เอม 2 ขวบครึ่ง (Aim 2 ans et 6 mois)
ตอนเอม 30 เดือน อยู่เมืองไทยได้อาทิตย์นึง แล้วก็ย้ายกลับ มาใช้ชีวิตอยู่บ้านที่ฝรั่งเศสต่อ ดิฉันเองก็ไม่รู้ว่า เธอยังคงจะพูด สองภาษาต่อไปอีกนานแค่ไหน เพราะเห็นหลายๆคนบอกว่าถ้าเด็ก ไปโรงเรียน จะพูดไทยกะเราน้อยลง คือยังคงฟังรู้เรื่อง แต่จะเลือก ตอบเป็นภาษาฝรั่งเศส (หรือภาษาของประเทศนั้นๆ) ซึ่งเจ้าตัวเล็ก ของดิฉันก็เพิ่งจะเข้าโรงเรียน เมื่อกลับมาถึงฝรั่งเศส ต้นเดือนกันยานี้เอง
แต่ยังไงก็ตามเอมก็ยังคงพูดไทยอยู่บ้างปนๆกันไป อย่างเวลาเธอหาสี เอามาวาดรูปไม่เจอ เธอจะถามว่า "สีฟ้าอยู่ไหน" แล้วพอเจอเธอก็ จะบอกว่า "สีฟ้าอยู่นี่เอง"
ที่เคยเล่าไปคราวก่อนโน้นว่าตอนอยู่เมืองไทยหลังจากเอมตื่น ประโยคแรก มักจะพูดว่า “ลิลลี่ตื่น...ลิลลี่ตื่นขึ้นมา’’ เดี๋ยวนี้มีต่ออีกนะคะ “ลิลลี่ตื่นขึ้นมา... กินนมดีกว่า’’ แหม.. ไอ้ลูกคนนี้ มานไม่คิดถึง ไรเลยนอกจากเรื่องกิน โหะๆ (เหมือนใครหว่า ไม่พ่อก็แม่หล่ะฟระ)
(กรุณาดูรูปข้างบนดีๆ สปาเก็ตตี้จานนั้นเป็นเซ็ทเมนูของเด็กนะคะ ปิดท้ายด้วยขนมอีกต่างหาก ดิฉันว่าอาหารเด็กฝรั่งเศสจานนึง คนไทยบางคนยังกินไม่หมดเลยค่ะ)
หลังกลับมาบ้านที่ฝรั่งเศสได้อาทิตย์นึงก็พาเอมไปเยี่ยมคุณย่า (คุณแม่สามี) พอเห็นหน้าคุณย่าครั้งแรก เอมวิ่งยิ้มไปอย่างดีใจ แล้วไหว้อย่างงามหนึ่งที ทำเอาคุณย่าซึ่งคงคิดถึงหลานมากมาย ปลื้มไม่หาย เพราะไม่เห็นซะเดือนครึ่ง
ครั้งนั้นไม่ใช่แต่คุณย่าเท่านั้นที่งง ดิฉันกะสามีก็งงไปด้วย เพราะ ไม่ได้บอกให้เอมสวัสดี คุณย่าแบบไทยๆ แต่เธอกลับทำเองโดย ไม่ต้องบอก คงจะจำได้่ว่าเวลาเจอผู้ใหญ่ต้องยกมือไหว้
(อุ๊บอิ๊บ ขอบอกว่าทุกครั้งตอนอยู่เมืองไทยดิฉันจะเตี๊ยมกันกะเอม ก่อนเจอญาติผู้ใหญ่หรือคนที่อายุมากกว่าเธอทุกคน ต้องยกมือไหว้ สวัสดี)
กลับมาบ้านฝรั่งเศสคราวนี้ เราถือโอกาสเปลี่ยนเตียงให้เอมซะเลย จากนอนในคอกเป็นเตียงเดี่ยวปกติแบบผู้ใหญ่ แต่ติดที่กั้นตกด้วย กันเธอกลิ้งหล่นลงมา แต่ไม่รู้เธอทำท่าไหนหล่นปุ๊ลงมาสองหน เพราะที่กั้นไม่ได้ขนาดเดียวกะเตียงค่ะ เลยยังมีรูให้เธอรอดมาได้ แต่เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยนะคะ เช้ามาเราเห็นนอนกองอยู่กะพื้น ไม่เจ็บมั่งหรือไงนะ (ยังดีที่อากาศไม่หนาว)
เอมนับเลขไทยได้ 1 ถึง 10 แล้ว (แฮ่กๆสอนแทบแย่) แต่ถ้าให้ เรียงเอง ก็ไม่เคยนับได้ครบเลยซักที ต้องตกหล่นเลขใดเลขหนึ่งประจำ ฉอง ฉาม ฉี่ ห้า เจ็ด แปด แล้วกลับมาสองใหม่ เอิ๊กกก..
อย่างงี้ต้องเรียกว่ายังนับไม่ได้สินะ หุหุ แต่เลขฝรั่งเศสยังนับไม่เคย สำเร็จเลยค่ะ เอ้อ อันนี้มันก็ช่วยไม่ได้นะ พ่อเธอไม่ร่วมมือนี่นา เอะอะอะไรก็นึ้ง ส้อง ซ้าม ไปกะคุณลูกทุกที เอมเพิ่งเรียนรู้ศัพท์เรื่องสีเป็นภาษาฝรั่งเศส หลังจากรอคุณผู้ชาย สอนลูกสาวไม่ไหว ดิฉันเลยต้องลงมือ ป้อนข้อมูลเข้าไปในหัวหมอง ลูกสาวเอง (แอบบอกด้วยว่าจริงๆเรื่องนับเลข ตอนเอมปลายๆสอง ขวบครึ่ง ดิฉันก็เริ่มสอนเองด้วยค่ะ ขี้เกียจรอ)
เอมจำศัพท์ได้เยอะมากๆ ดิฉันเคยทดสอบทีนึง เปิดสมุดภาพระบายสี ที่ซื้อมาใหม่เล่มหนาปึ้ก แล้วถามศัพท์ไปเรื่อยๆ เอมตอบได้ทั้งหมด (ซึ่งเราทั้งสองคน ก็ไม่รู้ว่าจะมีภาพอะไรมั่ง เพราะว่าเปิดดูพร้อมกัน) 80 เปอร์เซ็นต์ของศัพท์ที่ถามไป เอมตอบได้ทั้ง 2 ภาษา แต่ไม่เน้น ว่าจะตอบภาษาไหนก่อน เช่น cochon (โก-ชง) หมู, บ้าน maison (เม-ซง) (ก่อนหน้านั้นตอนอายุน้อยกว่านี้ บางทีเธอ เลือกตอบแต่ภาษาที่ง่ายกว่าหรือคำสั้นกว่า)
เดี๋ยวนี้เวลาพูดคำศัพท์ในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่เธอก็จะพูดสองภาษา ติดกัน ทำเอาคนฟังสับสนว่าเธอพูดอะไร (ยิ่งออกเสียงไม่ชัดแบบเด็กๆ ด้วย) บางทีพ่อเธอเองยังงง เพราะมีคำไทยบางคำที่ฝาชีดิฉันไม่รู้จัก คุณผู้ชายยังบอกเลยว่าเดี๋ยวเนี้ยลูกสาวพูดไทยเก่งกว่าเค้าอีก
ที่ตลกก็คือคุณย่าจะมาหัดพูดไทยด้วย คอยถามคำศัพท์ไทยไว้พูด กะหลาน คุณย่าบอกว่าคราวหลังฉันต้องจดมั่งแล้ว ทั้งๆที่เราก็บอกว่า ไม่เป็นไร ให้พูดฝรั่งเศสไปนั่นแหล่ะ เอมจะได้ฝึกไปด้วย (ฮ่าๆ มาแนวเดียวกะพี่สาวดิฉันเลยค่ะ เรียนภาษาฝรั่งเศสกะหลานไปได้เยอะเลย)
ไม่อยากจะบอกเลยว่า ยังคงฝึกนั่งกระโถนไม่สำเร็จอยู่ดีแม้ว่าจะ สองขวบครึ่งแล้วก็ตาม (ชาวบ้านเค้าทำกันได้ไปถึงไหนๆกันแล้ว) เอมได้แค่ประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเองแหล่ะ ตอนอยู่ เมืองไทยถึงแม้อากาศจะอำนวย (คือถอดกางเกงเวลาอยู่บ้านได้)
แต่ก็ฝึกได้ไม่เต็มที่อยู่ดีเพราะเวลาออกไปเที่ยวไหนหรือไปต่างจังหวัด รู้สึกว่าไม่ค่อยสะดวกในการใช้ห้องน้ำ โดยเฉพาะเวลาเดินทาง เจอรถติด ดิฉันก็ไม่อยากเสี่ยงให้ลูกทำเลอะเทอะ เพราะช่วงฝึกใหม่ๆ เด็กยังบังคับระบบขับถ่ายไม่ได้ แถมยังจะลำบากเราอีก ก็เลยยังใส่ ผ้าอ้อมสำเร็จฯอยู่
ที่แย่หน่อยก็คือตอนไปโรงเรียนช่วงแรกๆ ทำเอาคุณครูปวดหัวไป สามตลบ มีอยู่วันนึงเธออึ๊ออกมาในห้องเรียน ซึ่งอาทิตย์นั้น เธอทำเลอะติดๆกันทั้งหนักทั้งเบา 3 วัน จนครูทนไม่ไหว มาบ่น ให้ดิฉันฟังตอนไปรับตอนเย็นว่า เจ้าเอมทำเค้ายุ่งไปหมด ครูพี่เลี้ยง ต้องพาไปห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะกำลังทำกิจกรรม ดิฉันก็จำไม่ได้ แล้วว่าวันนั้นเด็กๆทำอะไรกัน ประเภทวาดรูประบายสีติดกาวอะไร เทือกนั้น ซึ่งต้องมีครูพี่เลี้ยง ช่วยครูประจำชั้นดูแลเด็กๆอีกที ในเมื่อครูผู้ช่วยต้องทิ้งเด็กๆอื่นไปดูแลเจ้าเอมโดยเฉพาะ เค้าเลยต้อง ไปขอแรงครูพี่เลี้ยงอีกห้องมาดูแทน เห็นไหมคะ ทำเอาเค้าป่วนไปหมด
แถมครูปิดท้ายบอกดิฉันว่าเนี่ย น่าเสียดายนะ ถ้าเอมจะต้องหยุดเรียน เพราะเป็นนักเรียนที่ดีคนนึง ให้ทำอะไรก็ทำตามอย่างตั้งใจ ให้พูดอะไร ก็พูด(อย่างเช่นเวลาสอนคำศัพท์) คือทางรร.ได้ตกลงกะผู้ปกครองก่อน แล้วไงคะว่าถ้าเด็กๆยังไม่พร้อม ยังทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ไม่ควรให้ มาเรียน แต่ครั้งนี้ครูก็ไม่ได้บอกให้หยุดเรียนเลยนะคะ แค่พูดกลายๆ ประมาณวอนนิ่งวัน ว่าถ้ามีกรณีอย่างนี้อีก คงไม่ไหวนะคะ
ตอนคุยกะครูเอมก็พยักหน้าหงึกหงัก รู้ตัวว่าครูฟ้องเรื่องอะไร ดิฉันก็ รีบย้ำว่าทำงี้ไม่ดีนะลูก แถมยังขู่ซ้ำว่าถ้าหนูไม่บอกครูเวลาปวดห้องน้ำ แล้วทำเลอะเทอะอีก เดี๋ยวครูไม่ให้มาโรงเรียนแล้วนะ หนูจะไม่ได้เล่น กะเพื่อนๆอีก พอกลับบ้านก็รีบเล่าให้สามีฟัง พร้อมช่วยกันขู่อีกหลายๆหน ติดๆกันหลายๆวันเลยค่ะ
ปรากฎว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้หนูชะเอมเข็ดไปนาน รู้จักบังคับการขับถ่ายดีขึ้น สงสัยกลัวไม่ได้ไปรร.
ดิฉันสังเกตดูนะคะว่าต่อๆมาเธอไม่อึที่รร.อีกเลยค่ะ จะอึที่บ้านตอนเช้ากะ ตอนเย็นเท่านั้น (จนถึงเดี๋ยวนี้ 2 ขวบ 8 เดือน)
Create Date : 26 พฤศจิกายน 2550 |
|
25 comments |
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2550 1:53:46 น. |
Counter : 1768 Pageviews. |
|
|
|