space
space
space
<<
มิถุนายน 2563
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
space
space
25 มิถุนายน 2563
space
space
space

ขุนช้าง ขุนแผน ตอนที่ 3/3 พลายแก้วบวชเณร จบตอน

ขุนช้าง ขุนแผน
เรียบเรียงจากเสภา เรื่อง ขุนช้าง
ตอนที่  ๓/๓  พลายแก้วบวชเณร (ต่อ)

    

ครานั้นนางพิมพิลาไลยเร่งแม่ว่า

“จวนกัณฑ์เราแล้วรีบไปเถิดแม่ขา”

แล้วรีบไปอาบน้ำผลัดผ้าเอาขมิ้นมาทาทั่วตัว ทาแป้ง แต่งไรผม ใส่น้ำมัน ผัดหน้าให้นวลแดง เอาซี่ (ยาสีฟันโบราณ ทำให้ฟันดำ) สีฟันดำเป็นมันส่องกระจกเห็นเป็นวาววับ นุ่งผ้ายกลายกระหนกพื้นสีแดง  ก้านทองงามระยับดูจับตา ชั้นในห่มสไบสีชมพู ชั้นนอกเป็นสีทับทิม มีริ้วทองเป็นดอกพรรณราย ชายเห็นแล้วเป็นที่เจริญตาเจริญใจ ใส่แหวนเพชรประดับทับทิมพลอย นิ้วก้อยสวมใส่แหวนงู

จากนั้นสั่งให้คนเอาหีบหมาก เครื่องนาก ขันถมยา ส่วนข้าไท พากันทาแป้งแต่งตัว หวีผมใส่น้ำมันกันถ้วนหน้า ทันเวลาพอดี จากนั้นรีบออกมารอหน้าเรือน นางศรีประจันครั้นเห็นลูกสาวแต่งตัวสะสวยจึงกล่าวว่า

“กูนี้หัวหงอกหัวขาวแล้ว จะแต่งตัวไปทำไม”

จากนั้นคว้าผ้ายกตานีห่มดอกคำ ลูกสาวหัวเราะร่า ว่า

“คุณแม่ ช่างไม่อายเขาเลย มันผิดแล้ว”

นางศรีประจันครั้นมองเห็นร้องอย่างตกใจ ผลัดผ้าทำการห่มใหม่ จากนั้นผู้เป็นแม่เดินนำ นางพิมเดินตาม ดูเหมือนหนึ่งนางห้ามงามหนักหนา บ่าวไพร่เดิมกันมาเป็นลำดับ บางพวกก็แบกเครื่องกัณฑ์เทศน์

ครั้นมาถึงศาลาการเปรียญ สว่างไสวไปด้วย แสงธูปเทียน รีบปูเสื่อนั่ง แม่ลูกก้มกราบด้วยใจปิติยินดี
ครั้นพระสงฆ์เทศน์จบกัณฑ์กุมาร เจ้าขรัวหัวล้านขุนช้างรีบประเคนเครื่องกัณฑ์เทศน์ ปี่พาทย์บรรเลงเพลงเฉลิมฉลอง

ลำดับนั้นนางพิมและแม่ ให้บ่าวรีบยกเครื่องกัณฑ์เทศน์ บาตรย่าม บริขาร พานผ้าไตร ส้มสูกลูกไม้ทั้งหลาย ขนมนมเนยหลายอย่าง เข้าไปวางไว้เป็นลำดับ ข้างหน้าวางหมากประจำกัณฑ์ ปี่พาทย์ตีบรรเลงรับทันที
กล่าวถึงสมภาร เรียกเณรแก้วแล้วบอกว่า

“กูป่วยมาหลายวันไม่หายสักที เณรไปเทศน์มัทรีแทน”

เณรแก้วกราบแล้วรีบลุก หยิบคัมภีร์กัณฑ์มัทรีมาอ่านทาน ว่าท่องตามทำนองของท่านครู ซ้อมดูจนคล่องขึ้นใจ ทั้งคาถาบาลีจุณณีบท จดจำด้วยความแม่นยำ แล้วเรียกเณรอ้นบอกให้ถือคัมภีร์ไปให้ เณรอ้นรับคำแล้วไปครองผ้าสไบหนังไก่ รับเอาห่อคัมภีร์คอยอยู่ที่หน้าบันได

ครานั้นเณรแก้ว เย็นแล้วจะไปเทศน์ก็ผลัดผ้า ห่มดอง เรียบร้อย แล้วไปกราบลาท่านขรัวมี ลุกออกจากห้องท่านสมภาร อธิษฐานแล้วแสกขี้ผึ้ง ให้เณรอ้นเดินนำพร้อมกับคัมภีร์ จากกุฏี จนกระทั่งถึงศาลาการเปรียญ นั่งสำรวม อยู่ต่ำกว่าพระสงฆ์ ชม้ายตาไปเห็นนางพิม
ฝ่ายพิมน้อยชม้อยปะสายตา เอียงอายก้มหน้านิ่ง เณรพลายจึงร่ายละลวยซ้ำ กำลังแห่งมนต์ดลใจ ให้นางพิมยินดี เงยขึ้นสบตา เกิดน้ำใจผูกพันทันที เณรแก้วพยักหน้าเรียก

“เชิญสีกามาทางนี้เถิด ท่านสมภารไม่มาเพราะอาพาธ จึงได้ให้ข้าเจ้ามาเทศน์แทน ท่านเจ้ากัณฑ์จะว่าเยี่ยงไร”

นางพิมยิ้มตอบในทันใด

“ผู้ใดเทศน์ก็เหมือนกันฉันไม่รังเกียจดอก เณรหรือขรัวไม่ต่างกัน ทุกประการเป็นไปตามพระคาถา”

พูดพลางยิ้มเหลือบไปปะตาเณรแก้ว ก็เสือกพานหมากมาให้สายทอง ก้มกราบตั้งพานหมากอังคาส เณรแก้วขึ้นธรรมาสน์มือจับคัมภีร์ถือประคอง จ้องอ่านต้องตามบทจุณณีย์ จนเรื่องถึงตอนพระนางระหว่างทาง เจอพญาราชสีห์ขวางทาง พระนางอ้อนวอนขอผ่านทาง จนย่ำค่ำถึงราตรีพระจันทร์ส่องแสง

ครั้นได้ทางกลับถึงอาศรม ไม่เห็นลูกรัก ทรงกันแสงดังจะขาดใจตาย จากนั้นเสด็จตามหาลูกยา ผู้ฟังหญิง ชาย ครั้นได้ฟัง ให้เสียงสาธุการ ทุกผู้คนบังเกิดศรัทธา ทันใดนั้น นางพิมเปลื้องผ้าทับทิม ยกขึ้นจบสามที วางลงในพาน แล้วกราบอธิษฐานด้วยศรัทธา ว่า

“สาธุ ด้วยบุญกุศลที่ข้าทำทาน ขอให้มั่งมีศรีสุข พร้อมด้วยยศบริวารไปในภายหน้า”

จากนั้นนั่งฟังด้วยตั้งใจต่อไป

ขุนช้างเห็นนางถวายผ้าคิดว่าเขาเป็นหญิงยังทำได้ จะมานั่งนิ่ง ดูแล้วน่าอดสูใจ เราควรมิให้น้อยหน้า จะโดนติฉินนินทาได้ จึงว่า

“สาธุอนุโมทนา ด้วยความศรัทธาเลื่อมใส ถึงตัวเรามิได้เป็นเจ้าของกัณฑ์ ก็มีความศรัทธาอย่างยิ่งยวด”

ว่าแล้วเหลียวมองหน้าพิมพิลาไลย ยิ้มเปลื้องผ้ากรองที่ห่ม จีบจับพับถือประนม ยกเหนือหัวแล้วอธิษฐานไป

“สาธุ เดชะเมตตาจิต ของให้สมปรารถนาโดยเร็วพนัน ทันใจ ได้แต่ในค่ำคืนนี้เถิด”

จากนั้นนำผ้าไปวางเคียงข้างผ้าของพิมพาลาไลย กล่าวอีกว่า

“ขอให้ผ้าทับทิมอย่าแคล้วคลาด จงดลบันดาลให้เคลื่อนคล้อยล่องลอยมา แต่เพลาค่ำวันนี้อย่าเนิ่นนานไป”

พิมพิลาไลยพอได้ฟัง เกิดความรู้สึกอัดอั้น หมั่นไส้ แค้นคลั่ง สุดจะทนได้ ทุดถ่มน้ำลายด้วยรู้สึกอาย สั่งให้ข้าไทไปหยิบเอาพานมา อีพรม อีปู รู้ใจนาย เดินเข้าไปหยิบเอาพานผ้า โดยข้ามหัวขุนช้าง ขุนช้างมองดูด้วยอาการขัดใจ สายทองร้องว่า

“ฮ้า อีพรม ทำสิ่งใดไม่ดูชายผ้าปัดผมท่าน เป็นกิริยาที่ชั่วถ่อย ไปเถิดหนอแม่พิม มิต้องฟังเทศน์แล้ว”

พิมบ่นด่าว่า อับอายขายหน้าจริง ตลอดทางที่เดินกลับบ้าน  

ส่วนเณรแก้ว เมื่อสีกาพิมกลับไปแล้วรู้สึกปั่นป่วน ด้วยความรักที่เกิดขึ้นตรึงจิตผูกพัน ก็ตัดบั่นหั่นเนื้อความให้สั้นลง พออ่านคาถาครบจบบท ก็รีบจบเทศนา แล้วลงจากธรรมมาสน์ ถึงกัณฑ์สักบรรพอย่างรวดเร็ว และดำเนินต่อไปจนครบ สิบสามกัณฑ์ ทายก ทายิกาทั้งหลาย ต่างกรวดน้ำกรวดท่าด้วยจอกขัน อนุโมทนา ชื่นชมสมภาร ครั้นถึงสองยาม ก็เสร็จเรียบร้อยทุกประการ ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน

วัดป่าเลไลย์ ยามดึกที่เงียบสงัดสายลมพัดมาอ่อนๆ ในค่ำคืนพระจันทร์ส่องแสงสว่างกระจ่างใส เณรน้อยมีจิตใจละห้อยให้คิดถึงแต่นาง

“โอ้พิมนิ่มนวลของเณรแก้ว เจ้าไปแล้วจะระลึกถึงพี่บ้างไหมหนอ ฤางามปลื้มแม่จะลืมน้ำใจจาง”

เณรแก้วได้แต่ครุ่นคิดถึงนางจนค่อนคืน ทำไฉนจึงจะได้นางพิมชม ให้คลายอารมณ์ร่ำสะอื้น ในเพลานี้รักนางเหมือนจะกลืนกินได้ หญิงอื่นหมื่นแสนหาได้นำพา ได้ร่วมหมอนพี่จะช้อนขึ้นชมชื่นทุกค่ำคืนมิได้ขาดเสน่หา
ทำเยี่ยงไรจึงจะได้สนทนา กับพิมแก้ว บ้านของน้องมิรู้ว่าอยู่แห่งใด ได้เพียงชมนางแค่เมื่อเพลาแสดงธรรม อ้ายขุนช้างเจ้ากรรมทำวุ่นวาย เจ้าเดือดดาลด่าแล้วพาบ่าวเข้าบ้าน พี่พลุ่งพล่านเทศน์พลาดพลั้งไปหลายหน
พอลับเจ้าไป พี่นี้ทุกข์ใจสุดจะทนได้ พรุ่งนี้จะด้นเดาหาหนทางไปหาเจ้า ถึงเจ้าจะอยู่ซอกห้วย หุบเหว หรือหน้าผาใด พี่จะเสาะหาให้พบเจ้า ความคิดถึงเพิ่มขึ้นตลอดเพลา เยี่ยงไรมิอาจลดลงได้ ในราตรีเฝ้าแต่กอดผ้าทับทิมของพิม จูบประคองยิ่งให้เกิดอารมณ์ซาบซ่าน ยิ่งคิดยิ่งรัญจวนหา จนกระทั่งรุ่งสาง

ครานั้นนางพิมเกิดนิมิตชัดเจนในยามรุ่งสางว่า ได้ว่ายข้ามน้ำไป กับพี่นางสายทองถึงฝั่งน้ำตื้นพอยืนได้ตัวตรง สายทองส่งบัวทองให้ หอมห่อผ้าห่มรู้สึกชื่นใจแล้วว่ายกลับ ฝันถึงเพียงนี้ก็รู้สึกตื่นขึ้นมา พิมมองไม่เห็นบัวทอง รู้สึกเสียดาย จึงขยับไปปลุกสายทองอย่างเร่งรีบ จากนั้นเล่าความฝันให้ฟัง แล้วถามว่า

“ความฝันจะเป็นเยี่ยงไร พี่สายทอง ทำนายให้น้องหน่อยหนึ่งเถิด”

สายทองได้ฟังความฝันของน้อง ก็รู้ความหมายของความฝันนั้นในทันที

“จากที่ได้เคยสังเกตมา แก้วตาอย่าได้วิตกกังวลไป ซึ่งฝันว่าได้ดอกบัวชม จะได้คู่ชมสมใจ ชายนี้คงอยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล ในเร็ววันเป็นที่แน่นอน ส่วนฝันว่าพี่เด็ดดอกบัวส่งให้ คงจะได้พึ่งแม่พิมในภายหน้า เมื่อใดแม่ได้ดังความฝัน แม่โปรดเมตตาสายทองด้วย”

นางพิมได้ฟังร้องว่า

“ไฮ้...พี่สายทอง ทำนายน้องกระไรเยี่ยงนี้ อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี พี่เห็นไปเห็นวี่แววจากที่ใด ฤาเห็นน้องนี้แล้วร้อนรนเป็นกังวล จึงแกล้งว่า บัวทองที่น้องฝันเห็นยังติดตา พี่ทำนายว่าได้ผัว น้องไม่เออออด้วย
ที่ฝันว่าพี่เด็ดดอกบัวส่ง จะได้พึ่งพา ถ้าตรงตามคำทำนายคงได้หัวร่อ ผิว่าพี่ทำนายว่า น้องพิมจะได้หม้อเงินหม้อทอง น้องดูจะพอใจมากกว่า”

    ฝ่ายขุนช้าง คิดคำนึงนางนอนไม่หลับ นอนพลิกคว่ำคร่ำครวญ ใจกระสับกระส่าย รำพึง รำพัน

    “โอ้..แม่พิมพิลาไลย ของขุนช้าง พี่ฟังเสียงเกลี้ยงกลมของเจ้า เมื่อเจ้าว่า วาจาฟังดูเจื้อยแจ้ว ดังจันทร์กระจ่าง เจ้าช่างอรชรอ้อนแอ้น ดูบอบบาง นางอื่นหมื่นแสนก็มิมีเหมือน เจ้าห่มสไบสีทับทิม ขลิบทอง สอดสองซับในสไบเขียว ดูงามตายิ่งนักเมื่อเจ้าเหลียวชำเลืองมา

ทำเยี่ยงไรจึงจะได้แนบชิดนาง จะทูนเหนือเกล้า จะเฝ้าคลอเคลียคลึงเคล้า ป้อนข้าวป้อนน้ำ ยามเดินจะให้ขี่ช้าง ยามนอนจะให้นางหอมประทิน ยามอาบน้ำจะทำสุหร่ายริน (เต้าน้ำสำหรับโปรยน้ำให้เป็นฝอยอย่างฝักบัว) จะมิให้ต้องเท้าของเจ้าต้องแผ่นดิน จะรักเจ้าเท่าเทียมชีวิต ถึงข้าจะรักเจ้าปานใด แต่ใจกลัวว่าคิดไปจะเสียเวลาเปล่า ด้วยรูปชั่วกลัวว่าเจ้าจะรังเกียจ”
 
จากนั้นเกิดฮึดคิดขึ้นมาว่า

“ถึงจะรูปชั่วจะขอลองดูก่อน ถ้ามีโอกาสจะตื้อเข้าเว้าวอน คงจะได้มีโอกาสให้เจ้าใจอ่อนบ้าง”

จากนั้นเปิดมุ้งดูว่ารุ่งสางหรือยังหนอ เห็นพระจันทร์ยังอยู่สูงส่ง คิดต่อไปว่า

“อย่างไรเสีย พี่จะต้องไปหาเจ้าให้ได้ พิมเอย”

ตอนที่ 3 จบแล้วครับ



Create Date : 25 มิถุนายน 2563
Last Update : 25 มิถุนายน 2563 7:30:37 น. 1 comments
Counter : 2993 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร


 
0000 Book Blog ดู Blog
ทำให้มองเห็นภาพธรรมเนียมประเพณีแต่โบราณของไทยดีจ้า





โดย: หอมกร วันที่: 30 มิถุนายน 2563 เวลา:13:31:36 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

0000
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
space
space
[Add 0000's blog to your web]
space
space
space
space
space