Home alone in Hua Hin
เมื่อคืนกว่าจะง่วงอีกรอบก็เกือบ 3.00 am นึกว่าตอนเช้าจะตื่นสัก 10.00 am ที่ไหนได้พอ 8.00 am ก็ตื่นแล้ว รู้สึกว่าไมเกรนกำเริบ คงเพราะนอนน้อย แต่ก็ลุกขึ้นมาถ่ายรูป เอาของเปียก ๆ เช่น ชุดว่ายน้ำ อุปกรณ์ดำน้ำ ออกไปตากที่ระเบียง


เริ่มจากถ่ายประตูห้องก่อนเลย hahaha ชั้นนี้มีห้องพักห้องเดียวค่ะ ส่วนตัวมาก ๆ


มองเข้าไปจะเห็นเตียงคู่ ...จริง ๆ เราบอกเค้าว่าเราอยากได้ห้องเตียงเดี่ยว สำหรับพักคนเดียว แต่สงสัยจะไม่มีอะค่ะ เค้าเลยจัดห้องนี้ให้เรา


อีกมุมนึงของห้อง... ห้องใหญ่เกินไปสำหรับพักคนเดียวนะเราว่า


โทรทัศน์วางอยู่ปลายเตียงด้านใน เราก็เลยนอนเตียงนั้น ส่วนอีกเตียงใช้วางกระเป๋า


สภาพห้องน้ำค่ะ ...มีผ้าเช็ดตัว สบู่ แชมพู และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับอาบน้ำให้ด้วย




^
^
ระเบียงค่ะ จะเห็นว่ามีโต๊ะ เก้าอี้ให้นั่งชมวิวด้วย ระเบียงที่เห็นอยู่ติดกันนั่นเป็นของห้องพักอีกห้องที่ใช้ทางขึ้นแยกกันอะค่ะ






^
^
วิวที่มองเห็นจากระเบียงค่ะ สระว่ายน้ำนี่เป็นของที่พักที่อยู่ติดกับ Guest house อะ


บันไดทางขึ้น...ถ่ายจากชั้น 4 ลงไปอะค่ะ

หลังจากถ่ายรูปเรียบร้อย เราก็ตัดสินใจทานยาไมเกรน แล้วก็นอนพักอีกสักหน่อย plan ไว้ว่าพอใกล้เที่ยงค่อยลุกขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวแล้วจะออกไปทัวร์หัวหิน

ตื่นมาอีกรอบด้วยอาการที่ดีขึ้น ...ดีใจที่ตัดสินใจทานยาแต่เนิ่น ๆ เพราะปกติมักจะทนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เผื่อว่ามันจะหายเอง ซึ่งก็ไม่ค่อยจะหายเองสักเท่าไหร่ hahaha... อาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อย ก็ออกไปทานพิซซ่าชายหาดดีกว่า

จาก ทิพย์อุไร Guest house ที่เราพัก สามารถเดินไปชายหาดได้ในระยะทางไม่ไกลค่ะ แต่ทางอาจจะซอกแซกหน่อย เพราะมีที่พักที่อยู่ใกล้หาดมากกว่าให้เราเดินผ่านด้วย


บันไดทางลงไปชายหาด มีต้นไม้คลุมเหมือนเป็นหลังคา ((ถ้าเพื่อน ๆ เคยอ่าน blog เราเมื่อนานมาแล้วก็จะเคยเห็นค่ะ))


เดินลงมาได้สักหน่อยก็จะเห็นหาดมากขึ้น


หาดที่เรามาพัก ค่อนข้างจะเงียบ สงบ และเป็นส่วนตัว แต่ก็มีเครื่องเล่นทางน้ำให้บริการ ดังนั้นจึงมีชาวต่างชาติมาพักพอสมควรค่ะ


พอเท้าเหยียบลงบนทรายก็มีคนขี่ม้ารี่เข้ามาถามว่าสนใจจะขี่ม้าไหม แต่พอเราส่ายหน้าปฏิเสธ เค้าก็บอกว่าแค่โพสต์ท่าถ่ายรูปก็ได้ ซึ่งเราก็ปฏิเสธอีกเช่นกัน


บรรยากาศชายหาดตอนเที่ยงวัน ขนาดแดดร้อนจัดอย่างนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติยังบ่ยั่น ส่วนเราเดินไปร้านพิซซ่าชายหาดไป ก็นึกว่าตัวเองในใจว่า 'นี่ชั้นนึกยังไงตัดสินใจมาทานพิซซ่าตอนนี้เนี่ย' hahaha


เตียงผ้าใบกับร่มริมหาด หน้าร้านพิซซ่าค่ะ มีชาวต่างชาตินั่งเกือบเต็มแน่ะ

พอเดินจะถึงร้าน เพิ่งรู้สึกแสบเท้าตัวเองมาก ๆ คงเพราะโดนแสงอาทิตย์เข้าเต็ม ๆ - -'


ใครเลยจะรู้ว่าร้านที่ดูเหมือนเพิงอย่างนี้จะทำพิซซ่าได้อร่อย

หลังจากสั่งพิซซ่า เฟรนช์ฟรายด์ และเครื่องดื่มเรียบร้อย เราก็เลือกนั่งเตียงผ้าใบ ซึ่งต้องจ่ายค่าเตียงเพิ่มอีก 20 บาท

ระหว่างนั่งรออาหาร ก็โทรหาแนน ถามว่าเมื่อคืนถึงกรุงเทพฯ กี่โมง แนนตอบว่า "เกือบตี 2 ค่ะ แล้วตอนออกจากซอย Guest house เกือบออกไม่ได้ พี่ขุนยังพูดเลยว่าพี่นุ่นทิ้งความลำบากไว้ให้ ตัวเองรอดตัวไปแล้ว นี่ถ้าออกมาไม่ได้ สงสัยคงต้องนอนแถวนั้น" ...แหะ แหะ ขออภัยค่ะ... จากนั้นก็โทรไปรายงานตัวกับเติ้ล เพราะเดี๋ยวคุณน้องจะว่าว่ามาเที่ยวแล้วหายเงียบไปเลย ซึ่งก็จริง ๆ เพราะพอรับสาย คุณน้องก็พูดว่า "โหยยย นึกว่าหายไปกับทะเลแล้ว" คุยกันไปได้สักพัก อาหารมา เราก็เลยวาง ...เรื่องกินเรื่องใหญ่จริง ๆ >_<


พิซซ่าหน้าแฮมชีสค่ะ ...ที่เห็นแหว่งไปนิดนึงนั่น ฝีปากเราเองค่ะ แบบว่าหิวอะ พอเค้ายกมาเสริฟเราก็หยิบมากัดเลย แล้วถึงนึกได้ว่ายังไม่ได้ถ่ายรูปนี่หว่า - -'


set branch ของเราค่ะ ...ถือเป็น breakfast ควบ lunch เลยละกัน หิว ๆ >_<


วิวจากที่นั่งของเราค่ะ ...เห็นผิวที่เค้าโดนแดดกันแล้วสยองอะ มันแด๊ง แดง


พอทานเสร็จก็กลับ Guest house ค่ะ ...ไม่สามารถนั่งชมวิวต่อได้ เพราะร้อนมากกกกกกกกก


ทางที่เราเดินมาอะค่ะ ถ่ายมุมนี้เห็นบันไดชัด ๆ

ก่อนจะออกไปตลาดหัวหิน เราก็เอากุญแจห้องไปฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ค่ะ


แถว ๆ ที่พักจะมี Guest house ไว้บริการเยอะ แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาพักไม่ค่อยดูแย่นะคะ

พอเข้าไปฝากกุญแจ ก็เจอพนักงานต้อนรับผู้หญิง ซึ่งคงเป็นคนที่เราโทรมาจองกับเค้า เค้าก็ถามว่า "เมื่อคืนมาถึงดึกเหรอคะ" สงสัยพนักงานต้อนรับกะกลางคืนคงแจ้งว่าเราเข้าพักแล้วอะค่ะ เราเลยบอกว่า "ค่ะ เกรงใจเหมือนกัน พอดีไปดำน้ำแล้วกว่าเรือจะกลับเข้าฝั่ง เปิดเครื่องมาเห็นทางนี้โทรไป"

พนักงานต้อนรับ: "อ๋อ ค่ะ โทรไปจะถามว่าจะมาถึงกี่โมงน่ะค่ะ ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ เหรอคะ"

เรา: "คิดว่าจะมาถึงสัก 10.00 pm น่ะค่ะ แต่เอาเข้าจริงมาถึงเกือบเที่ยงคืน คือ อยู่กรุงเทพฯ ค่ะ แต่พอดีไปดำน้ำที่ทะเลชุมพรก่อนหน้านี้ แล้วก็เลยจะแวะเที่ยวหัวหินน่ะค่ะ"

พอฝากกุญแจเรียบร้อย เราก็เดินออกไปหน้าปากซอย ข้ามถนนไปอีกฝั่ง แล้วก็ขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้าตลาดหัวหินค่ะ คุณลุงคนขับก็อัธยาศัยดีนะคะ

ในเมื่ออากาศร้อนอย่างนี้ก็ทานไอศกรีมดีกว่า


Italian Icecream ชื่อร้านถ่ายมาไม่หมด แต่คิดว่าน่าจะเป็น Le Gelato Italiano อะค่ะ อยู่ในซอยทางเข้าหาดหัวหินอะ


ภายในร้านจะมีป้ายติดไว้ว่ามี Fat เท่าไหร่ ซึ่งเราก็อ่านไปปลอบใจตัวเองไปว่าไม่อ้วน ๆ hahaha


Dreaming Roma เปลี่ยนรสไอศกรีมเป็น Banana กับถั่วพิซซาริโอ (มั้ง)

หลังจากทานไอศกรีมให้รู้สึกเย็นชื่นใจแล้ว เราก็เดินหาซื้อ Postcard ส่งถึงเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ และไม่ลืมส่งถึงตัวเองด้วย stamps ไม่ต้อง เพราะมีอยู่แล้ว

ก่อนกลับ Guest house ไม่ลืมที่จะซื้อน้ำมาแช่ตู้เย็นด้วยค่ะ ...จริง ๆ เค้ามีน้ำเปล่าให้อยู่แล้ว 2 ขวดอะ แต่ไม่แน่ใจว่าเค้าจะเอาขวดใหม่มาให้หรือเปล่า เลยซื้อไปเผื่อไว้ก่อน... พอกลับเข้าห้อง เห็นเค้าเอามาวางไว้ให้อีก 2 ขวด น้ำที่เราซื้อมาเลยเป็นหมันอะ

เรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างแถวนั้นให้มาส่ง จากนั้นก็ขึ้นมาเขียน Postcard ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ ...เงียบ ๆ คนเดียว ไม่ต้องมีใครโทรตาม เพราะปิดมือถือ ก่อนหน้านี้ลืมปิด มีลูกพี่ลูกน้องโทรมา เรายังนึกโกรธตัวเองเลยว่าลืมปิดได้ไงเนี่ย

กะว่าสัก 5.00 pm จะออกไปเดินตลาดไนท์บาซ่าหัวหินอะค่ะ แต่พอ 4.30 pm แดดที่เคยออกจัด ก็เริ่มครึ้ม ๆ ก่อนออกไปตลาดก็เลยลองแวะไปชายหาดสักหน่อย






^
^
บรรยากาศผิดกันลิบลับกับตอนกลางวัน ไม่กล้าเดินไปไหนไกล เพราะกลัวหลบฝนไม่ทัน พอถ่ายได้สักพักก็เดินกลับ

ขากลับฝนเริ่มลงเม็ดพอดี นึกในใจว่า 'ดีนะเนี่ยที่เดินไปหาดก่อน ถ้าไปตลาดคงเปียกฝนแน่'


เข้ามานั่งหลบฝนอยู่หน้า Guest house ไป อ่านหนังสือไปพลาง รอฝนหยุด

ประมาณ 5.30 pm ฝนก็หยุด รอดูสักพักว่าจะตกอีกรอบหรือเปล่า เมื่อคิดว่าคงไม่ตกแล้ว ก็เดินออกไปขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้ไปส่งที่ตลาดไนท์บาซ่าหัวหิน เจอคุณลุงคนเดิมกับเมื่อตอนกลางวันเลย คุณลุงไปส่งที่ท้ายตลาดอะ

เราไปถึงเร็วไปอะค่ะ ตลาดยังไม่ตั้ง เราก็เลยเดินทะลุมาถนนใหญ่ แล้วก็ข้ามถนนไปหาอะไรทาน ตอนแรกอยากทานก๋วยเตี๋ยว แต่ร้านปิดแล้ว เลยลองเดินไปเรื่อย ๆ มาสะดุดกระเพาะปลาอะค่ะ




อร่อยดีค่ะ

ส่งกระเพาะปลาเข้าท้องเรียบร้อย ก็นึกอยากทานขนมหวานล้างปาก ลองเสี่ยงเดินไปดูลอดช่องที่ขึ้นชื่อของหัวหินดีกว่าว่ายังขายอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าเค้าปิดร้านแล้วอะ T T เลยเดินต่อไปเรื่อย ๆ มาเจอร้านขายเต้าฮวย


เค้าขายหลายอย่างอะค่ะ


สั่งเต้าฮวยมาทาน เพราะชอบทานสุด

พออิ่มท้อง ก็ได้เวลา shopping เดินกลับไปตลาดไนท์บาซ่า เริ่มมีร้านมาตั้งเยอะแล้ว



ร้านแรกที่แวะไปดูเป็นร้านขายเสื้อผ้าอะค่ะ



ได้กางเกงมา 1 ตัว


250 บาท

เดินออกมาเห็นร้านขายหมวก เลยเข้าไปดู



ได้หมวกมา 1 ใบ


150 บาท

จากนั้นก็เดินสำรวจตลาด แต่ไม่มีอะไรน่าสนใจให้ซื้ออีกเลย ขากลับเลยแวะซื้อโรตีกล้วยทาน ...งานนี้กิน กิน กิน hahaha




ดูน่าทาน แต่เราว่าอร่อยสู้โรตีกล้วยที่เชียงใหม่ไม่ได้อะ ...ยังไม่เคยทานที่ไหนแล้วอร่อยเท่าเชียงใหม่เลยนะเนี่ย - -' ((หิ้วกลับไปทานที่ห้องอะค่ะ))

ในเมื่อได้ทำให้กระเป๋าเงินเบาสมใจแล้ว ก็เรียกมอเตอร์ไซค์กลับค่ะ


ตลาดไนท์บาซ่าหัวหิน ...ภาพไหวไปหน่อยนะคะ เพราะถ่ายตอนซ้อนมอเตอร์ไซค์อะค่ะ

เป็นการเดินตลาดที่เร็วมาก ๆ เพราะไม่ถึง 7.00 pm เราก็กลับถึง Guest house แล้ว


คุณมอเตอร์ไซค์ไม่ยอมติดไฟแดงค่ะ พาเราเลี้ยวซ้ายมากลับรถ แล้วก็เลี้ยวซ้ายอีกที เพื่อกลับเข้าถนนเส้นเดิม ...นี่เป็นซอยทางเข้าหาดหัวหินอะค่ะ ร้านไอศกรีมอิตาเลี่ยนตั้งอยู่ซอยนี้แหละ

กลับถึงห้องก็ทานโรตี อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ เก็บของเข้ากระเป๋าบางส่วน พอ 9.00 pm เราก็เริ่มง่วงแล้ว สงสัยทดแทนจากคืนก่อนแน่ ๆ

เช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นตอน 8.00 am เช่นกัน อาบน้ำ แต่งตัว เก็บของทุกอย่างให้เรียบร้อย เตรียม check out แต่ก่อนจะ check out ก็ต้องไปหาอาหารเช้าทานก่อน ...ลืมบอกไปว่าราคาที่เราจ่าย ไม่รวม breakfast อะค่ะ เราว่ามันดีสำหรับเรานะ เพราะเราไม่ต้องรีบตื่นลงมาทาน ในเวลาที่เค้ากำหนดอะ

ออกมาเจอคุณลุงคนเดิมอีกแล้ว วันนี้คุณลุงคงเพิ่งรู้สึกว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว เลยถามว่า "เคยไปเที่ยวที่ไหนมาแล้วบ้าง"

เรา: "อืมม ก็ไปมาหลายที่อะค่ะ เขาตะเกียบ เขาสามร้อยยอด ปราณบุรี"

คุณลุง: "เคยไปน้ำตกไหม"

เรา: "ยังไม่เคยค่ะ เอาไว้คราวหน้าค่อยไป เพราะเดี๋ยววันนี้ต้องกลับกรุงเทพฯ แล้ว"

พอถึงแยกไฟแดง คุณลุงก็พาเราเลี้ยวซ้าย ไป U-turn เหมือนกันคุณลุง บอกว่า "รอสัญญาณไฟ เดี๋ยวร้อน บางคนกลัวดำ"

เรา: "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงก็ดำอยู่แล้ว มาอยู่ทะเลนาน ๆ ดำขึ้นตั้งเยอะ"

คุณลุง: มองเราอย่างพินิจทางกระจกหลัง "โหยยย นี่ไม่ดำหรอก ขาวแล้ว"

เรา: ยิ้ม 'ปลอบใจกันได้ดีมากเลยค่ะ แต่สำหรับหนู หนูดำแล้วอะ' ((คิดในใจนะคะ hahaha))

พอคุณลุงมาส่งที่ร้านต้มเลือดหมู เราก็เลยขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก


หน้าตาใจดีเนอะ ...ส่วนราคาจากหน้า Guest house มาตลาดก็ 20 บาทค่ะ ขากลับก็เหมือนกัน

ตอนขอถ่ายรูป คุณลุงแซวว่า "ถ่ายไว้เผื่อเอาไปลงประกาศจับหรือไง" hahaha


เวลามาหัวหิน ตอนเช้าต้องมาทานต้มเลือดหมูร้านนี้ค่ะ


เราทานไม่ใส่เครื่องในค่ะ เบิ้ล 2 เล้ย


เครื่องดื่มเป็นชาเย็น

ของคาวแล้ว ก็ต้องหาของหวาน เดินไปดูร้านลอดช่องนายดำ หรือลอดช่องสิงคโปร์เสวยว่าขายหรือยัง ปรากฏว่าเค้าเพิ่งตั้งร้านอะ บอกว่าให้รอสักครู่


คุณป้ากำลังจัดของ

ลอดช่องร้านนี้เค้าไม่ได้ผสมมาจากบ้านนะคะ เค้าจะตัวลอดช่องใส่โหลไว้ พอใครสั่งก็จะตักขึ้นมา เติมน้ำกะทิ แล้วก็น้ำเชื่อมเป็นแก้ว ๆ ไป


ตัวลอดช่องเค้าใส ๆ อะ แต่เหนียวนุ่ม ...อร่อย

เจ้าของร้านคงงงอะค่ะ เราไปยืนรอเค้าตั้งนาน แต่สั่งแค่แก้วเดียว

พอได้ทานสมอยากแล้วก็เดินกลับค่ะ ...ไม่นั่งมอเตอร์ไซค์แล้ว... ลองถามร้านขายของหน้าปากซอย Guest house เค้าบอกว่าระยะทางจากปากซอยเดินไปไปรษณีย์ประมาณ 500 เมตร แล้วจากร้านลอดช่องเดินไปไปรษณีย์ก็น่าจะประมาณ 3-400 เมตร รวม ๆ แล้วก็เกือบกิโล ซึ่งเดินได้จิ๊บ ๆ ถือเป็นการออกกำลังด้วย เพราะทานเข้าไปเยอะเหลือเกิน


แวะส่ง postcard ก่อน เราติดสแตมป์ไปเรียบร้อยแล้วก็จริง แต่ก็กดหมายเลขรอคิวอะค่ะ เพราะไม่มั่นใจว่าส่งไปฝรั่งเศสนี่ต้องติดเท่าไหร่ ...เราติดมา 15 บาทอะ... คราวที่แล้วติดไป 12 บาทกว่าจะถึงใช้เวลาเป็นเดือน พอลองติด 15 บาท ประมาณ 2 อาทิตย์ก็ได้รับ ต่อไปติด 15 บาทดีกว่า - -'

จากนั้นก็เดิน เดิน เดิน และเดิน ท่ามกลางแดดร้อน ๆ กลับที่พัก ก่อนเข้าซอย เห็นรถสามล้อรับจ้างเลยลองถามว่าถ้าจะให้ไปส่งที่สถานีขนส่งคิดเท่าไหร่ เค้าบอกว่า "เหมา 60 บาท แต่ถ้าให้ไปรับในซอยคิดเพิ่ม 20" ...แพงอะ เลยยังไม่ตกลง เดินกลับไปถามที่พักก่อนดีกว่า เพราะคุ้น ๆ ว่าเค้าบอกว่าถ้าให้เค้าเรียกรถไปส่งเค้าคิด 60 บาท

พอกำลังจะเดินเข้าซอย คุณลุงมอเตอร์ไซค์รับจ้างคงเห็นเราคุยกับสามล้อรับจ้าง ก็เลยตะโกนโหวกเหวก ๆ แต่เราไม่ได้ยิน เลยโบกมือตอบไปว่าไม่ได้ แล้วก็คิดในใจว่า 'ถ้าหนูไม่มีกระเป๋าโต ๆ 2 ใบก็คงใช้บริการคุณลุงอะค่ะ'

พอกลับถึงที่พักก็ check out เลย ให้คนขึ้นไปช่วยขนกระเป๋าลงมา แล้วก็ถามว่าถ้าจะให้รถไปส่งที่ขนส่งคิดเท่าไหร่ พอเค้าบอกว่า 60 บาท ก็เลยตกลง


ตอนแรกนึกว่าจะเป็นรถสามล้อรับจ้าง แต่มาเป็นคันอย่างนี้เลย hahaha


เราไม่ได้ขึ้นรถที่ขนส่งอะค่ะ แต่ขึ้นที่หน้าบริษัทรถทัวร์เลย ค่าตั๋ว 160 บาท ได้รถรอบ 10.30 am


พอถึงเวลารถก็มาจอดเทียบให้ผู้โดยสารขึ้นค่ะ

ขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อยก็โทรรายงานตัวกับมารดาท่าน และเพื่อนคนอื่น ๆ ...เริ่มกลับสู่สังคม hahaha

ใช้เวลาเดินทาง 3.30 hrs ซึ่งเราทรมานมากกกกกกก เพราะแอร์ไม่เย็น แทบขาดใจเลยอะ เอาพัดขึ้นมาพัดก็เอาไม่อยู่ ทำอะไรไม่ได้สุดท้ายก็เลยพยายามหลับให้ลืม ๆ ไปซะ - -'

พอถึงสายใต้ เรียก Taxi นึกในใจว่า 'ถ้าเก่า ๆ แอร์ไม่เย็นชั้นไม่ขึ้นเด็ดขาด'

ถึงบ้านเวลา 3.00 pm ค่ะ โดยสวัสดิภาพ เสียดายนิด ๆ ที่ต้องกลับมาสู่ความวุ่นวายอีกแล้ว แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า 'เอาหน่า อย่างน้อยเราก็ได้พักผ่อนเติมพลังให้ตัวเองแล้ว จงพอใจในสิ่งที่มีอยู่เถอะ'

ตอนนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินไว้ไปทริปดำน้ำปลายปีค่ะ แล้วก็กะว่าจะซื้อ housing เพื่อนำกล้องตัวเองลงไปถ่ายใต้น้ำด้วย อยากถ่ายอะไรก็จะได้ถ่ายมาอะ ...ได้ถ่ายแหลกแน่ ๆ ช้านนนน
__________________________________________

ป.ล. คืนนั้นโทรหาพี่ขุน พอพี่ขุนรู้ว่าเป็นเรา คำพูดแรกก็คือ "นุ่น เธอนี่บ้าหรือเปล่า อยู่เที่ยวหัวหินคนเดียวก็ได้เนี่ย ผมก็นึกว่านัดญาติหรือเพื่อนไว้" เราเลยได้แต่หัวเราะค่ะ hahaha



Create Date : 02 กรกฎาคม 2549
Last Update : 5 กรกฎาคม 2549 21:10:35 น.
Counter : 1714 Pageviews.

8 comments
  
สนุกสนานน่าดู พี่เรา คิดถึงนะคะ
โดย: กุ้ง IP: 202.5.87.152 วันที่: 5 กรกฎาคม 2549 เวลา:21:36:45 น.
  
อัพบล็อคใหม่อีกแย้ว แหม น่าอิจฉาพี่นุ่น จริง จริง ไปเที่ยวอีกแล้ว อาทิตย์หน้ามิ้วต้องขึ้นดอยไปทำงานอ่ะค่ะ ฝนตกด้วย ทางลำบากแน่เลย 4wheel คงเอาไม่อยู่เพราะหนักมิ้วด้วย 55555 ต้องเตรียมยาช่วยชีวิต (ยาแก้เมา) อีกแผงแน่เยย ถ้าว่าง ๆ มีโอกาสถ่ายรูปจะได้เอารูปมาอัพบล็อคอ่ะค่ะ

ปล.โรตีหร่อย หร่อย ที่เชียงใหม่อยู่แถวไหนค่ะ ไว้ตามไปหม่ำบ้าง อิอิ
โดย: ZaxZoPhone. วันที่: 6 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:13:45 น.
  
พิซซ่า ไอติม โรตี เต้าฮวย ชาเย็น... เห็นแล้วหิวววววววววววววววววววว
โดย: กาน้ำชากะเชี่ยนหมาก วันที่: 6 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:39:38 น.
  
กี่ปีแล้วหนอที่ไม่ได้ไปหัวหิน ล่าสุดจำได้ว่า ไปงานศพแม่ ผจก.ใหญ่ โอ๊วววว เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เง่ออออ...เวลาผ่านไปเร็วจังเลย

แต่ไม่เป็นไร ไอติม โรตี กระเพาะปลา ซีฟูด ...บลา ๆ รอชั้นก่อนนะจ๊ะ อิอิอิ แม่จะฟาดให้พุงย้อยเลย

เรื่องกินเรื่องใหญ่ อยู่ที่ไหนก็จะตะกายไปกินถ้าอร่อย ป่ะ ๆ ไปกินกัน
โดย: ป้าเก๋สวย IP: 84.99.252.191 วันที่: 6 กรกฎาคม 2549 เวลา:21:58:49 น.
  
โอ้โห อ่านตามแล้วน่าอิจฉาเป็นที่ซู๊ดดดดดดดดดด อยากเที่ยวคนเดียวแบบนี้ล่ะค่ะ เพราะว่าไปไหน อะไรยังไง ก็ไม่ต้องเกรงใจใครเลย ไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ มันแบบนี้ล่ะค่ะที่ปรารถนาเลยคุณนุ่น ^_^

ขอบคุณสำหรับข้อความที่บล็อกเรื่องเพื่อนเมื่อวานนี้นะค่ะ ... คนไปก็สบายแล้ว เราคนอยู่ต่อไปก็ต้องมีอะไรให้เจอกันอีกเยอะล่ะค่ะ
โดย: JewNid วันที่: 7 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:24:42 น.
  
อืมม ใช้ชีวิตได้คุ้มมาก
โดย: เก๋ IP: 124.121.1.218 วันที่: 8 กรกฎาคม 2549 เวลา:19:13:06 น.
  
อืมมมม...น่าอิจฉาจริงเลยน๊า...เป็นเราก็อยากจะไปพักผ่อนแบบนี้บ้าง แต่ยังหาเวลาให้ตัวเองไม่ได้เลย เวลามีใครถามว่าได้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างไหม...ก็จะตอบกลับไปว่า "อ๋ออออ...ก็ไปค่ะ ประมาณ Big C, Lotus, ไกลหน่อยก็ The Mall ค่ะ แฮะ แฮะ"
โดย: Rainny (BOOTH_FON ) วันที่: 10 กรกฎาคม 2549 เวลา:19:11:57 น.
  
แง แง... หนีไปเที่ยวไม่ชวน (เอ... หรือว่าเป็นช่วงเราไม่ว่างน้อ อิอิ)
โดย: ไร้นาม วันที่: 11 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:39:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชาบุ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



เป็นสาวแกร่งแรงเกินร้อย ประเภทพึ่งพาตัวเองได้ ดื้อเงียบ (แต่มีเหตุผลพอสมควรนะ) อ่อนไหว ช่างฝัน แต่ก็อยู่ในโลกของความเป็นจริง ชอบมองอะไรกว้าง ๆ และทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น (ปลงแล้ว! hahaha) ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ชีวิตนี้ยอมไม่มีแฟนดีกว่าไม่มีหนังสืออ่านอะ >_<

สิ่งที่จำขึ้นใจคือ คำคมภาษาอังกฤษที่ว่า "I will take my life into my hands and I will use it" และ คำคมจากหนัง My Best Friend's Wedding "When you love someone,you say it right then, out loud or the moment just passed you by"
กรกฏาคม 2549

 
 
 
 
 
 
1
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
2 กรกฏาคม 2549
All Blog