Italy, Austria & Germany: Firenze (27-29 Sept. 2008) Part 3
ออกจาก Palazzo Vecchio พวกเราก็เดินกลับมา Uffizi


ทางเชื่อมระหว่างอาคาร ...ระหว่างทางเดินกลับไป Uffizi อะ

พวกเราไปถึง Uffizi ในเวลาตามที่ระบุไว้ในตั๋วเป๊ะ แต่...คนเข้าแถวรอเข้าชมเยอะมากกกกกกกกกกกกกก บางคนรอบก่อนพวกเรายังไม่ได้เข้าเลยอะ T_T


เอื้อมกับป้าสุ ...ยังอยู่ในแถวอยู่ แต่เขยิบเข้ามาใกล้ทางเข้าเยอะแล้ว hahaha ที่เห็นข้างหลัง (ผู้หญิงกับผู้ชายกำลังยืนอ่านอะไรกันอยู่) เป็นแถวที่ยาวต่อจากพวกเราอะค่ะ นี่ขนาดเสียตังค์นะเนี่ย (- -')


รูปนี้ป้าสุกำลังผูกเชือกรองเท้าใหม่ เตรียมพร้อมลุย hahaha ...หลังจากตรวจตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องฝากสัมภาระก่อนเข้าชมที่ที่รับฝากของค่ะ


น้องหมา ตั้งอยู่ทางเข้า Uffizi อะค่ะ


ภาพเทวดาตัวจิ๋วบนเพดาน

พอเข้าถึงห้องจัดแสดงทาง Uffizi ห้ามถ่ายรูปอะค่ะ T_T

ผลงานชิ้นเด่น ๆ ที่พวกเราดูกันก็เช่น The Birth of Venus โดย Botticelli, The Venus of Urbino โดย Giorgione, Primavera โดย Botticelli, งานของ Raphael และภาพวาด The Holy Family with St. John โดย Michelangelo เป็นต้น


ภาพนี้ถ่ายจากบนระเบียงของ Uffizi อะ

พวกเราใช้เวลาอยู่ใน Uffizi ประมาณ 2 hrs กันเลยทีเดียวค่ะ ...เป็นพวกชอบดื่มด่ำกับงานศิลปะกันอะ hahaha

จาก Uffizi พวกเราก็เดินข้าม Ponte Vecchio ที่มีร้านขายเครื่องประดับเยอะมาก ๆ เพื่อไป Palazzo Pitti


คนเดินบน Ponte Vecchio เยอะมากกกก ต้องพยายามเบียด ๆ แทรก ๆ ถึงได้รูปนี้มาอะ


รูปปั้นนี้ตั้งอยู่ที่ Piazza de'Pitti หน้า Palazzo Pitti อะค่ะ

ช่วงนั้นมีงานเทศกาลไวน์อยู่ที่ Piazza de'Pitti ด้วย แต่พวกเราไม่ได้เข้าไปชิม เพราะล้ากับการเดินกันมากแล้ว แหะ แหะ

ระหว่างที่ป้าสุกับเราเข้าแถวรอเข้า Palazzo Pitti เอื้อมก็วิ่งไปซื้อตั๋วที่อีกปีกอาคารด้านซ้าย สักพักเอื้อมก็กวักมือเรียกเราให้ตามไป พอไปถึงปรากฏว่าตั๋วมี 2 ราคา แต่ละราคาจะมีห้องเข้าชมต่างกันอะค่ะ เอื้อมไม่รู้ว่าป้าสุอยากเข้าไปดูอะไร ก็เลยเรียกเราไปช่วยตัดสินใจ ...แต่เราไม่ใช่ป้าสุนี่ แล้วเราก็ไม่อยากเข้าไปดูด้วย ฮือ ฮือ เราก็เลยบอกเอื้อมไปตามตรงค่ะว่าเราจะไม่เข้าไปดู ถ้าเอื้อมกับป้าสุอยากเข้าไปก็เข้าไป เราจะนั่งรออยู่ที่ Piazze de'Pitti นี่แหละ เพราะขี้เกียจเดินแล้ว ขอพักบ้าง (- -')

หลังจากโดนเราทิ้งทุ่นกันดื้อ ๆ พวกเราก็ตัดสินใจเรียกป้าสุมาถามว่าอยากเข้าไปดูอะไรจะได้ซื้อตั๋วถูก ป้าสุบอกว่าอยากเข้าไปดูสวนของ Palazzo Pitti เพราะขึ้นชื่อว่าสวยมาก เอื้อมก็เลยบอกว่างั้นให้ป้าสุเข้าไปคนเดียว ...อย่างนี้เค้าเรียกว่าร่วมด้วยช่วยกันทิ้งทุ่นป้าสุ hahaha... พอป้าสุรู้ว่าจะต้องเข้าไปคนเดียวก็เลยเปลี่ยนใจ พวกเราก็เลยนั่งพักกันอยู่ที่ Piazza de'Pitti กัน


Piazza de'Pitti ...ที่เห็นหลังคาเต้นท์ขาว ๆ ทางด้านซ้ายนั่นคือเต้นท์งานเทศกาลไวน์อะค่ะ

ปราสาทส่วนใหญ่ใน Firenze เป็นของตระกูล Medicee แต่ Palazzo Pitti ไม่ใช่นะคะ เป็นของตระกูล Pitti อะค่ะ :)

นั่งพักพอหายเหนื่อยแล้ว พวกเราก็เดินเลียบแม่น้ำเพื่อไปข้าม Ponte alle Grazie แล้วก็ไป Santa Croce ค่ะ


Ponte alle Grazie


Santa Croce

ตอนที่พวกเราไปถึง Santa Croce โบสถ์ปิดแล้วอะ T_T เพราะวันนั้นมี concert เนื่องในวัน European Heritage Days แล้วก็มีพวกคุณลุงทหารผ่านศึกกับครอบครัวอยู่แถว Piazza di Santa Croce เต็มไปหมดเลย แต่กำลังแยกย้ายกันอะค่ะ

เมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกเราอดเข้า Santa Croce จริง ๆ ก็ทำใจ แล้วก็เดินกลับมาแถว ๆ Duomo เพื่อทานอาหารเย็น


ถ่ายรูปกับคุณลุงทหารผ่านศึกค่ะ ...พวกคุณลุงใจดี แถมให้ใส่หมวกทหารด้วย :) ...จริง ๆ ตอนแรกเอื้อมแอบถ่ายพวกคุณลุงอะค่ะ เพราะอาย ไม่กล้าเข้าไปขอถ่ายรูปด้วย แต่พวกคุณลุงเห็นก็เลยกวักมือเรียกเอื้อมเข้าไป พอเอื้อมถ่ายเสร็จก็เรียกเราเข้าไปถ่ายด้วยเหมือนกัน

หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ พวกเราก็เดินกลับที่พัก


ทางเข้า Duomo ...เพิ่ง 06.40 pm เอง แต่มืดแล้วอะ อาจเพราะเป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้วอะค่ะ

พอพวกเราเดินกลับที่พัก เอื้อมกับเราก็รู้สึกว่ามันยังเร็วไปที่จะนอนอะค่ะ ก็เลยออกไปเดินเล่นกันสองคน ก็ไปเดินแถว ๆ Duomo นั่นแหละค่ะ เพราะแถวนั้นเป็น shopping street ด้วย ...จะว่าไปพวกเราเพิ่งมีโอกาสได้ shopping จริง ๆ จัง ๆ ที่นี่ที่แรกในทริปเลยนะเนี่ย (- -')

ระหว่างที่เรากับเอื้อมเดินอยู่ มีผู้ชายคนนึงเข้ามาพูดกับเราอะค่ะ แต่เราไม่ได้สนใจฟังว่าเค้าพูดอะไร ...ก็ไม่สนใจอะ (- -')... แล้วเราก็เดินต่อไป โดยที่ไม่ใส่ใจอีกเช่นกันว่าเค้าจะเดินตามมาหรือเปล่า แต่ไอ้คุณเอื้อมมันดันสนใจแทนเราซะนี่ เพราะพอพวกเรากลับมาถึงที่พัก มันก็รายงานป้าสุว่า "ตะกี้ตอนที่เดินอยู่ มีฝรั่งชมนุ่นว่า You are beautiful แถมยังเดินตามอีกด้วย" เราฟังแล้วก็ร้อง "เฮ้ย บ้า ไม่จริงหรอก" แต่เอื้อมยืนยันว่าจริง ๆ อะ (- -') เราก็เลยสารภาพว่าเราไม่ได้สนใจว่าเค้าพูดว่าอะไร แล้วก็ไม่คิดว่าเค้าจะเดินตามมาด้วย เพราะนึกว่าเป็นพวกเร่ขายของแถวนั้นอะ (เอ๊ะ แต่เค้าอาจเป็นคนเร่ขายของแถวนั้นจริง ๆ ก็ได้นะ) [นี่แหละเป็นต้นเหตุที่เอื้อมกับป้าสุวิเคราะห์ว่าผู้ชาย Italian มองว่าเราสวย ตอนที่คุณเจ้าของร้าน Trattoria La Madia จะยกขนมมาให้เราที่โต๊ะ ในขณะที่เอื้อมกับป้าสุต้องยกมาเอง hahaha]

เรื่องมาจบตอนที่ป้าสุถามว่า "หล่อไหม" แล้วเอื้อมบอกว่า "ไม่หล่อ" อะค่ะ hahaha ป้าสุก็เลยบอกว่า "งั้นก็ช่างเหอะ"

เช้าวันต่อมา พวกเราต้องตื่นแต่เช้า เพื่อไปเข้าแถวซื้อตั๋ว Galleria dell'Accademia ...เหตุผลเหมือน Uffizi เปี๊ยบเลยค่ะ เพราะมีนักท่องเที่ยวเข้าชมเยอะมาก ก็เลยต้องแบ่งช่วงเวลาอะ... แต่พอเดิน ๆ ไป พวกเรากลับได้ยินเสียงกลอง เสียงแตร เหมือนขบวนแห่ แล้วก็เห็นฝรั่งมุงอยู่ข้างถนน พวกเราก็เลยเข้าไปมุงด้วย hahaha

เป็น parade เนื่องในวัน European Heritage Days อะค่ะ ...แต่เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นขบวนพาเหรดของทหาร แถมยังมีพวกคุณลุงทหารผ่านศึกมาร่วมด้วยอีกต่างหาก แต่พอเดินผ่าน ทุกคนก็ปรบมือให้นะคะ เหมือนเป็นการให้เกียรติอะ ไป ๆ มา ๆ เราก็เลย "อิน" ไปด้วยซะงั้น เพราะดันจินตนาการว่าพวกคุณลุงต้องผ่านสงครามอะไรมาบ้าง กว่าเค้าจะรวมกันเป็น The Council of European ได้ ทั้งนี้ เพราะเราได้ดูประวัติสงครามของอิตาลีมาจาก The Victor Emmanuel Monument ที่ Roma ด้วยแหละ (- -')


พวกเรามาไม่ทันขบวนแรก ๆ อะค่ะ




มีพวกคุณลุงทหารผ่านศึกบางคนที่นั่งรถเอาอะค่ะ ...อาจเพราะสุขภาพกายไม่เอื้ออำนวย :)

ขบวนพาเหรดแบ่งคล้าย ๆ เป็นสังกัดอะค่ะ บางสังกัดมีคนเดินน้อยมาก ชวนให้คิดว่าหรือเค้า (ยังมีชีวิต) เหลืออยู่เพียงเท่านี้ (- -')


แต่ละธงมีเหรียญเกียรติยศห้อยไว้ด้วย


ขบวนหลัง ๆ เริ่มเห็นคนหนุ่ม ๆ เดินร่วมอยู่บ้าง ก็เลยคิด (เอาเอง) ว่าหน่วยงานดังกล่าวน่าจะยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน หรือไม่ก็เป็นลูก-หลานตัวแทนของทหารผ่านศึกที่ไม่สามารถมาร่วมขบวนได้ ((จริง ๆ คิดอย่างหลังก่อนแหละ แต่พอเห็นขบวนท้าย ๆ ความคิดอันแรกก็ตามมา hahaha))


รูปนี้พวกเราเริ่มออกเดินทางต่อกันแล้ว เพราะถ้ามัวแต่ดูขบวน เกรงว่าจะเข้า Galleria dell'Accademia ไม่ทันในวันนี้ แหะ แหะ


สีชุดเริ่ดมากฮ่ะ ...ถ้าดูดี ๆ ด้านหลังมีผู้หญิงร่วมเดินด้วยนะคะ :)


หน่วยสุนัขสงครามแหง ๆ ...และแน่นอนว่าสุนัขพวกนี้คงไม่ได้ผ่านศึกร่วมกับพวกคุณลุงมา 100%


หน่วยนี้ธงเป็นนกอินทรีย์กางปีกด้วยอะ แต่ไหงเป็นคนแต่งชุดเขียวสะท้อนแสงถือธงหว่า????

พวกเราไม่ได้อยู่รอดูขบวนจนหมดอะค่ะ แล้วพอเราไปถึงหน้า Galleria dell'Accademia ก็พบว่าแถวคนรอเข้ายาวมากกกกกกกก แต่ด้วยความที่อยากดู Michelangelo's David และความจำเป็นอันเนื่องจาก museum นี้หยุดวันจันทร์ ทำให้พวกเราต้องยืนเข้าแถวต่อไป hahaha

พวกเรายืน ๆ ขยับ ๆ อยู่เกือบชั่วโมงอะค่ะ ถึงได้เข้า ที่รอนานขนาดนั้น เพราะพวกเรายืนอยู่ในแถวเข้าชม museum ฟรีนั่นเอง ถ้าใครมีตั๋ว คุณเจ้าหน้าที่ของ Uffizi ก็ให้เข้าไปได้เลยอะค่ะ ...อ้อ คุณเจ้าหน้าที่ของ Uffizi นี่ ดันเป็นคนเดียวกันกับที่เอื้อมเจอที่ Uffizi แล้วเค้าเป็นคนเปิดให้เอื้อมเข้าไปซื้อตั๋วด้วยล่ะ ((สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเจ้าหน้าที่ของ Uffizi ถึงได้มาอยู่ที่ Galleria dell'Accademia ด้วย แต่คิดว่าทั้งสอง museum และ museum อื่น ๆ ใน Firenze อาจอยู่ในเครือเดียวกัน เพราะปราสาทส่วนใหญ่เป็นของตระกูล Medicee อะค่ะ))

ที่น่าเจ็บใจอีกอย่างคือ หลังจากยืนรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง แถวก็เริ่มขยับ แต่พอถึงคิวพวกเราจะก้าวข้ามประตูกัน คุณเจ้าหน้าที่ของ Uffizi ก็คล้องเชือกควับจนอยากค้อน (>_<) เอื้อมเลยออกความเห็นว่าหรือเค้าจำเอื้อมได้จากเมื่อวาน ที่เอื้อมดันเล็ดลอดเข้าไปซื้อตั๋วที่ Uffizi ก็เลยกลั่นแกล้ง hahaha แต่เราไม่ว่ากันค่ะ เพราะคุณเจ้าหน้าที่หน้าตาดี ตรงตามสเปค โฮะ โฮะ โฮะ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเราก็เข้าไปดู Michelangelo's David สมใจค่ะ Michelangelo ปั้นได้สุดยอดมาก ๆ เลยนะคะ กล้ามเนื้อเป็นกล้ามเนื้อ เอ็นเป็นเอ็นอะ ที่สำคัญก้นสวยมาก เอ่อ หน้าตาก็หล่อนะคะ [ไม่หล่อได้ไง Michelangelo ได้แรงบันดาลใจมาจาก Apollo เลย (- -')] แต่ที่สังเกตก้นมากเป็นพิเศษ เพราะมันมีแต่เก้าอี้ว่างตรงกันอะ ((ฟังดูเหมือนแก้ตัวเนอะ hahaha))

เอื้อมชอบมาก ไม่ว่าพวกเราจะเดินไปดูงานในห้องไหน ๆ เอื้อมจะดูเสร็จเป็นคนแรก และจะออกมายืนรอตรงประตูที่สามารถมองเห็น David ได้ชัด ๆ หรือไม่งั้นก็สามารถเดินมาเจอเอื้อมได้ที่ David hahaha ...ยิ่งกว่านั้น คืนนั้นเอื้อมยังฝันถึง David อีกด้วย แต่สักพักกลับมีเท้ายักษ์มาตามเหยียบเอื้อม พวกเราก็เลยวิเคราะห์ความฝันของเอื้อมกันว่า Michelangelo หึงที่เอื้อมฝันถึง David ก็เลยแปลงร่างมาเป็นเท้ายักษ์คอยเหยียบเอื้อมอะ hahaha

พวกเราใช้เวลาอยู่ใน Galleria dell'Accademia ประมาณ 2 hrs พอออกมาก็เดินไป Convento di San Marco กันต่อ ...สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ใน Firenze อยู่ไม่ไกลกันนะคะ สามารถเดินได้ทั่วถึงกัน...


Convento di San Marco

แล้วพวกเราก็ได้อานิสงฆ์จากงาน European Heritage Days ทำให้เราได้เข้าชม Convento di San Marco ฟรี อิ อิ


Courtyard ของ San Marco ค่ะ

บริเวณด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะคะ โดยข้างในมีลักษณะแบ่งเป็นห้องเล็ก ๆ แต่ละห้องจะมีภาพ Scene ต่าง ๆ เกี่ยวกับพระเยซู จัดแสดงไว้ห้องละ 1 ภาพ ...อืมมม คล้าย ๆ เป็นห้องพักของนักบวชสมัยก่อนอะค่ะ แต่ปัจจุบันเค้าดัดแปลงเป็น museum ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม... ภาพสำคัญที่นักท่องเที่ยวไปดูคือ Annunciation อะค่ะ

หลังจากนั้น พวกเราก็เริ่มคิดใช้ประโยชน์จากการได้เข้า museums ฟรีอีก คือ รีบกลับไปเข้า Duomo ให้ทันค่ะ hahaha


Duomo ...ดูยิ่งใหญ่เนอะ เรากลายเป็นคนตัวเล็กไปเลยอะ (- -')


คนเข้าแถวรอเข้าเยอะมากกกกกกกกก


Mosaic ภาพ Coronation of Mary, Musician Angels (โดย Santi di Tito) และนาฬิกา (โดย Paola Uccello) เหนือประตูทางเข้า Duomo ค่ะ


พื้นหินอ่อน ...สวยมาก ๆ เลยอะ แล้วทั้งป้าสุ เอื้อม และเราต่างก็ไปยืนถ่ายรูปตรงนั้น แต่เวลาเอื้อมกับเราจะถ่ายรูปเนี่ย ต้องมีคนเดินเข้ามาร่วมเฟรมทู๊กกกกที T_T


ตัวฐานสวยดีอะค่ะ :)


Scene: The Last Judgement ...วาดโดย Giorgio Vasari กับ Federico Zuccari เป็นภาพวาดด้านในของส่วน dome อะค่ะ


โถงทางเดินไปแท่นบูชาใน Duomo

จากนั้นพวกเราก็เดินลงบันไดสู่ส่วนที่เป็นการค้นพบโบสถ์โบราณที่ชื่อว่า Santa Reparata อะค่ะ

ใกล้ ๆ กันมีหลุมฝังศพอยู่ 1 หลุม ตอนแรกพวกเราก็เดินเข้าแถวตามนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ไปอะค่ะ ...หลุมฝังศพต้องขึ้นบันไดไปประมาณ 2-3 ขั้น และขึ้นได้เพียงครั้งละ 1 คนเท่านั้นอะ


พออ่านป้ายแล้วถึงกลับแอบกรี๊ดในใจเลยทีเดียว เพราะเป็นหลุมฝังศพของ Filippo Brunelleschi 1 ในสถาปนิกและวิศวกรที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุค Ranaissance ของอิตาลี

(โปรดติดตามตอนต่อไป)




Create Date : 06 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2551 21:21:25 น.
Counter : 1244 Pageviews.

2 comments
  
สวยอีกแล้ว

ชอบตอนที่นุ่นไปเที่ยวยุโรปจังเลย วิวซ้วย สวย
โดย: la-la-bell วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:31:19 น.
  
ว้าวววว วันนี้คุณนุ่นพาไปเที่ยวแบบเมื่อยเลยค่ะ
เพราะอ่านไปแล้วรายละเอียดเยอะมากๆ อ่านแล้ว
เหมือนได้เดินตามกันไปเองเลย เมื่อยขาพอตัว
เหมือนกันนะคะเนี่ย


ฟ้าเป็นใจจัง ถ่ายรูปออกมาสวยน่ะคะ ฟ้าเป็นฟ้า
แบบนี้เจอแบบเมืองไทยล่ะก็ ร้อนสุดๆ เลยคะ ..
แต่ว่าก็ดีกว่าฝนลงน๊าเพราะมันแฉะ น่าเบื่อจริงๆล่ะคะ
โดย: JewNid วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:1:47:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชาบุ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



เป็นสาวแกร่งแรงเกินร้อย ประเภทพึ่งพาตัวเองได้ ดื้อเงียบ (แต่มีเหตุผลพอสมควรนะ) อ่อนไหว ช่างฝัน แต่ก็อยู่ในโลกของความเป็นจริง ชอบมองอะไรกว้าง ๆ และทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น (ปลงแล้ว! hahaha) ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ชีวิตนี้ยอมไม่มีแฟนดีกว่าไม่มีหนังสืออ่านอะ >_<

สิ่งที่จำขึ้นใจคือ คำคมภาษาอังกฤษที่ว่า "I will take my life into my hands and I will use it" และ คำคมจากหนัง My Best Friend's Wedding "When you love someone,you say it right then, out loud or the moment just passed you by"
พฤศจิกายน 2551

 
 
 
 
 
 
1
2
3
9
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
27
28
29
30
 
 
All Blog