไม่สามารถสอนนักเรียนได้ ต้องลาออกมาอยู่บ้าน และไม่มีเงินค่าเล่าเรียนให้ผมเรียนต่อไปได้ ส่วนน้องให้ท่านผู้มีพระคุณรับไปอุปการะแล้ว ผมจึงต้องออกจากโรงเรียนมัธยมวัดราชาธิวาส กลับมาขายขนมถ้วยตะไล ตามที่ได้เคยขายเมื่อปลาย พ.ศ.๒๔๘๗ ต่อ ๒๔๘๘ เพื่อเลี้ยงแม่และตนเอง โดยได้ใบสุทธิเพียงสำเร็จชั้น ม.๔ เท่านั้น

แต่อีกไม่นานก็มีเคราะห์ดี เข้ามาช่วยฉุดชีวิตเราสองแม่ลูก คือมีญาติที่เป็นนายทหารยศร้อยโท ท่านเรียกแม่ว่าน้า มาเยี่ยมและเห็นความจนกรอบของเรา จึงเอาผมไปเข้าทำงานเป็นลูกจ้าง ใช้แรงงานที่กรมพาหนะทหารบก ในแผนกที่ ๓ ตั้งอยู่ที่เลยแยกเกียกกายลงไปท่าน้ำ ตรงข้ามวัดแก้วฟ้าจุฬามณี ซึ่งแม่ได้บันทึกไว้ว่า

จันทร์ ๑ กรกฎาคม ๒๔๘๙ ลุกชายเข้าทำงานที่ กรมพาหนะทหารบก ได้เดือนละ ๑๕๐ บาท เงินเดือนที่แท้ ๒๓ บาทเพิ่มอีก ๑๓๐ บาทต้องจาก ร.ร.ชั่วคราวเพื่อช่วยแม่หาเงิน ฉันได้ ๗๕ บาทเคยพอใช้เดี๋ยวนี้ไม่พอใช้แล้ว ของกินแพงขึ้นทุกวัน ข้าวสารถังละ ๑๖ บาท

ศุกร์ ๒๖ กรกฎาคม ๒๔๘๙ เขา(ผู้อุปการะ) ให้เงินมาใช้ ๒๐ บาท โดยไม่ได้ขอร้อง แกบอกให้ไปตัดผมแต่งตัวให้ดี จะให้มาทำงานบนตึก คงจะเป็นเพราะความกรุณา ถ้าจะใช้งานหนักก็จะป่วยอีก เพราะเป็นเด็กบอบบาง เออ...ขอให้เจริญยิ่ง ๆ เถิด ช่วยให้เข้าทำงานแล้ว ยังช่วยเหลือด้วยเงินอีก

อังคาร ๓๐ กรกฎาคม ๒๔๘๙ เงินเดือนลูกออก เขาเอาไว้ใช้ส่วนตัว ๓๐ บาท ให้แม่ ๑๒๐ บาท ฉันซื้อกางเกงใหม่ให้เขาหนึ่งตัว ๒๘ บาท คงเหลือไว้ใช้ ๙๐ บาท

ชีวิตระหว่างสงครามของครอบครัวของเรา ก็สิ้นสุดลง แต่ก็ต้องใช้ชีวิตตามกรรมต่อไป

หลังจากสงครามสงบ บ้านเมืองก็เปลี่ยนแปลง ผ่านทุกข์สุขร้อนหนาว ไปโดยไม่รู้อนาคต แต่ก็เป็นไปในทางที่เจริญขึ้น

แม่เสียชีวิตด้วยวัณโรค เมื่อ ๕ ธันวาคม ๒๔๙๕ อายุ ๕๘ ปี

ผมไปเป็นพลทหารกองประจำการ ๑ เมษายน ๒๔๙๗ น้องสำเร็จการศึกษาฝึกหัดครูมัธยม บรรจุเป็นครู ร.ร.มกุฎกษัตริย์ พ.ศ.๒๕๐๐

น้าถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา เมื่อ ๓๐ เมษายน ๒๕๒๕ อายุ ๘๕ ปี

ผมผู้เรียบเรียงเกษียณอายุราชการเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๕ ยศพันเอก และอยู่มาถึงวันนี้ อายุเข้า ๘๒ ปี ยังไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร.

#############


โดย: เจียวต้าย วันที่: 12 มีนาคม 2556 เวลา:20:22:22 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.