... ^^ Welcome to suvilajamsai's world ^^...
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 

Oxford Story บทที่ 19


โอ้ ในที่สุดเราก็มาถึงบทที่ 19 แล้วนะคะ ไวมากๆ เลย ตอนจบก็ใกล้เข้ามาทุกทีๆ แล้วเพราะเรื่องนี้มีทั้งหมด 21 บทด้วยกันค่ะ (ไม่นับภาคพิเศษนะค้า)

ย้ำนะคะ ว่า Oxford Story เป็นนิยายเก่าของโน้ตเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ดังนั้น หลายๆ คนก็เลยอาจจะได้เคยอ่านมาแล้ว ^^ แต่ถ้าใครอยากอ่านนิยายเรื่องใหม่ล่าสุดแล้วล่ะก็ ขอเชิญที่ "ทริปวุ่น หัวใจลุ้นรัก" ได้เลยค่ะ เพิ่งลงไป 3 ตอนเท่านั้นเอง ตามอ่านทันแน่นอน ^____^

ตอนนี้มาอ่านบทที่ 19 กันเลยค่ะ

###############################


บทที่ 19

“พิ้งค์ ฉันอยากอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เธอเข้าใจ เปิดเครื่องเมื่อไรโทรกลับมาด้วยนะ”

กวิรากรอกเสียงฝากข้อความเป็นครั้งที่ร้อยล้านเมื่อพยายามโทรเข้าไปกี่ครั้งก็ยังพบระบบฝากข้อความอัตโนมัติเช่นเคย ไม่ใช่แค่กวิรา สังเกตที่พยายามจะตามพิมพ์ชญาออกไปแต่ไม่สำเร็จก็พยายามทำสิ่งเดียวกัน …และผลที่ได้ก็ไม่ต่างกัน

“ขอบคุณครับ ครับ สวัสดีครับ”

คมสันจบบทสนทนากับปลายสายก่อนที่จะหันมาบอกทุกคน

“โทรไปเกือบจะทุกสายการบินแล้ว ยังไม่เห็นว่าน้องพิ้งค์จะเช็คอินกับสายการบินไหนเลย”

“แต่พี่พิ้งค์เอาพาสปอร์ตไปด้วยนะคะ ตั๋วเครื่องบินก็เอาไปด้วย แพมว่าเป็นไปได้มากเลยว่าพี่พิ้งค์จะกลับเมืองไทย”

“หรือไม่ก็…อาจจะไปหาป้าดา” ว่าแล้วกวิราก็เลี่ยงไปกดหมายเลขไปหาคุณกานดาที่ลอนดอน

“โธ่ ถ้าคุณแม่รู้เข้าว่าความแตก พี่พิ้งค์รู้เรื่องแล้ว แพมจะทำยังไงนี่… อุ๊ย”

ราวกับถูกกลั่นแกล้ง เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของแพรอาภรณ์ดังขึ้นเป็นเสียงดนตรี และบุคคลที่โทรเข้าก็คือบุคคลที่สาวน้อยกลัวที่จะคุยด้วยที่สุดนั่นเอง

“สวัสดีค่า คุณแม่”

“ทำไมทำเสียงหมดแรงอย่างนั้นล่ะจ๊ะ แพม”

“เอ่อ…”

“เกิดอะไรขึ้น บอกแม่มาซิ” คุณพาฝันถามเสียงร้อนรน

หรือว่าแผนแตก พิ้งค์รู้ความจริงแล้ว ไม่น่า...

แต่ก็ไม่แน่... แพมยิ่งใจอ่อน กลัวพี่อยู่ด้วย ถ้าเผลอหลุดให้พิ้งค์ระแคะระคายแล้วถูกจับซักฟอกขึ้นมา มีหวังอะไรๆ ก็บอกไปหมดแน่

เฮ้อออออ อุตส่าห์กำชับเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วเชียวนะว่าให้ระวัง...

“เอ่อ… คือ…”

“บอกแม่มา ไม่ต้องปิดบัง มีเรื่องอะไร พี่เขารู้แล้วใช่ไหม”

เมื่อตัดสินใจได้ว่าเป็นไงเป็นกัน แพรอาภรณ์กลั้นใจเล่าความจริงของสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นให้มารดาฟังด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น เพราะจะว่าไป เรื่องนี้เธอมีส่วนผิดมากอยู่ หากเธอไม่ใช่ผู้ที่เริ่มต้นเล่าเรื่อง ความลับก็ยังจะคงเป็นความลับมาจนถึงบัดนี้

“เป็นความผิดของแพมเองค่ะ แพมไม่น่าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลยจริงๆ ไม่อย่างนั้น…” พูดได้แค่นี้เธอก็สะอื้นไห้ ร้อนถึงกวิราต้องเดินเข้ามาลูบหลังปลอบโยน

“เอาล่ะ ในเมื่อเรื่องมันแล้วไปแล้วก็ช่างมันเถอะ” ผู้เป็นแม่ถอนหายใจยาวแบบปลงๆ “ก็ดีเหมือนกัน ในเมื่อพี่เขารู้แล้ว ก็ให้พวกเขาสองคนตัดสินใจเอาเองก็แล้วกันว่าจะทำยังไงต่อไป”

แม้จะพูดกับลูกสาวอย่างนั้น หากลึกๆ แล้วผู้เป็นแม่ก็ยังอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ ...

ดูซิ สู้อุตส่าห์วางแผนแทบตาย ทำเป็นรั้งโน่นห่วงนี่ไม่ยอมให้ไปเพื่อไม่ให้เจ้าตัวสงสัย ไม่ทันไรความแตกซะแล้ว

ลำพังแผนแตกยังไม่เท่าไร เจ้าตัวยังหนีหายไปเสียดื้อๆ เสียอีก เฮ้อ... นึกบ้างหรือเปล่าว่าตัวเองกำลังทำให้คนอื่นร้อนใจจนแทบนั่งไม่ติดด้วยความเป็นห่วงสักกี่คน

“ค่ะ”

“หนูก็เลิกรู้สึกผิดได้แล้ว แม่ยังไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของหนูเสียหน่อย ยังไงซะสักวันหนึ่งพิ้งค์ก็ต้องรู้อยู่ดีนั่นแหละ ก็ถือว่าทำให้เรื่องมันเร็วขึ้นหน่อยเท่านั้นเอง เลิกร้องไห้ได้แล้วนะ" ถ้อยคำท้ายๆ คุณพาฝันพยายามทำเสียงอ่อนเพื่อปลอบโยนเนื่องด้วยรู้ดีว่าลูกสาวคนเล็กจิตใจบอบบาง ต่างจากพี่สาวที่เป็นคนมั่นอกมั่นใจและเข้มแข็ง

แต่คนเข้มแข็ง หากถูกกระทบอย่างรุนแรง ก็มีสิทธิ์ที่จะเปราะและพังทลายลงได้เหมือนกัน
นี่คือสิ่งที่หญิงสูงวัยเป็นกังวลยิ่งนัก เรื่องคราวนี้ไม่รู้ว่าลูกสาวจะตัดสินใจอย่างไร ยิ่งโดยนิสัยเป็นคนทำอะไรด้วยความเชื่อมั่นในตนเองอยู่ด้วยแล้ว การคาดเดาความคิดจึงทำได้ยากเย็นยิ่งขึ้น


“เกิดอะไรขึ้นกับลูกหรือยังไง”

“อ้าว คุณ เข้ามาตั้งแต่เมื่อไรคะ”

“คุณได้ยินที่ผมถามนี่ พิ้งค์หรือแพมเป็นอะไรใช่ไหม”

คุณชวินทร์ถามภรรยาเสียงเข้ม เจอเข้าอย่างนี้ คุณพาฝันก็จำเป็นที่จะต้องตอบสามีอยู่เหมือนกัน

“ว่ายังไงนะ คุณทำแบบนั้นได้ยังไง!!”

บิดาของพิมพ์ชญาโวยวายทันทีเมื่อฟังผู้เป็นภรรยาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนจบ

“ก็ ฉัน…”

“ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณวางแผนบ้าๆ นี่ออกมาได้ ตอนที่ยอมให้ลูกไปเรียนต่อ ผมก็นึกว่าคุณรามือจากเรื่องนี้แล้ว ไม่นึกเลยว่าคุณจะมีแผนสองตามมาอีก”

เมื่อเห็นท่าทางหัวเสียของสามี มารดาของพิมพ์ชญาและแพรอาภรณ์ก็ยิ่งทุกข์หนัก… ลำพังเป็นห่วงพิมพ์ชญาหรือก็แย่พออยู่แล้ว คุณชวินทร์ก็กลับมาโกรธเสียอีก

“นี่พิ้งค์ติดต่อมาบ้างหรือยัง”

คนถูกถามได้แต่ส่ายหน้า “ยังค่ะ พยายามโทรเข้าไปหาก็ติดต่อไม่ได้เลย”

“บ้านเพื่อนของพิ้งค์ล่ะ”

เพื่อน...เพื่อนของพิ้งค์ นอกจากกวิราแล้ว จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอลิสา มารดาของพิมพ์ชญากดหมายเลขไปยังเด็กสาวเพื่อนสนิทของบุตรสาว

“สวัสดีค่ะ”

สำเนียงของปลายสายบ่งบอกว่าเป็นเด็กในบ้านที่มารับโทรศัพท์หาใช่คนในครอบครัวของเจ้าของบ้านไม่ คุณพาฝันจึงขอพูดกับอลิสาด้วยน้ำเสียงที่ไว้ตัวนิดๆ ปลายสายตอบกลับอย่างสุภาพก่อนที่จะไปตาม ‘คุณหนู’ มารับสาย

“คุณเยลลี่คะ คุณแม่ของคุณพิ้งค์จะเรียนสายด้วยค่ะ”

เยลลี่คือชื่อเล่นจริงของอลิสา แต่เพื่อนๆ (นำโดยกวิราและพิมพ์ชญา) เรียกเธอว่าเอลี่ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็กนักเรียนประถมตัวน้อย คนอื่นๆ ที่รู้จักกันจึงพลอยเรียกเธอว่าเอลี่ตามเพื่อนสนิททั้งสองไปหมด มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่ยังเรียกหญิงสาวด้วยชื่อเล่นที่แท้จริง

เมื่อพี่ดอกแก้วผู้เป็นพี่เลี้ยงมาเรียก อลิสาที่กำลังพักผ่อนด้วยการอ่านนวนิยายรักหวานแหววอยู่ในห้องนอนส่วนตัวกะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงงก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู

ก็ร้อยวันพันปีไม่เคยเลยที่คุณพาฝันจะโทรศัพท์มาหา ดังนั้น เรื่องที่อยากจะคุยก็คงจะไม่พ้น ‘เรื่องนั้น’

จริงตามคาด หากไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายคุณพาฝันย่อมไม่โทรศัพท์มาหาเธอเป็นแน่ และจากที่พูดคุยกัน คุณพาฝันไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอรับรู้ มารดาของพิมพ์ชญาบอกแค่ว่าเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันใหญ่โตและพิมพ์ชญาหนีออกจากบ้านที่อังกฤษเท่านั้น หากทว่า อันที่จริงอสิลารับรู้เรื่องราวทั้งหมดมาจากกวิราก่อนแล้ว แม้จะรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าสาเหตุหลักที่พิมพ์ชญาเดินทางไปศึกษาต่ออย่างกะทันหันเป็นเพราะอะไร แต่ก็ไม่ทันคิดว่าเรื่องนี้จะยังมีเบื้องหลังที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนถึงเพียงนี้


“ตกลงพิ้งค์ไม่ได้ติดต่อมาหาหนูเลยจริงๆ หรือจ๊ะ”

ได้ยินคำถามที่ฟังดูไม่เชื่อถือด้วยน้ำเสียงเข้มงวด อลิสากลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบากก่อนที่จะตอบ

“ไม่เลยจริงๆ ค่ะ คุณแม่ ฟังจากคุณแม่แล้วหนูก็กำลังเป็นห่วงอยู่เหมือนกันค่ะ”

คุณพาฝันรู้ดีว่านิสัยของอลิสาไม่ใช่เด็กที่พูดโกหก เธอถอนหายใจก่อนที่จะเหลือบมองนาฬิกา… เพิ่งจะบ่ายสามโมงกว่าเท่านั้น หากพิมพ์ชญาตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยด้วยเที่ยวบินแรกที่มีก็ต้องเป็นเวลาเที่ยงวันของที่อังกฤษ การเดินทางที่ใช้เวลาสิบสองชั่วโมง กว่าบุตรสาวจะกลับมาถึงก็คงจะเป็นเช้าวันรุ่งขึ้นของประเทศไทย ซึ่งในเวลานี้พิมพ์ชญาก็น่าจะยังอยู่ในอังกฤษเสียด้วยซ้ำ เป็นไปได้มากที่อลิสาจะยังไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ

“ถ้าพิ้งค์ติดต่อมา รบกวนหนูบอกแม่ด้วยนะจ๊ะ”

อลิสารับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะจนผู้เป็นแม่ของเพื่อนสาวสบายใจแล้วจึงได้วางสาย คิ้วเรียวบางขมวดมุ่น

ชักจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาแล้วละสิ ยัยเพื่อนตัวยุ่ง เธอหายไปอยู่ที่ไหนกันนะ

มือเรียวบางที่พยายามกดโทรศัพท์ถึงพิมพ์ชญาเสียจนท้อลองดูอีกครั้ง แต่คราวนี้สิ่งที่พบนอกจากจะเป็นการบอกว่าหมายเลขถูกปิดใช้บริการ กล่องข้อความของโทรศัพท์ยังเต็มเสียจนฝากข้อความไม่ได้อีกด้วย

“จะทำยังไงดีเนี่ย โอ๊ย กลุ้มใจจริงๆ”

“เป็นอะไรไป เจ๊ เดินไปเดินมาอย่างกับเสือติดจั่น”

อรรถพล หรือ ข้าวโอ๊ต มองอาการเดินไปเดินมาพลางบ่นพึมพำของพี่สาวแล้วอดที่จะแซวไม่ได้ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่เขาว๊างงง ว่าง ไม่ได้มีนัดกับสาวสวยคนไหน แต่การอยู่บ้านกลับทำให้เขาได้เห็นท่าทางแปลกๆ ของพี่สาวผู้แสนจะเรียบร้อยเสียนี่

“เฮ้ เจ๊ได้ยินที่ผมพูดไหม เป็นอะไร เฮียเป๊ปนอกใจเหรอ”

คราวนี้สายตาขุ่นเขียวถูกส่งไปยังผู้เป็นน้องชายที่พาดพิงถึงความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนหนุ่ม เจ้าตัวที่เพิ่งจะพูดแซวจึงได้แต่ยิ้มแหยๆ …สำหรับคนที่ยอมคนอย่างเจ๊เยลลี่ของเขา การส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาให้ก็ถือว่ามากแล้ว

“โอ๋ๆๆ ผมล้อเล่นนิดเดียวเอง ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น”

อลิสาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตัดสินใจไม่บอกความจริงให้น้องชายตัวแสบรู้จะดีกว่า ขืนบอกให้รู้สิ คนทั้งบ้านได้รู้เรื่องกันหมดแน่

“ไม่มีอะไรหรอก”

ไอ้คำว่า ‘ไม่มีอะไร’ นี่ละที่ทำให้อรรถพลไม่อยากจะเชื่อ คำนี้มักจะมีความหมายแฝงว่า ‘มีเรื่องใหญ่มากๆ’ ทุกครั้ง และคราวนี้ก็คงเป็นอย่างนั้นอีกเช่นกัน แต่เขาก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ถามมากนัก เพราะคำตอบของผู้เป็นพี่สาวคงจะไม่พ้นคำยืนยันว่าไม่มีอะไรอีกตามเคย


เรื่องใหญ่ที่อรรถพลนึกสงสัยมากระจ่างชัดเอาตอนรุ่งเช้าของวันถัดมานี่เอง เมื่ออลิสากำลังจะติดรถของอรรถพลไปที่บริษัท สองพี่น้องได้พบกับร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน

“เจ๊ นั่นมันเจ๊พิ้งค์เพื่อนเจ๊ไม่ใช่เหรอ”

“ฉันเห็นแล้ว” ว่าแล้วก็เปิดประตูรถเตรียมก้าวออกไป

“ไหนเจ๊เคยบอกว่าเจ๊พิ้งค์ไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้วไง แล้วทำไม…”

ไม่รอให้น้องชายถามข้อสงสัยจนจบ อลิสาหันไปบอกน้องชายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“วันนี้โอ๊ตไปก่อนเถอะ เดี๋ยวเจ๊ไปเอง”

“อ้าว ทิ้งกันดื้อๆ ซะงั้นอ่ะ” น้องชายบ่นอย่างไม่จริงจังนัก “แต่ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องแวะไปส่งเจ๊ เค้าจะได้แวะรับสาวๆ มาเป็นตุ๊กตาหน้ารถแทนซะเลย”

พิมพ์ชญาที่กำลังคิดจะกดกริ่งที่หน้าประตูยิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นเพื่อนสนิทก้าวลงมาจากรถ เดินตรงเข้ามาหา ดูจากสีหน้า หญิงสาวมั่นใจว่าผู้เป็นเพื่อนรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วแน่ๆ แต่พิมพ์ชญาเชื่อ เชื่อว่าเพื่อนอย่างอลิสาต้องเข้าใจความรู้สึกของเธอ และช่วยเหลือเธออย่างแน่นอน


ถ้าหากอลิสาคาดคิดเอาไว้ว่าเวลาที่พิมพ์ชญามาหา เพื่อนสาวจะต้องโกรธเคืองสุดขีดหรือว่ามีน้ำหูน้ำตาก็ต้องยอมรับว่าคิดผิด ท่าทางของพิมพ์ชญาไม่บ่งบอกถึงอาการโมโหโทโส ทุกข์ใจอย่างหนักหรือน่าจะร้องไห้ฟูมฟายดังที่กวิราที่อุตส่าห์โทรศัพท์ทางไกลมาบ่นด้วยความกังวลเลยสักนิดเดียว ผู้มาเยือนเพียงแค่ดูซึมเซาลงไปจากปกติเล็กน้อย หากบางเวลา ใบหน้าและแววตาที่เคยสดใสก็หม่นหมองและเลื่อนลอย อลิสาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือพิมพ์ชญา หรือยัยพิ้งค์ เพื่อนรักตัวแสบของเธอเอง

“เรื่องที่ฉันมาที่นี่ เธอคงไม่คิดจะบอกแม่ฉันหรอกนะ”

ผู้ฟังแสร้งทำหน้างอนแก้มป่องเมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของผู้ถาม “จะบ้าเหรอ คบกันมาจนถึงป่านนี้ไม่รู้หรือว่าฉันเป็นยังไง”

เมื่อเห็นอย่างนั้น ริมฝีปากผู้มาเยือนก็คลี่ยิ้มออกได้เล็กน้อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน้าตาน่ารักน่าชังของผู้เป็นเพื่อนที่ทำเป็นงอน และอีกส่วนหนึ่งมาจากคำพูดนั้น

จริงสินะ ไม่น่าถาม ก็รู้อยู่แล้วว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร

“เพราะรู้น่ะสิถึงได้มา เพราะเธอเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่ที่จะช่วยฉันได้จริงๆ ...ตอนนี้ แม้แต่บ้านที่ฉันควรจะกลับไปยังไม่มีเลย แม้คุณพ่อน่าจะช่วยฉันได้ แต่คุณแม่น่ะสิ นึกไม่ออกจริงๆ ว่าควรจะทำยังไง”

พูดจบ รอยยิ้มที่เพิ่งปรากฏเล็กน้อยก็อันตรธานไปจากใบหน้า คนฟังจึงต้องลูบหลังมือปลอบใจ
“พิ้งค์ ฉันว่าไม่มีอะไรดีเท่าการเผชิญหน้ากันและพูดกันด้วยความรู้สึกที่แท้จริงอีกแล้ว อย่าลืมสิว่าเธอหนีไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ ถึงยังไงก็ต้องกลับไปเผชิญหน้ากับความจริงอยู่ดี”

อลิสาเตือนสติตามความเป็นจริง พิมพ์ชญาที่มีสีหน้ายุ่งยากอยู่แล้วยิ่งดูจะเป็นกังวลใจมากยิ่งขึ้น
“ก็ใช่… แต่ตอนนี้ฉัน…”

“เอาเถอะ ถ้าอยู่ที่นี่แล้วสบายใจกว่าก็อยู่ไป เดี๋ยวฉันจะให้พี่ดอกแก้วจัดห้องให้ …แต่วันนี้ฉันต้องไปที่บริษัท คงจะหยุดไม่ได้จริงๆ เธอนอนพักอยู่ที่นี่ก็แล้วกันนะ เพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ นี่”

พิมพ์ชญาพยักหน้า ใช่ว่าเธอเองจะไม่รู้สึกอ่อนเพลีย การเดินทางท่องเที่ยวหนึ่งวันเต็มๆ แล้วยังต้องเก็บข้าวของออกมาหา B & B* นอนค้าง แถมยังนั่งเครื่องบินติดต่อกันเสียครึ่งค่อนวันเป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยพอตัว

“อ้อ เอลี่” พิมพ์ชญาเรียกเพื่อนสาวไว้ก่อนที่จะล้มตัวลงนอน “เรื่องที่ฉันมาที่นี่ห้ามบอกใครเลยนะ ไม่ใช่แค่ที่บ้านฉัน แต่หมายความถึงเพื่อนๆ ของเราทุกคน …แม้แต่ยัยวี่ก็ห้ามบอก”

ประโยคสุดท้ายหญิงสาวพูดออกมาอย่างเสียใจ …กวิราเป็นเพื่อนที่ถือว่าสนิทมากที่สุด แต่คราวนี้เธอกลับรู้สึกว่ากวิราเป็นหนึ่งในคนที่เธอไม่อยากจะพูดด้วยไปเสียแล้ว

ก็ทั้งยัยวี่ทั้งนายสันรับปากยัยแพมเป็นมั่นเป็นเหมาะเลยว่าจะปิดบังเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาไม่ให้เราได้รับรู้เลยนี่นา

อลิสาชะงักกับประโยคสุดท้ายเช่นกัน ในกลุ่มของเธอไม่เคยมีเรื่องผิดใจกันมาก่อน สิ่งที่พิมพ์ชญาขอสร้างความลำบากใจเป็นอันมาก ในเมื่อต่างคนต่างก็เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาทั้งคู่ แต่กลับขอให้ทำในสิ่งที่ขัดแย้งกัน สิ่งที่กวิราขอให้เธอทำก่อนที่จะวางสายเมื่อวันก่อนคือ

'ถ้าพิ้งค์มาหาเธอที่บ้าน หรือติดต่อมาเมื่อไร โทรหาฉันทันทีนะ'

แล้วเราควรจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย อลิสาคิดอย่างวุ่นวายใจขณะขับรถไปยังบริษัทส่งออกเสื้อผ้าที่ครอบครัวของเธอเป็นเจ้าของกิจการอยู่ ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจได้ว่าปล่อยให้พิมพ์ชญาอยู่อย่างนี้ไปสักระยะหนึ่งดีกว่า บางทีเพื่อนสาวอาจจะต้องการเวลาสำหรับการตัดสินใจอะไรบางอย่าง ดังเช่นที่เธอเคยผ่านมาก็เป็นได้


อีกฝั่งหนึ่งของซีกโลก สี่คนหนุ่มสาวชาวไทยในเมืองออกซ์ฟอร์ดก็ยังไม่สลายตัว แถมยังเพิ่มคาสุเข้ามาอีกคนหนึ่งด้วย นอกจากเวลาเรียนแล้ว ทุกคนก็จะมารวมตัวกันที่บ้านของสังเกต

“ยังติดต่อพี่พิ้งค์ไม่ได้เลยค่ะ”

แพรอาภรณ์พูดอย่างท้อใจ ใบหน้าที่เคยเปล่งปลั่งสดใสดูซูบซีด ขอบตาบวมช้ำด้วยการอดนอน ไม่ใช่แค่น้องสาวของพิมพ์ชญา ทุกคนที่อยู่ในบ้านล้วนแต่มีอาการแบบเดียวกัน

“แจ้งตำรวจเลยดีไหม ตอนนี้ก็เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว”

กวิราพูดขึ้นมาบ้าง เรื่องที่พิมพ์ชญาหายตัวไปนั้นเริ่มก่อความรู้สึกตึงเครียด หากที่ติดต่อไม่ได้ไม่ใช่เพราะเจ้าตัวจงใจตัดการติดต่ออย่างที่เข้าใจกัน แต่เป็นเพราะประสบอันตรายบางอย่างเข้า โอ๊ย… ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะทำไงดีเนี่ย

“เห็นด้วยกับกีวี่นะ ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับพิ้งค์แต่เราไม่รู้ล่ะ ไม่แย่หรือไง”

คมสันเห็นด้วย แต่สังเกตกลับยืนกรานสั่นหน้าคัดค้าน

“อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปเลยดีกว่าน่า”

เพื่อนสนิทของคนที่หายไปชักฟิวส์ขาดเมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดเช่นนั้น

“นี่!!! นายไม่เป็นห่วงพิ้งค์บ้างเลยหรือไง ไม่สนใจเลยใช่ไหมว่าว่าที่คู่หมั้นนายจะเป็นตายร้ายดียังไง… อ๋อ แน่ล่ะสิ นายไม่ได้อยากจะหมั้นอะไรกับเขาอยู่แล้วนี่ แต่ในฐานะคนที่เคยอยู่บ้านเดียวกันมาก็น่าจะมีความรู้สึกรู้สาอะไรบ้างนะ น่าเสียใจจริงๆ”

อันที่จริงสิ่งที่อยากต่อว่ามีมากกว่านั้น กวิราอยากจะพูดต่อด้วยซ้ำไปว่า น่าเสียใจจริงๆ ที่พิ้งค์มีใจให้กับคนอย่างนาย!

“ทำไมจะไม่สน เพราะสนใจน่ะสิถึงไม่อยากให้แจ้งความ”

สังเกตเริ่มเสียงดังขึ้นมาบ้าง เขาพูดต่อ

“ถ้าเราแจ้งความแต่พิ้งค์ไม่ได้เป็นอะไรเลยจะทำให้พิ้งค์เสียประวัติใช่ไหม ฉันไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ที่สำคัญ ถ้าเขาตัดสินใจถึงกับหนีออกไปไม่กลับมาแบบนี้ก็แปลว่าเขาไม่อยากเจอหน้าใครเลย ไม่ใช่หรือยังไง …ถึงจะตามตัวกลับมาจนได้เขาก็หนีไปได้อีก ถ้าเขาไม่รู้สึกอยากจะกลับมาเองก็ไม่มีรั้งเขาไว้ได้หรอก”

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ผู้ที่ต่อว่าเสียแรงจึงขอโทษเสียงอ่อย แต่ยังพูดขอโทษจบไม่ทันจะขาดคำคาสุที่เลี่ยงออกไปโทรศัพท์ก็เดินเข้ามาหาพร้อมประโยคที่ทำให้ทุกคนมีสีหน้ามีความหวัง

“เช็คกับสายการบินเรียบร้อยแล้ว มีผู้โดยสารชื่อ Ms Pimchaya Assawamaethangkul เดินทางไปกับไฟลท์เมื่อตอนเที่ยงครึ่ง แล้วตอนนี้เครื่องก็ลงจอดเรียบร้อยแล้วด้วย”

สาเหตุที่ใช้เวลานานกว่าจะพบชื่อผู้โดยสารเพราะพิมพ์ชญาผู้แสนรอบคอบรอจนนาทีสุดท้ายก่อนที่จะเข้าเช็คอิน หญิงสาวเข้าไปแทนที่ผู้โดยสารที่แคนเซิลตั๋ว ที่ทำเช่นนั้นเพราะเธอคิดไว้อย่างรอบคอบ

ถ้ารีบเช็คอิน ‘พวกที่อยู่บ้านคาวลีย์’ ก็ตามหาเจอได้ง่ายๆ กันพอดีน่ะสิ

“นายจะทำยังไงต่อไป”

คมสันเป็นคนแรกที่ถามขึ้น สายตาทั้งสี่คู่จ้องมาที่ชายหนุ่มเป็นตาเดียว ถ้าเขารู้สึกไม่ผิด แต่ละคนทำหน้าตาคาดหวังกันซะเหลือเกิ๊น

“ก็มีอย่างเดียวที่ควรทำนั่นล่ะ…” เขาหยุด ก่อนที่จะพูดต่อในสิ่งทุกคนคาดหวัง “จองตั๋วเครื่องบินกลับไทยไฟลท์ต่อไป”


*B&B หรือ Bed and Breakfast คล้ายโรงแรมขนาดเล็กที่มักจะดำเนินกิจการโดยครอบครัว มีบรรยากาศที่สบาย เป็นกันเอง และราคาย่อมเยา เป็นที่นิยมสำหรับการค้างคืนชั่วคราว


((โปรดติดตามบทที่ 20))




 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2554
4 comments
Last Update : 30 พฤษภาคม 2554 16:40:14 น.
Counter : 597 Pageviews.

 

ตอบคอมเมนต์ค่ะ

คุณ goldensun -- 555 คิดข้ามช็อตดีจังค่ะ ชอบ แต่ ณ จุดนี้สงสัยต้องหาตัวให้เจอก่อนแล้วมั้งคะ

น้องเน -- อะไรค้าาาาา เค้าทำอะไร เค้าไม่รู้เรื่องงงงง (แบ๊ว)

น้องลี่ -- ฮี่ๆ หาทางออกเอาไว้ให้ตั้งแต่ต้นแล้วจ้า

คุณ ree -- ท่าทางงานนี้มีง้อข้ามทวีปแล้วฮ่ะ นางเอกเราเผ่นกลับเมืองไทยแล้ววววว


ใกล้จบแล้ว ตื่นเต้นจริงๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ จบแล้วก็จะลงตอนพิเศษต่อเลยทันทีค่ะ ไม่มีขาดตอน

 

โดย: ...ศุวิลา... 30 พฤษภาคม 2554 16:44:46 น.  

 

เริ่ดค่ะพี่พิงค์ รอบคอบมาก

ใจเย็นเกินไปอ่ะคุณเกต เชอะ (ไม่รักคุณเกตแล้ว เข้าข้างพี่พิงค์เต็มที่)

 

โดย: Narilin Nay IP: 223.205.200.169 30 พฤษภาคม 2554 17:14:11 น.  

 

โอ้ววววววว พิ้งค์หนีกลับไทยแล้ว นายเกตจะทำไงนะ

 

โดย: lily IP: 10.3.2.35, 210.213.57.235 31 พฤษภาคม 2554 12:27:26 น.  

 

เอลี่ลำบากใจแย่เลย เพื่อนกันทั้งนั้น
แต่ก็เข้าใจความรู้สึกพิงค์นะ เหมือนโดนหักหลัง
โดนหลอกแล้วสารภาพให้รู้ กับแอบรู้เอง ความรู้สึกผิดกันไกล
ลุ้นการตามง้อของว่าที่คุณหมอค่ะ

 

โดย: goldensun IP: 203.121.167.243 31 พฤษภาคม 2554 17:01:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


...ศุวิลา...
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




'ศุวิลา' นักเขียนแนว LOVE (ความรู้สึกดี...ที่เรียกว่ารัก) สนพ. แจ่มใส ♥








Friends' blogs
[Add ...ศุวิลา...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.