... ^^ Welcome to suvilajamsai's world ^^...
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
6 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
Oxford Story บทที่ 20

กี๊ซซซซซซซซซ สัปดาห์หน้าก็จะเป็นตอนอวสานแล้วนะคะ เร็วมากๆ เลย ทำไมตอนที่เขียนไม่เห็นรู้สึกเลยว่ามันเร็วขนาดเน้ ฮา.....

##############################

บทที่ 20

หลังจากได้รับข่าวคราวความเป็นไปของพิมพ์ชญาแล้ว บุคคลอื่นที่มิได้อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 24 ถนนคาวลีย์ก็สลายตัวกลับบ้านด้วยความรู้สึกโล่งใจไปตามๆ กัน เหลือเพียงสังเกตและแพรอาภรณ์ที่ยังคงนั่งสนทนากันอยู่ในห้องนั่งเล่น

“พี่เกตคะ” สาวน้อยเริ่มต้นขอร้อง “ไม่ว่าจะยังไง แพมขอให้พี่เกตปรับความเข้าใจกับพี่พิ้งค์ให้ได้นะคะ”

ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ …ถ้าเพียงแต่พิมพ์ชญาจะเป็นผู้หญิงที่ไม่ดื้อรั้น พูดจากันแล้วเข้าใจกันได้ง่ายอย่างน้องสาวก็คงจะดีไม่น้อย

เฮ้อ แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่เพราะเธอเป็นคนอย่างนี้แหละถึงได้เป็นพิมพ์ชญา...

“แน่นอนครับ”

“พี่พิ้งค์อาจจะดื้อไปบ้าง แต่เชื่อแพมนะคะ พี่พิ้งค์น่ะ ใจแข็งอยู่ได้ไม่นานหรอก ถ้าพี่เกตพูดดีๆ ด้วย แพมรับรองว่าพี่พิ้งค์จะต้องเข้าใจแน่ๆ เลยค่ะ”

สาวน้อยพูดอย่างคนที่รู้จักนิสัยใจคอของผู้เป็นพี่สาวเป็นอย่างดี แพรอาภรณ์เชื่อ…เชื่อว่าบทสรุปของคนคู่นี้จะลงเอยด้วยดี

“ถ้าพี่เกตกลัวว่าพี่พิ้งค์จะไม่ยอมใจอ่อน… แพมมีตัวช่วยให้ยืมนะคะ”

‘ตัวช่วย’ ที่แพรอาภรณ์วางปุลงบนตักชายหนุ่มคือ เจ้าปุ๊กกี้ ตุ๊กตาหมีสีน้ำผึ้งตัวโตของพิมพ์ชญานั่นเอง เนื่องจากตอนที่ผลุนผลันออกไปค่อนข้างจะฉุกละหุก เพื่อนตัวน้อยจึงยังคงถูกวางเอาไว้ที่บ้านแห่งนี้

“เชื่อแพมสิคะ เห็นหน้าปุ๊กกี้ พี่พิ้งค์ต้องหายโกรธแน่ๆ”

สังเกตมองดวงตากลมโตสีช็อกโกแลตที่ทำจากลูกปัดใสแจ๋วของตุ๊กตาที่อยู่ในอ้อมแขนแล้วนึกถึงผู้ที่เป็นเจ้าของ …เมื่อวันที่ไฟดับเขายังจำได้ว่าหญิงสาวหวงตุ๊กตาตัวนี้มาก แค่เขาแตะนิดแตะหน่อยก็ทำท่าไม่ชอบใจเสียแล้ว นี่คงจะรีบมากจริงๆ สินะถึงได้ทิ้งเอาไว้แบบนี้

อย่างนี้คงจะเหงาแย่เลย เมื่อไม่มีเจ้าตัวน้อยนี่เป็นเพื่อน


คนที่อยู่ห่างกันคนละฟากฟ้าก็กำลังอยู่ในอาการนอนไม่หลับแม้ร่างกายจะอ่อนเพลีย …ม่ใช่เพียงแค่เพราะว่าเพื่อนตัวน้อยที่เคยกอดอยู่ทุกคืนไม่ได้อยู่ข้างตัวเท่านั้นหรอก แต่เป็นเพราะความลังเลใจกับสิ่งที่ทำลงไปต่างหาก

วิ่งหนีมาแบบนี้คิดดีแล้วหรือไง

เมื่อใจเย็นลงจึงได้คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้นเป็นเพราะอารมณ์เพียงชั่ววูบแท้ๆ อารมณ์ที่บอกไม่ได้ชัดเจนว่าเป็นอย่างไรกันแน่ … โกรธ อาย ลังเล กลัว ยินดี …ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ ความรู้สึกนั้นก็ทำให้เธอไม่กล้าสู้หน้าใครสักคนเลยก็แล้วกัน

ก็รู้ดีว่าอย่างไรก็อยู่อย่างนี้ไปตลอดไม่ได้ แต่… ขอแค่ตอนนี้ให้ได้ถอยหลังกลับมาตั้งหลักก่อนสักพัก แล้วค่อยคิดต่อไปว่าควรจะทำอย่างไรดี

“พิ้งค์ ฉันกลับมาแล้วจ้า”

เสียงสดใสของอลิสาดังขึ้นหลังจากเจ้าตัวแง้มประตูอย่างแผ่วเบาเข้ามาแล้วพบว่าเพื่อนสนิทไม่ได้กำลังนอนหลับ พิมพ์ชญาค่อยๆ ยันกายลุกออกมาจากผ้าห่มผืนนุ่ม อลิสาเห็นดังนั้นก็รีบส่งเสียงห้าม

“ลุกขึ้นมาทำไม กลับไปนอนที่เดิมซะ นี่ไม่ได้นอนเลยใช่ไหมตั้งแต่ฉันออกไป”

คนเห็นเดาได้ทันทีเมื่อเห็นว่าดวงตาของเพื่อนสนิทโหลลึก พิมพ์ชญาพยักหน้า

“ฉันไม่ค่อยง่วงหรอก เมื่อตอนที่อยู่บนเครื่องบินก็หลับมาเกือบตลอดทาง”

เมื่อเจ้าตัวยังยืนว่าว่าไม่อยากนอนพักผ่อน อลิสาก็จัดแจงให้เพื่อนสนิทไปล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน

เมื่อเช้านี้ หลังจากแวะเข้าไปที่บริษัทเพื่อจัดการงานและดูให้แน่ใจว่าไม่มีงานเร่งด่วน อลิสาก็ไปหามารดาเพื่อขอลาครึ่งวันโดยเล่าความจริงแค่เพียงคร่าวๆ แต่สรุปใจความได้ว่าพิมพ์ชญามีปัญหาและขออนุญาตมาอยู่ที่บ้านสักระยะ

'เรื่องนั้นหม่าม้าไม่ว่าอะไรหรอก ยังไงหนูพิ้งค์ก็เป็นเพื่อนสนิทของเยลลี่ หม่าม้าถือว่าเขาเป็นเหมือนลูกสาวหม่าม้าคนนึง แต่ที่หม่าม้ากลัวว่าจะมีปัญหาก็คือทางบ้านเขาน่ะสิ เมื่อวานได้ยินดอกแก้วบอกว่าแม่ของหนูพิ้งค์โทรมาที่บ้านเรา เขาโทรมาตามหาลูกสาวเขาหรือเปล่า'

'ก็… ใช่ค่ะหม่าม้า' น้ำเสียงของลูกสาวฟังดูยุ่งยากใจไม่แพ้สีหน้าด้วยกลัวว่าผู้เป็นแม่จะไม่เห็นด้วย 'แต่ลี่สงสารพิ้งค์นะคะ ถ้าเป็นเรื่องอื่นยังพอว่า แต่นี่เป็นเพราะคุณแม่ของเขาจะจับคลุมถุงชนน่ะสิคะ เขาถึงได้หนีมาแบบนี้'

'ตายแล้ว!' เถ้าแก่เนี้ยของโรงงานเสื้อผ้าสำเร็จรูปอุทานเสียงดังลั่น ก่อนที่จะลดเสียงลงแผ่วเบาราวกับพูดกับตนเอง 'ถึงว่าทำไมถึงกับต้องหนีออกจากบ้าน โธ่ ไม่น่าเลย'

'ถ้าอย่างนั้น หม่าม้าอนุญาตแล้วใช่ไหมคะ'

'แน่นอนสิ ถ้าไม่มีงานทำแล้วก็รีบกลับบ้านไป ไปอยู่เป็นเพื่อนหนูพิ้งค์ หม่าม้าอนุญาตให้ลางานไปเลยวันนี้ แถมให้อีกสองสามวันด้วยเอ้า จะไปเที่ยวไหนกันก็ไป ตามสบาย'

เพราะเหตุนี้อลิสาจึงตรงกลับบ้านมาหาเพื่อนในทันที นับเป็นโชคดีที่เธอมีแม่ที่เข้าใจจิตใจของผู้เป็นลูก ไม่เช่นนั้นพิมพ์ชญาอาจจะถูกส่งตัวกลับบ้านเสียตั้งแต่วันนี้เป็นแน่


“กินนี่สิ อร่อยนะ ไม่ได้กินอาหารไทยมานานแล้วใช่ไหมล่ะ”

อลิสาพยายามเอาใจโดยการตักกับข้าวใส่จานพลางชวนคุย ทั้งๆ ที่โดยปกติแล้วเจ้าตัวไม่ใช่คนช่างพูด แต่คราวนี้เธอจำเป็นจะต้องทำเช่นนั้นเพราะเชื่อว่าหากนิ่งเงียบ พิมพ์ชญาอาจจะคิดฟุ้งซ่านไปกันใหญ่

“นี่ ยัยเอลี่” คนถูกปรนนิบัติชักจะทนไม่ได้ “ฉันยังมีมือมีเท้าครบสามสิบสองทุกประการจ้ะ สมองฉันก็ไม่ได้ถูกกระทบกระเทือน ฉันดูแลตัวเองได้ ดังนั้นเลิกทำแบบนี้ได้แล้ว”

คำพูดนั้นเล่นเอาคนดูแลยิ้มเก้อๆ

“ก็… ฉันเป็นห่วงเธอนี่”

“ขอบใจ” พูดแล้วก็ยิ้มให้ “ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนยังไง ใจดี ช่างเป็นห่วง แต่ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ แค่เธอให้ฉันมาอยู่ด้วยก็ดีใจแทบแย่แล้ว”

“แต่ เชื่อไหม ฉันว่าเธออยู่กับฉันได้ไม่นานหรอก”

“ทำไม?? เธอจะบอกให้ฉันกลับบ้านเหรอ”

“ไม่ใช่… อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” คนพูดรีบแก้ตัวก่อนที่คนฟังจะเข้าใจผิดหลังจากเห็นใบหน้าสวยของเพื่อนเริ่มฉายแววตัดพ้อ “ลางสังหรณ์ของฉันบอกว่า หนุ่มคนนั้นของเธอจะต้องมาตามตัวกลับไปเร็วๆ นี้แน่ๆ เลย”

“นี่!!! นายสังเกต ไม่ใช่ ‘หนุ่มคนนั้น’ ของฉันนะ แล้วเขาก็ไม่ตามมาหรอก เธอนี่…เดี๋ยวนี้ติดนิสัยยัยกีวี่มาหรือไงนะ”

อลิสาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ กับท่าทางนั้น …โถ รีบแก้ตัวแถมยังโวยวายกลบเกลื่อนเชียวนะ แบบนี้ไม่เรียกว่ามีพิรุธก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว

“จ้า ไม่ใช่ก็ไม่ใช่”

รอให้อีกฝ่ายจัดการกับอาหารตรงหน้าไปอีกสักพัก อลิสาก็เริ่มถามคำถามใหม่

“ถามจริงๆ เถอะ โกรธเขามากขนาดนั้นเชียวหรือ”

“‘เขา’ ที่ว่านี่หมายถึงใคร …ถ้าหมายถึงยัยวี่ล่ะก็ นิดหน่อย เพราะคิดจะปิดบังฉัน ทั้งๆ ที่เราเป็นเพื่อนสนิทกันแท้ๆ ส่วนแพมน่ะ ถึงยังไงก็เป็นน้อง ถึงแม้ว่าจะไม่ยอมบอกแต่ก็เข้าใจว่าเป็นเพราะแม่ฉันห้ามไว้ ส่วนนายคมสัน…”

“พิ้งค์จ๋า เธอรู้นี่ว่าฉันหมายถึงใคร”

คนพูดที่พยายามหลบเลี่ยงเริ่มก้มหน้างุด ไม่สบสายตาของคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

“เอ่อ… ก็…”

“โกรธนายสังเกตมากถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”

“เอ่อ… “

คิดว่าจะไม่ตอบ แต่ก็รู้ว่าทำเช่นนั้นไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย …ปกติอลิสาอาจจะเป็นคนอ่อนให้กับทุกคนก็จริง แต่เพื่อนสนิทมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกอย่างพิมพ์ชญารู้ดีว่า ลองอสิสาเอาจริงแล้วไม่มีทางจะหนีเอาตัวรอดไปได้

“ก็… ตอนแรกก็ใช่นะ เรื่องของเรื่องคือวันนั้นฉันสับสนมากๆ เลยหลังจากรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง ฉันไม่อยากเจอหน้าทั้งเขาและแพมเพราะฉันทำตัวไม่ถูก ฉันก็เลยแอบย่องเข้าบ้านอย่างเงียบๆ กะว่าจะหนีขึ้นไปบนห้องโดยไม่เจอหน้าใครเลย พอดีได้ยินเสียงคนหลายคนดังออกมาจากห้องนั่งเล่น แถมยังพูดชื่อฉันด้วย ฉันก็เลยแอบยืนฟังอยู่…”

คนเล่าสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะเล่าต่อ

“ก็รู้ว่าเรื่องที่เขาพูดกันมันเกี่ยวกับฉัน แต่ก็ไม่นึกเลยว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่อง… เอ่อ ที่แม่ฉันจะจัดการน่ะ”

“แล้วเธอพอจะเดาได้ไหม ว่าทำไมนายสังเกตถึงพยายามปิดบังเรื่องนี้ไว้”

“ฉันไม่รู้”

พิมพ์ชญาตอบด้วยน้ำเสียงห้วนเนื่องจากตะกอนของความขุ่นเคืองยังไม่จมหายไปสนิท

“ถ้าให้ฉันเดานะ ฉันว่าเขาไม่บอกฉันเพราะไม่อยากจะคิดถึงเรื่องนี้ล่ะมั้ง …อาจจะคิดว่าสักวันหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป พ่อแม่อาจจะล้มเลิกเรื่องนี้ไปเอง ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาบอกฉัน …เขาเองก็ใช่ว่าจะชอบฉันนักนี่ ฉันดูออกนะว่านิสัยแบบฉันเนี่ยล่ะ ผู้หญิงแบบที่เขาขัดหูขัดตาที่สุด”

คำตอบนั้นทำเอาคนฟังชักจะกลุ้มใจ

“เฮ้อ” อลิสาถอนหายใจ เหตุการณ์แบบนี้มันคุ้นๆ อยู่นะ… ก็เล่นคิดสรุปเอาเองอย่างนี้นี่เล่าถึงได้มีปัญหากันไม่จบไม่สิ้น

“แต่ฉันลองมาคิดดูดีๆ บางทีเขาอาจจะไม่มีโอกาสบอกฉันก็ได้… ลองคิดดูว่าถ้าฉันเป็นเขา ฉันคงจะพูดไม่ออกเหมือนกัน อยู่ไปแบบสงบๆ ก็น่าจะดีกว่า”

“โอ้โห คิดแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไรกันจ๊ะนี่” คนฟังล้อเลียน “นี่ฉันคิดว่าเธอโกรธจนไม่ลืมหูลืมตาแล้วนะ ถึงขั้นเก็บข้าวของบินข้ามทวีปมาแบบนี้ …ยังคิดอยู่เชียวว่าเพื่อนฉันทำตัวเป็นนางเอกในนิยายไปได้ งอนแล้วก็หนีไปให้พระเอกตามไปง้อ”

“หยุดเลยนะยะ หยุดเลย”

อาการโวยวายกลบความเขินอายมาอีกระลอก

“ฉันอาจจะโกรธมากๆ เลยก็จริงเรื่องที่เขาไม่ยอมบอกความจริงให้ฉันรู้ แต่ฉันอายมากกว่า …ในตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าฉันรู้ตัวแล้วว่าเขากับฉันเกี่ยวข้องกันยังไง แล้วจะให้ฉันปั่นหน้านิ่งอยู่บ้านนั้นต่อไปได้ยังไงกันล่ะหา”

“นอกจาก โกรธ อาย แล้ว…ไม่รู้สึกดีใจบ้างเลยหรือจ๊ะ อยู่ดีๆ ชายหนุ่มที่รู้สึกดีด้วยมากลายเป็นว่าที่คู่หมั้นไปเสียเฉยๆ แบบเนี้ย ดีออกน้า”

อลิสาถามยิ้มๆ ซึ่งคำตอบที่ได้คือสีหน้าที่ระเรื่อขึ้นมาของเพื่อนสาว สีหน้าอมยิ้มแบบนั้นน่าจะเป็นคำตอบที่ดีได้แล้ว แม้ว่าเจ้าตัวจะส่งเสียงแหวออกมาอย่างไม่จริงจังนัก

“จะบ้าเหรอ!! ไม่ต้องมาแซวเลยนะ …นั่นก็เป็นแค่เรื่องที่พ่อแม่พูดกันเฉยๆ เจ้าตัวเขายังไม่ได้ตอบตกลงด้วยเสียหน่อย”

“ก็ได้ …แต่ถ้าเขามาง้อจริงๆ ล่ะ คุณพิมพ์ชญาจะว่ายังไงน้อ”

“โอ๊ย ให้มาง้อจริงๆ เถอะ …ไม่มีทางหรอกจ้า เอลี่ ไม่มีฉันในชีวิตเขา เขาน่าจะมีความสุขจะตายไป ดีไม่ดีเขาจะขอเปลี่ยนไปหมั้นกับยัยแพมแทนด้วยซ้ำ”

พูดไปแล้ว คนพูดก็สะเทือนใจเองเมื่อคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดแก้ต่างนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มคิดจะทำจริงก็เป็นได้ แพรอาภรณ์น้องสาวของเธอดูเข้ากันกับเขาได้ดีออกปานนั้น ไม่เหมือนกับเธอหรอกที่ได้แต่ทะเลาะกันไปวันๆ ไม่เคยมีสักครั้งที่จะพูดจาเข้าใจกันได้อย่างแท้จริง ถ้าจะให้เลือก ชายหนุ่มก็น่าจะเลือกน้องสาวของเธอมากกว่า

คิดถึงตรงนี้ต่อมน้ำตาก็เริ่มทำงานขึ้นมาเสียแล้ว น้ำตาใสๆ ร่วงเผาะลงมาบนโต๊ะอาหารแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่อยากจะให้เป็นอย่างนั้นเลยก็ตาม สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้มือนุ่มของอลิสาค่อยๆ ยกมากุมมือเรียวบางอย่างปลอบใจ

“พิ้งค์ เฮ้อ ไปกันใหญ่แล้ว ทั้งหมดนี่คิดเองเออเองหมดเลยไม่ใช่หรือไง รอฟังความจริงจากปากเจ้าตัวก่อนดีกว่าน่าว่าเขาคิดยังไง”

พิมพ์ชญาปาดน้ำตาทิ้งก่อนที่จะพยักหน้า อยากรู้เหลือเกินว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไรกับเรื่องนี้
“ฉันว่าระหว่างนี้ เราน่าจะไปพักผ่อนกันนะ เธอจะได้ลืมเรื่องเศร้าๆ นี่ด้วย แม่ฉันก็อนุญาตแล้ว เราจะไปที่ไหนกันดี”


ณ เทอร์มินัล 3 ท่าอากาศยานฮีทโทรว์แห่งกรุงลอนดอน ชายหนุ่มที่กำลังถูกพูดถึงโดยว่าที่คู่หมั้นที่พ่อแม่แอบตกลงกันเองกำลังเช็คอินกับเคาท์เตอร์ของสายการบิน เมื่อยกกระเป๋าขึ้นชั่งน้ำหนักแล้วเจ้าหน้าที่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าน้ำหนักน้อยมากทั้งๆ ที่ขนาดของกระเป๋าไม่เล็กเลยทีเดียว สังเกตได้แค่ยิ้มบางๆ จะให้เขาบอกไปได้อย่างไรว่าข้างในนั้นแทบจะไม่มีของอะไรเลยนอกจากของใช้ส่วนตัว แต่ที่มันมีขนาดใหญ่เพราะเขาเอาไว้บรรจุตุ๊กตามีสีน้ำตาลอ่อนกลับมาต่างหากเล่า

ที่ด่านเอกซ์เรย์กระเป๋าคงจะขำพิลึกเมื่อภาพที่เห็นในหน้าจอเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่กินเนื้อที่ของกระเป๋าไปเสียมากกว่าครึ่งค่อน!

“เรียบร้อยหรือเปล่า”

ชายหนุ่มพยักหน้าหลังจากได้รับตั๋วเครื่องบินและพาสปอร์ตคืนมาเรียบร้อยแล้ว

“อีกสองชั่วโมงถึงจะถึงเวลาบอร์ดดิ้ง”

“กลับไปถึงแล้วรู้ใช่ไหมว่าจะทำยังไง”

คนฟังที่ฟังมาไม่ต่ำกว่าสิบรอบเริ่มทวนคำ

“รู้แล้วน่า ขั้นแรกก็ต้องไปคุยกับพ่อแม่ฉันให้รู้เรื่องก่อน แล้วก็ไปคุยกับพ่อแม่เขา จากนั้นก็ไปหาเขาที่บ้านเพื่อนเขาที่ชื่อเอลี่ …นี่ นายคิดว่าของแค่นี้ฉันคิดเองไม่ได้หรือยังไง”

“เฮ้อ ยัยเอลี่เนี่ยน้า” กวิราบ่น “โทรไปถามก็บอกว่าไม่เจอพิ้งค์ พิ้งค์ไม่ได้ไปหา …แต่ไม่มีทางหรอก ในเมื่อพิ้งค์ไม่ได้กลับบ้าน ก็ไม่น่าจะไปที่ไหน …วี่ว่าอย่างไรเสียยัยพิ้งค์ก็ไม่บ้าบิ่นถึงขั้นหนีไปหลบอยู่บ้านพักต่างจังหวัดคนเดียวหรอก ถ้าจะไป วี่ก็มั่นใจว่ายัยพิ้งค์จะต้องลากยัยเอลี่ไปเป็นเพื่อนแน่ๆ”

“ถ้าเจอน้องพิ้งค์แล้วต้องง้อให้เยอะๆ นะ เชื่อสิ ผู้หญิงน่ะ ง้อมากๆ พูดหวานๆ เดี๋ยวก็หายโกรธเอง …ขอความเห็นใจให้เต็มที่เลยนะ บอกไปเลย ‘ชีวิตผมคงจะทนอยู่ไม่ได้ถ้าขาดคุณ’ หรือไม่ก็ ‘คุณคือสิ่งเดียวที่มีความหมายในชีวิตของผม’ …”

คมสันทำท่าจะน้ำเน่าต่อไปอีกนาน หากไม่มีเสียงขัดจังหวะของสังเกต

“ไอ้บ้า!! ใครเขาจะไปพูดแบบนั้นกันล่ะ ขืนพูดออกไปไม่ใครต่อใครคงได้วิ่งหนีกันไปหมด …นี่อย่าบอกนะว่านายใช้มุกแบบนี้เวลาจีบสาว”

“เอาน่า” คนถูกต่อว่ายังยิ้มหน้าระรื่น “บางทีคำพูดน้ำเน่าๆ ก็ใช้ได้ผลเหมือนกันนะ นายไม่ลองดูบ้างล่ะ”

“อย่าเชียวนะ นายเกต” กวิรารีบเตือนด้วยกลัวว่าสังเกตในเวลานี้อาจจะบ้าพอที่จะคล้อยตามคำพูดของคมสัน “อย่าบ้าตามอีตาสันเชียว …พูดความรู้สึกที่มีอยู่ในใจออกไปอย่างตรงไปตรงมาก็พอแล้ว ถึงเวลาแล้วนะที่เกตควรจะพูดกับพิ้งค์ให้เคลียร์”

“แล้วแพมก็จะคอยช่วยด้วยค่ะ ถึงพี่พิ้งค์จะโกรธมากแค่ไหน แพมก็จะพยายามเป่าหูให้พี่พิ้งค์หายโกรธพี่เกตให้ได้”

เสียงประกาศเวลาบอร์ดดิ้งเครื่องบินที่มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทยดึงความสนใจจากบุคคลทั้งห้า สังเกตเริ่มเอ่ยลาทุกคน

“คงจะต้องไปขึ้นเครื่องแล้วล่ะ”

“บ๊ายบายนะคะ พี่ๆ ทุกคน แพมดีใจที่ได้มาที่นี่ แล้วสักวันหนึ่งค่อยพบกันใหม่นะคะ”

มือใหญ่ของคาสุตบบ่าสังเกตก่อนที่จะพูดสั้นๆ ตามแบบฉบับของเขา

“โชคดีนะ พาเธอคนนั้นกลับมาให้ได้ล่ะ”

“วี่ก็ขอฝากด้วยนะ พาเพื่อนวี่กลับมาหาวี่ด้วย ถ้าไม่มีพิ้งค์วี่คงเหงาลงไปมาก”

กวิราที่เพิ่งจะกอดล่ำลาแพรอาภรณ์ก่อนที่จะเดินเข้ามาคล้องแขนของคาสุก็ขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายด้วยอีกคน สังเกตมองคนทั้งสองด้วยสีหน้ามาดมั่น

“แน่นอน มารอรับได้เลย”

คมสันเพียงแต่ยักคิ้วหลิ่วตาให้ ซึ่งสังเกตก็แสดงอากัปกิริยาเช่นเดียวกันตอบ …แต่เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ เขาก็เดินเข้าไปกอดคอสังเกต พูดอะไรบางอย่างให้ได้ยินกันแค่สองคน

“ที่โทรไปคืนนั้นน่ะ โกหกนะ”

เมื่อเห็นสังเกตขมวดคิ้ว ใบหน้าเขียนเป็นคำพูดว่า ‘คืนไหน เรื่องอะไร??’ เขาก็เฉลย

“ข้าไม่เคยคิดจะกลับไปจีบน้องพิ้งค์หรอก หรือแม้แต่น้องแพมก็เถอะ …คนอย่างข้าเขาเรียกว่าเจ้าชู้แบบมีจรรยาบรรณเว้ย ถึงฉันจะจีบเขาไปทั่ว แต่เพื่อน เด็กเพื่อน ญาติพี่น้องเพื่อนข้าละเว้นว่ะ เดี๋ยวจะไม่เหลือใครไว้ให้คบ”

พอสังเกตอ้าปากจะด่าไอ้เพื่อนตัวแสบที่ทำให้วุ่นวายใจเสียตั้งนาน คมสันก็รีบชิงอธิบาย

“เอาน่า อย่าด่าเลย ถ้าข้าไม่เร่งปฏิกิริยาแบบนี้ คนเฉื่อยชาแบบนายคงไม่ลุกขึ้นมาบินข้ามทวีปไปง้อสาวหรอก ใช่ไหม ถือซะว่าข้าทำเพื่อช่วยก็แล้วกัน”

พูดจบ คนที่อ้างตัวเองว่าช่วยมากกว่าป่วนก็ปล่อยสังเกตให้เป็นอิสระก่อนเผ่นแผล็วไปรวมกลุ่มกับคนอื่น แถมยังทำหน้าระรื่นโบกมือบ๊ายบายอย่างร่าเริง คน (เคย) หน้าดุที่ตอนนี้ทำหน้ากากดุหล่นหายไปอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงความหวังดีอย่างแสบสันต์และร้ายกาจของผู้เป็นเพื่อน เขาขยับปากให้อ่านได้ว่า ‘ฝาก-ไว้-ก่อน-เถอะ’

แล้วร่างสูงสง่ากับร่างเพรียวบางก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนหายลับไปพร้อมด้วยความหวังของผู้ที่ยังยืนส่งอยู่เบื้องล่าง


((โปรดติดตามบทที่ 21 วันจันทร์หน้า... ตอนจบแล้วนะค้า ^____^ ))


Create Date : 06 มิถุนายน 2554
Last Update : 6 มิถุนายน 2554 14:58:51 น. 6 comments
Counter : 436 Pageviews.

 
ตอบคอมเมนต์ของบทที่แล้วค่ะ

น้องเน -- ฮี่ๆ แต่หวังว่าบทนี้คุุณเกตจะทำคะแนนคืนมาได้บ้างนะคะ

น้องลี่ -- แน่นอนว่าต้องตามมาง้อสิคะ จะได้ไม่เสียสถาบันพระเอก อิอิ

คุณ goldensun -- (แอบถามได้มั้ยคะว่าชื่ออะไรอ่า จะได้เรียกถูก) จริงด้วยค่ะ บางทีเรื่องผูัชายก็เรื่องนึง แต่เรื่องของเพื่อนสำคัญกว่านะคะ เป็นโน้ตโน้ตก็น้อยใจเพื่อนมากกว่าอีก


โดย: ...ศุวิลา... วันที่: 6 มิถุนายน 2554 เวลา:15:05:31 น.  

 
ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ว่างๆจะแวะมาทักทายใหม่ครับ หนังสือพิมพ์


โดย: bbandp วันที่: 6 มิถุนายน 2554 เวลา:15:42:40 น.  

 
ค่อยยังชั่วหน่อย นางเอกได้มีเวลาคิดแล้ว ตอนหน้าคงจะหวานน่าดูเชียวล่ะ รอต่อไปค่า


โดย: ree IP: 202.28.24.91 วันที่: 6 มิถุนายน 2554 เวลา:22:26:12 น.  

 
ชอบนิยายค่ะ แต่งได้น่ารักมาก แต่แอบถามได้มั๊ยว่าเพลงที่ใช้ประกอบ ใครเป็นคนร้องค่ะ..


โดย: golico IP: 99.107.201.189 วันที่: 7 มิถุนายน 2554 เวลา:1:22:34 น.  

 
ให้คุณเกต + 1 คะแนนเอ้า ต้องดูบทหน้าว่าจะง้อได้ดีแค่ไหน หุหุ


โดย: Narilin Nay IP: 223.205.209.106 วันที่: 7 มิถุนายน 2554 เวลา:14:34:21 น.  

 
ใกล้จบแล้ว รอดูมุกง้อสาวของสังเกต ออกจะมาดมั่นซะขนาดนี้
ดูพิงค์แล้ว ไม่น่าจะง้อยากนะคะ
ก็เพื่อนๆ ช่วยกล่อมนำซะขนาดนี้แล้ว แถมยังมีเวลาคิด ใคร่ครวญ จนอารมณ์สงบไปได้เยอะ
ปุ๊กค่ะ


โดย: goldensun IP: 203.144.220.243 วันที่: 7 มิถุนายน 2554 เวลา:22:08:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

...ศุวิลา...
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




'ศุวิลา' นักเขียนแนว LOVE (ความรู้สึกดี...ที่เรียกว่ารัก) สนพ. แจ่มใส ♥








Friends' blogs
[Add ...ศุวิลา...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.