I'm not a bitch, I just have a low tolerance for bullshit.
|
|||
Italy, Austria & Germany: Pisa (29 Sept. 2008) วันที่ 29 กันยายน พวกเราตื่นกันประมาณ 05.30 am เพราะชวนกันว่าวันนี้จะต้องเดินไปตลาดสดใกล้ ๆ Flea market ให้ได้อะค่ะ hahaha ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ เพราะตลาดเปิด พวกเราก็เลยทานกาแฟ+ครัวซองต์กันเป็นอาหารเช้า และไปถึง Stazione Centrale di Santa Maria Novella ประมาณ 07.30 am ค่ะ ถึงพวกเราจะยังคงต้องตื่นเช้า แต่เมื่อไม่ต้องเร่งรีบไปขึ้นรถไฟให้ทันตามเวลาที่ระบุในตั๋ว เรากับเอื้อมก็สบายใจอะค่ะ ...ท่าทางพวกเราสองคนจะเป็นพวกไม่ชอบการถูกบีบบังคับ ไม่ว่าจะโดยกรณีใด ๆ ทั้งสิ้น hahaha... ไปถึง Pisa ประมาณ 09.00 am ค่ะ สถานีรถไฟที่ Pisa ออกจากสถานี พวกเราต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่ป้าย Campo dei Miracoli ค่ะ ...ตอนพวกเรากำลังดูสายรถเมล์กันอยู่ มีคุณป้าใจดีถามพวกเราว่าจะไปดูหอเอนกันใช่ไหม ถ้าใช่ เดี๋ยวให้ขึ้นรถเมล์คันเดียวกับเค้าเลย ...ขอบคุณมากนะคะ :) [คุณป้าเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกันอะค่ะ] พอลงจากรถเมล์ ก่อนเข้าไปใน Campo dei Miracoli จะมีกระโจมขายของที่ระลึกตั้งอยู่ทางด้านซ้ายมือค่ะ พวกเราไปถึงเช้าไปอะค่ะ ร้านยังไม่เปิด (- -') พอเดินผ่านประตูเข้าไปก็จะเห็น Baptistry, Duomo และหอเอนตั้งอยู่ทางซ้ายมือ ...ดูอลังการงานสร้างมากเลย Baptistry, Duomo และหอเอน ตามลำดับจากซ้ายไปขวาค่ะ เดินเข้าไปเรื่อย ๆ เพราะที่ซื้อตั๋วอยู่บริเวณด้านหลังหอเอนค่ะ :) ...ในรูป เหมือนหอเอนกำลังเบี่ยงตัวออกจากด้านหลัง Duomo เพื่อให้ตัวเองถูกถ่ายรูปชัด ๆ เนอะ hahaha [คิดได้ไงเนี่ยตรู (- -')] หอเอนเดี่ยว ๆ ...เปิดให้คนขึ้นไปด้วย :) พวกเราเห็นว่ามีคนต่อแถวรอขึ้นหอเอนกันอยู่ พวกเราก็เลยเดินไปต่อด้วย ระหว่างนั้นเอื้อมก็วิ่งไปซื้อตั๋วค่ะ พอเอื้อมกลับมาก็บ่นอุบว่า "แพง" hahaha ...ที่แพงสุดก็ค่าขึ้นหอเอนอะค่ะ คนละ 15 Euro (- -') นอกนั้นเอื้อมก็เลือกให้พวกเราเข้าชม Duomo, Baptistry แล้วก็ Camposanto ด้วย รวมค่าตั๋วก็เป็น 23 Euro/Person อะค่ะ (อีก 3 แห่งนี่รวมกันแค่ 8 Euro เองเน้อ เฮ้อออ) การขึ้นหอเอนก็เปิดเป็นรอบเวลาค่ะ และก่อนถึงรอบที่ตัวเองจะต้องขึ้นหอเอน 10 min นักท่องเที่ยวต้องไปฝากสัมภาระที่ locker ใกล้ ๆ กับที่ซื้อตั๋วค่ะ ...รอบที่พวกเราได้คือ 10.40 am ดังนั้น ต้องรอ 10.30 am ถึงจะเอาของไปฝากได้อะ เพราะอยู่ใกล้ Duomo พวกเราก็เลยตัดสินใจจะเข้าไปชมก่อนเป็นอันดับแรก แต่ติดพิธีมิสซาอะค่ะ ก็เลยต้องเดินไป Baptistry Baptistry หลังคารูปโดมของ Baptistry ...details สุดยอดอะ (>_<) ประตูทางเข้าค่ะ :) สิ่งแรกที่พวกเราทำหลังจากเดินเข้าไปใน Baptistry คือ ตะกายขึ้นบันไดไปเก็บภาพมุมสูงใน Baptistry อะ ...หายเหนื่อยก็เริ่มบ้าตะกายอีกรอบ hahaha เดินไป หยุด (ถ่ายรูป) ไปอะค่ะ ...ไม่กระตือรือร้นว่าต้องตามเอื้อมกับป้าสุให้ทันแล้ว แหะ แหะ การตกแต่งภายใน Baptistry ...ข้อดีของการถ่ายภาพมุมสูงคือเห็นลวดลายบนพื้นได้อย่างทั่วถึงอะค่ะ Stained-glass วิวของ Duomo กับหอเอน ผ่านช่องหน้าต่างด้านบน Baptistry ค่ะ ...เค้าตัดเหล็กกั้นไว้เป็นช่องให้นักท่องเที่ยวยื่นกล้องออกไปถ่ายเลยอะ ชอบมุมนี้อะค่ะ ...เสาสูง ๆ กับช่องประตูโค้ง :) หลังจากนั้นพวกเราก็เดินลงมาข้างล่างกันบ้าง หลุมฝังศพของใครสักคน ...สวยดีอะค่ะ :) Baptismal font by Guido Bigarelli Golden plaque ออกจาก Baptistry พวกเราเห็นว่ายังมีเวลาเหลือก็เลยเดินไป Camposanto ค่ะ ชอบรูปนี้อะค่ะ (>_<) ...ฟ้าสวย แถมดูเหมือนมีแสงเรืองรองจากยอดอาคารด้วย The Monumental Camposanto in the Piazza del Duomo CampoSanto เป็นสถานที่ฝังศพอะค่ะ มีหลุมฝังศพอยู่เกือบทุกที่ที่พวกเราเดินผ่าน ...บางอันที่ (พวกเราคิดว่า) เว้นว่างไว้ อาจไม่ใช่เพราะไม่มีศพ แต่เพราะรูปแกะสลักอาจลบเลือนไป แหะ แหะ... นอกจากหลุมฝังศพที่อยู่ตามพื้นแล้ว ยังมีโลงที่ตั้งอยู่บริเวณด้านข้างของตัวอาคารด้านในด้วยค่ะ ...เดินกันเงียบ ๆ คนน้อย ๆ ก็น่าจะหลอนเอาการอยู่ (- -') เพราะมีรูปหล่อปูนปลาสเตอร์ ต้นแบบของรูปปั้นหินอ่อนที่นำไปตกแต่งหลุมฝังศพของบุคคลสำคัญ ๆ ตั้งอยู่ด้วยอะ เช่นรูปนี้เป็นต้น ...เราได้เห็นของจริงอยู่ใน Museum ด้วย แต่จำไม่ได้แล้วว่าที่เมืองไหนอะค่ะ หารูปไม่เจอ T_T ช่างปั้นได้ดูอาลัยอาวรณ์ดีเหลือเกิ๊น เราชอบรูปปั้นนี้อะค่ะ ...ดูเหงา ๆ ดี ((ก็บอกแล้วว่าชอบความเหงา )) พอใกล้ 10.30 am พวกเราก็เดินกลับไปที่จุดฝากของ เพื่อฝากกระเป๋าเป้อะค่ะ และแล้วก็ได้เวลาตะกายหอเอน ...สู้โว๊ยยยยย ความสูงของหอเอน คือ 55.86 เมตรค่ะ เมื่อความพยายามเป็นผลสำเร็จ hahaha ทางเดินที่อยู่บนสุดของหอเอนค่ะ ...มองลงไปก็น่าหวาดเสียวไม่น้อย (- -') Piazza del Duomo หรือ Piazza dei Miracoli ...จากบนยอดหอเอน The bronze hippogriff บนหลังคา Duomo ...แต่ไม่ใช่ยอดโดมนะคะ Duomo และ Baptistry จากยอดหอเอน บรรดาระฆังจะแขวนไว้ที่อีกชั้นนึงอะค่ะ หลังลงจากหอเอน พวกเราก็พักทานอาหารกลางวันกันบริเวณสนามหญ้าด้านข้าง Duomo ค่ะ ...พวกเราเตรียมขนมปัง มายองเนส และทูน่าไปทำแซนวิชทานกันค่ะ :) รูปสลักที่อยู่บนหลังคาของ Camposanto อะค่ะ นั่งพักจนหายเหนื่อยแล้ว ...จริง ๆ คือให้เอื้อมแกล้งนักพิราบจนพอใจแล้วนั่นเอง hahaha... พวกเราก็เข้าไปชมด้านใน Duomo กันค่ะ ฟ้าเป็นฟ้าอีกแล้ว :) mosaic ภาพ Christ in Majesty ที่อยู่ข้าง ๆ เป็น the Virgin และ San Giovanni Evangelista (St. John the Baptist) ...เหนือแท่นบูชา นางฟ้าถือเชิงเทียน ...ยังกะถือดาบเลยอะ (- -') ภาพวาดด้านในของโดมอะค่ะ ...สวยมาก มีมิติเหมือนทุกอย่างกำลังโดนดูดเข้าไปใจกลางอะ Scene: Annunciation จากนั้นพวกเราก็เดินออกมา action ท่าถ่ายรูปตามแบบที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายนิยมทำกัน ไม่ค่อยดูสมจริงเนอะ (- -') ...เราชอบอีกรูปที่มีแต่นิ้วเราจิ้มอยู่บนหอเอนมากกว่า แต่อยู่ในกล้องป้าสุอะค่ะ พวกเรากะว่าจะขึ้นรถไฟรอบประมาณ 02.00 pm กลับไป Florence อะค่ะ ขณะนั้นยังมีเวลาเหลือ ก็เลยไปเดินสำรวจเมืองกับซื้อของที่ระลึกกันเล็กน้อย เดินไปเดินมา กลายเป็นเข้าไปในเขต University of Pisa ซะงั้น (- -') Palazzo della Carovana or dei Cavalieri พอใกล้จะได้เวลา พวกเราก็เดินกลับมารอขึ้นรถเมล์ที่ด้านหน้า Campo dei Miracoli ค่ะ ...Pisa เป็นเมืองเล็กค่ะ เพราะฉะนั้น รถเมล์แต่ละสายกว่าจะมาจะทิ้งเวลาห่างกันประมาณ 30 min ถึง 1 hr ถ้าตกรถ ก็เท่ากับตกรถไฟด้วย และเพราะพวกเรามัวแต่เอ้อระเหย ยังเดินไม่ถึงป้ายดี รถเมล์ก็เข้าไปจอดเทียบป้ายซะแล้ว เราเองก็ไม่ทันดูสายรถให้ดี แค่เห็นแว๊บ ๆ และอาศัย sense ว่าต้องรถคันนี้แหละที่จะกลับไปสถานีรถไฟ แต่ก็ตะโกนบอกป้าสุกับเอื้อมว่าให้รีบวิ่งไปขึ้นรถเลย hahaha ...ขึ้นทันซะด้วย แต่พอป้าสุถามว่าแน่ใจใช่ไหมว่าคันนี้ เราก็ตอบว่า "ไม่แน่ใจ" ป้าสุก็เลยอึ้ง hahaha แต่สุดท้ายก็เป็นสายรถที่ถูกต้องนะคะ แถมทำให้เรากลับไปขึ้นรถไฟทันรอบ 02.30 pm เพื่อกลับไปเที่ยว Firenze หรือ Florence ต่อได้ด้วย ...ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อน ๆ ไม่ควรเลียนแบบนะคะ ไอ้การอาศัย sense ในการดูทิศทางหรือทำอะไรบางอย่างเนี่ย มันเป็นความสามารถเฉพาะตัว ห้ามลอกเลียนแบบอะ (- -') hahaha (โปรดติดตามตอนต่อไป) โชคดีนะนี่ ฟ้าสวยเชียว
โดย: ป้าเก๋สวย IP: 84.102.201.246 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2551 เวลา:3:26:47 น.
มาตามแอ่วต่อค่า !
โดย: มิ้วค่า IP: 61.19.144.194 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:56:41 น.
|
ชาบุ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] เป็นสาวแกร่งแรงเกินร้อย ประเภทพึ่งพาตัวเองได้ ดื้อเงียบ (แต่มีเหตุผลพอสมควรนะ) อ่อนไหว ช่างฝัน แต่ก็อยู่ในโลกของความเป็นจริง ชอบมองอะไรกว้าง ๆ และทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น (ปลงแล้ว! hahaha) ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ชีวิตนี้ยอมไม่มีแฟนดีกว่าไม่มีหนังสืออ่านอะ >_< สิ่งที่จำขึ้นใจคือ คำคมภาษาอังกฤษที่ว่า "I will take my life into my hands and I will use it" และ คำคมจากหนัง My Best Friend's Wedding "When you love someone,you say it right then, out loud or the moment just passed you by" Group Blog All Blog
|
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |