Italy, Austria & Germany: Wien (04-06 Oct. 2008) Part 1
และแล้วพวกเราก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงของ Austria ...Wien หรือ Vienna... เมืองในฝันของหลาย ๆ คนค่ะ

ที่นี่ เราจองห้องพักไว้ 2 โรงแรม คือ Pension Neuer Markt และ Hotel Stadhalle โดยพักที่ Pension Neuer Markt ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง 2 คืน และพักที่ Hotel Stadhalle 1 คืน

เหตุผลที่ต้องย้ายโรงแรม ก็เนื่องจากเช้าวันที่ 7 ตุลาคม พวกเราต้องขึ้นรถไฟจาก Wien Westbahnhof เพื่อไป Hallstatt แต่เช้าตรู่ เราก็เลยนำเสนอให้ไปนอนโรงแรมใกล้สถานี จะได้ไม่ต้องตื่นตั้งแต่ 04.00 am ...อากาศหนาว ๆ ต้องตื่นแต่เช้ามืดนี่ทรมานดีแท้ T_T...

หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าทำไมเราไม่เลือกนอนที่ Hotel Stadhalle เลยที่เดียว เรื่องนี้ต้องอธิบายกันนิดนึง (รึปล่าว hahaha) ว่าตอนแรกพวกเราวางแผนที่จะนอน Wien แค่ 2 คืน จากนั้นก็ขึ้นรถไฟรอบประมาณ 09.00 pm ไปต่ออีกขบวนนึงเพื่อไป Hallstatt ที่สถานี Attang Puchen ซึ่งพวกเราจะต้องรออยู่ที่ Attang Puchen ประมาณ 6 hrs อะค่ะ เราก็เลยจองโรงแรมตามแผนที่วางไว้ก่อน

พอใกล้ถึงวันเดินทาง ปรากฏว่าป้าสุกังวลเรื่องสุขภาพ เพราะคิดว่าแต่ละคนคงล้ากันพอสมควรแล้ว ที่สำคัญ เสียดายค่าตั๋วรถไฟที่ถ้าซื้อไป แต่ต้องไปรอที่สถานีก็ไม่คุ้ม ก็เลยกลับมาทบทวนแผนกันใหม่ แล้วก็ให้เราลองหาโรงแรมดู ก็ได้ Hotel Stadhalle นี่แหละค่ะ

สำหรับเหตุผลที่ไม่ cancel ห้องพักที่ Pension Neuer Markt เพราะป้าสุอยากพักโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ใจกลางเมืองอะค่ะ และเลือกโรงแรมนี้มาจาก 2-3 โรงแรมที่เรานำเสนอ เราก็จัดให้ตามนั้น แต่เอื้อมมารู้ทีหลัง และอดเสียดายค่าที่พักที่ราคาต่างกันประมาณ 40 Euro ไม่ได้ ก็เลยให้เราโทรติดต่อ Hotel Stadhalle ตอนอยู่ที่ Venezia แต่ห้องพักในวันที่ 4-5 ตุลาคม เต็มหมดแล้ว ดังนั้น พวกเราก็เลยต้องนอน 2 โรงแรมตามเดิม แหะ แหะ


Pension Neuer Markt ...เอื้อมกับเราใช้เวลา 2 วันในการสำรวจเส้นทาง แล้วถึงรู้ว่า Pension Neuer Markt อยู่ใกล้ Albertina นิดเดียว หลังจากเสียเวลาเดินอ้อมตั้งนาน hahaha




^
^
ห้องพักที่โรงแรมจัดให้ ...ราคา 155 Euro/night, included breakfast buffet and taxs

หลังจากเก็บของเรียบร้อย พวกเราก็ออกสำรวจเมือง พร้อมทั้งหาอาหารกลางวันทานกันค่ะ


Stephansdom ...ใกล้โรงแรมมาก ๆ เช่นกันค่ะ :) วันที่เราไปถึง บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนอะ (- -')


Details เล็ก ๆ น้อย ๆ ด้านนอกของ Stephansdom อะค่ะ


ภายใน Stephansdom ...ตอนพวกเราเข้าไป เค้ากำลังมีพิธีมิสซากันอะค่ะ แล้วก็มีที่กั้นนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้าไปด้วย เวลาถ่ายรูปก็เลยต้องยื่นกล้องเข้าไปตามช่องอะค่ะ hahaha


The High Altar


the Wiener Neustädt Altar

ออกจาก Stephansdom พวกเราก็มุ่งหน้าไป Freyung โดยป้าสุคาดว่าที่นั่นน่าจะมีร้านอาหารให้พวกเราทานกลางวันกันอะค่ะ



สำหรับเรา Wien เป็นเมืองหลวงที่ให้ความรู้สึกไม่เหมือนเมืองหลวงเลยอะค่ะ เป็นเมืองที่มีความโรแมนติกสูงมาก :) อาจเพราะมีตึกสวย ๆ เยอะมั้งคะ


The Baroque plague column @ Graben




^
^
Details ของ the column ค่ะ


Peterskirche


ตัวอย่างตึกสวยค่ะ :)

เดินชมวิวไปเรื่อย ๆ จนมาถึง Am Hof


นั่งพักเหนื่อย ประกอบกับเป็นมุมถนนที่สวยดีอะค่ะ :)


Pillar with the Holy Mary @ Am Hof square








^
^
รูปปั้นเทวดาตัวน้อยกำลังต่อสู้กับสัตว์ อาจเพื่อปกป้อง the Holy Mary อะนะ :)


Kirche am Hof


Freyung

พอเดินมาถึง Freyung ปรากฏว่าผิดคาดของป้าสุค่ะ ไม่มีร้านอาหารเลย พวกเราก็เลยต้องเดินกันต่อไป (- -')


ตึกสวย ๆ ระหว่างเดินหาอาหารกลางวัน ...ยังคงมีอารมณ์เก็บภาพค่ะ hahaha


เดินไปเดินมา เดินมาถึง Michaelerplatz ซะงั้น (- -') ...ในรูป คือ Alte Burg อะค่ะ ตอนพวกเราเดินมาถึงใกล้เวลาปิดแล้ว ก็เลยเก็บไว้เข้าวันพรุ่งนี้


Michaelerkirche

สรุป คือ พวกเราต้องทานอาหารกลางวันควบอาหารเย็นกันอะค่ะ เพราะหาร้านอาหารถูกใจทั้ง 3 คนไม่ได้ แหะ แหะ

ระหว่างเดินกลับไปแถว Stephansdom เพื่อหาร้านอาหาร พวกเราก็เดินไปปะทะกับผู้คนมากมายที่ยืนเข้าแถวกันอยู่ ด้วยความสอดรู้สอดเห็นของพวกเราก็เลยเดินเข้าไปดู ปรากฏว่าเค้ากำลังทำเค้ก Sachertorte เค้กขึ้นชื่อของ Wien กันอยู่พอดี พวกเราก็เลยถือโอกาสเข้าแถวรอซื้อกับเค้าบ้าง :)


เค้าให้ดูตั้งแต่ขั้นตอนนำเนื้อเค้กที่อบเสร็จแล้วมาทาแยมส้มจากนั้นก็พักไว้อะค่ะ


แล้วก็ราดด้วย Chocolate ทิ้งให้เย็น


Damel's Sachertorte แบบสำเร็จรูปค่ะ :) ...นี่ไม่ใช่ร้านต้นตำรับนะคะ ร้านต้นตำรับเลยชื่อ Cafe Sacher โดยจะมีวิปปิ้งครีมให้ทานคู่กันด้วยอะค่ะ

แต่ถึงจะไม่ใช่ร้านต้นตำรับ แต่ Damel's Sachertorte ก็อร่อยนะคะ สมควรแล้วที่มีคนเข้าแถวรอซื้ออะ >_<

อิ่มหน่ำสำราญกับเค้กกันแล้ว พวกเราก็เลือกเข้าร้าน Nord See เพื่อทานอาหารเย็น คนอื่น ๆ ทานกันได้ แต่เราไม่อะค่ะ เพราะโดยปกติก็ไม่ชอบทานปลาอยู่แล้ว ถึงจะเลือกปลาทอด แต่ก็ไม่อร่อย จนสุดท้ายก็ทานไม่ลงอะ แหะ แหะ หลังจากนั้นก็บ่นกับเอื้อม เอื้อมก็เลยบอกให้ทำใจ เพราะแถวนี้เค้าหาอาหารทะเลทานยาก ...ซะงั้น (- -')


Stephansdom ตอนเริ่มมืด ...ฟ้าตอน 07.00 pm สีสวยมาก ๆ >_<

หลังจากนั้นพวกเราก็แวะซื้อน้ำแล้วกลับโรงแรมไปพักผ่อนค่ะ

เช้าวันต่อมา ท้องฟ้าแจ่มใส บรรยากาศแตกต่างจากเมื่อวานลิบลับ (- -')


พิสูจน์ได้จากภาพ Stephansdom ...เราถ่ายวิวนี้มา 3 แบบ 3 อารมณ์เลยนะเนี่ย (- -')


ตึกนี้ก็สวย


รายละเอียดใกล้ ๆ :)


เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ร้านค้าปิด คนเลยบางตาไปเยอะเลยอะค่ะ


Alte Burg จาก Kohlmarkt


ป้ายร้านเก๋ ๆ


กับเค้กน่าหม่ำ

(โปรดติดตามตอนต่อไป)




Create Date : 24 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2551 0:49:53 น.
Counter : 1096 Pageviews.

4 comments
  
ตามมาดูคนรักทะเล แต่ไม่ชอบหม่ำปลาต่อค่า อิอิ
โดย: มิ้วค่า IP: 61.19.144.194 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:26:03 น.
  
อ่านเรื่องที่พักแล้วเห็นด้วยนะคะว่า ... การจัดการ
วางแผนเอาไว้ก่อนล่วงหน้าเป็นเรื่องดีเลยล่ะคะ ยิ่งเรา
จะไปเที่ยววางแผนให้รัดกุมไว้ก่อนดีโลดค่ะ
เพราะว่าจะได้ไม่ต้องห่วงว่าเราจะไม่มีที่พัก แล้วสำคัญ
คือพักที่ไหนที่สะดวก .. เพราะไม่มีรถก็จะลำบาก
กันเล็กน้อยสำหรับการเดินทาง

ปล. เห็นราคาห้องพักคืนละ 150 ยูโร ตกใจเลยค่ะ
เพราะว่าไม่เคยพักแพง แต่อาจจะเพราะว่าเป็นในตัวเมือง
ก็เป็นได้นะค่ะเลยแพงแบบนั้น .. แฮ่ๆ แบบว่า
เราได้ทีพักถูกเพราะต้องพักนอกเมืองแล้วขับรถ
เข้าเมืองกันเป็นเรื่องปกติอ่ะคะ ... เจอราคาเลยตกใจเลย ^^
โดย: JewNid วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:57:19 น.
  
ภาพสวยๆๆทั้งนั้นเลย

อยากไปเที่ยวบ้างจัง

โดย: grinny2545 IP: 59.61.59.212 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:25:26 น.
  
พาบสวยมากเลยค่ะๆ
โดย: วัน IP: 124.122.179.96 วันที่: 22 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:27:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชาบุ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



เป็นสาวแกร่งแรงเกินร้อย ประเภทพึ่งพาตัวเองได้ ดื้อเงียบ (แต่มีเหตุผลพอสมควรนะ) อ่อนไหว ช่างฝัน แต่ก็อยู่ในโลกของความเป็นจริง ชอบมองอะไรกว้าง ๆ และทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น (ปลงแล้ว! hahaha) ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ชีวิตนี้ยอมไม่มีแฟนดีกว่าไม่มีหนังสืออ่านอะ >_<

สิ่งที่จำขึ้นใจคือ คำคมภาษาอังกฤษที่ว่า "I will take my life into my hands and I will use it" และ คำคมจากหนัง My Best Friend's Wedding "When you love someone,you say it right then, out loud or the moment just passed you by"
พฤศจิกายน 2551

 
 
 
 
 
 
1
2
3
9
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
27
28
29
30
 
 
24 พฤศจิกายน 2551
All Blog