... ^^ Welcome to suvilajamsai's world ^^...
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
12 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
Oxford Story บทที่ 21 (ตอนอวสานแล้วค่า ^^ )


บทที่ 21

ระลอกคลื่นม้วนตัวซัดสาดเข้าหาฝั่งก่อให้เกิดฟองคลื่นสีขาวเป็นแนวยาวบนผืนทราย เพียงแค่เอื้อมมือไปสัมผัส ฟองคลื่นเหล่านั้นก็กลับกลายเป็นเพียงน้ำทะเลใสแจ๋วไหลย้อนกลับลงสู่ท้องทะเลอีกครั้ง …เพียงชั่วอึดใจ คลื่นลูกใหม่ก็ส่งเสียงซัดซ่า พัดพาฟองคลื่นกลุ่มใหม่ขึ้นมาสัมผัสเม็ดทรายละเอียด สลับกันไปมาอย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

“นั่นเธอกำลังพยายามทำอะไรอยู่น่ะ เอลี่”

ท่าทางที่เหมือนกับเจ้าตัวพยายามกอบอากาศธาตุเอาไว้ในมือของอลิสาทำให้พิมพ์ชญาที่นั่งข้างๆอดไม่ได้ที่จะร้องถาม คำถามนั้นทำให้คนถูกถามหันมายิ้มแหยๆ

“พยายามจับฟองคลื่นน่ะ”

“จับฟองคลื่น???”

“จ้ะ” สาวช่างฝันยิ้มอ่อนๆ “เหมือนเพลงมาเรียในเรื่องเดอะ ซาวนด์ ออฟ มิวสิคไง เพลงที่พวกแม่ชีเขาร้องน่ะ เขาบอกว่า ใครจะสามารถตรึงคลื่นไว้กับหาดทรายได้ (How do you keep a wave upon the sand) ฉันก็เลยอยากจะลองจับฟองคลื่นไว้บนหาดทรายดูเสียหน่อย …ว้า”

เสียงสุดท้าย อลิสาร้องอย่างเสียดายเมื่อฟองคลื่นที่เจ้าตัวอุตส่าห์ใช้มือกันเอาไว้เป็นอย่างดีแตกสลายและซึมลงไปตามช่องว่างของเม็ดทรายในเวลาอันรวดเร็ว

“เฮ้อ เธอก็รู้นี่นาว่ามันเป็นไปไม่ได้ เท่าๆ กับการพยายามเก็บแสงจันทร์เอาไว้ในมือนั่นล่ะ ไม่อย่างนั้นเพลงเขาจะร้องเพลงเปรียบเทียบอย่างนั้นหรือ”

“ใช่ ฉันรู้” คนพูดยังไม่คลายรอยยิ้มอ่อนๆ บนใบหน้า ขณะที่ดวงตากลมใสแจ๋วนั้นสบสายตาคมหวานของผู้เป็นเพื่อนอย่างมีความหมาย “สิ่งที่ฉันพยายามทำดูเหมือนเป็นความพยายามที่สูญเปล่าใช่ไหมล่ะ เพราะมันไม่มีวันที่จะเป็นไปได้ แต่…”

การทอดเว้นจังหวะทำให้พิมพ์ชญาอดไม่ได้ที่จะถามตามวิสัยคนใจร้อน

“แต่อะไรหรือ”

“แต่ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่สวยงาม ที่แม้ว่าเราจะไม่สามารถมองเห็นมันได้ แต่เราสามารถรู้สึกได้ และ… ถ้าเราพยายาม เราก็สามารถเก็บมันไว้ได้”

“เธอกำลังพยายามจะบอกอะไรฉัน”

“คำตอบนั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่แหละ …และเป็นคำตอบที่เธอก็รู้ดีอยู่แล้ว”

กับคนหัวไว แทบจะไม่ต้องเสียเวลาคิดก็รู้ว่า ‘บางสิ่งบางอย่าง’ ที่ว่านั้นหมายถึงอะไร แก้มนวลของพิมพ์ชญาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีจัด

“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ฉันไม่กล้าพอที่จะกลับไปหาเขา ไปบอกให้เขารู้หรอกนะว่าฉันรู้สึกยังไง ที่สำคัญ… เขารู้สึกยังไงกับฉัน ฉันยังไม่รู้เลย”

ตลอดเวลากว่าหนึ่งเดือนที่อยู่ด้วยกันที่ออกซ์ฟอร์ด สิ่งที่ทำให้เธอรู้จักในความเป็นเขามีน้อยเหลือเกิน… หากไม่นับกระดาษแผ่นนั้น กระดาษข้อมูลส่วนตัวของเขาที่เขาเขียนเองด้วยลายมือที่เป็นระเบียบเรียบร้อย แผ่นกระดาษสำคัญที่เธอพกพาไปด้วยทุกหนทุกแห่ง และหยิบออกมาอ่านอยู่ทุกวันนับตั้งแต่วันที่ไปเที่ยงบาธกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน

จริงหรือ ที่ว่ารู้จักเขาเพียงแค่นั้น?

หากตัดอารมณ์ขุ่นมัวและความโมโหโกรธาทั้งหลายลงก็พบว่าภายใต้ท่าทางนิ่งเฉย ไม่ค่อยพูดนั้น แฝงความเป็นห่วงเป็นใยเอาไว้ไม่มากก็น้อย แทบจะไม่มีเลยสักครั้งใช่ไหมที่เธอต้องการอะไรแล้วเขาไม่ยอมทำตาม แม้ว่าในตอนแรกจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตามที มีแต่เธอเองทั้งนั้นที่เป็นฝ่ายหุนหันพลันแล่น โกรธเขาก่อนเสียทุกครั้งไป ครั้งนี้ก็เช่นกัน

เมื่อเห็นท่าทางที่เหม่อลอยของเพื่อนสาว อลิสาก็เข้าใจว่าพิมพ์ชญาต้องการอยู่ตามลำพัง หญิงสาวเอ่ยเสียงค่อย

“พิ้งค์ ถ้าอย่างนั้นฉันกลับไปที่ห้องพักก่อนนะ เดี๋ยวเธอค่อยตามไปก็แล้วกัน”

คนฟังเพียงแต่พยักหน้าก่อนที่สายตาจะเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลสีฟ้าเข้มเวิ้งว้างกับท้องฟ้าสีฟ้าสดใสที่ต่างกันเพียงเพราะมีเส้นขอบฟ้าบางๆ มากางกั้นอีกครั้ง เสียงลมหวีดหวิวประสานกับเสียงซัดซ่าของน้ำทะเลฟังดูไกลออกไปทุกทีเมื่อเจ้าตัวค่อยๆ เข้าสู่ห้วงภวังค์ มือเรียวบางวักน้ำทะเลจากลูกคลื่นที่เพิ่งจะเกยฝั่ง แล้วมองกลุ่มฟองที่ค่อยๆ แตกสลายลง

รู้ไหมเอลี่ ฉันกลับมองคนละมุมกับเธอ …ฉันคิดว่าเราอาจไม่สามารถเก็บรักษาฟองคลื่นเอาไว้ได้ก็จริง แต่เรายังสามารถเก็บน้ำทะเลได้ เรื่องราวในอดีตอาจผ่านมาแล้วก็ผ่านไปอย่างฟองคลื่น แต่อนาคตอยู่ในมือเรา เหมือนกับน้ำทะเลที่อยู่ในมือฉัน

…ที่ฉันจะตัดสินใจเองว่าจะเลือกทำอะไร


“เอลี่ ฉันตัดสินใจแล้ว!”

เสียงหวานที่พูดอย่างหนักแน่นดังขึ้นทันทีที่ประตูบ้านพักตากอากาศเปิดออก ทำให้คนฟังที่กำลังนอนพังพาบอ่านนวนิยายหวานแหววอยู่บนเตียงเด้งตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ

“ตัดสินใจอะไรเหรอ พิ้งค์ เธอทำเอาฉันตกอกตกใจหมดเลยนะ”

“ก็ตัดสินใจว่าฉันจะกลับไป… เอ๋”

คำพูดหยุดสนิทเมื่อเห็นตุ๊กตามีสีน้ำผึ้งตัวใหญ่ที่คุ้นเคย ก็จำได้ว่า…

“ทำไมน้องปุ๊กกี้ของฉันถึงมาอยู่นี่ล่ะ ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้เอากลับมาด้วยนี่”

“อ๋อ” อลิสาลากเสียงยาว “คนดูแลบ้านพักฝากมาให้น่ะ บอกว่ามีคนฝากให้คุณพิมพ์ชญา ฉันก็เลยรับไว้”

“เหรอ เขาบอกหรือเปล่าว่าเป็นใคร” …ถามแล้วหัวใจก็เต้นระรัว

เป็นไปไม่ได้ หรือว่า…

“เห็นเขาว่าเป็นน้องสาวน่ะ น้องแพมคงจะกลับมาจากอังกฤษแล้ว ก็เลยพาปุ๊กกี้กลับมาหาเธอด้วยมั้ง”

สีหน้าที่มีความหวังเหี่ยวแห้งลงอย่างเห็นได้ชัด …แต่แล้วครู่หนึ่งก็กลับเอะใจขึ้นมา

“เอลี่ แล้วแพมรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่ ก็เราไม่ได้บอกใครไม่ใช่หรือ”

“ก็ใช่…”

พิมพ์ชญาหรี่ตามองเพื่อนสาว

“เธอคงจะไม่ได้แอบไปบอกที่บ้านฉันหรอกนะ ว่าฉันอยู่ที่นี่”

คำถามนั้นทำให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงกะพริบตาปริบๆ ทำหน้าซื่อตาใส

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เปล่าสักหน่อย เธอก็รู้นี่ว่าฉันไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว อีกอย่าง แม่เธอน่ากลัวจะตาย ใครจะไปกล้า”

อลิสายืนยันเต็มปากเต็มคำ ก็เธอไม่ได้บอก ‘ที่บ้าน’ ของพิมพ์ชญาจริงๆ นี่นา

“อือฮึ”

สีหน้านั้นยังไม่คลายความสงสัย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่แสดงอาการพิรุธให้เห็นแม้แต่น้อยก็ทำให้เชื่อว่าคงจะไม่ได้พูดปด …และด้วยความเป็นเพื่อน พิมพ์ชญาเชื่อยิ่งกว่าเชื่อว่าหากอลิสาเอ่ยปากสัญญาแล้วไม่มีทางคืนคำ

“พอเถอะ จะคิดมากให้ปวดหัวทำไมจ๊ะ ถ้าแม่เธอคิดจะพาเธอกลับก็คงจะมารับตัวไปแล้ว ไม่ใช่ยังให้เธอมาอยู่ที่นี่แบบนี้ จริงไหม …มาคุยกันเรื่องโปรแกรมพิเศษคืนนี้ดีกว่า เธอจะต้องชอบใจแน่ๆ เลย”

“โปรแกรมพิเศษอะไรเหรอ”

น้ำเสียงของคนพูดเริ่มกลับมาเป็นปกติ คนชวนจึงทำท่าภูมิใจเสนอโปรแกรมเที่ยวสุดพิเศษด้วยน้ำเสียงสดใสเกินร้อย

“ล่องเรือดูหิ่งห้อยยังไงจ๊ะ… ฟังดูน่าสนใจพอหรือยัง”

“สมแล้วที่เป็นเธอ โรแมนติคจริงๆ …ล่องเรือชมหิ่งห้อย …อย่างกับอังศุมาลินเฝ้าคอยพ่อวนัสอยู่ใต้ต้นลำพูเชียวนะ ทำไมไม่รอมาพร้อมกับพ่อพระเอกของเธอล่ะ”

“กับรายนั้นไว้วันหลังค่อยมาด้วยกันทีหลังก็ได้… แต่วันนี้ ขึ้นเรือตอนหนึ่งทุ่มตรงนะจ๊ะ”

คนฟังตอบรับก่อนที่จะหยิบ ‘ลูกรัก’ ขึ้นมากอดอย่างทนุถนอม… โดยหารู้ไม่ว่านี่เป็นสิ่งที่คนที่แอบเอามามอบให้เมื่อตอนบ่ายหวังเอาไว้ …มือเรียวบางบรรจงจัดริบบิ้นสีฟ้าอ่อนจางที่อยู่บนเสื้อของเจ้าปุ๊กกี้ …แล้วก็สังเกตเห็น ‘อะไรบางอย่าง’ ที่อยู่ภายใต้เสื้อสีครีมของเจ้าหมี
กระดาษแผ่นน้อยถูกคลี่ออก ข้อความที่อยู่ในนั้นระบุชัดว่าคือบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ออกซ์ฟอร์ด สตอรี่

ออกซ์ฟอร์ด สตอรี่ เรื่องราวของเราในออกซ์ฟอร์ด เขายังจำได้อยู่อีกหรือ

มือบางกำแน่นเข้า …ตัดสินใจแล้ว วันพรุ่งนี้เธอจะเดินทางกลับออกซ์ฟอร์ด

น้ำทะเลที่อยู่ในมือ ฉันจะไม่ปล่อยทิ้งให้ไหลซึมลงสู่ผืนทรายเป็นอันขาด


“มืดเหมือนกันนะนี่ ถามจริงๆ เถอะ ไม่คิดว่ามันอันตรายบ้างเหรอ”

พิมพ์ชญาอดที่จะถามไม่ได้เมื่อสองสาวเดินไปยังท่าเรือที่ใช้ขึ้นไปชมหิ่งห้อย… แม้ทั้งสองจะขอยืมไฟฉายมาจากบ้านพักแล้วก็ตาม แต่บรรยากาศโดยรอบก็ยังถือว่ามืดมิดมากอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคืนเดือนมืดเช่นนี้

“ไม่หรอก มืดๆ สิจ๊ะถึงจะดี จะได้เห็นหิ่งห้อยชัดๆ ไง โรแมนติกออกน้า”

น้ำเสียงชวนฝันทำให้คนฟังอดไม่ได้ที่จะแซวเสียหน่อย

“โรแมนติกอะไรกั๊น เธอมากับฉันนะจ๊ะ ไม่ใช่นายเป๊ป จะได้หวานโรแมนติกอย่างนั้น”

“เถอะน่า อย่ามัวแต่พูดกันเลย รีบเดินดีกว่านะ”

เสียงของผู้พูดฟังดูสดใสกว่าปกติ …แต่ด้วยความมืดจึงทำให้คนฟังที่เดินอยู่ข้างๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าแววตาและสีหน้าของผู้พูดมีแววตื่นเต้นยินดีพราวระยับอยู่แค่ไหน

แล้วสองสาวก็ต่างคนต่างเดินกันอย่างเงียบๆ …เสียงที่ได้ยินโดยรอบมีเพียงเสียงลมพัด เสียงสวบสาบของการก้าวเดินของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาที่ส่งเสียงคุยเพียงแว่วๆ เท่านั้น ด้วยความที่พิมพ์ชญาเป็นคนเดินเร็วจึงเดินนำหน้าอลิสาอยู่ครึ่งก้าว …แต่แสงไฟจากไฟฉายกระบอกเล็กบอกให้รู้ว่าผู้เป็นเพื่อนยังเดินอยู่ข้างๆ โดยตลอด

“ที่นี่น่ะเหรอ ท่าเรือ ทำไมถึงไม่เห็นจะมีคนเลยล่ะ เอลี่”

พิมพ์ชญาร้องถามเมื่อพบว่าทั้งคู่เดินมาถึงท่าเรือแล้ว แต่ไม่มีบุคคลอื่นใดนอกจากคนพายเรือที่ยืนอยู่เพียงลำพัง …ดูแล้วค่อนข้างจะน่ากลัวกับการที่ผู้หญิงสาวๆ สองคนจะออกไปล่องเรือในยามที่มืดสงัดปลอดผู้คนเช่นนี้

เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ คนถามจึงหันกลับหลังไปมอง แต่ริมฝีปากที่หมายจะร้องถามอีกครั้งกลับต้องอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อพบว่าบุคคลที่เข้าใจว่าเป็นเพื่อนสาวมาตลอดกลับกลายเป็นคนที่เธอคิดว่าอยู่ไกลสุดขอบฟ้าและไม่มีทางมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้

“เกต มาได้ยังไง??!!”

ดวงตาที่เบิกกว้างเท่าไข่ห่านเหลียวมองไปรอบๆ เมื่อหายตกตะลึงและแน่ใจว่าตนเองไม่ได้ฝันไป

“แล้วเอลี่ล่ะ”

“เพื่อนพิ้งค์น่ะหรือ… กลับไปบ้านพักแล้วล่ะ”

“ให้กลับไปคนเดียวเนี่ยนะ ได้ยังไง!! อันตรายออก ถ้าเกิดว่ามีใคร…”

อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณความเป็นห่วงเพื่อนที่พวยพุ่งขึ้นทำให้เธออาละวาดเขาเช่นนั้น แต่คนโวยวายไม่ทันได้โวยให้จบ เนื่องจากเสียงทุ้ม… ที่ฟังดูนุ่มนวลกว่าปกติชี้แจงขึ้นเสียก่อน
“ไม่ได้กลับไปคนเดียวสักหน่อย น้องแพมและเพื่อนๆ ของเขาก็มาด้วย นี่คงจะกลับไปใช้บริการสปาที่รีสอร์ทกันสนุกสนานแล้วมั้ง”

“เหรอ แล้ว…”

หญิงสาวยังไม่ยอมแพ้ที่จะหาเรื่องมาโวยวายเสียงดัง …แต่จุดประสงค์ไม่ใช่เพราะอยากจะหาเรื่องโต้เถียงกับเขาเหมือนเช่นที่ผ่านมา คราวนี้เธอแค่หวัง… หวังว่าเสียงของตัวเองจะดังพอที่จะกลบเสียงเต้นของหัวใจที่ระรัวกึกก้องเสียจนน่ากลัวว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะได้ยินไปด้วย
...เสียงในหัวใจ ที่ร่ำร้องบอกให้รู้ว่า ยินดีเพียงไรที่เขาบินข้ามขอบฟ้าเสียครึ่งค่อนวันมาพบเธอถึงที่นี่

แม้จะยินดีที่เห็นเขามายืนอยู่ตรงนี้ แต่ความขุ่นมัวที่มีมาแต่เดิมผสมกับความเขินอายแบบหญิงสาว ทำให้น้ำเสียงที่ถามออกไปอดไม่ได้ที่จะเจือรอยตวัดห้วน ส่วนหนึ่งก็เพื่อกลบเกลื่อนความในใจที่ปะทุขึ้นมา

“แล้วเกตมาที่นี่ได้ยังไง และมาทำไมด้วย!!”

“นั่นน่ะสิ มาทำไมน้า”

น้ำเสียงของคนที่ปกติเป็นคนสุขุมกลับฟังดูกวนประสาทได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“เกตแค่อยากจะมาล่องเรือ ชมดาว นั่งดูหิ่งห้อยเล่นให้สบายอารมณ์ล่ะมั้ง”

ทั้งๆ ที่พูดอย่างนั้น ชายหนุ่มกลับส่งยิ้มให้ด้วยนัยน์ตาเป็นประกายระยับ …ทำเอาคนตรงหน้าเริ่มระแวงว่าเขาจะเอาอย่างไรกันแน่นะ เพราะแววตานั้นสื่อความหมายตรงข้ามกับสิ่งที่พูดโดยสิ้นเชิง …ดวงตานั้นบอกชัด ว่าคำตอบที่แท้จริงของสิ่งที่ถามคืออะไร และไม่ใช่สิ่งที่เขาพูดออกมาก่อนหน้านี้แน่นอน

“จะคุย จะปรับความเข้าใจอะไรกันก็ขึ้นเรือก่อนเถอะ คู้ณ … อุตส่าห์เช่าเรือเหมาแล้วเดี๋ยวก็ไม่คุ้มหรอก อีกหนึ่งชั่วโมงผมต้องกลับมารับผู้โดยสารรอบต่อไปนะครับ”

เสียงของคุณลุงคนพายเรือที่ยืนเป็นตัวประกอบละครเรื่อง ‘ตามรักคืนใจ (ของนายสังเกต)’ ดังขึ้นหลังจากนิ่งเงียบมองคนทั้งสองอยู่นาน ทำให้พิมพ์ชญาที่กำลังอ้าปากควานหาคำพูดเปลี่ยนเป็นประโยคคำถามแทน

“อะไรนะ นี่เกตเหมาเรือรอบนี้เลยเหรอ …ทำแบบนั้นไปทำไมน่ะ??”

“เอาเถอะน่า… ขึ้นเรือกันก่อนเถอะ แล้วค่อยคุยกัน นะ”

คงเป็นเพราะประกายลึกล้ำบางอย่างในแววตาที่อ่อนโยนไม่แพ้น้ำเสียงทำให้พิมพ์ชญาที่ยืนลังเลอยู่พักหนึ่งยอมยื่นมือให้เขาช่วยยามก้าวขึ้นเรือแต่โดยดี เมื่อนั่งลงเรียบร้อย หญิงสาวก็ถามซ้ำอีกครั้ง แต่ในเมื่อวาจาของเขายังยียวนไม่ต่างจากเดิมเธอก็เริ่มหันหน้าหนี คราวนี้ชายหนุ่มยอมตอบแต่โดยดีเมื่อเห็นสาวเจ้าทำท่าจะงอนจนยากจะง้อจริงๆ หากเขายังตั้งหน้าเล่นลิ้นต่อไป

“เฮ้อ พิ้งค์ไม่รู้จริงๆ เลยหรือว่าเกตมาถึงนี่ ทำอย่างนี้เพราะอะไร”

เขาพูดต่อเมื่อเห็นคนฟังนิ่ง… มือบางที่เคยอยู่ในมือเขาตั้งแต่ตอนพยุงขึ้นเรือถูกดึงออกไปกอดอก แถมเจ้าตัวยังเอี้ยวตัวหันไปทางอื่นอย่างแสนงอน

“เกตก็มาตามพิ้งค์กลับออกซ์ฟอร์ดไง กลับไปกับเกตเถอะนะ...นะ”

“ทำไมพิ้งค์ต้องกลับไปกับเกตด้วยล่ะ”

หญิงสาวยิ่งขยับหนีจนแทบจะตกขอบเรือ น้ำเสียง ‘รวน’ ที่มียังไม่คลายแม้ว่าจะเสียงเว้าวอนนั้นจะทำให้ใจอ่อนลงมากแล้วก็ตาม ชายหนุ่มจึงต้องอาศัยจุดอ่อนของเธอมาแกล้งขู่

“กระเถิบหนีไปอย่างนี้ไม่กลัวเหรอ มืดๆ แบบนี้… ระวังน้า…”

เท่านั้นล่ะ ร่างที่ขยับหนีจึงได้ถอยกลับมาบ้าง… ลืมคิดไปเสียสนิทว่าบรรยากาศรอบข้างมืดและน่ากลัวแค่ไหน… ถ้าเกิดว่า… เอ่อ คุณผีอยากจะแวะมาเยี่ยมจะทำยังไงดีเนี่ย

เห็นเข้าอย่างนั้น ชายหนุ่มจึงยิ้มด้วยความเอ็นดูก่อนที่จะขยับเข้าไปใกล้บ้าง ทำเอาหัวใจของพิมพ์ชญากลับมาเต้นตึกตักด้วยความเร็วสูงอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มกระเถิบกายเข้าประชิด คนเขินอายจึงต้องหาเรื่องมาแหวกลบความเขินอีกครั้ง

“นี่!!! อย่าเข้ามาใกล้นักได้ไหม เดี๋ยวเรือล่มไปจะทำยังไง”

“ถ้าไม่อยากให้เรือล่ม ก็อย่าหนีไปไกลๆ อีกสิ”

สังเกตขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ จ้องมองเข้าไปในแววตาสุกใสที่อยู่ห่างเพียงน้อยนิดจนแทบรู้สึกถึงลมหายใจ

“อย่าหนีไปไหนอีกเลย ได้ไหม”

ได้... ฉันจะไม่หนีไปไหนอีกแล้ว

คำพูดนี้เกือบหลุดออกไปด้วยความเผลอไผล แปลก… แต่เหมือนมีมนต์สะกดให้อยากจะตกปากรับคำเขา เหมือนกับที่เคยทำมาแล้วในยามที่เขาร้องขอ...แม้เขาจะทำไปโดยไม่มีสติก็ตาม
แต่เมื่อได้สติ หญิงสาวก็รู้ว่าก่อนที่จะตอบอะไรออกไป เธอควรถามอะไรบางอย่างให้มั่นใจเสียก่อน

“ทำไม…” เสียงที่ถามแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ “ทำไมเกตถึงอยากให้พิ้งค์กลับไปกลับไปกับเกตนักล่ะ”

“ก็เพราะว่า…” มือใหญ่คว้ามือเรียวบางไปกุมกระชับ “ถ้าไม่มีพิ้งค์ เรื่องราวในออกซ์ฟอร์ดของเกตก็จะไม่เหมือนเดิมน่ะสิ”

พิมพ์ชญาหน้าร้อนวูบด้วยความเขินอาย โชคดีที่ความมืดแห่งราตรีช่วยปิดบังสีสันบนใบหน้าเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ความตั้งใจที่จะแสร้งโกรธเคืองมลายหายไปสิ้น มือน้อยพยายามหนีจากการเกาะกุม ใบหน้าผินไปทางอื่น แต่ครั้งนี้…ไม่ใช่เพราะขุ่นเคืองอะไรเขาอีก

ก็มันเขินนี่ อย่าสร้างบรรยากาศจริงจังแบบนี้จะได้ไหม...

“พิ้งค์” สังเกตเรียกชื่อนั้นอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง

พิมพ์ชญาตอบคำเรียกขานด้วยเสียงในลำคอที่แผ่วเบา

“หือม์”

“กลับไปอยู่ด้วยกันที่ออกซ์ฟอร์ดนะ ออกซ์ฟอร์ดสำหรับเกตไม่มีความหมายเลย… ถ้าไม่มีพิ้งค์”

“เกต…”

พิมพ์ชญาเอ่ยชื่อเขาเสียงอ่อนหวาน ไม่นึกว่าคนอย่างเขาจะพูดแบบนี้เป็นด้วย… ทว่าประโยคต่อจากนั้นไม่หวานอย่างที่คิด แต่กลับกลายเป็น

“คำพูดน้ำเน่าแบบนี้ เกตก็อปปี้มาจากนายคมสันใช่ไหม!”

สังเกตมองอาการคิ้วขมวดมุ่นของหญิงสาวที่หันหลับมาประจันหน้ากับเขาแล้วก็หัวเราะก๊าก
…อุตส่าห์สร้างบรรยากาศเสียหวานซึ้ง หิ่งห้อยตัวน้อยที่รายล้อมก็เปล่งแสงแห่งความรักระยิบระยับจับตาราวกับจะเป็นใจ ไหงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้หนอ

“โธ่ พิ้งค์ เห็นเกตเป็นคนยังไงกันนี่”

“ก็เป็นคนแบบที่พูดหวานๆ ไม่เป็นน่ะสิ ถามมาได้”

“โธ่ คุณพิมพ์ชญาครับ”

ชายหนุ่มพยายามเก๊กสีหน้าจริงจังสุดฤทธิ์แม้ดวงตาจะยิ้มพราว

“กระผม นายสังเกต ยังเป็นคน เป็นผู้ชายธรรมดาอยู่นะครับ แค่พูดหวานๆ แค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้”

แต่ความจริง คำพูดเมื่อกี้ เขาก็คุ้นๆว่าเป็นหนึ่งใน ‘คำพูดงอนง้อน้องพิ้งค์’ ที่คมสันเพียรกรอกหูอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเหมือนกันนะ…

ให้ตายเหอะ! ไม่น่าเผลอพูดออกไปเลยจริงๆ สถานการณ์พาไปแท้ๆ…

“เหรอ…” เสียงหวานๆ ลากยาวอย่างไม่เชื่อ ก่อนที่จะพูดอย่างท้าทาย “ถ้าอย่างนั้น ลองพยายามพูดให้พิ้งค์กลับไปให้ได้สิ เผื่อพิ้งค์จะลองเก็บมาพิจารณาดูบ้างว่าควรจะกลับไปด้วยหรือเปล่า”

“เกตรักพิ้งค์นะครับ”

คำพูดหนักแน่นจากเขาลอยมาทันทีที่พิมพ์ชญาพูดจบประโยค …ใบหน้าที่แดงก่ำอยู่แล้วยิ่งทวีความร้อนสูงขึ้น หัวใจพองโตเต้นแรงขึ้นอีกเพราะคำพูดนั้น… คำพูดที่อยากจะได้ยินมาตลอด

…แค่คำว่า ‘รัก’

แค่นี้ก็ลบเลือนทุกอย่าง …รวมทั้งเรื่องที่เขาปิดบังความจริงทั้งหมดเอาไว้ตลอดเวลา

แต่…

ตาบ้าเอ๊ย พูดออกมาตรงๆ ทำไมกันยะ ยังไม่ทันจะตั้งตัวเล้ย!

“ว่ายังไงครับ คำพูดนี้ดีพอที่จะทำให้พิ้งค์กลับไปกับเกตได้หรือยัง”

สังเกตถามขณะใช้นิ้วมือประคองคางมนให้เลิกหันหนีไปทางโน้นทางนี้เสียที …ไม่รู้หรือยังไงนะ ว่าสายตาของเธอในยามนี้ควรจะมีแต่เขาเท่านั้น

“เอ่อ…”

“ว่าไง”

“ไม่รู้สิ...คงได้มั้ง” เสียงที่ออกมาอุบอิบอยู่แค่ในลำคอ ชายหนุ่มจึงต้องก้มหน้าลงมาถามใกล้ๆ
“อะไรนะ”

“ก็… ก็ได้”

“ว่าไงนะ”

“พิ้งค์บอกว่า ก็ได้ ยังไงล่ะ… ได้ยินหรือยัง …ถ้าได้ยินก็ปล่อยได้แล้ว”

หญิงสาวเริ่มโวยวายเสียงดังตามนิสัย… ก็ใครจะไปกล้าไม่รับปากเล่า ในเมื่อยิ่งถาม เขาก็ยิ่งก้มลงมาใกล้มาหขึ้นทุกทีๆ… ขืนไม่รีบตอบก็แย่น่ะสิ

“ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าถ้าตกลงแล้วจะปล่อย”

ไม่พูดเปล่า เขายังรั้งร่างบางนั้นเข้ามากอดกระชับ ทำเอาร่างนั้นงอแงอยู่พักใหญ่ กว่าจะยอมนั่งอยู่นิ่งๆ คุณลุงพายเรือหัวเราะหึๆ ก่อนที่จะพูดแซว

“อยู่กันนิ่งๆ ก็ดีแล้วล่ะคุณ หิ่งห้อยจะได้มากันเยอะๆ”

คำพูดนั้นทำเอาผู้โดยสารทั้งสองต่างคนต่างเขินจนแยกไปคนละทางอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะชี้ชวนกันดูแมลงตัวน้อยเปล่งแสงสุกสกาวแข่งกับดวงดาวที่พร่างพราวอยู่เต็มท้องฟ้า



“เกต”

“ว่าไงจ๊ะ” ชายหนุ่มรับคำอย่างอ่อนหวานเมื่อกระแสเสียงของคนเรียกทอดหวานยิ่งนัก …คนเรียกถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งกับอาการหวานเจี๊ยบของเขาด้วยความไม่คุ้น

“พิ้งค์ยอมกลับออกซ์ฟอร์ดก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าพิ้งค์จะ…เอ้อ ทำตามข้อตกลงของพวกแม่ๆ นะ”

“เกตก็คิดอย่างนั้นอยู่แล้ว”

“อ้าว”

แม้จะเป็นฝ่ายพูดก่อน แต่เมื่อได้ยินอย่างนั้นพิมพ์ชญาก็เหวอไปเหมือนกัน

“เกตอยากจะให้มันเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น เกตเชื่อว่าการที่เราได้พบกันไม่ใช่สิ่งที่มีคนวางแผนให้… แต่เป็นเพราะ ‘เรา’ จะได้พบกันจริงๆ …ถึงแม้พวกคุณแม่จะไม่ได้วางแผนนี้ให้ เราก็ต้องได้พบกันที่ใดที่หนึ่งอยู่ดี”

ด้วยความสัตย์จริง คำพูดนี้ไม่ได้เอามาจากไอ้สันอีกหรอกนะ จะบอกให้!

พิมพ์ชญาทอดเสียงหวานตอบชายหนุ่มหลังจากช้อนสายตาขึ้นสบกับดวงตาจริงจังคู่นั้น

“ไม่นึกเลยว่าเกตจะเชื่อเรื่องโรแมนติกแบบนี้ด้วย”

ใช่แล้ว คนเราถ้าเกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน อย่างไรเสียก็ไม่มีทางแคล้วคลาดกัน ต่อให้หนีไปให้ไกลถึงคนละขอบฟ้า แต่ ‘ด้ายแดง’ แห่งพรหมลิขิตก็จะเป็นเครื่องผูกพันคนทั้งสองเข้าไว้ด้วยกันจนได้… เฉกเช่นเส้นด้ายสีแดงที่คล้องใจชายหนุ่มและหญิงสาวที่นั่งอยู่เคียงข้างกันบนเครื่องบินที่มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่สนามบินฮีทโทรว์ ประเทศอังกฤษ…

เรื่องราวครั้งเก่าของคนทั้งสอง แม้จะเต็มไปด้วยปัญหามากมายตั้งแต่วันแรกที่ได้พบ แต่ก็เป็นความทรงจำอันล้ำค่า การกระทบกระทั่งและความไม่เข้าใจกัน รวมทั้งความพยายามช่วยเหลือดูแลกันทั้งหมดนั้นก่อเกิดเป็นความผูกพันลึกล้ำให้กับหัวใจทั้งสองโดยไม่ทันให้รู้เนื้อรู้ตัว

อีกเพียงสิบสองชั่วโมงเท่านั้น เรื่องราวความรักบทใหม่ในเมืองออกซ์ฟอร์ดก็จะเริ่มต้นขึ้น หาก…คราวนี้มันจะไม่เหมือนเดิม เพราะความรักความเข้าใจของคนทั้งสองถ่ายทอดถึงกันและกัน

…และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป


The End


#############################


คุยกันท้ายเรื่องนะคะ

ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบลงแบบ happy ending ด้วยความโล่งใจของผู้เขียนยิ่งนัก เย้ๆๆๆๆๆๆ Oxford Story เป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิตที่โน้ตเขียนออกมาได้จนสำเร็จ จึงเป็นผลงานที่รักและภูมิใจมากกกกกกเลยค่ะ ซึ่งโน้ตก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะทำให้ทุกๆ คนที่อ่านมีความสุขได้บ้างนะคะ ^^

แถมค่าแถม เรื่องนี้ยังมีภาคพิเศษของนายคมสันอีก 5 บทนะคะ และ....... special สุดๆ ภาคพิเศษของพิ้งค์และเกตที่เพิ่งเขียนขึ้นใหม่สดๆ ร้อนๆ และไม่เคยตีพิมพ์ที่ไหนเลยค่ะ ดังนั้น โปรดติดตามตอนต่อไปได้ทุกสัปดาห์เหมือนเดิมนะค้าาาาาาา


Create Date : 12 มิถุนายน 2554
Last Update : 12 มิถุนายน 2554 23:34:00 น. 9 comments
Counter : 534 Pageviews.

 
ตอบคอมเมนต์ตอนที่แล้วนะคะ ตอนนี้ตอนจบแล้ว ใครแอบซุ่มอ่านอยู่บ้างแสดงตัวหน่อยค่าาาาาาาาา

คุณ bbandp -- ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่า ^^

คุณ ree -- หวังว่าจะหวานถูกใจนะค้า ^^ ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดค่ะ

คุณ golico -- ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ
เพลงประกอบคือ I just fall in love again เวอร์ชั่นของคุณ Susan Wong ค่ะ เปิดฟังตอนเขียนนิยายแล้วสบายใจมากๆ เลย ^^

น้องเน -- ฮี่ๆ ง้อดีพอมั้ยอ่าาาา ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

คุณปุ๊ก -- ฮี่ๆ ถูกต้องเลยค่า พระเอกนางเอกเราพูดง่ายค่ะ พอใจเย็นแล้วก็นิสัยโอเคน้า ^____^ ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาตลอดค่า

ย้ำค่าย้ำ สัปดาห์หน้าพบกับตอนพิเศษกันนะคะ


โดย: ...ศุวิลา... วันที่: 12 มิถุนายน 2554 เวลา:23:47:33 น.  

 
อ่านจบเมื่อเวลาเที่ยงคืน 19 นาที อิอิ

หวานจนละลายแทนพิ้งค์เลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น่ารักสุดๆๆๆ ค่ะ

จากง่วงนอนหายง่วงไปเลย แต่อ่านจบก็ง่วงอีกรอบ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

คืนนี้หลับฝันดีแหงๆ เลย ได้อ่านตอนจบแล้ว แฮปปี้ลัลล้า

รออ่านตอนพิเศษนะคะ


โดย: lovekalo วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:0:21:01 น.  

 
‘ตามรักคืนใจ (ของนายสังเกต)’ ช่างคิดได้นะพ่อหนุ่ม ต่อไปนี้โลกของนายสังเกตไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เป็นสีชมพู(พิงค์) แล้วสิเนี่ย กิ้วๆ

ว่าแต่ตอนพิเศษของนายคมสันมี 5 ตอนเองหรอคะ เปิดเรื่องใหม่ก็ได้น๊า เนอยากรู้อ่ะว่าสาวในดวงใจของพ่อหนุ่มจอมกะล่อนจะเป็นแบบไหน(ใช่คนที่คิดไว้หรือเปล่าน๊าาา) เวลาจีบสาวในดวงใจจะใช้มุกเลี่ยนขนาดไหนเนี่ย

รออ่านอยู่ค่าาาา^_____________^


โดย: Narilin Nay IP: 223.204.145.194 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:0:23:15 น.  

 
สุดยอดเลยค่ะ
ชอบมากๆๆๆๆ


โดย: bug IP: 203.121.182.195 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:10:42:44 น.  

 
อ่านรวดเดียวจบเลยยยยย
สนุกมากมายน้าาาา

รออ่านเรื่องของ เกต พิงค์ ต่อน้าาา ขอหวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

และรออ่าน ว่าสาวคนไหนจะมาหยุดหัวใจของนายคมสัน





โดย: หมวย IP: 125.25.128.10 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:13:23:22 น.  

 
ฮูเร่......มีภาคต่อด้วย นายคมสันจะมีความรักแบบไหนน้า มีลุ้นๆ ค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับนิยายน่ารัก + หวานกิ๊กสุดใจ ตามเป็นกำลังใจ รออ่านภาคพิเศษอยู่นะคะ


โดย: winbkin IP: 75.84.155.9 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:14:58:57 น.  

 
เพื่อนๆ ช่วยกันเต็มที่อย่างนี้ พิงค์จะหนีเกตไปไหนได้
แต่พิงค์ก็ยังเป็นพิงค์ ขี้โวยเหมือนเดิม
รอตามอ่านนายคมสันแน่ค่ะ จะมีนางเอกกับเค้าได้เหมือนกันเหรอคะ


โดย: ปุ๊ก IP: 203.144.220.243 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:21:44:48 น.  

 
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆ เรื่องนี้น้า ที่จริง...อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าไม่มีฝีพาย นายเกตจะทำมากกว่ากอดหรือเปล่า น่าเสียดายเนอะ


โดย: ree IP: 49.49.59.253 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:22:46:04 น.  

 
พี่โน๊ต คะ หวานมากกกก ค่ะ โดยเฉพาะ True love doesn't have a happy ending because true love doesn't have an ending ชอบสุดๆ


โดย: เดหลี IP: 210.213.30.115 วันที่: 20 มิถุนายน 2554 เวลา:15:26:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

...ศุวิลา...
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




'ศุวิลา' นักเขียนแนว LOVE (ความรู้สึกดี...ที่เรียกว่ารัก) สนพ. แจ่มใส ♥








Friends' blogs
[Add ...ศุวิลา...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.