space
space
space
<<
สิงหาคม 2563
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
space
space
14 สิงหาคม 2563
space
space
space

ขุนช้าง ขุนแผน ตอนที่ 7/2 พลายแก้วแต่งงานกับนางพิม



ตอนที่  ๗/๒ พลายแก้วแต่งงานกับนางพิม
เรียบเรียงจากเสภา เรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน
โดย ทักษภณ

 

    คำกล่าวของพิมทำให้พลายแก้วซาบซึ้งใจยิ่งนัก
    “พี่รักเจ้ายอดเสน่หา อย่าสงสัยในความจริงใจ หากแม้นผ่าอกได้ พี่จะผ่าให้ดู แต่นี่สุดคิดจะปลิดให้ดูได้ ถึงตัวจากไปแต่ใจก็ยังอยู่กับเจ้า ห่วงหน้าพะวงหลังด้วยขุนช้างเป็นศัตรู

อุตส่าห์สู้รีบรัดมาจัดงาน อย่าเศร้าโศกไปเลย พรุ่งนี้กำหนดแน่ คุณแม่ท่านจะมาหาถึงบ้าน ขอน้องเจ้าให้ถูกต้องตามคำโบราณ”

    พลางยกพิมขึ้นวางบนตัก ความกำเริบรัก เชยชิดชม ปั่นป่วน กระสันเสียวแนบแน่น ก็เกิดพายุใหญ่ประลัยกัลป์ พัดกระพือปานล้างโลก พระสุเมรุโอนเอน สั่นสะเทือนทั่วท้องน้ำ ป่าเขา บดบังพระอาทิตย์ พระจันทร์

พฤกษาดอกงอกงามอยู่ตามฝั่ง ก็ย่อยยับพังราบไป ฟ้าร้องเปรี้ยงก้องฟ้า แต่พอฝนตกพายุหายไป สำเร็จตามประสงค์พลายแก้วมาเปิดหน้าต่าง

    “เอ๊ะนี่มิสว่างขึ้นแล้วฤา”
    เข้าไปสวมกอดพิมทั้งสองมือ เสียงไก่กระพือปีกขันดังมา ดุเหว่าส่งเสียงร้อง

    “พี่จำใจจากเจ้า ขอให้อยู่ดีเถิดพี่ขอลา เจ้าจงมาส่งพี่ เพียงบันไดเถิด”

    พิมจับจูงข้อมือพลายแก้ว พาเดินมาเปิดประตูหอกลาง บ่าวหญิงหลับสนิท ทั้งสองผ่านไป อย่างคลาดแคล้วปลอดถภัย ถึงนอกชานเปิดบานประตูให้ พลายแก้วยังอาลัย เหลียวหลังหันมาร่ำลาอีกครั้งว่า

    “เจ้าจงอยู่ดีเถิด พี่ขอลา”
    แล้วหันหลังลงบันไดไปทันที พอพ้นเรือนแสงเดือนเริ่มจางหาย ออกประตูรัั้วใหญ่ ครู่หนึ่งก็ถึงที่พัก เข้าไปพักในโรงอย่างสำราญใจ

    ในเวลารุ่งเช้า นางทองประศรีตื่นขึ้นล้างหน้า ตำหมากใส่ปากนั่งเคี้ยว นึกตรึกตรอง การงาน จากนั้นเรียก ตาสน กับตาเสา ยายมิ่ง กับยายเม้า ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกันมา ปรึกษาว่า

    “ดูข้า จะขอวานขอลูกสาวนางศรีประจัน”
    เถ้าแก่รับคำแล้วอำลากลับไปบ้านแต่งตัว นุ่งผ้าตามะกล่ำ(ผ้าฝ้าย สีคล้ำมีลายเล็กๆ ใช้เป็นผ้านุ่ง) ห่มผ้าปักไหม นางทองประศรี นุ่งผ้าบัวปอก (ผ้าฝ้ายเนื้อหยาบ ชาวบ้านใช้ โดยเฉพาะผู้หญิงใช้เป็นผ้านุ่ง) ห่มผ้าพุดดอกสีขาว ดูเหมาะสม

    พอพร้อมหน้ากันก็ออกเดินทาง บ่าว ข้า ถือสมุกหมาก (สมุก งานจักรสานด้วยกก สี่เหลี่ยม หรือหกเหลี่ยม) มีพร้อมทั้งสาก และตะบัน

    พลายแก้วเสกขี้ผึ้งให้ เถ้าแก่รับเอามาสีทันที นางทองประศรีนำหน้าขบวน ไม่นานถึงบ้านศรีประจัน ส่งเสียงร้องเรียกให้คนดูหมา นางศรีประจันเปิดหน้าต่างออกมาดู เห็นแล้วเรียกข้าเสียงดังอื้ออึง

    “อีนั่น อ้า...อีนี่ อีขี้ครอก แขกมาหา มิยอมบอกแก่กู”
    บ่าวกลัวตัวสั่นรีบลงบันได วิ่งไปรับขึ้นเรือนพลัน แล้วเอาเสื่อมาลาดปู จัดหมากพลูใส่ในเซี่ยนขมีขมัน หลังจากแขกผู้มาเยือนนั่งพร้อมหน้า นางศรีประจันทักทายว่า

    “ดูนึกสงสารออทองประศรี จากกันไปหลายปีดีดัก รูปร่างซูบผอมลงนัก ผมหงอก ฟันหัก เมื่อคราวต้องโทษ ท่านโปรดให้ฆ่าผัว ครั้งนั้นตัวออเจ้า กับลูกชายไปอยู่ที่ใด หายไปสิบเอ็ดปีถึงได้เจอกัน เพลานี้มีสุขทุกข์เยี่ยงไรหนอ ทำมาหากินพอกิน หรือขัดสน มาที่บ้านนี้ด้วยเหตุใด”

    ทองประศรีตอบคำศรีประจันว่า
    “ทุกวันนี้เราทุกข์ หาสุขไม่  ยากลำบากยิ่งนักออเจ้าย่อมแจ้งใจแต่ไรมา ตกยากจากเมืองสุพรรณไป เมื่อครั้งขุนไกรดับชีวิต ถูกริบทรัพย์สมบัติ วัว ควาย ไร่นา ทั้งบ้านเรือนหมดสิ้น ได้เงินใส่สมุกกับลูกรัก

    ด้วยความกลัวจึงหนีเข้าป่าไปเป็นเดือน ต่อมาได้เจอคนที่เขาเอ็นดู เมตตาต้อนรับไว้ ยกเหย้าเรือนให้อยู่ ยากลำบากนับพันครั้ง อุตส่าห์สู้แบกหน้ามา จะขอพันธ์ุฟักแฟง แตง น้ำเต้า จากออเจ้าไปปลูกที่ไร่ของข้า

    ด้วยเหตุที่อัตคัดขัดสนจนเงินตรา จะมาขายออแก้วให้รับใช้ อยู่รองเท้านึกเอาว่าเป็นเกือกหนัง หากไม่เชื่อฟังก็จะหาประกันให้ ได้บากบั่นมาถึงเรือนอย่าได้ปฏิเสธเลย  จะได้ฤา มิได้ ให้ว่ามา”

    นางศรีประจันได้ฟังก็หัวเราะ
    “ทำเป็นมาพูดอ้อมค้อมไปใย เราก็เป็นเพื่อนบ้านกันนานมา ลูกข้า จะหวงไว้ทำไม ถึงยากจน กำพร้า ขัดสน เยี่ยงใดก็ไม่ว่า ถึงจะมีเพียงมีดพร้าเหน็บหลังมา ข้าก็จะยกให้ อุตส่าห์ทำมาหากินไป รู้ทำ รู้ได้ก็ไม่ยากดอก ถึงเงินทองเป็นของพ่อแม่ให้ มิรู้จักรักษาไว้ก็ฉิบหาย”

    จากนั้นหันไปหาเถ้าแก่ที่มาด้วย
    “ขอถามความท่านยายสักหน่อย ลูกชายนั้นดีฤา ไม่เล่นเบี้ย กินเหล้า เมากัญชา ฝิ่นมันสูบบ้างฤาไม่ สูงต่ำ ดำขาว เยี่ยงไร ขอให้ว่าไปตามความจริง”

    ครานั้น ตาสน กับ ตาเสา ยายเม้า ยายมิ่ง ตอบไปว่า
    “ลูกทองประศรีคนนี้ ดีเลิศ ประเสริฐยิ่งนัก ว่านานสอนง่าย ชาญฉลาด อีกทั้งรูปร่างก็หมดจด สำอาง รุ่นหนุ่มน้อยเรียบร้อยดี ความชั่วมิมีสักสิ่ง นานไปท่านจะได้พึ่งพิง

    เมื่อเป็นเณร ก็เทศน์กัณฑ์มัทรี ได้ไพเราะจับใจยิ่งนัก เมื่อปีกลายคุณยายเป็นเจ้ากัณฑ์ วันนั้นเจ้าพิมได้ฟังยังชอบใจ เปลื้ืองผ้าออกบูชา ซึ่งกัณฑ์เทศน์ แต่มีเหตุขุนช้างมันเปลื้องผ้าทับผ้าของพิม คุณยายจำมิได้ฤา”

    นางศรีประจันได้ฟัง ก็ชอบใจตอบว่า
    “อ่อ..นึกได้แล้วเรื่องที่พวกท่านว่า”
    แกนิ่งคิดชั่วครู่ กล่าวสืบไปว่า


    “ ส่วนเรื่องพิม เราก็คิดรำคาญมานานแล้ว ด้วยลูกข้าคนนี้ดังดวงใจ อยากจะตกแต่งเสียให้ไวๆ ตัวเรานั้นก็แก่ชราแล้ว มักเจ็บไข้ อายุคนเรานี้จะยืนยาวสักปานใด

ถ้าหากมิมี ก็จงทำตามที่มีเถิด ข้าจะให้ลูกข้าสักสิบห้าชั่ง ขันหมาก มากน้อยมิเป็นไร ผ้าไหว้หนึ่งสำรับ หอฝา กระดาน มีห้าห้อง ข้าขอกำหนดวัน เดือนสิบสอง วันเสาร์ขึ้นเก้าค่ำ กำหนดงานให้ท่านคิดอ่านเองเถิด”

    นางทองประศรีตอบรับคำทันที
    “ตามที่ท่านคิดเถิดหนา”  

    พอได้เวลาสมควร ก็ชวนกันลากลับ นางทองประศรีใช้เวลาไม่นาน ก็กลับเข้าถึงที่พัก บอกลูกชายให้ได้รู้การ


    นางศรีประจันจัดแจง สั่งบ่าวข้า ให้จัดหาข้าวของกันอลหม่าน ซื้อหมาก มะพร้าว จาวตาล และของคาวหวานอื่นๆ มากมาย
    จากนั้นเอา หมาก พลูใส่พาน เรียกบ่าวข้า ลงเรือใหญ่ไปวัดแค เมื่อถึงก็ขึ้นไปบนกุฎี เห็นสมภารนั่งหันหลังอยู่ จึงนั่งลงแล้วไหว้ กราบเรียนว่า

    “ท่านเจ้าคุณคะ ดิฉันมาหมายว่าจะนิมนต์ท่านไปทำบุญ”
    สมภารเหลียวมาเห็นศรีประจันก็ยิ้ม ถามเนื้อความที่ได้มาในวันนี้ นางศรีประจันกล่าวว่า

    “ดิฉันมีงานทำบุญ ขออาราธนาพระสงฆ์สวดมนต์สักสิบองค์ จะแต่งงานออพิมพิลาไลย ขอให้พระคุณท่าน กำหนดวันไว้ อย่าลืมเทียว ตัวฉันนี้แก่เฒ่าแล้ว ถ้างานเสียคงได้อายเขา”

    สมภารได้ฟังก็ตอบไป
    “มันมีผัวได้แล้วฤาหวา เมื่อปีกลายกูได้เห็นมันมา ยังอาบน้ำแก้ผ้าตาแดงๆ ผูกจับปิ้งเที่ยววิ่งเล่นอยู่ในวัด มันมาหักตัดไม้เล่นไล่ยื้อกัน กูเอาไม้เท้าง่ามไล่ ข้าเกลียดน้ำหน้านัก ด่าแช่งอยู่ทุกวัน ไม่เห็นหน้ามาสองปี ก็มีผัว เร่งคิดถึงตัวเองเถิดเราท่าน สีกายายก็เปลี่ยนไปไม่น้อย มันก็ก็แก่ลงด้วยกันแล้วสีกา”

    นางศรีประจันเห็นคล้อยตามสมภาร
    “จริงดังท่านว่าเจ้าข้า สังขารไม่เที่ยงแท้จริงเทียว อีกไม่นานก็จะพากันตายไป การนิมนต์ขอให้ท่านจดจำให้แม่น ดิฉันขออำลา นะเจ้าค่ะ”

    จากนั้นนางก็ลงจากกุฎีไป ครู่หนึ่งก็ถึงบ้านขึ้นบันได จัดข้าวของไว้เป็นจำนวนมากมาย

    ส่วนพลายแก้ว ครั้นถึงกำหนดวันนัดหมาย บอกแขก เพื่อนผู้ชายช่วยปลูกเรือน มายังบ้านยายศรีประจัน ให้ขุดหลุม จัดระดับ สำหรับปักเสาหมอ (เสาที่ใช้รองรับ รอด รา มีขนาดเล็กกว่าเสาจริงเล็กน้อย)

บางพวกเอาเครื่องเรือนมารอไว้ ฤกษ์ยกเสาตีสิบเอ็ดใกล้รุ่ง ครั้นถึงเวลาก็ทำขวัญยกขึ้นทันที เสร็จในเจ็ดนาที  จากนั้นลั่นฆ้อง  โห่ ยกเสาต้นอื่นๆ ให้เข้าที่  บางพวกสับขื่อพรึง ให้ติดสนิทดี ตีตะปู ช่วยกันยกเสาขึ้นตั้งไว้ ใส่เต้าเข้าแปลาน เอาจันทันเข้ารับกับอกไก่ ใส่จั่ว เข้าฝา บ้างเจาะ ถาก ผ่า ฟัน

บางคราก็เถียงกันเอะอะ เสียงกบใสไม้ดังไม่ขาดระยะ ใช้เวลาวันเดียวก็เสร็จ
    ศรีประจันเรียกบ่าว ข้า ให้ยกสำรับ ทั้งอาหาร หวาน คาว เลี้ยงดูคนทำงาน อิ่มแล้วก็พากันแยกย้ายกลับบ้าน


ตอนที่ 7 ยังมีต่อ..




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2563
1 comments
Last Update : 14 สิงหาคม 2563 8:30:07 น.
Counter : 2589 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร

 

0000 Book Blog ดู Blog
นึกถึงร้อยกรองสมัยก่อน แต่มีพร้าขัดหลังมาจะยกให้ ...

 

โดย: หอมกร 14 สิงหาคม 2563 14:26:07 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

0000
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
space
space
[Add 0000's blog to your web]
space
space
space
space
space