... ^^ Welcome to suvilajamsai's world ^^...
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
4 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
Oxford Story บทที่ 11


จบไปแล้วนะคะ กับเกมชิงรางวัลหนังสือ "ความรู้สึกดี...ที่เรียกว่ารัก 34" และกิจกรรมแจกลายเซ็นของสาวๆ ความรู้สึกดีที่เรียกว่ารัก ที่งานสัปดาห์หนังสือก็ผ่านไปเมื่อวานนี้แล้วเช่นกัน ^^ เดี๋ยวจะนำรูปเท่าที่ได้ถ่ายไว้มาโพสต์ให้ดูกันค่า (ซึ่งมีไม่กี่รูปหรอกนะฮ้า มัวแต่เฮฮาจนลืม แหะๆ)

ตอนนี้เรามาอ่าน Oxford Story กันต่อเลยค่ะ ^^


#################

บทที่ 11

พิมพ์ชญายังไม่หายจากอาการช็อก ในเมื่อ…“ใช่!” คำพูดคำนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
และ…ราวกับจะตอกย้ำคำพูดเมื่อครู่ ชายหนุ่มที่เพิ่งจะอ้างตัวว่าเป็นแฟนกันก็เดินมายืนจับมือเธออยู่ข้างๆ เสียแล้ว

ด้วยความตกใจ พิมพ์ชญาพยายามจะชักมือหนีการเกาะกุมนั้น แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่เคียงข้างกลับกระชับมือเรียวไว้แน่นยิ่งขึ้น เมื่อเหลือบตาขึ้นมอง จึงได้เห็นเสี้ยวหน้าที่ดูจริงจังของคนที่สบตากับเพื่อนตนเองนิ่ง

“หมายความว่ายังไง เกต ก่อนนี้ยังพูดอยู่ไม่ใช่หรือว่าน้องพิ้งค์เป็นน้องสาว”

ในที่สุด คมสันเป็นผู้เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเป็นคนแรก

“ตอนนั้นเราแค่ทะเลาะกันนิดหน่อย แต่ตอนนี้… “

ดวงตาสีเข้มล้ำลึกเหลือบมองคนข้างกาย ถ้าไม่ได้คิดไปเอง แก้มที่ปัดด้วยบลัชออนสีชมพูสดใสดูจะเป็นสีชมพูจัดมากขึ้น

“เรากลับมาคืนดีกันแล้ว”

คมสันพินิจสีหน้าของพิมพ์ชญาที่กำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มเจือรอยเขินอายที่ซ่อนเอาไว้ไม่มิด สลับกับสังเกตที่ทั้งสีหน้าและแววตาดูนิ่งเสียจนยากที่จะคาดเดาได้ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร …แต่… มือที่เกาะกุมกันอยู่นั่นล่ะ …คมสันนึกแปลกใจ

“อ้อ เหรอ…” เขาทอดเสียงก่อนที่จะยิ้มนิดๆ “ถ้าอย่างนั้น… คนที่บ้านนายรู้เรื่องนี้หรือยัง น้องพิ้งค์เคยเจอพี่สาวเจ้าเกตหรือยังครับ” ประโยคสุดท้ายคมสันหันมาถามพิมพ์ชญา

พี่สาวหรือ… ก็ในกระดาษข้อมูลที่นายสังเกตเขียนมาให้ บอกว่ามีน้องสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นนี่นา แล้วพี่สาวที่ว่านี่ใครกันล่ะ ผู้ถูกถามนึกสงสัยก่อนที่จะเหลือบมองหน้าคนที่ถูกอ้างว่ามีพี่สาว ซึ่งชายหนุ่มแอบส่งท่าทางปฏิเสธให้

“พี่สาวที่ไหนหรือคะ ไม่มีนี่ เกตมีแต่น้องสาวคนเดียวเท่านั้น น้องกานต์…จริงไหมคะ เกต พิ้งค์ว่าสันจำผิดแล้วล่ะค่ะ”

พิมพ์ชญาตอบคมสันด้วยท่าทางที่ดูราวกับเป็นคนรักของสังเกตจริงๆ อย่างที่คมสันอยากจะเชื่อ หากไม่บังเอิญว่าเขาเห็น ‘ซิกแนล’ ที่ทั้งสองแอบส่งให้กันเสียก่อน

แผนเด็กๆ อย่างนี้ แค่สามวินาทีก็ดูออกแล้ว

“อ้อ ผมคงจะจำผิดไป …ถ้าอย่างนั้น …”

คมสันเว้นจังหวะอีกครั้ง เพื่อจับปฏิกิริยาของคนทั้งสอง และ…ได้ผลเสียด้วย สองคนตรงหน้าเขาลอบสบตากันด้วยแววตาเป็นกังวลวูบหนึ่ง เท่านี้ก็เป็นคำตอบที่มากเพียงพอแล้ว

“ถ้าอย่างนั้น สันกลับก่อนละครับ น้องพิ้งค์ …เฮ้ย เกต กลับแล้วนะ”

ประโยคสุดท้าย คมสันหันไปลาสังเกตก่อนที่จะเดินออกไปจากบริเวณคาเฟทีเรียของโรงเรียน ทิ้งให้พิมพ์ชญาและสังเกตมองหน้ากันอย่างพิศวงเพราะคาดเอาไว้ว่าคมสันคงจะหาเรื่องยื้อยุดทั้งสองไว้อีกนานเพื่อซักถามจนกว่าจะพอใจ ทั้งสองหารู้ไม่ว่าท่าทีทั้งหมดนั้น ไม่รอดพ้นสายตาของชายหนุ่มที่เพิ่งเดินลับออกไป

วิธีเด็กๆ… คมสันคิด ลูกไม้ตื้นๆที่บอกว่าแกล้งเป็นแฟนกันเพื่อให้เขาตัดใจอย่างนั้นหรือ… วิธีการแบบละครน้ำเน่าอย่างนี้ คิดว่าจะได้ผลกับคนอย่างเขาหรือไง

คิดถึงตอนนี้ เขาอดยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้ ลงทุนจับมือกันอย่างนั้นยังทำได้ไม่แนบเนียน คนรักประสาอะไรจะจับมือกันอย่างกับเด็กจูงมือชวนกันไปเดินเล่น

แต่…ก็ดี ถ้าคิดว่าวิธีแบบนี้จะได้ผล ก็อยากจะลองทดสอบดูสักหน่อยว่าจะเล่นละครลิงกันไปได้สักกี่น้ำ!

“เล่นละครเก่งนี่ ถ้าไม่บอกคงจะไม่รู้เลยนะว่าคนที่ยืนอยู่กับพิ้งค์เนี่ย อนาคตคุณหมอ ไม่ใช่นักแสดง”

พิมพ์ชญาแซวชายหนุ่มเสียงใสเมื่อเอาตัวรอดไปได้ในฉากแรก ซึ่งเขาก็ตอบกลับมาด้วยวาจาแบบเดียวกัน

“เธอก็เหมือนกันนั่นล่ะ ไหนว่าเรียนเอกภาษาฝรั่งเศส ถ้าไม่บอกคงคิดว่าเรียนเอกการละคร”
“ฉันจะถือว่าเป็นคำชมนะ” หญิงสาวพูดยิ้มๆ

ใช่ นายคมสันน่าจะเชื่อในสิ่งที่เรากับนายสังเกตแสดงละครล่ะน่า …แผนการสำเร็จลุล่วงอย่างง่ายดายเกินคาดแฮะ… ก็ดีแล้วล่ะ ไม่ยุ่งยากดี


แต่…อะไรเรื่องราวทั้งหมดจะง่ายดายปานฉะนั้น พิมพ์ชญาสำนึกได้ว่าตัวเองคิดผิดอย่างมหันต์เมื่อคมสันจึงยังคงทำตัวเป็นแขก (ไม่) รับเชิญประจำบ้านหมายเลขที่ 24 ถนนคาวลีย์ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด เขายังแวะเวียนไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านหลังนี้อย่างสม่ำเสมอ และทุกครั้ง จะต้องมีคำพูดหรือคำถามที่แสดงอาการ ‘แย็บ’ ถามข้อมูลเกี่ยวกับสังเกตเพื่อจับผิด

“น้องพิ้งค์ครับ ดอกไม้บนโต๊ะกินข้าวกับบนชั้นวางโทรศัพท์นี่สวยจัง น้องพิ้งค์เป็นคนซื้อมาหรือครับ”

“ค่ะ”

พิมพ์ชญาเริ่มต้นระวังตัวด้วยรู้ดีว่าคมสันไม่มีทางถามแค่นี้แน่นอน

“ว่าแล้วเชียว …แต่ …เจ้าเกตมันไม่ว่าอะไรเลยหรือ… แค่สงสัยน่ะ ปกติเกตมันไม่ชอบเลยนะ เรื่องแต่งบ้านด้วยดอกไม้อะไรแบบนี้”

นั่นไงล่ะ เริ่มแล้ว กระบวนการจับผิดประจำวัน หญิงสาวคิด…แม้คมสันจะมองอย่างยิ้มๆ เหมือนไม่มีอะไรในใจเช่นเคย หากแต่พิมพ์ชญารู้… เขากำลังทดสอบเธออยู่ ปฏิกิริยาทุกอย่างอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน หญิงสาวก็ยังแสดงสีหน้ายิ้มเฉยขณะหาทางตอบโต้คำพูดนั้น

“ปกติไม่ชอบ… แต่ถ้าเป็นดอกไม้ของพิ้งค์ถือเป็นข้อยกเว้น” เสียงทุ้มๆ ตอบเพื่อนแทนหญิงสาวก่อนที่จะหันไปยิ้มหวานให้ “ใช่ไหมจ๊ะ พิ้งค์”

“ตายแล้ว เกตเนี่ย…น่ารักจังเลย ทีหลังถ้าไม่ชอบก็บอกพิ้งค์สิคะ พิ้งค์จะได้ไม่ซื้อมาอีก”

ใบหน้างามฉีกยิ้มหวานหยดตอบอย่างฉอเลาะเต็มที่เช่นกัน …รู้จักพิมพ์ชญาน้อยไปเสียแล้วย่ะ นายคมสัน หญิงสาวนึกกระหยิ่มอยู่ในใจ

“ทำไมเกตจะไม่ชอบล่ะจ๊ะ ถ้าพิ้งค์เป็นคนซื้อมา” ชายหนุ่มยังคงหยอดคำหวานกับคนรักหลอกๆ โดยหวังว่ามันจะได้ผล

และ…มันได้ผลเช่นกัน แต่ทว่า ผลนั้นกลับกลายเป็นการทวีความขบขันขึ้นภายในใจของบุคคลที่สาม
โธ่เอ๊ย จะเล่นให้มันแนบเนียนกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ คราวนี้ถือว่ารอดตัวไปอีกครั้ง แต่ คำถามใหม่ล่ะ จะยังตอบได้อีกไหม

“หวานกันจริงนะ…หวานขนาดนี้ เริ่มคบกันมาตั้งแต่เมื่อไรล่ะ เล่าให้ฟังหน่อยสิ”

ทั่วทั้งห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบหลังจากคมสันหลุดคำถามออกมาจนจบประโยค เงียบเสียจนหากมีเข็มสักเล่มตกลงกระทบพื้นทุกคนคงได้ยินกันหมด ตอนนี้เองที่เจ้าแม่จอมวางแผนเพิ่งจะตระหนักได้ว่าเธอพลาดไป

อุตส่าห์เตรียมการเอาไว้เสียดิบดี ท่องจำข้อมูลของอีกฝ่ายได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน …แต่กลับมาตายน้ำตื้น ลืมเสียสนิทว่าจะต้องสร้างเรื่องราวความรักหลอกๆ ระหว่างเรากับเขาขึ้นมาด้วย
โอ๊ย จะให้มาตายกับคำถามง่ายๆ นี่นะ เสียชื่อยัยพิ้งค์จอมวางแผนหมด ถ้ายัยกีวี่รู้เข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“เอ่อ… สัน พิ้งค์ว่า เรื่องนี้…” หญิงสาวเว้นจังหวะเพื่อถ่วงเวลาคิดหาคำตอบพลางสบตาสังเกตเผื่อว่าเขาจะมีความคิดดีๆ แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะยังตั้งตัวไม่ติดกับคำถามนี้เช่นกัน ”เรื่องนี้…อย่าให้เล่าเลยนะ คือ…พิ้งค์เขินน่ะ”

คิดว่าจะไม่รอดเสียแล้ว แต่พิมพ์ชญาก็แถไปเจอทางออกจนได้ หญิงสาวแสร้งทำท่าเขินอายอย่างที่สุดเท่าที่จะสามารถปั้นแต่งได้ ดวงตาคมสวยเหลือบแลลงพื้นด้านข้าง มือเรียวทั้งสองที่เกาะเกี่ยวกันบิดไปมา หากไม่รู้มาก่อน ชายหนุ่มทั้งสองคงจะคิดว่าเธอคนนี้กำลังขวยเขินจริงๆ เป็นแน่แท้

“แบบว่า… สันคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าพิ้งค์อยากจะขอเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นเรื่องราวระหว่างพิ้งค์กับเกต…แค่สองคน”

เพื่อเป็นการตอกย้ำสิ่งที่พูด หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มที่เธอเพิ่งจะกล่าวอ้างในฐานะคนรักอย่างกระดากอาย…

ราวกับนัดกันไว้ สายตาของสังเกตก็เลื่อนมายังเธอเช่นกัน สายตาของทั้งสองจึงสบประสานแล้วหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วขณะ ชวนให้คิดถึงคู่รักที่ส่งผ่านความรู้สึกจากสายตาสู่หัวใจของกันและกัน…
“พอ...พอได้แล้ว ไม่ต้องมาทำซึ้งต่อหน้าเลย กลับแล้วก็ได้ จะได้สวีทกันตามสบาย ไม่ต้องมีกว้างขวางคอ”

คมสันเบรกภาพที่เห็นตรงหน้าก่อนที่จะลากลับไปแต่โดยดี เขาเริ่มตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ดูเหมือนว่ายิ่งเขาพยายามไล่ต้อนคนทั้งสองมากเท่าไร นอกจากจะไม่สามารถทำให้ทั้งคู่ยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการเสแสร้งแล้ว ความพยายามที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันกลับจะยิ่งทำให้พิมพ์ชญาและสังเกตใกล้ชิดกันมากขึ้น

ไม่แน่ว่ารักหลอกๆ ของทั้งสอง อาจจะกลายเป็นจริงขึ้นมาเพราะเขาก็เป็นได้!


แม้ว่าแขกผู้มาเยือนจะกลับไปได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่เจ้าของบ้านทั้งสองก็ยังคงนั่งแข็งเป็นหินอย่างทำตัวไม่ถูกอยู่ที่โต๊ะอาหารเนื่องด้วยเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป พิมพ์ชญารู้สึกว่าผิวหน้าของเธอเห่อร้อนราวกับเป็นไข้ และ มันคงจะต้องแดงก่ำด้วยแน่ๆ ซึ่งเธอไม่อยากจะให้เขาเห็นเลยจริงๆ

“จนถึงวันนี้ฉันได้ข้อสรุปอย่างนึง สันไม่เคยเชื่อในสิ่งที่เราเล่นละครเลย”

หญิงสาวพูดอย่างพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นขณะเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อรินน้ำก่อนที่บรรยากาศจะทำให้อึดอัดใจมากไปกว่านี้ สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่แก้วน้ำราวกับว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่จำเป็นต้องใช้สมาธิและความระมัดระวังมากกระนั้น มิใช่อะไรหรอก เพียงแต่เธอกลัว กลัวเหลือเกินว่าสายตาจะไปมองอะไรที่ ‘ไม่สมควร’ เข้าอีก

...ที่ใครเคยบอกว่าไม่มีทางที่คนเราจะรู้สึกแปลกๆ กับการสบตาใครบางคนแค่แวบเดียว ขอบอกตอนนี้เลยว่ามันไม่จริง!

หากว่าเธอหันมามองเขาสักนิด คงจะรู้ว่าปฏิกิริยาของชายหนุ่มไม่ต่างกันเท่าไร ชายหนุ่มพยักหน้า ตอบเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“อื้อ…เรื่องนั้นเห็นได้ชัดอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นนายนั่นจะถามคำถามพวกนั้นทำไม”

เงียบ…บรรยากาศกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง… ถึงแม้ว่าโดยนิสัยที่แท้จริงพิมพ์ชญาจะเป็นหญิงสาวช่างเจรจา ทว่าคราวนี้เธอกลับรู้สึกว่าหาคำพูดไม่เจอ

“เฮ้อ…ฉันคงจะต้องหาแผนใหม่สินะ”

หญิงสาวคั้นคำพูดออกมาจนได้ ด้วยกลัวว่าหากเงียบมากไปกว่านี้เธอคงจะอกแตกตายด้วยความกระอักกระอ่วนใจ แต่ถ้อยคำของเธอกลับมีผลดี เพราะบรรยากาศตึงเครียดเริ่มคลี่คลายลง ความประหลาดใจมีผลให้ชายหนุ่มลืมความรู้สึกเมื่อก่อนหน้านี้ เขาคิดไม่ถึงว่าถึงขั้นนี้แล้วเธอยังไม่คิดที่จะยอมแพ้

“อะไรนะ ยังคิดจะวางแผนอยู่อีกเหรอ”

“ก็…ทำมาจนถึงขนาดนี้แล้วนี่จะให้เลิกได้ไงล่ะ”

สังเกตเพิ่งจะตระหนักว่าตัวเขาและพิมพ์ชญาเดินเข้ามาสู่สถานการณ์ที่เรียกว่า ‘กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง’ เสียแล้ว สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียว คือ ก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น จะให้เดินไปบอกคมสันว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่เป็นความจริงก็ยังไงๆ อยู่

“มีความคิดดีๆ บ้างแล้วหรือยัง”

หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้งก่อนที่จะโคลงศีรษะช้าๆ

จะไปมีได้ยังไง้… ถ้าหากว่ามีฉันคงดำเนินการไปแล้ว ไม่มัวรีรออะไรอยู่หรอกย่ะ

“ฉันยังคิดอะไรไม่ออก แต่ก็พอรู้จักเจ้าแม่จอมวางแผนอยู่คนนึง… งั้นฉันขอโทรไปปรึกษายัยกีวี่ก่อนนะ”

หลังจากพูดจบ พิมพ์ชญาก็เดินเลี่ยงขึ้นห้องส่วนตัวเพื่อกดหมายเลขถึงเพื่อนสาว…


“สวัสดีค่า นางสาวกวิราคนสวยพูดค่ะ”

กวิรากรอกเสียงใสลงโทรศัพท์เมื่อเห็นหมายเลขของผู้ที่โทรเข้า ทำให้เพื่อนสาวนึกค่อนอยู่ในใจ
…แหม อารมณ์ดีเหลือเกินนะยะ ช่างไม่รู้เสียบ้างเลยว่าเพื่อนที่สุดที่รักของเธอกำลังเดือดร้อน
“ค่ะ คุณกวิราคนสวยคะ นี่คุณพิมพ์ชญานะคะ คุณกวิราพอจะมีเวลาว่างไหมคะ” …ถึงจะไม่ว่างยังไงก็ต้องฟังล่ะน่า

“มีหรือไม่มี ก็แล้วแต่เรื่องที่จะมาคุยด้วยนั่นล่ะค่า… ว่าไงจ๊ะ มีเรื่องอะไรหรือ ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าต้องน่าสนุก เพราะฉันกำลังเบื่อๆ อยู่พอดี”

เมื่อเพื่อนสาวเปิดโอกาสให้ พิมพ์ชญาจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด ตั้งแต่แผนการรักปลอมๆ ของเธอกับสังเกต ไปจนถึงการที่คมสันไม่เชื่อและยังคงตามตื๊ออยู่มิรู้คลายให้เพื่อนสาวคนสนิทฟัง กวิราฟังไปขำไปและถึงกับหัวเราะก๊ากเมื่อฟังไปถึงตอนจบ

“ค่อยมีเรื่องสนุกขึ้นมาหน่อย สรุปว่าล้มเหลวอย่างนั้นสินะ โธ่เอ๊ย ยัยพิ้งค์ของฉัน ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าคนอย่างเธอจะทำแผนการล้มเหลวได้ เสียชื่อ เสียเหลี่ยมจริงๆ ฉันบอกแล้วว่านายคมสันนี่ร้ายไม่ใช่เล่นเลยนะ”

“เออ ฉันผิดเองที่ประมาทมากเกินไป นายเกตเขาก็เตือนแล้วว่านายคนนี้ฉลาด แต่ฉันประมาทเอง เห็นท่าทางเหมือนพวกเจ้าชู้ไปวันๆ แบบนั้น ไม่นึกเลย”

พิมพ์ชญาพูดด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้ม แต่สาวน้อยอีกคนหนึ่งที่อยู่ปลายสายของโทรศัพท์กลับยิ้ม

“รู้ไหม นายคมสันก็เคยทำให้ฉันต้องเผชิญสถานการณ์คล้ายๆ เธอนี่ล่ะ แต่ ในตอนนั้น…” หญิงสาวหยุดพูดนิดหนึ่งด้วยความเขิน “ตอนนั้นผู้ร่วมแผนการของฉันมีวิธีการดีๆ ที่ทำให้สันไม่เคยมายุ่งกับฉันอีกเลย”

“คาสุทำยังไงหรือ วี่ นายคมสันเขาถึงได้ยอมศิโรราบกลับไป …เขาใช้อิทธิพลของที่บ้านมาข่มขู่หรือยังไง”

…เอ ความคิดนี้ก็ไม่เลวแฮะ

“บ้า! ไม่ใช่ย่ะ… ถึงบ้านเขาจะมีอิทธิพล แต่ก็เป็นในทางธุรกิจ ไม่ใช่เจ้าพ่อมาเฟียสักหน่อย”

“จ้า ฉันล้อเล่น… ถ้าอย่างนั้นจริงๆ แล้วเขาทำอะไรล่ะ”

พิมพ์ชญาถามอย่างอยากรู้จริงๆ เผื่อว่าจะได้ไอเดียเอาไปใช้บ้าง แต่กวิรากลับเงียบหายไป

“เฮ้ กีวี่ ยังอยู่หรือเปล่า”

“…ฉัน”

“อะไรนะ!! พูดใหม่ซิ ฉันฟังไม่รู้เรื่องเลย”

“เขา…ฉัน”

กวิราพูดเร็วปรื๋อและแผ่วเบา จนพิมพ์ชญาจึงต้องถามอีกครั้ง

“หา!! พูดอีกครั้งได้ไหม ช้าๆ ชัดๆ และเร่งโวลลุ่มด้วย”

“เขาจูบฉัน ได้ยินหรือยังยะ แม่คนช่างถาม”

คราวนี้กวิราตะโกนกึกก้อง พิมพ์ชญาถึงกับเหวอ อ้าปากค้าง ทำตาปริบๆ

“หา …ต่อหน้านายคมสันเลยเนี่ยนะ!!”

ไม่อยากจะเชื่อ เรื่องแบบนี้ทำไมเธอไม่เคยเล่าให้ฉันฟังมาก่อน หา! ถ้าวันนี้ไม่ถามก็คงไม่มีวันรู้เลยใช่ไหมยะ!

“อืม”

กวิราพูดแล้วใบหน้ายังร้อนผ่าว …เธอยังจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดีราวกับเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้

“ทีเรื่องอย่างนี้ล่ะปิดเงียบเชียวนะ… เล่าให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้เลย”

กวิราถ่ายทอดเรื่องราวของเธอให้พิมพ์ชญาฟังอย่างอึกอัก ตะกุกตะกักผิดวิสัย ผิดกับคนฟังที่ฟังอย่างนึกสนุก และเอ่ยแซวให้กวิราเขินหนักยิ่งขึ้น

“นี่!!! ฉันไม่ได้เล่าให้ฟังเพื่อให้เธอมาแซวฉันนะยะ… เดี๋ยวฉันก็ไปแนะนำให้นายสังเกตทำแบบนั้นบ้างหรอก”

“เฮ้ย!!! อย๊า….” คราวนี้คนแซวต้องเป็นฝ่ายร้องเสียงหลง “ที่ฉันโทรมาน่ะ โทรมาขอความช่วยเหลือ ไม่ได้มาขอให้เธอทำลายชีวิตฉัน”

“อ้าว… ก็วิธีนี้มันได้ผลจริงๆ นี่นา หรือจะเถียง”

กวิราพูดไปหัวเราะไป… จะบ้าหรือยังไง ยังพิ้งค์เอ๊ย ใครมันจะไปกล้าพูดแบบนั้นกับนายสังเกตหน้าดุจริงๆ กันล่ะ หา

“กีวี่ ทำเป็นเล่นอยู่ได้ ฉันเดือดร้อนจริงๆ นะ และคนเดียวที่ฉันจะหวังพึ่งได้ในตอนนี้ก็คือเธอ”

จะด้วยความใจอ่อนสงสารเพื่อนหรือด้วยความพึงพอใจที่เพื่อนสาวยกหางก็สุดจะคาดเดา กวิราเลิกล้อเล่นและกลับมาขบคิดหาทางออกอย่างจริงจัง …ทั้งสองนิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง… ให้มันรู้กันไปสิว่าสองสาวสุดแสบประจำโรงเรียนจะจนมุมอยู่แค่นี้ …ไม่มีทาง!!

“เอาอย่างนี้ไหม พิ้งค์” กวิราพูดขึ้นหลังจากทั้งสองเงียบหายไปนาน “ฉันกำลังจะชวนไปคาสุไปเที่ยวอัลตัน ทาวเวอร์ (Alton Tower) อยู่พอดี ช่วงนี้เขามีโปรโมชั่นพิเศษ เธอกับนายสังเกตก็ไปด้วยกันสิ”

“อัลตัน ทาวเวอร์?”

“อ๋อ มันเป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่มีโรงแรมและสวนน้ำอยู่ใกล้ๆ เมืองแมนเชสเตอร์น่ะ ตอนนี้เขามีแพ็กเกจห้องคู่นะจ๊ะ ค้างหนึ่งคืน รวมค่าเข้าสวนสนุกและสวนน้ำแค่คนละแค่ยี่สิบเก้าปอนด์เท่านั้นเอง”

“หา ต้องไปเที่ยวค้างคืนด้วยเหรอ” แถมเป็นห้องคู่ด้วยนะ …คิดบ้าอะไรของเธออยู่เนี่ย ยัยกีวี่

“อ้าว ถ้าไม่ไปเที่ยวค้างคืนจะหลอกนายคมสันได้ยังไงล่ะ …แล้วเวลาพัก เราสองคนก็อยู่ห้องเดียวกัน นายสังเกตก็อยู่กับคาสุไป นายคมสันจะไปรู้ได้ยังไง จริงไหม”

อ้อ... คิดแบบนี้หรอกเรอะ แหม... ไอ้เราก็คิดไปไกล (มาก)

“แผนการที่ว่าฟังดูไม่เลวหรอกนะ …แต่ที่ยากที่สุดก็คือจะทำให้นายสังเกตยอมไปเที่ยวด้วยได้ยังไงเนี่ยสิ …แค่คิดว่าจะต้องเป็นคนไปชวนก็ไม่อยากแล้วอ่ะ”

“ลองดูเถอะน่า ถ้าไม่สำเร็จ ฉันจะให้คาสุเป็นคนโทรไปชวนให้เอง”

กวิรารับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะหลังจากทั้งขู่ ทั้งปลอบทุกวิถีทางเพื่อให้เพื่อนสาวทำตามแผนการที่เธอวางเอาไว้



((ติดตามต่อที่บทที่ 12 ค่ะ))


Create Date : 04 เมษายน 2554
Last Update : 25 เมษายน 2554 16:14:00 น. 4 comments
Counter : 499 Pageviews.

 
เย้ๆ บทหน้าก็จะเป็นตอนสวนสนุกที่โน้ตชอบสุดๆ แล้วค่ะ ^___^ อัลตัน ทาวเวอร์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสวนสนุกที่เป็นอันดับ 1 ของโลกด้วยล่ะ เครื่องเล่นที่นี่สนุกมากกกกกกเลย ขนาดว่าตอนที่ไปเที่ยวเป็นตอนหน้าหนาวก็ยังสนุกเลยค่ะ อยากไปอีกจัง ><

ตอบคอมเมนต์ตอนที่แล้วนะคะ

คุณ an-o -- อิอิ ตอนนี้คุณพระเอกหลวมตัวทำยิ่งกว่านั้นอีกค่ะ โฮะๆ

น้องลี่ -- ตอนใหม่มาแล้วค่า กรุกริ ^^

น้องเดหลี -- สู้ๆ ค่ะ เอาใจช่วยเสมอนะคะ ^^ ตั้งใจทำงานน้าาาาา

น้องตูน -- ง่า พระเอกของเรื่องนี้ปากคองี้แหละ แหะๆๆๆๆๆ ^^'''' ขอบคุณที่ไปร่วมเล่นเกมนะจ๊ะ

น้องนู๋เต่า -- ยินดีค่า ^^

น้อง enjoydvd -- ยินดีค่า มาเลยค่ะ ^^

พบกันตอนหน้านะคะ ขอบอกว่าใครพลาดจะเสียใจนะค้า โฮะๆ


โดย: ...ศุวิลา... วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:17:51:08 น.  

 
“ฉันกำลังจะชวนไปคาสุไปเที่ยวอัลตัน ทาวเวอร์ ==> "ชวนคาสุไป"

อิอิ รอลุ้นตอนหน้าค่ะพี่โน้ต กร๊ากๆๆ แผนหลอกๆ กัน หลอกไปหลอกมารักกันเอง กริกริ


โดย: lovekalo วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:20:19:04 น.  

 
จุ๊บเลยๆ คุณเกต


โดย: Narilin Nay (กวีร้อยฝัน ) วันที่: 7 เมษายน 2554 เวลา:11:54:18 น.  

 
แวะมาทักทายคร่า..


โดย: conio.h วันที่: 7 เมษายน 2554 เวลา:20:10:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

...ศุวิลา...
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




'ศุวิลา' นักเขียนแนว LOVE (ความรู้สึกดี...ที่เรียกว่ารัก) สนพ. แจ่มใส ♥








Friends' blogs
[Add ...ศุวิลา...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.