เด็กดื้อ (2 ans ½ : l’âge difficile)
ช่วงเอมขวบครึ่งดิฉันทรมานกะการดื้อของเธอเหลือเกิน จัดได้ว่าสูสีตอน terrible two ทีเดียวเชียวแหล่ะ แต่ว่าคนละแบบ ตอนนั้นเอมงอแง อย่างไม่รู้สาเหตุ เพราะเธอยังสื่อสารอะไรไม่ได้มาก ว่าเป็นเพราะอะไร
แต่ช่วงนี้ขวบครึ่ง โตพอจะพูดกันรู้เรื่องแล้ว แต่กลับ ทำตัวก๊องแก๊งพูดไม่รู้เรื่อง เป็นเด็กดื้อ..ดื้อเหลือเกิน ดื้อมากถึงมากที่สุด ไม่เชื่อฟังเลย
แม้แต่จะลงโทษโดยการให้ไปยืนสงบสติอารมณ์ที่มุมนึงของบ้าน ซึ่งตอนเธออายุน้อยกว่านี้ พอเราสั่งโอ-กวงปุ๊บ (au coin เหมือน time out นั่นแหล่ะค่ะ คือการลงโทษให้อยู่ที่ใดที่หนึ่ง อาจจะเป็นห้ามลุกจากเก้าอี้ หรือให้อยู่ในห้องนอนหรือวิธีใดก็ แล้วแต่ครอบครัวจะลงโทษ) ลูกสาวดิฉันเธอจะวิ่งไปโดยดี (ซึ่งบางทีมีงี้ด้วยนะรู้ว่าตัวเองทำผิด วิ่งไปยืนเอง โดยไม่ต้องบอก)
แต่ตอนนี้พอเราบอกโอ-กวง เธอไม่ยอมขยับเขยื้อน เถียงแต่ว่า โนงมาม็อง.. โนงมาม็อง (non maman, non maman) ฉันไม่ผิด แม้ว่าดิฉันจะทนไม่ได้ อุ้มเธอไปเข้ามุมเอง เธอก็ไม่ยอม งอแง แถมวิ่งออกมาเองอีก
--------------------------
เอมดื้อหนักจริงๆประมาณซัก 4-5 วันได้มั้ง (แต่ไม่ได้ช่วงเวลา เดียวกันนะคะ คืออาจจะอาทิตย์ละวันสองวัน) เล่นเอาดิฉันเครียดสุดๆ บางทีแทบอยากจะร้องไห้เลยด้วยซ้ำ ว่าทำไมลูกดื้ออย่างงี้ ในตำรา บอกว่าช่วงนี้เด็กจะเป็นตัวของตัวเองมาก ไม่เชื่อฟัง ต่อต้าน ท้าทาย อยากทำอะไรตามใจฉัน.....
เดี๋ยวนี้คำพูดที่ได้ยินวันละไม่ต่ำกว่าสิบรอบคือ C’est à moi ça ! (หมายถึงนี่ของฉัน) อย่างที่ดิฉันเคยเขียนเล่าครั้งนึงตอนเอมสองขวบ สี่เดือน ว่าเธอเริ่มรู้จักความหมายของประโยคนี้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
แต่คราวนี้ความหมายที่เธอต้องการสื่อออกมาโดยนัย มันแตกต่างออกไปแล้วค่ะ กลายเป็นนี่ของฉัน อย่ามายุ่ง ได้ยินหรือเปล่า
--------------------------
อย่างเช่นกลับมาจากเที่ยวทะเลคราวก่อน ดิฉันก็เอาอุปกรณ์เล่นทราย ของเธอล้างตาก พอเอมเห็นเข้าก็อยากจะหยิบมาเล่น เราก็ไม่ให้เพราะว่า มันยังไม่แห้ง
ถ้าเอมเอาไปเล่น อาจจะมีน้ำหยดเลอะเทอะหรือมีเศษทรายตกหล่นบนพรม สกปรก ลำบากต้องทำความสะอาดดูดฝุ่นอีกรอบ (ดิฉันไม่มีเวลา ไปเช็ดของเล่นพวกนี้ให้สะอาดหมดจดหรอกนะคะ กว่าจะกลับ มาจากทะเลก็ดึกแล้ว เหนื่อยก็เหนื่อย)
เจ้าหล่อนก็ C’est à moi ça ! ร้องลั่นซ้ำกันอยู่นั่นแหล่ะ คุณลองนึกภาพเด็กแย่งของเล่นกันนะคะ ยื้อกันไปยื้อกันมา แต่ภาพนี้ดันเป็นดิฉันแย่งกะลูกค่ะ ...แป่วววว
ถ้าถามว่า ทำไมไม่ให้ไปซะก็สิ้นเรื่อง... ไม่ได้ค่ะ ที่ไม่อยากตามใจเพราะเธอทำผิดสองกระทงค่ะ รอบแรกคือไม่อนุญาตให้เข้ามาในห้องครัว ก็ฝืนกฎเข้ามา ห้ามแล้วห้ามอีกก็ไม่ยอม แล้วแถมยังมาแอบหยิบของ โดยไม่ได้รับอนุญาตอีกต่างหาก เลยต้องลงโทษซะเลย (จะได้จำ)
((( บ้านเรามีกฎห้ามเอมเข้าห้องครัว เพราะว่ามีสิ่งของที่เป็น อันตรายเยอะ พวกส้อม มีด หรือขณะเราทำอาหารถ้าวางกระทะ หรือหม้อที่มีด้ามจับยื่นออกมาแล้วเด็กไปหยิบเล่น ถ้าของร้อนๆ ในนั้นหกลงมา ย่อมเป็นอันตรายแน่นอน
แล้วยังมีเรื่องเล็กๆน้อยๆอีกที่เราคิดไม่ถึง บ้านอื่นเค้าอาจให้ลูกๆ เข้าห้องครัวได้ แต่บ้านนี้ห้ามเด็ดขาดค่ะ ขนาดติดล็อคเพิ่มตามตู้ ก็ยัง ประมาทไม่ได้เพราะอาจมีบ้างที่เราลืมล็อค สมัยเอมหัดคลานหัดเดิน เราจะมีที่กั้นประตูเล็กๆปิดไว้ แต่พอลูกโตขึ้นพูดรู้เรื่องแล้ว ดิฉันก็ขี้เกียจปิดแล้วค่ะ )))
เอ่อ มีหนนึงดิฉันโมโหมากกก สติแตกจนไม่รู้จะทำไงแล้ว (วิธีการที่ใช้คือจะพูดอธิบายกันดีๆก่อน แต่ถ้าห้ามไม่ฟังก็โอ-กวง จะพยายามใช้วิธีตีให้น้อยที่สุด มีฟาดเหมือนกันนะคะ ไม่ใช่ไม่มี ดิฉันไม่ใช่แม่พระค่ะ แต่รู้สึกว่าวิธีตีจะใช้ไม่ค่อยได้ผลกะเอม เพราะเธอนึกว่าเราตีเล่นๆ ทั้งๆที่บางทีเจ็บเหมือนกัน)
อ่ะ เล่าต่อ จำไม่ได้เหมือนกันว่าเธอทำไรผิด แต่คงเป็นความผิด ต่อเนื่องเนี่ยแหล่ะ คือหลายๆอย่างประดังกันมา ดิฉันก็พูดๆๆ จนทนไม่ไหว (ตัวยัยแม่เนี่ยแหล่ะค่ะที่ทนไม่ไหว ไม่ใช่คุณลูก)
ดิฉันก็เข้าห้องครัว ปิดประตูซะเลย กะจะทำกับข้าว เจ้าตัวเล็ก จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวาย ปรากฎเจ้าเอมวิ่งร้องไห้มาทุบประตู ฮือๆมาม็องๆ อยู่นั่นแหล่ะ ตอนอยู่ในครัวขำก็ขำนะ คือกะจะปลีกวิเวกมาทำกับข้าวจริงๆ ขี้เกียจบ่นแล้ว เจ้านี่กลับนึกว่าแม่หนี ทุบประตูปังๆๆ ดิฉันว่าเพื่อนบ้าน คงนึกว่าเราขังลูกในห้องแน่ๆเลย
ดิฉันเลยยอมเปิดประตูออกมาก่อนประตูจะพัง เอ๊ย... ก่อนเอมจะเจ็บมือ แล้วก็อบรมซะเลย พูดอธิบายเหตุผล ให้ฟังดีๆว่าทำอย่างนี้ไม่ดีนะ บลาๆๆ คิดแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน วิธีนี้กลับได้ผลโดยไม่ได้ตั้งใจแฮะ
--------------------------
จริงๆตอนแรกกะมาบ่นๆๆเพราะมีอยู่ช่วงสั้นๆเดือนก่อน ที่ดิฉันรู้สึกไม่ดีเลย ที่ลูกดื้อ ไม่เชื่อฟัง ไม่น่ารักเหมือนก่อน แต่เผอิญไปเปิดอ่านฟอรั่มต่างๆ ในอินเตอร์เนตของแม่ๆที่ฝรั่งเศส ก็เห็นมีปัญหากันหลายครอบครัว เด็กวัยนี้จะปฏิเสธตลอด แล้วที่อ่านเจอหลายทีนะคะ คือเด็กไม่ค่อยกลัวแม่ แต่จะกลัวพ่อ มากกว่า แล้วหล่อนแต่ละคนก็ปวดประสาทไปตามๆกัน
โอ๊ย...ทำไม ตรงเห็นๆ เอมไม่กลัวดิฉันเลยค่ะ แต่เกรงพ่อ เค้ามาก พูดคำไหนคำนั้น เชื่อฟังตลอด อาจเป็นเพราะเรา อยู่กะลูกมากไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ (เมื่อสองวันก่อนเพิ่งดู ซุปเปอร์แนนนี่ ในทีวี เด็ก 3 ขวบครึ่งก็โนงๆๆๆตลอด ไม่กลัวแม่ แต่เชื่อพ่อเค้าเหมือนกัน)
อ่านเรื่องชาวบ้านเค้า ถึงได้รู้ว่าที่เจ้าเอมดื้อเนี่ย ไม่ได้ครึ่ง ได้เสี้ยวของเด็กคนอื่นเลยอ่ะ
เอ๊ะ..หรืออาจจะเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นก็ได้นะ เพราะเห็นมีคนบ่น ว่าระหว่าง 3-6 ขวบ เด็กๆจะไม่ค่อยเชื่อฟัง จะเริ่มพูดรู้เรื่อง เข้าใจเหตุผลว่าทำไมพ่อแม่ถึงห้ามก็ประมาณ 5 ขวบ แต่กว่า จะเข้าใจจริงๆก็ 7 ขวบไปแล้วโน่น โห... อีกตั้งนานแหน่ะ กว่าจะถึงตอนนั้น ไม่รู้ต้องรบกันอีกกี่รอบ เฮ้อ...
Create Date : 14 ตุลาคม 2550 |
|
16 comments |
Last Update : 14 ตุลาคม 2550 0:29:40 น. |
Counter : 846 Pageviews. |
|
|
|
ยังไงเป็นกำลังใจให้คุณตรีนุช น้องเอมน่ารักแบบนี้ ถึงดื้อยังไงก็ชื่นใจมั้งคะ :)