space
space
space
<<
กันยายน 2563
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
space
space
18 กันยายน 2563
space
space
space

ขุนช้าง ขุนแผน ตอนที่ 11/1 ขุนช้างลวงว่าพลายแก้วตาย

 
ขุนช้าง ขุนแผน
ตอนที่   11/1  ขุนช้างลวงว่าพลายแก้วตาย

    พิมพิลาไลย ผู้นอนเดียวเปลี่ยวใจอยู่ในห้องหอ คอยฟังข่าวกองทัพ แต่ก็มิมีข่าวคราวใดๆ ทุกหลับตื่น ทุกวันคืน หาได้นอนหลับสนิทไม่

บางครานอนฝัน ถึงกับเพ้อพูดละเมอง บางครา อยู่ๆ ก็พุ่งออกไปนอกห้อง หรือไม่ก็หัวเราะร้องเสียงดัง ต่อมาเกิดเป็นไข้อาการไม่ลดลง มีแต่ทรงกับทรุดเท่านั้น
    สายทองเข้ามาดูแลประคับประคอง ปลอบโยน แต่ก็หาได้ฟัง หรือดีขึ้นไม่

    “โอ้พ่อพลายแก้ว ไม่เห็นใจเมียแล้วกระมัง”
    แม่เฒ่าศรีประจัน เห็นลูกสาวมีอาการคุ้มคลั่ง เศร้าหมอง ซูบผอมลงหนักหนา หาหมอมารักษา

หมอต้องการสิ่งใด ก็หาให้ทุกสิ่ง ข้าไท ชายหญิง วิ่งกันสับสน วุ่นวายกันทั้งบ้าน ผ่านมาหลายคนอาการก็ไม่ดีขึ้น ทุกคนต่างก็จนใจไม่รู้ว่าเป็นอะไร

    หมอบางคนบอกว่านางไม่ตายดอก บ้างว่าสิ่งเลวร้าย ที่มองไม่เห็นทำ บ้างก็ว่าลมบาดทะยักชักหัวใจ บ้างว่าไข้เลือดระดูทำ บ้างว่าผีเรือนวิ่งเข้าออก ศรีประจันไม่รู้จะเชื่อผู้ใด สุดท้ายแกก็ด่าไล่ตะเพิดไป

    “พวกหมอระยำ พากันมานั่งกินแล้วพูดเพ้อเจ้อ อย่างสบายใจอันใด คนเจ็บร้องเสียงเหมือนวัว อ้ายหมอจะให้มารักษากลับนั่งหัวร่อหาดูแลไม่ ไสหัวไปให้พ้นเรือนกู  
 
    หาหมอมาให้เปลืองหมากพลูไปมากมาย เข้ามาทำตลกให้รำคาญจริงๆ ลูกเอ๋ยเจ้าช่างผ่ายผอมลงทุกวัน ดูซิหน้าตาซูบซีด”

    เมื่อหมอทั้งหลายอยู่ไม่ได้พากันหนีไปหมด นางศรีประจันได้แต่กอดลูกแล้วร้องไห้

    “แม่ดูแลรักษาเจ้ามาแต่ไร ก็มิได้ย่อหย่อนสักนิด ไม่รู้ว่าเจ้าเป็นโรคอันใด คิดไปแล้วน่าสงสัยหนักหนา หมอให้ยากินสิ้นทุกตำรา เสียเงินไปมากมาย

อุตส่าห์เถิดนะเจ้า กินข้าว กินปลา บ้างหนา รักษาตัวให้รอดไว้คอยท่าพลายแก้ว ตั้งแต่ยกทัพขึ้นไปไม่มีวี่แวว ข่าวคราวใดๆ เลย”

    นางประคองลูกด้วยมือทั้งสองขึ้นมา กอดปลอบประโลม

    “กินข้าวต้มฤา แม่จะต้มให้ เจ้าทำไมไม่พูดจาบ้าง เป็นเยี่ยงไร ฤามีผีใดเข้า จงบอกมาเถิดหนา ลูกของเรา ทำสิ่งใดผิดฤา พ่อพันศร ผัวข้าเข้ามาสิงฤาไรขา ถ้าใช่จะยอมเซ่นเหล้า ข้าว ปลา ด้วยไม่รู้ว่าพ่อมาถือโทษไปเลย

ขอให้ช่วยลูกได้หายขาด จะทำบุญตักบาตรส่งไปให้ จะมัวแลบลิ้นปลิ้นตาอยู่ทำไม ออพิมเป็นไข้หนักหนา มาช่วยกันให้ลูกหายเถิด”

    พิมได้ฟังแม่รำพึงรำพันรู้สึกฮึดฮัดขัดใจ

    “ผีสางอะไรที่ไหน อย่าไปโทษพ่อเลย ฉันฟังแล้วหนักอกหนักใจหนักหนา แม่อย่ารักษาฉันอีกเลย มันไม่หายดอก นับวันไปเถิดคงจะไม่รอดตาย ทำกระไรจะได้เห็นหน้าพ่อพลาย”

    จากนั้นโผเข้ากอดสายทองสะอื้น ยายศรีประจัน เห็นลูกมีกิริยา อาการผิดไปจากเดิม นั่งตัวสั่นน้ำตาไหลริน ระลึกถึงขรัวตาขึ้นมาได้ แกจึงลุกออกมานอกห้องร้องเรียกข้าไท

    “อยู่กันที่ไหนหวา”
    ไม่นานหมากพลู ได้รับการจัดเตรียมใส่พานเรียบร้อยลนลานมา จากนั้นยายศรีประจันพร้อมด้วยข้าไท ไปวัดป่าเลไลยในทันที

    ครั้นถึงก็ตรงเข้าไปหา ประเคนหมากขรัวตาขมีขมัน
    “ออพิมเป็นไข้ กระไร มิรู้ได้ พูดเพ้อเจ้อ ดังผีเข้า ผอมซูบซีด ดูเศร้าหมองหนักหนา มดหมอทั้งสุพรรณ มิอาจรักษาได้ เห็นจะไม่รอดแล้วขรัวตา กรุณาช่วยดูให้แจ้งใจเถิดท่านเจ้าขา”

    ท่านขรัวตาจู จับยามดูทันที หลังจากตรวจดูเห็นชัดเจนก็ทำนายว่า

    “ออพิมพิลาไลยนี่เคราะห์ร้ายนัก ตกลงที่นั่งนางสีดา เมื่อทศกัณฐ์ลักพาตัว ถ้าแม้นไม่จากผัวก็จะตาย

ถ้ายักย้ายแก้ไขจะไม่เป็นอะไร ขอให้ผลัดชื่อเสียเป็นวันทองเถิด โรคนั้นจะคลายหายไป จะอยู่ครอบครองทรัพย์สินทั้งปวงต่อไปได้ นางไม่ตายดอกสีกายาย”

    นางศรีประจันดีใจยิ่งนัก ที่ท่านขรัวตาจูบอกว่าจะหาย รับคำแล้วรีบกราบลา เมื่อถึงเรือนร้องว่า

    “ลูกข้าจะไม่ตาย ขรัวตาตะแกทำนายแม่น กูเชื่อท่าน”
    จากนั้นสั่งให้คนจัดข้าวปลา กล้วย อ้อย และขนมนมเนย ใส่ในภาชนะตามที่ได้จัดเตรียม เสร็จแล้วยายศรีประจันเริ่มเรียกขวัญลูก ผิดบ้าง ถูกบ้างตามแต่แกจะนึกได้

    “ขวัญเอ๋ย อย่าเที่ยวไปในป่าเขา คนเดียว อย่าหลงชมเสือ สิงห์ หมี เม่น กระแต กระเต็น ตุ่น กระต่าย อย่าหลงชม แรด ช้าง และกวาง ทราย ชะนี ค่าง นางพรายจะคอยหลอกหลอนเจ้าเอย”

    แล้วนางก็ตักข้าวปลา ซัดออกไป
    “ขอให้โรคภัยทั้งหลายจงขาดหาย ๆ เกลี้ยง”

    จากนั้นเอาด้ายดำผูกข้อมือแล้วดับเทียน เปลี่ยนชื่อพิมเป็นวันทองเป็นที่เรียบร้อย จากวันนั้นมา วันทองก็กินข้าวปลาได้ เวลานอนหลับ ไม่ละเมอฝันร้าย โรคไข้หาย มีเนื้อมีหนังขึ้นทุกวัน สร้างความสำราญ เบิกบานใจให้กับนางศรีประจันยิ่งนัก

    ฝ่ายขุนช้างเมื่อรู้ว่า วันทองหายจากไข้ พลายแก้วไปทัพ ก็ไม่มีข่าวคราวว่าร้าย หรือดี เมื่อไหร่จะได้กลับ

    “คาดว่าคงเสียทีแก่ลาว ดับลงกลิ้งจมขี้เป็นแน่ ถ้ามีฤทธิ์เดชเวทมนต์ คงตีเชียงทองได้กลับมา อย่าเลยเราไปขอวันทองมาถนอมไว้ในห้องดีกว่า จะพูดจากับนางศรีประจันแม่ของวันทองว่าออแก้วตายแล้ว”

    จากนั้นสั่งบ่าวไพร่ไปว่า
    “ไปเร็วหวา ไปหาป้ากลอยกับป้าสาย บอกแกว่ากูเชิญให้มาหาที่บ้าน”

    อ้ายบ่าวรับคำแล้วรีบวิ่งไปทันที ครั้นไปถึงบ้านยายกลอยยายสาย ก็บอกตามที่นายสั่งมา
    “นายให้เชิญไปบ้าน”

     ยายทั้งสอง ได้ยินดังนั้นรีบไปทันที พอถึงบ้านขุนช้าง ขุนช้างเข้าไปพูดจาหว่านล้อมให้ยายทั้งสองใจอ่อน

    “เสียเงินทองเท่าใด ก็ยอม ขอให้ยายทั้งสองจงปราณีตัวข้า พาไปขอวันทองให้ข้าสักครา ออแก้วผัวมันนั้นไปทัพ แตกยับกับลาวตายเป็นผี มิมีผู้ใดรอดกลับมา บัดนี้พิมพิลาไลย แม่ของนางเปลี่ยนชื่อเป็นวันทอง หมอดู ทำนายว่าเป็นผู้ครอบครองทรัพย์ได้ จงเอ็นดูช่วยพาข้าไปขอวันทองให้ข้าหน่อยรา”

    ยายทั้งสองไม่รู้กลอุบายของขุนช้าง หลงไหลในเงินตราที่ขุนช้างนำมาล่อ ก็รับคำของขุนช้างทันที สองยายอาบน้ำแต่งตัว ทาแป้ง หวีผม นุ่งผ้าใหม่ ขุนช้างเลือกข้าไทที่ไว้ใจได้ จากนั้นกระซิบกระซาบสั่งความ

    “กูไว้ใจ เชื่อใจเอ็งมานาน เพลานี้จะให้ทำธุระของกู ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญหนักหนา อย่าช้าเอ็งจงรีบไปที่วัดเก็บเอากระดูกผีที่ป่าช้า ใส่หม้อใหม่มาให้ดี”

    อ้ายบ่าวรีบมาที่ป่าช้า จัดหม้อกระดูกได้ไวทันการ ขุนช้างรับหม้อใหม่เข้าไปในห้อง นุ่งผ้ายกทองแล้วห่มส่าน (ผ้าขนสัตว์ปนไหม)  จับกระจกชูขึ้นดูกระบาล เห็นหัวล้านของตน รู้สึกรำคาญใจ

    “กูแค้นน่าเพ่นหัวตัวเองสักสองโปก มันโสโครกเหลือใจ เกลี้ยงหน้าเกลี้ยงหลังดูจังไรจริงๆ “

    จากนั้นจับเขม่าใส่ไปสองเพรียง(กาบหอยทะเล) เปื้อนเปรอะหน้าเหมือนทำเล่น แล้วหวีผมให้กระจายปกปิดหัวล้านแต่ก็ไม่ได้ จึงค่อยๆ เอาไม้เล็กๆ เขี่ยทีละเส้นให้เรียง ทำไปบ่นไป

    “เบื่อหน่ายเกลี่ยผมทีละเส้นเต็มที อ้ายผมหยอกหยอยมันมีน้อยกว่าที่ว่าง ผมขี้เค้า ผมน่าเกลียด กูขี้เกียจหวีจริงๆ อนิจจาข้าวของเงินทองมีมากมาย คนรับใช้มีได้มากกว่าพัน ซื้อช้างซื้อม้าได้เป็นร้อย

    ส่วนผมมีหน่อยเดียวปิดขวัญที่หัวยังไม่ได้ ถ้าซื้อผมได้กูจะซื้อเส้นงามๆ มาใส่ให้เต็มหัว นั่งตัดเล่นให้สบายใจ ถ้ารู้ว่าจะหัวล้านมาตั้งแต่เกิด กูไม่ปรารถนาจะเกิดดอก”

    ความคับแค้นมันแน่นดังไฟสุมอยู่ในอก ลุกขึ้นผลีผลามไปในห้อง จับหม้อกระดูกผูกกระดาษ ส่วนบ่าวไพร่ทั้งหมดรอรับคำสั่ง ขุนช้างเรียกบ่าวไพร่ที่ไว้ใจ ส่งหม้อกระดูกให้แล้วเดินมา เป็นเวลาตะวันเที่ยง สองยายเดินนำหน้าไม่นานถึงเรืยนศรีประจัน สองยายถามหานางศรีประจัน อีบ่าวบอกว่าอยู่ข้างใน แล้วรีบวิ่งไปบอกนายว่า

    “ขุนช้างมาหาเจ้าคะ เพลานี้หยุดยั้งอยู่ที่่ตีนบันได”
    ยายศรีประจันเปิดหน้าต่าง แลเห็นขุนช้างร้องถามไปว่า

    “เหงื่อไหลโซมหน้า พ่อมาไย จะไปไหนฤา เชิญขึ้นมาข้างบนก่อน”


    เมื่อเจ้าของเรือนเชื้อเชิญขุนช้างขึ้นเรือน ตามมาด้วยยายทั้งสอง ขุนช้างนั่งลงตาเหลือกลนลานยกมือไหว้วนกราดไป นางศรีประจันรับไหว้แทบจะไม่ทัน หันหน้ามาส่งเชี่ยนหมากให้

    “พ่อมาหลายคนมาทำอะไรฤา เป็นไฉนยายกลอย ยายสายมาด้วยเล่า”

    ขุนช้างทำครวญครางอู้อี้ยีหน้า น้ำตากระเด็นเป็นเม็ดไหลเป็นทาง เช็ดน้ำตาแล้วเอาหม้อกระดูกมาตั้งด้านหน้า

    “นี่คือกระดูกออพลายแก้ว ลาวแทงตายเสียแล้ว มีคนเอามาให้ พระยาเชียงทองมันสองใจ เข้าด้วยพวกเชียงใหม่แล้วกลับมาทำเป็นเข้าด้วยพลายแก้ว ยกทัพมาถึงกลางป่า หยุดทัพพักหลับนอนหลายครา

ครั้นเพลาพลบค่ำร่ำไร พระยาเชียงทองย่องมาแทง เข้าที่ปอดเลือดแดงไหลกระเซ็น ร้องขึ้นเสียงดังมันหนีไป ออแก้วสิ้นใจในเวลาไม่นาน พวกที่ติดตามออแก้ว กลับมาถึงกรุงก็ติดคุก หลายคนต้องทนทุกข์ทรมานหนักหนา อ้ายมากเป็นผู้ฝากหม้อกระดูกมาให้”

    จากนั้นก็ทำหน้าคลายทุกข์กล่าวต่อไปว่า
    “ออแก้วอายุสั้นเท่านี้แล้ว คิดไปแล้วก็ใจหาย ไม่เก่งกล้าพอ แต่อาสาไปตายให้แม่พิมเป็นหม้ายอยู่ผู้เดียว”

    ยายศรีประจันได้ยินคำของขุนช้างรำพันร่ำไห้ รู้สึกตกใจยิ่งนัก

    “ออแก้วตายแล้วฤา เข้าหอยังไม่ทันสักเท่าไร ต้องไปราชการกองทัพ แม่นับวันคอยท่าอยู่ทุกวัน วันทองร้องไห้มิได้หยุด ทุกคนต่างช่วยกันปลุกปลอบ ระงมไป

จะปลอบเยี่ยงไรก็ไม่หยุดได้ เคราะห์โศกโรคร้ายเข้ารุมเร้าเป็นไข้แต่ไม่ตาย ออพลายแก้วกลับตายไปเสียก่อน หัวใจเอ็งขาดไปแล้ว วันทองเอย”

    วันทองอยู่ในห้องได้ยินคำพูดของขุนช้าง และเสียงร้องไห้โฮของแม่ ก็พุ่งพรวดออกมา เห็นหน้าขุนช้างก็รู้สึกขัดใจ กระทืบตีนผางๆ ที่กลางประตู

    “ใครช่างชั่่วร้าย มาแกล้งใส่ความ ว่าผัวกูตาย กูจะด่าให้ อ้ายงูเห่าเจ้าเล่ห์ มึงทำได้ทุกอย่าง หม้อใบละสิบเบี้ยสู้ไปหามา โครตแม่มึงกูขี้คร้านด่า”

    จากนั้นวันทองก็กลับเข้าห้องไป ทอดตัวนอนร้องไห้บนที่นอน

    “โอ้พ่อพลายแก้วของเมียเอย เมียไม่เชื่ออ้ายหัวล้านดอก มันแกล้งร้องระยำตำบอน ยุยงจนเป็นเหตุให้ผัวต้องไปทัพแล้ว กลับมาพูดสอพลอ เอากระดูกที่ไหนก็ไม่รู้มาใส่หม้อแต่งเรื่อง ช่างพูดไปได้ กลิ้งกลอกไปได้ทุกเรื่อง

    คิดไปคิดมาก็น่าน้อยใจ ผัวไปแค่นี้ ก็มีคนมาแต่งเรื่องเหลวไหล มาหลอกลวง ถ้าพ่อไม่ไปคงมิมีผู้ใดทำเรื่องเยี่ียงนี้ได้ สุดปัญญาของเมียที่จะแก้ไขแล้วพ่อแก้วเอย”


    นางศรีประจันได้ฟังคำลูกสาวด่าได้แต่แก้ตัวให้ลูก

    “ช่างเป็นเรื่องน่ารำคาญนัก ใครๆ อย่าไปถือสามันเลย แต่ก่อนมันมิเคยเป็นเยี่ยงนี้ คงเป็นเพราะพิษไข้ทำให้คุ้มคลั่ง ด่าอึงคะนึงลั่นบ้าน ว่ากล่าวเยี่ยงไรก็ไม่ฟัง ขี้คร้านจะตี”

    ยายกลอยกับยายสาย เห็นว่าได้โอกาสเหมาะ จึงกระซิบกระซาบขยิบตาให้สัญญาณกันและกัน และเริ่มงานตามแผนทันที

    “นี่แนะ คุณป้าศรีประจันกฎหมายตั้งไว้แต่ไรมา ว่าใครกล้าอาสาไปทัพ ถ้าแพ้ทัพกลับมาให้ฆ่าฟัน กฎหมายนี้ยังมีอยู่

    ถ้าแม้นตัวตายลงในทัพ ลูกเมียให้จับเป็นหม้ายหลวง ส่วนไพร่ที่ไปกับกองทัพให้ส่งเข้าไปในคุก วันทองจะต้องเป็นหม้ายหลวง ช่างน่าเป็นห่วงนัก หาทางยักย้ายถ่ายเทเสียเป็นไร

ขอให้ขุนช้างเอาเป็นเมียเถิดหนา เขาจะคิดแก้ไขที่ในกรุง เงินทองจะเสียสักกี่ถุงก็จะยอมสู้ อย่าให้เกิดเรื่องใหญ่ไปเลย รีบหาทางแก้ไขแต่เนิ่นๆ เสียเถิด”

    ยายศรีประจันได้แต่นั่งตัวสั่นน้ำตาไหล ด้วยคิดว่าลูกวันทองผัวตายไปเป็นหม้าย ไม่เห็นผู้ใด หน้าไหนจะช่วยเหลือได้ ขุนช้าง ผู้มั่งคั่ง เป็นเศรษฐีใหญ่ เงินทองเสียได้ไม่พรั่นพรึง เห็นจะได้พึ่งพาในภายหน้า คิดได้ดังนี้จึงว่าไป

    “วันทองเพลานี้ผัวตายแล้ว จะอยู่นิ่งเฉยเห็นจะไม่ได้ เกิดเรื่องแล้วยากจะแก้ไขได้ แม้จะมีทางแก้ไขได้  แต่ทว่าทุ่งราบป่าเขากว้างใหญ่ หนทางยาวไกลนัก กูไม่รู้หนทางนั้น ถ้าแม้นพลายแก้วไม่ตายกลับมา เบื้องหน้าจะเกิดเนื้อความกัน”

    ยายกลอย ยายสายรีบแย้งว่า
    “พลายแก้วตายแล้วเป็นแม่นมั่น พวกไพร่ที่ไปด้วยติดคุกอยู่ทุกวัน แม้นว่าพลายแก้วนั้นรอดกลับมา ท่านไม่รู้ไม่เห็นจะเป็นไร เขาก็คงปรับไหมเอากับพวกข้า

ถ้าท่านยอมจงให้คำสัญญา รีบเข้าเข้าเถิด ช้าอยู่ไม่ได้ ภัยคืบคลานเข้ามาแล้ว ถ้าเขามาเอาตัวไป จะยุ่งยากลำบากในการแก้ไข มีหนทางจะแก้ได้ในทันที ข้างแรมปลายเดือนนี้เหมาะนัก”

    ยายศรีประจันคิดชั่วครู่แล้วก็รับคำ กล่าวนัดหมายว่า
    “แรมสามค่ำให้มาถึงบ้าน จงเร่งรีบอย่าช้า คำนี้เป็นที่แน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง”

    วันทองอยู่ในห้องได้ยินคำแม่กำหนดวันยกให้ขุนช้าง รู้สึกขัดใจยิ่งนัก ลุกขึ้นเต้นเร่าๆ ร้องด่าข้าไทเสียงแจ้วๆ
    “สายทองของน้องไปข้างไหน ไปเรียกอ้ายพรมมาหาหน่อย การงานเช้าค่ำไม่นำพา โคตรแม่มึงคิดว่าประการใด”

    สายทองได้ยินเสียงน้องเรียกตนเอง และตาพรมระงมไป จึงรีบไปหาวันทอง ฝ่ายตาพรมนั้นหัวล้าน ร้องขานแล้วลุกออกมานอกห้อง นั่งลงเอี้ยมเฟี้ยมแล้วาถามว่า

    “แม่ร้องเรียกหาฉันฤา”
    วันทองชี้หน้าด่าประจาน

    “แม่มึงหัวล้านหาดีไม่ จะรู้สำนึกบ้างไหม เป็นบ่าวไพร่แต่บ้านช่องไม่นำพา ดีแต่เที่ยวโกหกพกลม มึงไม่ดูแล เอาแต่หลับตาเฝ้าประตู ให้ฝูงหมาพลัดหลงเข้ามา ให้มันมาเยี่ยวขี้ ทำเปรอะเปื้อน อ้ายขี้เรื้อนเห่าเสียงระเบ็งเซ็งแซ่ อีตัวเมียก็เห่าหอน มันน่าตบให้จมขี้หมานัก”

    ยายกลอยยายสาย ได้ยินวันทองด่าวุ่นวาย ก็นั่งหน้าบึ้ง ส่วนขุนช้างทำเป็นไม่ได้ยิน นั่งนิ่งอยู่ แต่เห็นว่าจะอึงคะนึงมากเกินไป จึงชวนยายกลอย ยายสายกลับ ยกมือไหว้นางศรีประจัน พร้อมกับกล่าวว่า

    “ตะวันบ่ายแล้ว พวกเราลาไปก่อน”
    นางศรีประจันกล่าวย้ำว่า
    “อย่าลืม ที่สัญญากันไว้ให้รีบมา”
    วันทองยังร้องด่าไม่หยุด

    “เหวย ยายมีว่าไร ไปไหน การงานเช้าค่ำไม่นำพา มีเสียงเฮฮาที่ไหน ไปนั่งพูดที่นั่น ลิ้นลมมึงดีจริงอีขี้ข้า หัวหูเหมือนกะลามะพร้าวขูด ชาติอีโกหกนกทิ้งทูด(ชื่อนกชนิดหนึ่ง) อีผักกูดต้มกระทิ”

    ยายกลอย ยายสาย ขุนช้าง ทนไม่ได้ ลุกจากหอกลางเดินเร็วจี๋ ลงบันได ออกจากบ้านนางศรีประจันทันที ยายกลอย ยายสายบ่นว่า

    “กูขายหน้า คราวหน้าจะไม่มาแล้ว โคตรเหง้าเขาขุดมาด่าจนหมดสิ้น ถึงเอาทองมากองให้ก็ไม่มาแล้ว”
    ขุนช้างรีบแก้ว่า

    “ไม่เป็นเช่นนั้นดอก วันทองบอกเป็นปริศนา หล่อนร้องบอกกับฉันสิ่งที่ได้ยินเป็นเพียงมารยา จริงๆ แล้วเป็นการขอให้เชิญแม่เทพทองมา หล่อนจึงขึ้นโคตรแม่อย่างที่ได้ยิน เป็นเพราะให้ไปตามผู้ใหญ่มา ฉันจะได้นางเป็นเมียแน่อย่าเสียใจไป ผู้หญิงอย่างวันทองหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว”
    วันทองเพลานี้อยู่ในห้วงคิดคำนึง ทบทวนเรื่องราวเหตุผล ความเป็นไป

    “โอ้พ่อพลายแก้ว ตายแน่แล้วฤาอย่างไร วันที่พ่อตาย เมียจะฝันเห็นสักนิดก็หาไม่ ลางร้ายก็ไม่ปรากฏให้เห็น บ่าวไพร่ไปด้วยกันก็ไม่เห็นมา

เขาว่านายตายไพร่ติดคุก เมียทุกข์ใจเหลือเกินกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า จนปัญหาของเมียที่จะคิดแก้ไขแล้ว ไม่รู้ว่าในอยุธยานั้นเป็นเยี่ยงไร


    ตั้งแต่เกิดเป็นวันทองมาหาได้เข้าอยุธยาสักหนไม่ วันเมื่อส่งผัวก็ได้ไป จำได้อยู่แต่ว่าคลองบางลาง ปลูกต้นโพธิ์ด้วยกันไว้ ถ้ากระไรจะดูพอรู้บ้าง

ถ้าพ่อแก้วตายไป โพธิ์ต้นนั้นก็คงตายตามเป็นแน่ คิดขึ้นมาน่าแค้นแม่ จะสืบสาวดูให้แน่ก็หาไม่ กลับหลงไหลเชื่อฟังคำของอ้ายคนจัญไร ยอมยกลูกให้ไอ้ขุนช้าง

    โอ้ว่าอนิจจาวันทองเอ๋ย เจ้าช่างยากลำบากนัก มีแต่ระกำช้ำใจไม่วายวาง ได้สร้างกรรมอันใดไว้หนอ จึงได้เป็นเช่นนี้ มีผัว ก็อยู่ด้วยเพียงสองสามวัน ก็จากกันไปไม่ได้เห็นหน้า เมื่อวันจากคลอด้วยน้ำตา กำชับไว้หนักหนาด้วยเป็นห่วงน้อง

    ใจคิดว่าจะกลับมาเป็นแน่ สั่งแล้วสั่งเล่า ออกปากฝากน้องกับสายทอง แล้วจึงจากไปไกลด้วยความจำใจ”
     สายทองย่องเข้าไปดูน้อง วันทองเห็นหน้าพี่ก็น้ำตาไหล โผกอดสายทองร้องไห้
    “น้องไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วพี่สายทอง”

ตอนที่ 11 ยังมีต่อ



Create Date : 18 กันยายน 2563
Last Update : 19 กันยายน 2563 5:24:44 น. 0 comments
Counter : 2131 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

0000
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
space
space
[Add 0000's blog to your web]
space
space
space
space
space