... ^^ Welcome to suvilajamsai's world ^^...
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
14 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
Oxford Story บทที่ 4


ตอนนี้มาในวันวาเลนไทน์พอดีเลย Happy Valentine's Day นะค้าทุกคน ขอให้มีความสุขในใจนะคะ ไม่ว่าคุณจะโสดหรือมีคู่ก็ตาม


############################

บทที่ 4

เมื่อชีวิตการเรียนผ่านไปหลายวันเข้า พิมพ์ชญาก็เริ่มเรียนรู้ที่จะตื่นนอนแต่เช้าตรู่เพื่อไปใช้อินเตอร์เน็ทที่โรงเรียนในขณะที่ใครต่อใครยังมาไม่ถึง เนื่องจากในเวลาพักและหลังเลิกเรียนมักจะมีนักเรียนชาติต่างๆ เข้าคิวกันเป็นจำนวนมาก เครื่องคอมพิวเตอร์หรือก็แสนจะดีเหลือเกิน หากไม่ช้าก็ชำรุดเสียหลายเครื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ หญิงสาวจึงต้องสละเวลานอนเพื่อส่งข้อความหาเพื่อนที่สนิทๆ และครอบครัว แม้สังเกตจะเสนอให้ยืมเครื่องโน้ตบุ๊คของเขาใช้ได้บ้าง แต่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เธอก็ไม่อยากรบกวนเขาเพราะยังไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน และรู้ดีว่าเขาเองก็น่าจะจำเป็นต้องใช้

…รู้งี้นี้ซื้อโน้ตบุ๊กมาจากเมืองไทยด้วยก็ดีหรอก


From: pimchaya@hotmail.com
Subject: Hello from Oxford

สวัสดีค่ะ

พิ้งค์หวังว่าทุกคนคงจะสบายดีนะคะ พิ้งค์มาถึงอังกฤษโดยสวัสดิภาพ สำหรับคนที่อาจจะยังไม่รู้ พิ้งค์มาเรียนภาษาที่ออกซ์ฟอร์ดเพื่อสอบไอเอลส์เข้ามหาวิทยาลัยที่นี่ อย่าเพิ่งโกรธที่พิ้งค์เดินทางมาโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวหรือล่ำลา พิ้งค์แค่อยากจะเริ่มเรียนให้เร็วที่สุด สำหรับเรื่องที่โรงเรียนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พิ้งค์ได้เพื่อนหลายชาติหลายภาษา ทุกคนน่ารักและเป็นมิตรกันทั้งนั้น ส่วนเรื่องที่อยู่ พิ้งค์แชร์บ้านกับนักเรียนไทยที่นี่ที่ชื่อ Kate

ปลายนิ้วที่เคาะแป้นพิมพ์ชะงักครู่หนึ่งเมื่อพิมพ์มาถึงตรงนี้

เหอะ... ความลับคงไม่แตกง่ายๆ หรอกน่า

บ้านที่พิ้งค์อยู่สะอาดสะอ้านดี อยู่ใกล้ทั้งโรงเรียนและตัวเมือง ป้ายรถเมล์ก็อยู่ถัดจากหน้าบ้านไปแค่ไม่ถึงร้อยเมตรเท่านั้นเอง นับว่าสะดวกสบายพอสมควร
อ๊ะ พิ้งค์ต้องไปแล้วล่ะ มีคนรอใช้คอมพิวเตอร์ต่อ ถ้ามีเรื่องอะไรสนุกๆ จะเขียนไปเล่าให้ฟังใหม่นะ

คิดถึงทุกคน

พิ้งค์


ข้อความทั้งหมดถูกพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษเนื่องจากคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนไม่มีโปรแกรมภาษาอื่นให้เลือกใช้ หลังจากอ่านทวนอีกครั้ง หญิงสาวก็สรุปได้ว่าเขียนแบบนี้ก็แล้วกัน แบบนี้ใครหน้าไหนจะมารู้ได้ล่ะว่า 'Kate' เป็นผู้ชาย ก็ในเมื่อพิมพ์ชญายังเข้าใจผิดมาแล้วเมื่อครั้งเธอมองชื่อของเขาผ่านตัวอักษร ผ่านการสนทนาทางอีเมล์เมื่อครั้งยังไม่ได้เดินทางมาที่ประเทศอังกฤษ


เลิกเรียนวันนี้ก็เช่นเดิม พิมพ์ชญาไม่ได้ตรงกลับบ้านในทันที หญิงสาวและเพื่อนเดินเล่นอยู่ในซิตี้ เซ็นเตอร์ เข้าออกร้านรวงต่างๆ อย่างเคย แม้ว่าไม่ได้สนใจจะซื้อของมากนัก ทุกคนเพียงแต่สนุกกับการได้เดินทางมาต่างแดน ได้พบเพื่อนใหม่จากชาติอื่นๆ ที่มีเรื่องราวสนุกสนานเกี่ยวกับประเทศของตัวเองมาเล่า

มัวแต่คุยกันเสียเพลิน กว่าจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาค่ำอีกตามเคย ซึ่งเมื่อเธอกลับถึงบ้าน สังเกตกำลังทำอาหารอยู่ในครัวซึ่งส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจมาถึงหน้าประตูบ้าน

เมื่อเดินผ่านห้องครัว ก็ได้รับเสียงทักทาย...หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือต่อว่าที่กลับบ้านช้าอีกแล้ว!
“อ้อ กลับมาแล้วหรือ กลับมืดอีกแล้วนะ”

คำพูดของเขาทำให้คนฟังที่กำลังอารมณ์ดีถึงกับสะดุดกึ้ก

อะไรฟะ เรื่องนี้อีกแล้วเหรอ ฉันก็ไม่ได้กลับดึกอะไรสักหน่อย ถ้านี่มันเที่ยงคืนแล้วก็ว่าไปอย่าง...

“ฉันแวะไปเดินเล่นที่ซิตี้ เซ็นเตอร์กับเพื่อนๆ น่ะ”

พิมพ์ชญายังอุตส่าห์ตอบ และคิดจะกลับเข้าห้องของตัวเองเพราะขี้เกียจเถียงให้เสียอารมณ์ แต่เขายังไม่ยอมจบ

“คุณควรจะรู้นะว่าเลิกเรียนไม่ใช่เวลาเถลไถล มาเรียนภาษาไม่ใช่หรือ ไม่คิดจะกลับบ้านมาดูรายการโทรทัศน์ของอังกฤษบ้างเลยหรือไง มันช่วยให้คุณคุ้นสำเนียงได้เร็วขึ้นนะ”

พิมพ์ชญาสะดุดหูกับสรรพนามที่เขาเรียกขาน …ก็ไม่ใช่เมื่อไม่กี่วันมานี้เองหรอกหรือ ที่เขากับเธอตกลงกันว่าจะเรียกชื่อตัวกันในฐานะเพื่อน แทนที่จะเป็น ‘คุณ’ อย่างที่แล้วๆ มา

เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเองแท้ๆ กลับมาเรียก ‘คุณ’ อีกแล้ว ความจำสั้นจริงๆ!

แต่ เอาเถอะ หลังจากวันนั้นมาเรากับเขาก็แทบจะไม่ได้พูดกันอีกสักกี่คำเลยนี่นะ แถมเวลาพูดกันยังละสรรพนามอีก ไม่แปลกหรอกที่เขาจะลืม

เอ้า อยากเรียกยังไงก็เรียกไป… จริงๆ แล้วเรียกแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ท่าทางน้ำเสียงห่างเหินขนาดนี้ จะให้เรียกชื่อตัวกันคงฟังดูแปลกพิลึก

“แต่การที่ฉันไปเดินเล่นกับเพื่อนต่างชาติ ฉันก็ได้ฝึกฝนการพูดและการฟัง รวมถึงเรียนรู้วัฒนธรรมต่างชาติเหมือนกันนั่นล่ะน่า”

หญิงสาวโต้เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองสมควรจะถูกตำหนิ แม้จะยอมรับว่าที่เขาพูดมีส่วนถูก …แต่ก็ แล้วอย่างไรล่ะ คนที่เพิ่งมาสถานที่ใหม่ มีเพื่อนใหม่ ก็อยากจะใช้เวลากับเมืองใหม่และเพื่อนใหม่ๆ ทั้งนั้นแหละ

“ก็แล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกัน ผมคงทำได้แค่แนะนำ ...เออ จะขึ้นไปที่ห้องไม่ใช่หรือ รีบเก็บของรีบลงมาก็แล้วกันเพราะอาหารใกล้จะเสร็จแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอก”

หญิงสาวว่า อยากจะพูดต่อว่าเธอไม่กินก็ได้ ไม่ได้ขอให้ทำเผื่อสักหน่อย แต่ก็เกรงว่าจะแรงเกินไปเพราะที่อยู่ใหม่ก็ยังไม่มี ถ้าจะต้องอยู่ร่วมกันไปก่อนจะพูดถึงขนาดนั้นก็คงไม่ดี จึงกัดฟันข่มอารมณ์ไม่ให้โต้เถียงเขาด้วยการจัดเตรียมจานชามช้อนส้อม รวมทั้งน้ำดื่มอย่างรวดเร็ว

เป็นมื้อเย็นที่ผ่านไปอย่างเงียบเชียบชวนอึดอัด เธอหมายถึงอึดอัดยิ่งขึ้นกว่าเดิม ...และเมื่อแยกกันกลับไปที่ห้องของตัวเอง พิมพ์ชญาก็สรุปได้ว่าเธอไม่ได้คิดมากไปเองแน่ๆ สังเกตมองเธอแปลกๆ... แปลกกว่าปกติที่เธอคิดว่าเขาก็ไม่ค่อยจะเป็นมิตรและไม่อยากผูกมิตรกับเธอสักเท่าไรอยู่แล้ว

หรือว่าเขาต้องการจะไล่เราออกจากบ้านทางอ้อมกันนะ ไม่อย่างนั้นทำไมอยู่ดีๆ อีตาเพื่อนร่วมบ้านที่ดูเหมือนน่าจะคุยกันได้ระดับหนึ่งถึงกลับมาทำตัวห่างเหินเย็นชากับเราอีกล่ะ

ที่เธอเก็บมาคิดจะว่าเป็นเพราะแคร์เขาก็ไม่ใช่ แต่การที่คนสองคนมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน เมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัวเมื่อใดก็สร้างความอึดอัดใจให้เมื่อนั้นเป็นความรู้สึกที่แย่เอามากๆ สายตาที่ฉายแววคลางแคลงใจและไม่เป็นมิตรที่มีให้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

สายตาของเขาเหมือนจะเยาะว่ารู้ทันเธอที่ทำเป็นตีหน้าซื่อ ที่แท้ก็ปิดบังอะไรหลายๆ อย่างอยู่เบื้องหลัง...

โอเค เราอาจมาที่อังกฤษด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่างที่บอกเขาไม่ได้ก็จริง แต่นั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยไม่ใช่เหรอ ตัวเขาเองก็มีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ยอมบอกเราเหมือนกันนี่นา เรายังไม่เห็นจะเก็บมาใส่ใจเลย

เฮ้อ ว่าแล้วก็เร่งมือหาบ้านใหม่ดีกว่ามั้งเนี่ย….


เนื่องจากเอเจนซี่ที่ติดต่อให้หาบ้านเช่าให้นั้นยังไม่พบห้องเช่าอย่างที่หญิงสาวต้องการ และทางโรงเรียนก็ยังไม่สามารถหาโฮสท์ แฟมิลี่ให้ได้ พิมพ์ชญาจึงไม่มีทางเลือกและต้องอาศัยอยู่บ้านนี้ต่อไป

กิจวัตรประจำวันในวันต่อๆ มาของเธอยังเป็นเช่นนี้เสมอ ตื่นเช้า ไปโรงเรียน ตรงไปซิตี้ เซ็นเตอร์แล้วกลับบ้าน หากวันไหนที่คิดว่าสังเกตอยู่บ้าน พิมพ์ชญามักจะเลือกรับประทานอาหารก่อนกลับบ้าน หรือไม่ก็เลี่ยงที่จะใช้ครัวคนละเวลากับเขาเพื่อที่จะไม่ต้องเจอหน้ากัน ซึ่งก็พอจะอยู่ได้หรอก แต่ถ้าให้เลือกได้ วันที่เขาไม่อยู่บ้านอย่างเช่นวันนี้ทำให้เธอสบายใจมากกว่าที่ไม่ต้องคอยเล่นเกมซ่อนแอบ เพื่อนของสังเกตโทรศัพท์มาขอให้เขาช่วยไปทำงานให้เนื่องจากพนักงานคนหนึ่งลาป่วยกะทันหัน พิมพ์ชญาจึงอยู่บ้านรับประทานอาหารแช่แข็งแบบง่ายๆ เพียงลำพัง พร้อมทั้งเปิดละครโทรทัศน์ชื่อดังของอังกฤษซึ่งเป็นที่นิยมของสาวๆ วัยทำงานไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา

เสียงเมโลดี้ดังขึ้นจากโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องเล็ก หญิงสาวกดปุ่มรับสาย สายนี้เป็นโทรศัพท์ทางไกลซึ่งคงเป็นทางบ้านของเธอเช่นเคย

“ฮัลโหล”

“นั่นคนสวยที่ไหนพูดจ๊ะ ใช่คนที่ชื่อพิ้งกุหรือเปล่า”

“วี่เหรอ!! วี่ใช่หรือเปล่า ทำไมเพิ่งจะโทรมาล่ะเนี่ย”

เสียงใสนั้นทำให้พิมพ์ชญากรี๊ดกร๊าดดีใจที่เพื่อนสาวคนสนิทของเธอติดต่อมาเสียทีหลังจากหายตัวไปอยู่นาน

“แหม แม่คุณ ฉันเพิ่งจะกลับมาจากทริปดำน้ำตะลุยปะการังเมื่อวานนี้เองนะจ๊ะ กลับมาถึงเช็คอีเมล์ เจอข้อความก็บุกบ้านเธอทันทีเพื่อถามรายละเอียด หนอย คนซื้อของฝากจากอังกฤษมาตั้งเยอะ ดันบินไปรอเราอยู่ที่นั่นซะนี่”

”โทษที ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก แบบว่า...ฉันรีบมากน่ะ ว่าแต่ไปดำน้ำดูปะการังมาเป็นยังไงล่ะ ปะการังสวยมากไหม”

“สวยมากที่สุดเลยล่ะ ฉันดำน้ำมากเสียจนตัวลอกแสบไปหมด นี่ๆ อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง ทำไมแค่รอฉันไปออกซ์ฟอร์ดพร้อมกันแค่นี้ก็รอไม่ได้ ฮึ!”

“แหม ก็ฉันไม่รู้นี่นาว่าเธอจะหลงเสน่ห์ปะการังและปลาตัวน้อยๆ นานแค่ไหน ขืนอยู่รอเธอฉันก็แย่น่ะสิ ไม่รู้ว่าจะได้บินเมื่อไร”

“อืม...มีเหตุผล แล้วนี่ทำอะไรอยู่ล่ะ”

“นั่งกินข้าวกล่องลดราคา ดูโซป โอเปราอยู่คนเดียวเนี่ยแหละ ไม่เห็นจะสนุกเลย แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรทำ”

...แถมยังได้ฝึกการฟังภาษาอังกฤษสำเนียง ‘ลอนดอนเนอร์’ จะได้คุ้นสำเนียงเร็วขึ้น …เชอะ คิดแล้วยังหงุดหงิดไม่หาย เพราะนายนั่นแท้ๆ ที่ชอบสั่งให้เปิดทีวีทำให้ฉันต้องมาทนดูรายการอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นสนุกตรงไหนเลย

“โธ่เอ๊ย ยัยพิ้งค์ ทำไมไม่รีบหาหนุ่มสักคนตั้งแต่เนิ่นๆ ล่ะยะ อย่างน้อยก็จะได้มีคนไปไหนมาไหนด้วย ไม่ต้องมาทนเหงาหงอยอยู่บ้านคนเดียวแบบเนี้ย ถามจริงเหอะ ไม่มีหนุ่มน่าสนใจอยู่ใกล้ๆ บ้างเลยรึ”

กวิราหรือกีวี่แหย่เพื่อน เธอรู้ดีกว่าพิมพ์ชญานั้นแลดูเป็นสาวมั่น แต่ความเป็นจริงกลับไม่ค่อยชอบใจนักเมื่อมีชายหนุ่มเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างกาย เธอยังเคยแซวอยู่บ่อยๆ ว่าสงสัยเนื้อตัวเพื่อนของเธอคงทำมาจากทองคำ หนุ่มๆ จึงเข้าใกล้มากเกินไปไม่ได้ กลัวทองจะหมองและลอกเสียหมด

“เออ ฉันก็พยายามอยู่เหมือนกัน แต่ปัญหาคือไม่มีน่าสนใจเลยเนี่ยสิ”

นี่ก็เป็นคำตอบรับตามความเคยชินอีกเช่นกัน แต่หาได้เป็นความจริงในทางปฏิบัติไม่

“จริงเร้อ... ไม่ว่าทิชเชอร์หรือคลาสเมทก็น่าจะมีหล่อๆ บ้างสิน่า เออ หรือไม่งั้นเธอก็น่าจะไปแชร์บ้านกับหนุ่มๆ แทนสาวๆ นะ จะได้มีสวีท แฮปปี้ ไลฟ์ในชายคาบ้าน ...เออ พูดถึงแชร์บ้าน เธอก็ให้ยัยเคทอะไรนั่นช่วยแนะนำเพื่อนหนุ่มๆ ให้สิ ไม่แน่น้า เธออาจจะเจอคนที่ใช่ก็ได้น้า...”

พิมพ์ชญาฟังแล้วสะดุ้งสุดตัวเหมือนโดนของร้อนลวก

บ้าน่า ใจเย็นไว้ ยัยกีวี่ก็พูดจาแก่นเซี้ยวไปตามเรื่องนั่นแหละ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรสักหน่อย…ล่ะมั้ง
“บ้าแล้ว ฉันจะไปคุยกับเขาเรื่องนี้ได้ยังไงยะ เออ แล้วเขาก็ไม่ได้ชื่อเคทด้วย เขาชื่อเกตน่ะ”
“ชื่อเกดเหรอ ฟังดูหวานดี น่าจะสวย ใช่หรือเปล่า”

“ไม่สวยจ้ะ ฉันอยากจะบอกเธอด้วยว่าเขาสวยไม่ได้หรอก”

ราวกับว่ามีกระแสจิตส่งถึงกัน สมกับที่คบเป็นเพื่อนกันมาร่วมยี่สิบปี เพราะกวิราเข้าใจได้โดยทันที

“เฮ้ย พิ้งค์ อย่าบอกฉันนะว่าคนที่ชื่อเกตอะไรนั่นไม่ใช่ผู้หญิงน่ะ”

“ฮ้า เธอมีซิกส์เซนส์ตั้งแต่เมื่อไร”

เจ้าของเสียงถามพลางขมวดคิ้ว เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เกิด เพิ่งจะรู้วันนี้นี่ล่ะ ว่ายัยกีวี่เป็นแม่มดตัวจริงเสียงจริง!

“เฮ้ย! นี่เรื่องจริงเหรอ ฉันแค่พูดเล่นนะ”

กวิราตอบหลังจากอึ้งไปเล็กน้อย เธอเพียงตั้งใจจะล้อพิมพ์ชญาเล่นอย่างเคย ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง

ว่าแต่ชื่อ ‘เกต’ หรือ หวังว่าคงไม่ใช่คนเดียวกับที่คิดหรอกนะ… โลกคงไม่กลมถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง... แต่คนชื่อเกตแถวๆ นี้จะมีสักกี่คนเชียว

“ก็จริงน่ะสิ เรื่องนี้ ‘ห้าม’ รู้ถึงหูแม่ฉันเลยนะ ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน อย่างน้อยก็คงไม่ใช่ในเร็วๆ นี้แน่ๆ”

“โอเค แน่นอน ฉันกล้าบอกที่ไหนกันล่ะ แม่เธอได้เค้นคอถามฉันตายก่อนเธอน่ะสิ เออแล้วตกลงคุณเกตนี่เค้าไม่ใช่ผู้หญิงแล้วเป็นเพศไหน ทอม เกย์ หรือ... ชายหนุ่มจ๊ะ”

“ข้อแรกตัดทิ้งไปได้เลย ส่วนเค้าจะเป็นเกย์ หรือ ชายแท้ ฉันไม่รู้ถึงขนาดนั้น”

“อ๊ะ... แหม ตกลงว่าคุณเฮาส์ เมทเป็นชาย แต่ไม่รู้ว่าชายจริงหรือไม่จริง เพื่อนเรานี่ไม่เบาเหมือนกันน้า คิดว่าจะไม่ชอบหนุ่มๆ แต่เอาเข้าจริง กลับกล้าเช่าบ้านอยู่กับชายหนุ่มเชียว... เอ๊ะ หรือว่านี่เป็นแผนตั้งแต่แรก หืม”

“เอ๊ยยยย ฉันไม่รู้จริงจริ๊ง” ปลายสายร้องเสียงหลง “แล้วที่มาเช่าบ้านด้วยกันนี่มันก็เป็นเรื่องจำเป็น ถ้ามีบ้านใหม่ฉันจะรีบย้ายออกอยู่แล้วย่ะ”

“ฮั่นแน่ รีบแก้ตัวเหมือนร้อนตัวเลยนะ” เพื่อนสนิทหัวเราะคิกคัก “อ๊ะๆ อย่าเพิ่งโวยวายสิ แสบแก้วหู ฉันไม่ล้อแล้วก็ได้ แล้วนายเกตนี่เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ”

ด้วยความที่สะสมความอัดอั้นตันใจเอาไว้จนเพียบล้น พิมพ์ชญาจึงถือโอกาสนี้ระบายความรู้สึกออกมาเต็มที่

“อ๋อ ถ้าเรื่องเรียนก็เพอร์เฟกต์เลยจ้ะ เป็นนักศึกษาแพทย์ของออกซ์ฟอร์ดที่ได้ทุนมาเรียนต่อโทควบเอกตั้งแต่เรียนจบตรีหมาดๆ เลยล่ะจ้ะ แถมตอนที่จบตรีนะ เขาได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วย เขาก็จบที่เดียวกับพวกเรานั่นแหละ แต่สมัยนั้นไม่เคยเจอกันเลย”

“อืม... คุณสมบัติเรื่องการเรียนดูดีจนน่ากลัว แล้วเรื่องอื่นล่ะ”

“นี่แหละที่อยากจะบอก เป็นคนเก่งมากก็จริง แต่ขี้เก๊กมากๆๆๆๆ เลยล่ะ วี่ ปากก็ร้าย เจอกันทีไรนะ ถ้าไม่ว่าตรงๆ ก็ตำหนิฉันด้วยสายตา อุ๊ย นิสัยอย่างกับโดมผู้จองหองแน่ะ วันๆ นะ เขาทำหน้าเฉยเมยได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แค่บางครั้งแหละ ย้ำนะว่าบางครั้ง แถมยังน้อยครั้งด้วย เขาถึงจะคุยกับฉันดีๆ”

“โอ้โห ขนาดนั้นเชียว”

งั้นชัวร์แล้ว นายเกตคนเดียวกันแหงๆ นิสัยบอกยี่ห้อขนาดนี้ ซวยจริงๆ ยัยพิ้งค์เอ๊ย… หาคนเช่าบ้านไม่ดูตาม้าตาเรือ ดันไปเจอนายสังเกตเข้าซะได้

“ที่พูดมายังน้อยไปน่ะสิ ต้องมาเจอเองแล้วจะรู้ ...เออ แต่จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนจะคุยกันดีๆ ได้อยู่ราวๆ วันสองวันนะ แล้วอยู่ดีๆ พ่อเจ้าประคุณก็เป็นอะไรขึ้นมาอีกก็ไม่รู้ ถึงได้ทำท่าประหลาดๆ เหมือนจะรำคาญที่จะคุยกับฉันขึ้นมาซะเฉยๆ ฉันก็อุตส่าห์พยายามใจเย็น ชวนเขาคุยดีๆ แล้วนะ แต่พ่อคุณเล่นตอบกลับแบบ… โอ๊ย พูดแล้วยังโมโห ผ่านไปแค่ไม่กี่วันยังไม่รู้จะบรรยายสรรพคุณพ่อเจ้าประคุณยังไงให้หมดเลย สรุปเลยก็แล้วกันนะ อีตานี่ high profile but low human relations โดยสิ้นเชิง!”

กวิราหัวเราะคิกคัก

“ถ้าเขาแย่ขนาดนั้นก็ย้ายบ้านสิยะ จะทนอยู่ไปทำไมล่ะ”

“คิดว่าฉันไม่อยากทำเหรอ ฉันติดต่อเอสเตท เอเยนท์กับโฮสท์ แฟมิลี่เอาไว้แล้วแหละ แต่ก็ยังหาบ้านที่ถูกใจไม่ได้ไม่งั้นฉันย้ายไปตั้งแต่วันแรกแล้ว เรื่องอะไรจะมาทนอึดอัดใจอยู่อย่างนี้… นี่เป็นเพราะเธอคนเดียวเลยนะยะยัยกีวี่ที่หายตัวไปจากที่นี่ ไอ้เรารึนึกว่าบินไปอยู่เมืองเดียวกันแล้วจะพึ่งพากันได้ ดันหนีหายไปเที่ยวซะงั้น ปล่อยให้ฉันต้องหาบ้านเองจนมาเจอผู้ชายลมเพลมพัดแบบนี้”

พิมพ์ชญาทำท่าจะรายงาน ‘สรรพโทษ’ ของเพื่อนร่วมบ้านต่อไปอีกไม่รู้จบ หากแต่มีเสียงประกาศลอดเข้ามาทางโทรศัพท์ ซึ่งมีผลให้เพื่อนที่อยู่ปลายสายขอวางโทรศัพท์ทันที

“นี่ เธออยู่ที่ไหนน่ะวี่ ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วย”

“แอร์พอร์ต เมื่อกี้เป็นไฟนอล คอล อีกประมาณสิบสองชั่วโมงค่อยคุยกัน เข้าใจไหม ฉันกำลังจะขึ้นเครื่องบินกลับอังกฤษเดี๋ยวนี้”

เสียงจากปลายสายโทรศัพท์ขาดหายไปในทันที หลังจากหายจากอาการอึ้งกับการมาเร็วไปเร็วราวลมพัดของเพื่อนสาวที่สนิทที่สุด พิมพ์ชญารู้สึกดีใจมากที่จะได้พบกับเพื่อนรักในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ เพราะอย่างน้อยเธอก็จะไม่เหงาเดียวดายในต่างแดนอีกต่อไป


((ติดตามต่อที่บทที่ 5 ค่ะ))




Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 25 เมษายน 2554 16:01:19 น. 5 comments
Counter : 547 Pageviews.

 
ตอบคอมเมนต์ของตอนที่แล้วค่ะ

คุณ an-o -- อ่านตอนนี้แล้วจะรู้ว่าขึ้นแล้วก็ลงมาใหม่ได้ค่ะ ^^'''' เฮ้อ พระเอกคนนี้

คุณ mimny -- 555555 แอบคิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ



โดย: ...ศุวิลา... วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:0:50:29 น.  

 
เพื่อนนางเอกรู้จักพระเอกด้วยแฮะ สงสัยสังเกตทำตัวห่างเหินเพราะพิงค์พูดกับสังเกตว่านายไม่เรียกชื่อมั้งเลยเรียกพิงค์ว่าคุณบ้าง


โดย: mimny วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:2:43:01 น.  

 
แสดงว่านายเกต ก็คงกว้างขว้างอยู่บ้างล่ะมั้ง
ไม่งั้นเพื่อนพิ้งค์คงไม่รู้จักหรอก
เอ...หรือว่ามีความหลังอะไรกัน


โดย: an-o IP: 182.232.207.149 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:18:38 น.  

 


มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: แมวเหมียวก้อย วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:40:02 น.  

 
มาอ่านย้อนหลังค่ะพี่โน้ต.... คิดถึงพี่โน้ตจังค่ะ

สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะ


โดย: ColdOut วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:19:59:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

...ศุวิลา...
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




'ศุวิลา' นักเขียนแนว LOVE (ความรู้สึกดี...ที่เรียกว่ารัก) สนพ. แจ่มใส ♥








Friends' blogs
[Add ...ศุวิลา...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.