"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 
5 กันยายน 2554
 
All Blogs
 

แนะนำ เรื่องสั้นชั้นครู ...เจียวต้าย เรื่องทำบุญผิดที่




เรื่องเล่าของคนวัยทอง

ทำบุญผิดที่

“ เพทาย “




ผมเดินฝ่าลมหนาวละลอกแรกของปี มาตามช่องทางแคบสำหรับคนเดิน ของโรงพยาบาลกลาง ซึ่งพัดสวนมาจากทิศเหนืออย่างแรง จนผมเผ้ายุ่งเหยิงและต้องเดินขืนตัวไว้ให้ตรงทาง แม้จะไม่รู้สึกหนาวเพราะเป็นเวลาสายมากและแดดจ้าแล้ว แต่ก็เย็นสบายดี

ขณะนั้นผมนึกถึงเนื้อเพลงที่ว่า ทำบุญทำทานกันไว้เถิดเกิดเป็นคน ไว้เตรียมผจญชีวิตใหม่ ซึ่งมาจากเพลงพระราชนิพนธ์ แสงเทียน แล้วก็เหมือนจะแว่วเสียงอันอ่อนนุ่มหวานซึ้งของ สุนทราภรณ์ หรือครูเอื้อขึ้นมาทีเดียว เพราะผมเพิ่งเสร็จจากการทำบุญมาหยก ๆ แต่ก็เกือบจะได้บาปเสียแล้ว

จำได้ว่าผมเริ่มจะสนใจในคำสอนของพุทธศาสนา และไปทำบุญที่วัดอย่างจริงจัง เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๕ อายุประมาณ ๕๑ ปีนี่เอง เพราะเพื่อนที่เป็นหมอดูสมัครเล่นทำนายว่าผมน่าจะตายตอนอายุ ๕๐ ปี แต่ไม่ยักตายทั้ง ๆ ที่เกือบจะเป็นโรคตับแข็งอยู่แล้ว ผมศึกษาธรรมะจากหนังสือของพระอาจารย์ชื่อดังหลายสำนัก ตั้งแต่นั้นมาจนถึงเกษียณอายุราชการ จึงตั้งใจจะไปวัดที่มีชื่อเสียงของ ปากเกร็ดนนทบุรี และรักษาศีลห้าทุกวันอาทิตย์ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะยังมีมารมาชักชวนให้ไขว้เขวอยู่บ่อย ๆ

จนกระทั่งอายุเข้าเจ็ดสิบจึงสามารถจะปฏิบัติได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ เป็นเวลาสองสามปีมาแล้ว ผมจะไปถึงวัดในตอนเช้าประมาณเก้าโมง เริ่มสวดมนต์แปลจากหนังสือสวดมนต์ของ สวนโมกขพลาราม ถึงเก้าโมงครึ่งก็ฟังบรรยายธรรมะจากหลวงพ่อเจ้าอาวาส จบแล้วสิบโมงครึ่งก็ตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ ที่นั่งเรียงรายอยู่บนแท่นหินโค้งรอบลานไผ่ ถึงเวลาเพลพระสงฆ์ก็ให้สมาทานศีลห้า เมื่ออุบาสกอุบาสิกากล่าวถวายสังฆทานแล้ว ขณะที่พระฉันภัตตาหาร ก็มีการสวดมนต์แปลอีกสองสามบท พระฉันเสร็จก็อนุโมทนาเป็นภาษาไทยนิดหน่อย แล้วก็ให้พรเป็นภาษาบาลีให้เรากรวดน้ำ เป็นอันเสร็จสิ้นรายการเพียงแค่นี้ ผมก็กลับบ้านหรือเข้าหอสมุดแห่งชาติ รักษาศีลไว้ไม่ให้ด่างพร้อยจนตลอดวันหนึ่งคืนหนึ่ง

ในระหว่างเวลาที่ผ่านมาก็ได้บริจาคเงินทำบุญที่วัด และบริจาคให้มูลนิธิที่เกี่ยวกับเด็กหลายแห่งอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน แต่พอถึงปัจจุบันการไปรษณีย์แห่งประเทศไทย เปลี่ยนเป็นบริษัท มีการขึ้นราคาค่าส่งธนาณัติ จึงต้องรวมเงินที่จะบริจาคทุกแห่งเป็นก้อนเดียว แล้วส่งให้เดือนละแห่งเดียว และเปลี่ยนมูลนิธิไปทุกเดือนจนตลอดปี แทน

แล้วนึกอย่างไรขึ้นมาก็ไม่ทราบ เกิดอยากจะบริจาคเงินทำบุญให้แก่มูลนิธิของคนจีนในประเทศไทยบ้าง ผมก็นึกถึงมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง เพราะทราบว่าช่วยเหลือคนยากจนมากมายหลายอย่าง ตั้งแต่เกิดแก่ไปจนเจ็บและตาย เป็นการให้บริการโดยไม่คิดเงินแต่ประการใด โดยเฉพาะการบริจาคเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและโลงศพ สำหรับช่วยเหลือศพที่ไม่มีญาติ ซึ่งมีคนศรัทธาบริจาคกันมากมาย ทุกวันตลอดทั้งปี

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อสมัยที่ผมยังรับราชการอยู่ ผู้บังคับบัญชาของผมคนหนึ่ง เกือบจะต้องเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน แต่เผอิญภรรยาเป็นพยาบาลจึงรีบพาไปถึงมือหมอได้ทันเวลา เมื่อรอดมาได้แล้วก็อยากจะทำบุญซื้อโลงศพเพื่อต่ออายุ ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งแห่งนี้ จึงชวนผมไปเป็นเพื่อน ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยไปเลยรู้แต่เพียงว่าอยู่ใกล้กับวัดใหม่ยายแฟง ซึ่งมีชื่อจริงว่าอย่างไรก็ไม่รู้อีก

เจ้านายผมท่านขับรถไปจอดที่ตรอกอะไรก็ไม่ทราบ แล้วก็พากันเดินถามชาวบ้านร้านตลาดไปจนถึง ผมจำได้ว่าภายในสถานที่แห่งนี้ เต็มไปด้วยชาวจีนหรือชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นอาแปะ อาก๋ง อาอึ๊ม อาอี๊ หรืออาซิ๊ม เกือบทั้งหมด ทุกคนจุดธูปจุดเทียนควันคลุ้งไปทั่วบริเวณ เมื่อเจ้านายได้บริจาคเงินตามความตั้งใจแล้วก็พากันกลับ ผมก็จำเส้นทางไม่ได้เลย และก็ไม่ได้สนใจที่จะไปอีก รู้แต่ว่าเจ้านายของผมคนนี้ ได้รับราชการอยู่จนเกษียณอายุ ไม่มีการเจ็บไข้ได้ป่วยร้ายแรงอย่างคราวนั้นอีกเลย

จนถึงวันที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ช่วงปลายเดือนหลังออกพรรษาแล้ว ผมกลับจากไปทำบุญฟังธรรมสมาทานศีลที่วัดแล้ว ก็ต่อรถปรับอากาศ สาย ๔๙ ที่เลี้ยวตรงสี่แยกบางขุนพรหม ผ่านสี่แยกถนนราชดำเนิน นางเลิ้ง ไปทางวัดพระพิเรนทร์ สี่แยกวรจักร ผมถามคนขายตั๋วว่าผมจะไปป่อเต็กตึ๊งต้องลงป้ายไหน เขาบอกให้ลงเยาวราช แล้วเดินเข้าตรอกไปอีกไกลพอสมควร เมื่อรถเลี้ยวเข้าถนนเจริญกรุงแล้วผ่านสี่แยกเสือป่า วัดมังกรกมลาวาสไม่นานนัก กระเป๋าก็บอกให้ลงที่ป้าย เลยซอย ๒๑ ไปหน่อยแล้วให้เดินย้อนไปเข้าซอยนั้น

เมื่อผมลงจากรถเดินย้อนไปตามที่เขาบอก ก็เห็นว่าป้ายซอย ๒๑ นั้น เดิมชื่อตรอกอิศรานุภาพ สองข้างทางในตรอกเป็นร้านขายของหลายชนิด มีทั้งอาหารคาวหวาน พืชผักผลไม้อย่างเช่นลูกพลับ สาลี่ เห็ดหอม และอื่น ๆ ทั้งสดและแห้งที่มาจากเมืองจีน ขนมที่ส่วนมากใช้ในการไหว้เจ้าของขบเคี้ยวเช่นเม็ดกวยจี๊ ชาชงชื่อต่าง ๆ กระดาษเงินกระดาษทอง ธูปเทียนและบรรดาข้าวของเครื่องใช้ เช่น ถ้วยโถโอชาม ที่เกี่ยวกับการไหว้เจ้าของคนจีน

เมื่อเดินไปจนสุดซอยก็พบถนนเล็ก ๆ ชื่อ ถนนยมราชสุขุม ตัดผ่านเป็นทางแยก ผมมองดูซ้ายขวาหาทิศทาง แล้วก็ตัดสินใจเดินข้ามถนนตรงไปตามทางเท้า ที่มองเห็นยอดแหลม ๆ ของเจดีย์และหลังคาโบสถ์หรือวิหารวัดไทย ปรากฏว่าเป็นวัดคณิกาผล หรือวัดใหม่ยายแฟง อยู่ตรงข้ามกับสถานีตำรวจพลับพลาไชยนั่นเอง ผมจึงแน่ใจว่ามาถูกทางแล้ว

ตลอดเส้นทางที่เดินผ่านไปจากวัดใหม่ยายแฟง จนถึงมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนั้น สองข้างเรียงรายไปด้วยขอทานทั้งชายหญิง ผมจึงสำรวจเศษเหรียญในกระเป๋ากางเกง แยกเอาเหรียญหนึ่งบาทมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ เตรียมบริจาคทาน ซึ่งผมทำมาเป็นประจำ ไม่ว่าจะไปที่ไหน เมื่อเห็นคนขอทานผมจะไม่ปฏิเสธ ต้องควักเงินให้ไปทุกครั้ง ทุกรายจนกว่าเหรียญบาทจะหมด

เมื่อหลายปีมาแล้วผมให้คนละบาทเดียว ต่อมาเห็นว่าค่าครองชีพสูงขึ้นหลายเท่า ผมจึงเพิ่มให้เป็น สองบาทบ้าง สามบาทบ้างแล้วแต่โอกาส บางครั้งมีแต่เหรียญห้าบาท ก็ตัดใจให้ไปแต่ไม่บ่อยครั้งนัก แม้เมื่อมีข่าวทางโทรทัศน์ว่า ขอทานส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน และบ้างก็ว่ามีผู้ควบคุมทำเป็นแก๊งขอทาน ผมก็ไม่สนใจ เพราะไม่ว่าชาติใดภาษาใดก็กินข้าวเหมือนกัน และผมบริจาคทานเพื่อขจัดกิเลสของตนเองให้เบาบางลงเท่านั้น

กลุ่มแรกที่ผ่านนั่งอยู่ใกล้กันสามคน เป็นชายหนึ่งหญิงสอง ต่อไปชายนั่งพิงอยู่ที่หน้าประตูวัด ส่วนหญิงอยู่ตรงกันข้าม ต่อไปเป็นชายดูเหมือนจะมีแผลแดง ๆ ที่หน้าแข้ง แล้วก็มีหญิงชราผมขาว ถัดไปเป็นชายอ้วนสวมเสื้อขาวนุ่งผ้าโจงกระเบนขาวห้อยลูกประคำเป็นสาย ท่าทางเหมือนนักพรต ตรงหน้ามีขันน้ำพานรองเป็นสีทอง สุดท้ายบนผิวจราจรหน้าประตูเข้ามูลนิธิพอดี ทางซ้ายเป็นชายไทยแท้แต่งกายด้วยชุดม่อฮ่อม ทางขวาดูเหมือนมีเชื้อสายจีนนั่งบนรถเข็น ผมก็ควักกระเป๋าให้ไปทุกคน แล้วก็ก้าวเท้าเข้าประตูไป สำรวจดูในกระเป๋าก็เหลือเหรียญบาทอยู่อีกสามอัน

ภายในบริเวณด้านนอกเป็นลานกว้าง แต่มีหลังคาสังกะสีแทรกพลาสติกใสคลุมอยู่ ผู้คนเป็นจำนวนมากต่างก็จุดธูปจุดเทียน วางพวงลาลัย เผากระดาษ และเติมน้ำมันตะเกียงอยู่ทั่วบริเวณ ซึ่งเครื่องใช้ในการบูชาเหล่านี้ ก็เหมือนกับที่วางขายเรียงรายอยู่ภายนอก แต่ข้างในนี้มีป้ายบอกไว้ว่า บริจาคตามศรัทธา คือไม่ต้องซื้อหยิบของทุกอย่างที่ต้องการเอาไปได้เลย แล้วจะบริจาคเท่าไรหรือไม่ก็ตามแต่ใจ มีมากให้มากมีน้อยให้น้อย ไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์ ผมสังเกตดูรอบ ๆ ตัวก็พบว่าผู้ที่มาทำบุญไหว้เจ้าเดี๋ยวนี้ อายุน้อยกว่าที่ผมเคยเห็นเมื่อยี่สิบปีก่อน คงจะเป็นเชื้อจีนรุ่นที่สองหรือสามแล้ว

เมื่อก้าวผ่านเข้าไปห้องที่สอง ซึ่งมีลักษณะเหมือนวิหารของวัดไทย สองข้างชิดผนังซ้ายขวาเป็นห้องรับบริจาคเงิน ซึ่งมีลูกกรงเหล็กกั้นระหว่างผู้บริจาคกับเจ้าหน้าที่ ตอนบนเหนือลูกกรง ขึ้นไปมีป้ายแจ้งรายการที่จะบริจาคให้เห็นชัดเจนว่า

ข้าวสาร ถุงละ ๕๐ บาท
โลงศพ ๖๐๐ บาท
ผ้าดิบ ผืนละ ๕๐ บาท

ตรงกลางตั้งโต๊ะสำหรับวางของไหว้ โดยไม่มีที่ปักธูปเทียน เพราะให้ปักข้างนอกแล้ว ลึกเข้าไปในวิหารมีรูปของเทพารักษ์สามองค์ เรียงจากซ้ายคือ พระโพธิสัตว์มหาภาพ (ยมทูต) องค์ขวาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (พระแม่กวนอิม) องค์กลางไม่มีป้าย ถามเจ้าหน้าที่บอกว่าหลวงปู่ไต้ฮงกง ถ้าหันหลังกลับจะเจออีกองค์คือพระเวทโพธิสัตว์

ผมกลับออกมาเพื่อจะบริจาคเงิน แลเห็นทางด้านซ้ายเมื่อขาเข้า ไม่มีคนไปยืนมุงกันเหมือนข้างขวา จึงเร่เข้าไปยื่นธนบัตรใบละร้อยบาทให้เจ้าหน้าที่หลังลูกกรง ซึ่งเป็นผู้เฒ่าเล่านั้ง พร้อมกับบัตรประจำตัวเพื่อจะได้ไม่ต้องถามชื่อแซ่ให้ลำบาก แกรับไปดูแล้วก็ส่งคืนให้พร้อมกับยื่นสมุด ใบเสร็จรับเงินลอดใต้ลูกกรงมาให้เขียนเอง ไม่ทราบว่าสายตาไม่ดีหรืออ่านหนังสือไทยไม่ออก

ผมเขียนชื่อและจำนวนที่จะบริจาค แล้วจึงเห็นว่า ใบเสร็จนั้นเป็นของ ศาลเจ้าไต้ฮงกง ไม่ใช่ป่อเต็กตึ๊ง

ผมจึงหวนกลับมาเข้าคิวทางด้านตรงข้าม ส่งธนบัตรพร้อมกับบัตรประจำตัวให้ เจ้าหน้าที่ไปเหมือนเดิม คราวนี้เจ้าหน้าที่เขียนให้เรียบร้อยด้วยอักษรตัวโตลายมืองดงาม ผมรับมาตรวจดูจึงเพิ่งจะทราบว่า เป็นใบเสร็จของ มูลนิธิฮั่วเคี้ยวป่อเต็กเซี่ยงตึ๊ง และมีคำอธิบายด้านล่างว่า

เพื่อส่งเสริมในการบำเพ็ญสาธารณกุศล เก็บศพไม่มีญาติ การศึกษา ตั้งโรงพยาบาล และช่วยการสังคมสงเคราะห์ ฯลฯ ขอให้อำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก โปรดดลบันดาลให้ท่านผู้มีกุศลจิต จงประสบแต่ความสุขสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล เทอญ

ล่างสุดนอกจากประทับตรายี่ห้อของ ประธานกรรมการ เหรัญญิก ผู้จัดการ และผู้รับเงินแล้ว มีข้อความที่สำคัญที่พิมพ์ด้วยตัวอักษรภาษาจีนและไทยสีแดงว่า

ใบรับนี้หักภาษีเงินได้ ตามมาตรา ๔๗(๗) แห่งประมวลรัษฎากรได้ (ลำดับที่ ๘๗)

ผมเดินออกมาจากวิหารมาด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ ที่ได้ทำบุญสมความปรารถนา ก่อนจะถึงประตูออกก็เห็นหญิงชราทั้งหน้าตาและการแต่งกาย นุ่งผ้าถุงสวมเสื้อแบบไทยแท้คนหนึ่ง นั่งยอง ๆ พนมมือหลับตาอยู่

ผมรีบล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบเหรียญบาทที่เหลือเดินรี่เข้าไปหา แต่หญิงชราผู้นั้นไม่ได้แบมือรับอย่างปกติ ก็พอดีมีหญิงกลางคนซึ่งขายนกปล่อย นั่งเก้าอี้อยู่ใกล้ ๆ ตะโกนมาด้วยเสียงกราดเกรี้ยวว่า

"เขาไหว้พระไม่ได้ขอเงิน"

ทั้งผมและหญิงชราผู้พนมมือ ตกใจเกือบพร้อม ๆ กัน ผมรีบก้มตัวลงพนมมือไหว้และบอกขอประทานโทษครับ แล้วก็รีบจ้ำออกประตูมาทันที

ผมเดินเลาะตามถนนเจ้าคำรพ มาโผล่ถนนเสือป่า เลี้ยวออกทางโรงพยาบาลกลางอย่างที่ว่า พลางก็นึกถึงเหตุการณ์ ที่ทำให้หน้าแตกเหวอะหวะเมื่อกี้ อยู่ในใจ

เกือบไปแล้วไหมล่ะ เกือบจะทำบุญได้บาปเสียแล้ว.

#########

วารสารข่าวทหารอากาศ
กรกฎา ๒๕๔๙


โดย: เจียวต้าย 5 กันยายน 2554 5:11:17 น.




 

Create Date : 05 กันยายน 2554
11 comments
Last Update : 5 กันยายน 2554 7:40:11 น.
Counter : 848 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ

กว่าจะทราบว่าเข้าวัด รักษาศีลฟังธรรม ก็ผ่านมาหลายตอนเชียวนะคะ
ตอนนี้ เป็นตอนทำแต่ความดีทั้งสิ้น ขออนุโมทนาค่ะ

วัดใหม่ยายแฟง ทำไมนาถรู้จักว่า ชื่อวัดคณิกาผลก็ไม่ทราบ และได้ฟังเรื่อง
ของยายแฟงยืดยาวค่ะ
ยาวขนาดเลื้อยไปถึงแม่ ของท่านชีวกโกมารภัจจ์โน่นเลยเชียว

พี่ห่อนี่ เป็นคนจิตดีนะคะ ประทับใจตรงว่า "เพราะไม่ว่าชาติใดภาษาใด
ก็กินข้าวเหมือนกัน และผมบริจาคทานเพื่อขจัดกิเลสของตนเองให้เบาบางลงเท่านั้น"

นาถเชื่อคำประกาศที่ว่า "ให้เงินขอทานแล้ว เหมือนส่งเสริมให้คนที่ "มาวาง" ขอทาน
เป็นระยะๆ ประกอบอาชีพรุ่งเรือง

นาถจะให้ขนม หรือของทานได้กับเด็กๆ หรือคนแก่มากกว่าค่ะ แต่ก็ไม่บ่อยนัก
เพราะส่วนมากรถส่งถึงที่ทำงาน

และไม่เคยปฏิเสธคนมาขอให้เป็นกรรมการทอดกฐินผ้าป่า สร้างห้องน้ำ ซื้อโลงศพ ซื้อหีบเย็น
แต่ละปี มีใบเสร็จที่เขาให้มาหักภาษีหลายใบ ด้วยที่ทำงานหักภาษีไว้สิบเปอร์เซ็น

ปี ๒๕๓๘ ที่ทำงานเปลี่ยนองคาพยพใหม่ เตรียมพร้อมจะเป็นบริษัทมหาชน
ชื่อนาถ ข้ามฝั่งไปเป็นหัวหน้า สนง.คนละฟากฝั่งบ้าน
ก็ขอนายใกล้ตัวว่า ไม่อยากไปไกลบ้าน ขออยู่ที่เดิม ทำงานอะไรก็ได้
ก็เลยทำงานแผนกแม่บ้านใหญ่
ใน สนง.มีแต่คนมาใหม่จากทุกสารทิศ มีนาถเป็น "คนถิ่น" คนเดียว

เวลามีจดหมายเวียน งานศพ งานบวช ส่วนมากมีนายกับนาถทำบุญกันสองคน
คนอื่นเขาตระหนี่ อ้างว่าไม่รู้จัก ใบฎีกาผ้าป่านี่ประมาณชั่งกิโลขายได้เลยค่ะ
บางครามาสวัสดีขอให้ช่วยแจก ๕๐ ซอง ก็ทราบอยู่ว่าคนรอบข้างเป็นอย่างไร
จึงวางไว้ที่โต๊ะตนเอง น้องๆในส่วนนาถก็หยิบไปใส่เงิน ๕ บาท สิบบาทแล้วแต่ใจ
นาถเองแลกเงินฉบับละยี่สิบบาทไว้เดือนละสองปึก ไว้ใส่ซองทำบุญนี้
ก็ถือว่าได้ทำบุญแล้ว ส่วนไปวัดน่ะอีกเรื่องหนึ่ง

ชีวิตนี้ ได้ทำบุญมาแทบทุกอย่าง นอกจากบริจาคโลหิตที่ยินดีทำบุญด้วยเงินแทน

ครั้งหนึ่ง ตระเวนเที่ยว ตจว.ในวันหยุดติดต่อกันสี่วันด้วยรถตู้
อยากไปไหนไป ในรถมีของกินของดื่มเพี่ยบ เอ้อระเหยนั่งรถชมท้องถิ่นเมืองไทย
ไปถึงอุตรดิตถ์ขณะฝนปรอยๆ คนในรถอยากใช้ห้องน้ำ เลยแวะเข้าวัดข้างทาง

วัดนั้นกว้างขวางและสะอาด พวกเราบึ่งไปทางห้องน้ำที่เป็นแถวเป็นแนวสักยี่สิบห้อง
ต่างคนต่างเข้า ใครเสร็จแล้ว ก็มายืนรอหน้าห้องน้ำ ล้างมือบ้วนปากไป
พอหันหน้าอ่านข้อความหน้าห้องน้ำ พบว่า เป็นชื่อนาถสร้างห้องน้ำนี้เฉพาะห้อง และชื่อญาติ
กับคนอื่นๆ ในที่ทำงานแทบทั้งนั้น มานึกออกตอนหลังว่า น้องที่ทำงานอยู่อุตรดิตถ์
เคยบอกบุญหลายครั้ง ก็ช่วยทุกครั้งไป เพราะถูกอัธยาศัย
เลยไม่ได้ขึ้นไปที่ศาลาหย่อนเงินใส่ตู้ตามควร จะได้ไม่เป็นหนี้สงฆ์ค่ะ

ทำไมนาถเห็นทำบุญโลงศพ ๙๐๐ บาท ก็ไม่ทราบ หรือว่าเวลามันห่างกันนานแล้ว

พักหลัง ไปวัดชลประทานฯ บ่อย เพราะกระดูกญาติผู้ใหญ่สองท่านอยู่ที่ "คอนโดพิเศษ"
ใต้ต้นสาละ ติดกับกุฎิอาภรโณค่ะ

ทางบุญของพี่ห่อ กับนาถ ทางเดียวกันในสายของวันนี้ มิน่าล่ะ จึงมีเหตุ ให้เรามารู้จักกัน
ได้เป็นกัลยาณมิตรกัน อีกสองสาวที่มาประจำ ก็เป็นคนจิตใจดีทำบุญทำทานทั้งคู่ค่ะ

คนที่อยู่เมืองไกลนั้น ออกจะมั่งคั่ง ทำบุญหน้าบันช่อฟ้าอุทิศให้พ่อแม่ตนเอง
กับพ่อแม่สามีเมืองเจแปน ทั้งพิมพ์หนังสือแจกห้าร้อยเล่มและอื่นๆ รวมมูลค่างานนี้ห้าแสนบาท
ที่นาถได้ร่วมทำบุญมาแล้วด้วยค่ะ หนังสือแจกเป็นธรรมทานกับท่านอาภรโณ คุณคนนี้เธอ
ทำบุญทุกอาทิตย์หากอยู่เมืองไทย ล่าสุดบริจาคพิมพ์หนังสือตามที่ท่านบอกว่าขาดสองหมื่นบาท

นาถยังได้หนังสือหลายเล่ม ได้นำข้อมูลธรรมะมาอั๊พบล็อกค่ะ

วันนี้สถิติอยู่อันดับ ๑ หลังจากตกไปอยู่ที่ ๒ เมื่อวาน คนที่ ๑ เมื่อวานไปอยู่ที่ ๓ .. สนุกดีกับสิ่งสมมุตินี้ค่ะ

 

โดย: nart (sirivinit ) 5 กันยายน 2554 8:42:49 น.  

 


มูลนิธิปอเต็กตึ๊งที่คุณลุงไป หนูเองก็พยายามไปให้ได้อย่างน้อยปีละครั้งค่ะ ๖๐๐ บาท + ผ้าดิบอีก ๕๐ บาทค่ะ ชื่อหนูเอามาเขียนเองเพราะต้องการใส่ชื่อ ทั้งสามีและลูกลงไปด้วย งกบุญนะคะเนี่ย...




 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 5 กันยายน 2554 14:39:48 น.  

 

สวัสดีค่ะ

มูลนิธิ ปอเต๊กตึ้ง หรืออีกหลายมูลนิธิที่จำชื่อไม่ได้ ก็เคยไปบริจาคมาเหมือนกันนะคะ แต่จำไม่ได้ว่า ทำบุญโลงศพเป็นเงินเท่าไหร่หรือผ้าดิบเป็นเงินเท่าไหร่ เลยค่ะ คราวหลังจะตั้งใจดูและจำเอาไว้ด้วยค่ะ

จำได้แค่ว่า ถ้าผ่านไปเห็นหรือมีโอกาศเมื่อไหร่ก็จะแวะเข้าไปทำ บุญ ให้ผู้ที่เสียชีวิตแล้วได้มีห้องให้อยู่เท่านั้นเอง

คิดแค่ว่า เราพอมีโอกาศทำได้ก็ทำเถิด ตามสภาพของเรา เท่านั้นเองค่ะ

 

โดย: Katai_Akiko 5 กันยายน 2554 17:51:00 น.  

 

เรื่องทำบุญไม่ค่อยได้เขียนครับ เพราะไม่ค่อยมีเรื่องตื่นเต้น
ความจริงผมไปวัดชลประทานทุกวันอาทิตย์ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๕
ต่อมาเขาชยายถนนติวานน์เป็นปี ๆ การเดินทางจากสวนอ้อยน่าเบื่อหน่ายมาก
จึงไปแต่วันอาทิตย์
ต่อมาอาทิตย์อื่น ๆ ก็ไปวัดปทุมวนาราม เดี๋ยวนี้ขึ้นสะพานลอยไม่ไหว วัดที่ไปประจำคือ
วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ วัดอินทร์ บางขุนพรหม วีดมกุฎกษัตริยาราม วัดใหม่พิเดรนทร์ แยกโพธิ์สามต้น วัดระฆังโฆสิตาราม และปอเต็กตึ๊ง ครับ
มีแต่เรื่องทำทานบ่อยหน่อยครับ
ส่วนผ้าป่ากฐิน ไม่ต้องถามใส่ชื่อไปได้เลย แต่ทำบุญร้อยเดียวครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 5 กันยายน 2554 20:06:16 น.  

 

ขอบคุณคุณสายหมอกและก้อนเมฆ กับคุณ Katai_Akiko ที่เข้ามาอ่านและคุยเป็นเพื่อนครับ
ผมศรัทธา มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง เพราะเขาทำจริงมาตั้งร้อยปีแล้วครับ
เวลาช่วยผู้ประสบภัย ผมก็บริจาคผ่านมูลนิธินี้ครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 5 กันยายน 2554 20:10:27 น.  

 

ข้างบนพิมพ์ผิดแล้วแก้ไม่ได้ครับ
เมื่อเขาทำถนนติวานนท์ ผมก็ไปวัดชลประทาน เฉพาะวันพระใหญ่ คือวันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา มาจนถึงทุกวันนี้ครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 5 กันยายน 2554 20:14:23 น.  

 

พรุ่งนี้เสนอเรื่อง ถนนนักอ่าน
ซึ่งเป็นเรื่องสุดท้าย ในชุดเรื่องเล่าของคนวัยทอง
เดิมอยากจะฝากเรื่องไว้ที่บล็อกนี้เพียงชุดเดียวเท่านั้น เพราะเกรงใจที่มาเบียดเนื้อที่ครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 5 กันยายน 2554 20:17:59 น.  

 

มีข้อความที่บล็อก

"เรื่องที่ต้องตัดสินใจ" ด้วยนะคะ

นำมาลงเถอะค่ะ นาถยินดี จะให้เปลี่ยนอะไร อย่างไร บอกได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ ขอให้นึกว่าเป็นน้องคนหนึ่งนะคะ

 

โดย: nart (sirivinit ) 5 กันยายน 2554 20:23:16 น.  

 

ขอบพระคุณ คุณนาถ ที่เมตตาเปิดพื้นที่ให้ผมเสนองานเขียน(ไม่ใช่ชั้นครู) ของ"เพทาย"ให้กว้างขวางโดยไม่มีขอบเขตครับ

เมื่อหมดชุด "เรื่องเล่าจากคนวัยทอง"แล้วก็คงจะต่อด้วยชุด"เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา"อีกประมาณ ๓๐ ตอนครับ

เดี๋ยวผมจะกลับไปดูท้ายเรื่องที่ผ่านมาแล้วทั้งหมดครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 6 กันยายน 2554 6:03:11 น.  

 

นาถก็ขอบพระคุณพี่ห่อ
ที่กรุณานำเรื่องสั้นชั้นครู
มาร่วมวงกับบล็อกนาถด้วยค่ะ

ยินดีต้อนรับอีกสามสิบตอนใหม่
ได้ครบเดือนพอดี

หากทำได้ ลองค้นเรื่องเก่าๆ ดูนะคะ
จะได้นำลง เป็นเพื่อนกันตลอดไปค่ะ

 

โดย: nart (sirivinit ) 6 กันยายน 2554 9:11:08 น.  

 

คงต้องรอพิจาณาเมื่อหมดแต่ละชุดแล้วครับ

แต่น่าจะเปลี่ยนชื่อกลุ่ม เพราะกระดากคำว่า นักเขียนชั้นครู ครับ

 

โดย: เจียวต้าย 6 กันยายน 2554 16:03:15 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.