Group Blog All Blog
|
ไดโนเสาร์เต่าล้านปี อารัมภบท เนื่องจากสาวบ้านนอกฯ เพิ่งค้นพบซากฟอสซิล เอ้ย! ต้นฉบับ (กระดาษ) เรื่อง ไดโนเสาร์เต่าล้านปี ซึ่งได้เขียนไว้นานหลายปี ตั้งแต่ปี 2546 จึงได้จัดพิมพ์ (คอมพิวเตอร์) ใหม่ เพื่อนำมาเสนอให้มิตรรักนักเขียน (บล็อก) อ่านด้วยกันอีกครั้งค่ะ ถ้ามีใครมาบอกว่า เธอเป็นพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี หลายคนที่ได้ยินได้ฟังอาจจะไม่ชอบประโยคนี้เท่าใดนัก เพราะรู้สึกว่าเป็นคนหลงยุคมาเกิดหรือเป็นพวกล้าหลังไม่ทันสมัย แหม! ช่างเปรียบเทียบนะ แต่สำหรับฉันยอมรับด้วยความภาคภูมิที่เป็นพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปีจริง ๆ จะไม่ให้รู้สึกภูมิใจได้อย่างไร เพราะดินแดนที่ฉันอยู่อาศัย (ระหว่างทำงานในปีพ.ศ. 2539-2551) ตามหลักฐานทางภูมิศาสตร์เป็นถิ่นฐานของไดโนเสาร์และเต่าต่วมเตี๊ยม เคยมีชีวิตอยู่มาก่อน เมื่อ 200 ล้านปีมาแล้ว (ย้ำ!ล้านปีนะ) ซากฟอสซิลไดโนเสาร์ ได้มีการขุดค้นพบในบริเวณเทือกเขาภูเวียง คำว่า ภู หมายถึง ขุนเขา คำว่า เวียง เป็นภาษาเขมร (หรือขอม) แปลว่า ยาว ภูเวียง จึงแปลความหมายได้ว่า ขุนเขายาว ดูจากแผนผังแล้วยืนยันว่า ยาวจริง ๆ จากแหล่งข้อมูล อุทยานแห่งชาติภูเวียง จ.ขอนแก่น มีพื้นที่ประมาณ 325 ตร.กม. มีแนวภูเขาล้อมเป็นวง 2 ชั้น ชั้นนอกมีความสูงที่สุดประมาณ 720 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งบริเวณนี้จะอยู่ในเขต อ.ชุมแพ ส่วนชั้นในมีความสูงประมาณ 470 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีที่ราบลุ่มตอนกลาง สภาพป่าเป็นป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ขออ้างอิงข้อมูลวิชาการเล็กน้อยเพื่อความน่าเชื่อถือ ฉันโชคดี (คิดเข้าข้างตัวเองมาโดยตลอด) มีโอกาสได้มาชมพิพิธภัณฑ์อุทยานแห่งชาติภูเวียงในครั้งนี้ ด้วยเหตุผลที่ฟัง (อ่าน) แล้วยังงง! เนื่องจากมีการประชุมสัมมนาสมาคมตระกูลลิ้มทั่วประเทศไทย ในภูมิภาคครั้งที่ 1 แล้วตัวฉันเกี่ยวอะไรกับตระกูลลิ้ม? ฉันไม่ได้มีเชื้อสายจีนแซ่ลิ้ม ไม่มีญาติโกโหติกาคนไหนเป็นคนจีนเลย ต่อให้ขุดค้นบรรพบุรุษเจ็ด-เก้าโคตร ตรวจ DNA แล้ว ก็ไม่พบยีน แซ่ลิ้มในสายเลือด หรือตรวจดูเส้นลายมือก็ไม่บ่งบอกว่าปู่ย่าตาทวด อพยพมาจากทะเลจีนใต้แต่อย่างใด เอาเป็นว่า คนที่นำพาให้ชีวิตฉันได้มาท่องเที่ยวพร้อมคณะทัวร์คือ พี่แหม่ม เธอเป็นพยาบาลอยู่ห้องตรวจหัวใจ ใครที่มีหัวใจผิดปกติปรึกษาเธอได้ โดยเฉพาะโรค หัวใจง่าย ฉันเองเป็นบ่อยถ้าใครชวนไปเที่ยวทั่วไทย ไม่ต้องคิดอะไรมากมายพร้อมทันทีที่มีสตางค์ แต่ใครมาชวนเที่ยวนอกเขตแผนที่ประเทศไทย ไม่คิดให้เปลืองสมองเลย เพราะใช้สตางค์มากกว่าที่จะคิด และฉันสนับสนุนการท่องเที่ยวทั่วไทยเท่านั้น! (เหมือนพี่เบิร์ด อะคึ่ ๆ) ก่อนอื่นขออนุญาตแนะนำทำความรู้จักครอบครัวพี่แหม่มเล็กน้อย พวกเขามีบรรพบุรุษอยู่ใน ต้นตระกูลลิ้ม ซึ่งเป็นกิ่งก้านใดกิ่งก้านหนึ่งที่แตกแขนงออกมา ได้อพยพย้ายถิ่นฐานจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองจีน ตามแบบฉบับสุดฮอตยอดฮิตคือ เสื่อผืนหมอนใบ ผจญโชคเสี่ยงภัยหวังมาตายเอาดาบหน้า แต่ทว่าไม่ยอมตาย! ยังมีลมหายใจและได้ทำมาหากินในดินแดนขวานทอง แตกหน่อออกลูกออกหลาน ขยายครอบครัวกระจัดกระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วเมืองไทย ตั้งรกรากปักฐานอย่างมั่นคง พี่หมูน้องสาวพี่แหม่มผู้ให้ข้อมูลความเป็นมาในเบื้องต้น การประชุมสัมมนาเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 เป็นการรวมตัวกันของพี่น้อง ตระกูลลิ้ม ทั่วประเทศไทยครั้งแรกทีเดียวเชียวนะ ยิ่งใหญ่มากกกกกก! ฉันรู้สึกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพี่น้องคนจีน ที่มีโอกาสมาพบปะสังสรรค์ทำความรู้จักกัน เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นให้แน่นแฟ้นและมิตรภาพที่ผูกพันอย่างยั่งยืน พี่แหม่มเธอบอกเตือนฉันก่อนวันเดินทางไป อช.ภูเวียง ซึ่งเรานัดเจอกันที่บริเวณโรงแรมเจริญธานีในเช้าวันที่ 30 พ.ย. 2546 เวลา 07.30 น. ณ ลานจอดรถ ฉันสะพายเป้ทำเท่เข้าไว้ให้เข้าบรรยากาศการท่องเที่ยว เป้เปล่า ๆ เอาไปทำไมก็ไม่รู้ ทั้งที่ไม่ได้นอนค้างแรม ฉันยืนรอสลับนั่งรอบริเวณลานจอดรถ นานหลายชั่วครู่ประมาณลมตดของมดตะนอยหายเหม็น (ช่างเปรียบเปรยจังนะ) แก๊งเสื้อแจ๊คเก็ตสีแดงเลือดหมูแถบสีเหลืองแจ่ม พวกเขามาเป็นกลุ่ม นำหน้าโดยคุณแม่ของพี่แหม่ม พี่หมูและเพื่อนพยาบาลจาก รพ.ศรีนครินทร์ พี่แหม่มยื่นป้าย พยาบาล ส่งให้ฉันคล้องคอทันที ฉันเพิ่งรู้เหตุผลที่พี่แหม่มชักชวนมาเที่ยวกับคณะทัวร์ครั้งนี้ ทั้งที่ฉันไม่ได้เป็นพยาบาลเลยนะ จะทำไงดีหลวมตัวมาแล้วนี่ เลยต้องเดินตามก้นกันไป ซึ่งทุกคนพร้อมปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง หน่วยปฐมพยาบาล รถหน่วยกู้ชีพ (EMS) รพ.ขอนแก่น มาพร้อมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพ พนักงานขับรถและเจ้าหน้าที่กู้ชีพอีก 1 คน มีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาพยาบาลแก่คณะทัวร์ ที่อาจจะเกิดการบาดเจ็บหรือป่วย เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์ 08.09 น. (ชอบดูนาฬิกา) รถตำรวจนำขบวนตามด้วยรถบัสนำเที่ยวคันใหญ่ 5 คัน รถตู้อีกหลายสิบคันนับไม่ทัน และปิดท้ายด้วยรถหน่วยกู้ชีพตามระเบียบ รถทัวร์แบบยุโรปสองชั้น เป็นคันที่ทีม หน่วยปฐมพยาบาล ตัดสินใจเลือกที่จะดูแลคณะทัวร์จากสุราษฎร์ธานี เพราะว่ามีท่านประธานหนุ่มหล่อไฟแรง จึงเป็นเหตุผลที่สมควรขึ้นคันนี้ เผื่อว่าสาว ๆ เกิดอาการหัวใจกระตุก อกสั่นหวั่นไหว ทีมพยาบาลจะได้ช่วยทันทีทันใด แต่ว่า.. พยาบาลสองพี่น้องเธอเปลี่ยนบทบาทไปซะแล้ว พอคว้าไมค์ได้ที่หน้ารถ เธอสวมวิญญาณไกด์สาวหมวยและผมยาว โดยบรรยายถึงการเตรียมงานต้อนรับพี่น้องตระกูลลิ้มจากทั่วประเทศไทยด้วยความภาคภูมิใจ รวมถึงแนะนำสถานที่สำคัญเมื่อรถทัวร์วิ่งผ่านไปตามเส้นทางการจราจร ซึ่งแสนสะดวกโยธิน แม้มีสัญญาณไฟแดงอยู่ทุกสี่แยกก็ตาม รถคันอื่นผ่านไม่ได้นะ ขอบอก รถวิ่งผ่าน ศาลหลักเมือง ซึ่งชาวขอนแก่นให้การเคารพสักการะและศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ ขบวนรถมุ่งหน้าไปที่ถนนมะลิวัลย์-ชุมแพ ผ่านศูนย์การประชุมกาญจนาภิเษก ซึ่งอยู่ใกล้ทางเข้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น มองเห็นโดดเด่นเป็นสง่า พี่หมูรู้จักเป็นอย่างดีเพราะเป็นเจ้าถิ่น คล้าย ๆ เจ้าที่เจ้าทางประมาณนี้ มีการเล่าเรื่องโจ๊กใส่ไข่ให้คณะทัวร์ฟัง บางช่วงเสียงขาดหายไป คนที่อยู่ด้านหลังรถไม่ได้ยิน ตะโกนขอให้เปิดเสียง พี่หมูบอกว่าถูกเซ็นเซอร์ (ดูดเสียง) ไม่สามารถเล่าออกอากาศได้ เพราะพูดถึงเรื่องที่อยู่ใต้สะดือและเหนือหัวเข่า (เป็นความสามารถเฉพาะบุคคล) เนื่องจากพี่หมูทำงานที่ห้องผ่าตัดทำหมันหญิงและชาย ซึ่งใครสนใจเรื่องใต้สะดือและเหนือหัวเข่า ปรึกษาเธอได้ทันทีหรือจะใช้บริการก็ยินดี (อันนี้กะสอยยยยยย) พี่แหม่มก็ใช้จะน้อยหน้า เป็นไกด์นำเที่ยวตามนโยบาย 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ โดยนำเสนอผ่านสื่อ ภาษาอีสาน (ลาว) อนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งคณะทัวร์จากภาคใต้ใช้วิธีแปลโดยการออสโมซีสผ่านการแปลงสัญญาณพิเศษ พอจบการบรรยายความเป็นมาของ เมืองขอนแก่น ไกด์ทดสอบว่าฟังรู้เรื่องหรือไม่ หลายคนบอกว่าเข้าใจ แต่มีส่ายหน้านิดหน่อย คุณแม่ของสองพยาบาลซึ่งนั่งอยู่ตอนกลางคันรถใกล้กับฉัน คุณแม่พยายามทำหน้าที่สนับสนุนไกด์สาว สอนพี่น้องตระกูลลิ้มเรียนรู้ถึงความเป็น ลาว แบบง่าย ๆ โดยมีอุปกรณ์สื่อการเรียนรู้คือ ข้าวเหนียว 1 กระติบกับแจ่วบ่อง (ปลาร้าสุก) 1 กระปุก พี่น้องตระกูลลิ้มจากสุราษฎร์ได้ลิ้มรสชาติอาหารพื้นเมือง ชวนชิมกันคนละคำสองคำ มิน่าละ! ทำไมไม่ต้องมีการแปลภาษาลาว พี่หมูเล่าถึงเส้นทางที่จะไปยังพิพิธภัณฑ์ อช.ภูเวียง ชาวบ้านได้มีการปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ โดยใช้วัสดุยางรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน มาดัดแปลงทำเป็นกระถางใบใหญ่ทาสีสันให้สวยงาม ตั้งเรียงเป็นแถวข้างรั้วบ้านของชาวอำเภอภูเวียงทุกหลังคาเรือน เพื่อต้อนรับการประชุม APEC เมื่อเดือนมิถุนายน (พ.ศ.2546) ที่ผ่านมา ซึ่งคณะที่มาประชุมได้แวะมาชมพิพิธภัณฑ์ อช.ภูเวียงแห่งนี้ด้วย ถึงที่ทำการ อช.ภูเวียง เป็นสถานที่แสดงซากฟอลซิลไดโนเสาร์และหุ่นจำลองไดโนเสาร์เต่าล้านปี ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ที่นี่ โดยคณะทัวร์จะได้ไปชม หลุมกระดูก ซึ่งบนภูมีการขุดค้นพบจำนวน 9 หลุม แต่มีการเปิดให้ชมเพียง 4 หลุมเท่านั้น รถโดยสาร 6 ล้อบรรทุกคณะทัวร์ ทั้งอาซิ้ม อาซ้อ อาเจ๊ก อาม่า อากู่และลูกหลานหนูน้อยแก้มใส ขึ้นไปบนเขาที่สูงชัน เนื่องจากสภาพถนนเป็นดินแดงลูกรังขี้ฝุ่นคลุ้งตลบอบอวล หัวดำหัวขาวจึงกลายเป็นสีน้ำตาลมะฮอกกานี โดยไม่ต้องโกรกทำสีผมที่ร้านเสริมสวยเลย ถ้ำเจีย จุดแรกที่คณะทัวร์ต้องเดินผ่าน สร้างเป็นอาคารสีขาวมีบันไดให้เดินขึ้นสูงประมาณตึก 3 ชั้น ซึ่งเป็นหลุมที่ 2 (ของการสำรวจขุดค้นพบ) มีซากกระดูกส่วนคอ 6 ชิ้นของไดโนเสาร์กินพืช เป็นการขุดพบเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2532 ห่างจากหลุมที่ 2 ต้องเดินขึ้นตามทางลาดไปอีก 150 เมตร จะพบสุสานหอยอายุ 150 ล้านปี หลายคนพยายามดูซากเปลือกหอย บอกไม่ถูกว่าเป็นหอยชนิดใด ฉันคิดว่าเป็นหอยแครงนะ ทางเดินเริ่มชันมากขึ้น เดินต่อไปอีก 350 เมตรก็ถึงหลุมที่ 1 เรียกว่า ภูประตูตีหมา มีซากกระดูกหลายสิบชิ้น เจ้าหน้าที่ฯ ได้แนะนำกระดูกแต่ละชิ้นที่จัดแสดงไว้ให้รู้ว่าส่วนใดของตัวไดโนเสาร์ อากาศเริ่มร้อนฉันรู้สึกเหนื่อยและหิวมาก ถ้าฟังจนจบคงกินไดโนเสาร์หมดทั้งตัว จึงเดินดุ่ม ๆ ขึ้นไปที่ศาลาจุดชมวิวข้างบน เพราะมีป้ายเขียนไว้ บริการน้ำดื่มและขนม สำหรับคณะทัวร์ได้เติมพลัง พี่แหม่มพี่หมูและฉัน เดินย้อนกลับมาที่หลุม 2 เพื่อคอยเป็นกำลังใจให้คณะทัวร์ที่ทยอยมาสมทบ อาซ้อจูงมืออาม่า ถามพวกเราว่า ข้างบนมีอะไรน่าดูอีกไหม แล้วไกลหรือเปล่า มาเที่ยวทั้งทีต้องได้ดูได้เห็นทุกอย่างนะคะ พี่หมูสร้างแรงจูงใจ ไม่ไกลเท่าไร แค่ 500 เมตรค่ะ ฉันให้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ แต่ลืมบอกว่าความสูงชันอาจทำให้รู้สึกไกลกว่าระยะทางจริง เพราะทำเอาฉันเหนื่อยและหอบมาแล้ว ส่วนพี่แหม่มคอยยื่นสำลีชุมแอมโมเนียให้พกไว้ดม ถ้ารู้สึกหน้ามืดหรือมีอาการวิงเวียนศีรษะ ได้เวลาหิวแล้วละซิ คณะทัวร์ทั้งหมดขึ้นรถลงเขากลับมายังพิพิธภัณฑ์ อช.ภูเวียงด้านล่าง ซึ่งทีมต้อนรับได้เตรียมอาหารแบบโต๊ะจีนและบุฟเฟ่ต์ลาว ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ฉันกับเจ้าหน้าที่กู้ชีพ 2 หนุ่ม เดินตรงดิ่งมาที่ซุ้มไก่ยาง ส้มตำและข้าวเหนียว จะชวนกันไปนั่งกินที่โต๊ะจีนคงไม่ได้รสชาติแน่ ๆ จึงหาที่ปูเสื่อใต้ต้นมะม่วงดูร่มรื่นและเป็นธรรมชาติดี มีหนุ่ม ๆจากมูลนิธิจิตกุศล 4 คน มาล้อมวงลงมือกินข้าวมื้อเที่ยงแบบหิวโหย เพราะพลังงานถูกใช้ไปเยอะ ฉันหิวแบบไม่ลืมหูลืมตาคิดอะไรไม่ออก กิน กิน กินจนอิ่มท้อง พอมีสติจึงรู้สึกตัว ว่านั่งอยู่ท่ามกลางชายหนุ่มตั้ง 6 คน เป็นดาวล้อมเดือน(แหว่งๆ)ตอนกลางวันแสก ๆ อิ่มแล้วนี่! มีอะไรให้ดูอยู่ข้างในพิพิธภัณฑ์อีกตั้งเยอะ ฉันเดินดูแบบเรื่อยเปื่อย ชอบบรรยากาศสถานที่ หุ่นจำลองไดโนเสาร์ 3-4 ชนิด สภาพป่าน้ำตกต้นไม้สวยดี เด็ก ๆ พากันถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้เห็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี คณะทัวร์ตระกูลลิ้มคงประทับใจกันพอสมควร ถึงเวลาต้องกลับตามกำหนดการ ฉันแวะซื้อของที่ระลึกจาก อช.ภูเวียง ได้การ์ดภาพวาดของเด็กนักเรียนชั้นประถม มีนกยักษ์ 2 ตัว กับต้นไม้ใหญ่หลายต้นและภูเขาไฟหนึ่งลูก ซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายทอดจากจินตนาการของสาวน้อย ปล. ท่านผู้อ่านที่รัก จินตนาการที่ได้จากการอ่านเรื่อง ไดโนเสาร์เต่าล้านปี พบอะไรบ้างคะ? <>Blog Up last >> กล่องไม้หน้าบ้าน คลิก >>//www.bloggang.com/mainblog.php?id=saowbannok&month=23-03-2009&group=4&gblog=27 ยังอ่านไม่จบเลย ยาวเหลือเกิน
โดย: xx IP: 96.255.16.241 วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:23:59:53 น.
เหมือนได้ร่วมคณะทัวร์ไปด้วย
ไหนๆก็ไหนๆ รถแวะพักแล้ว สั่งกาแฟสักแก้วดีก่า น้อง...... กาแฟแก้ว ขอเข้มๆ ไดโนเสาร์สั่ง โดย: ตาพรานบุญ วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:0:34:08 น.
กลับมาเฉลย คำถามไม่เน้นคำตอบ เสียที Ha
หลังจากที่มีปัญหากับเครื่องคอมพ์ และต้องเดินทาง ขอบคุณ ที่มาร่วมสนุก ทำให้เปิดมุมมองใหม่ๆ ที่มีต่อท้องฟ้า และขอบคุณ คำอวยพรวันเกิดด้วยค่ะ โดย: สายลมอิสระ วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:14:44:03 น.
สวัสดีไดโนเสาร์ เอ๊ยสาวแขนก่อน
ร้อนมากจากภูเวียง ขอฟังเพลงเย็นๆก่อน ตามด้วยกาลาโต้ กาลาโต้ ไม่ใส่น้ำตาล เพราะหวานพอแล้ว 555 โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:17:20:34 น.
สายัณห์สวัสดีค่ะมิตรรักนักเขียน (บล๊อก)
------------------------------------------------ พลังชีวิต ---------ขอบคุณคร้าบบบบบบ สำหรับความสุขที่ทุ่มใส่ อะเอิ๊ก ๆ XX --------แวะมาอ่านให้จบนะจ๊ะ น้าหนูนีล_น้องขวัญ ---------น้องคนงามมีเชื้อจีน "แซ่" หยังคะ ตาพรานบุญ ---------น้อง......กาแฟแก้วขอเข้มๆ ไดโนเสาร์สั่ง... โดย: ตาพรานบุญ อ้าว! นึกว่าเป็น "เต่าล้านปี" นะ หุ หุ สายลม (รัก) อิสระ ---------มิเป็นไรค่ะ ยินดีที่ได้เล่นอะไรสนุก ๆ แต่ว่า....ขอให้ท้องฟ้าเป็น "สีฟ้า" เหมือนเดิมนะดีแล้วนะ พี่ปอน ปอนขา ----------ข้าวแฝ่โสด สด (งดน้ำตาล) รอสักครู่ "กาลาโต้" ให้น้ำเดือดจัด ๆ นะค๊า สุขสันต์วันสงกรานต์ ประเทศไทยจงเจริญ ---*--- โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:21:01:31 น.
สวัสดีสาวขอนแก่น ณโคราช
ตกลงอยู่ไหนนี่ ตอนนี้ เที่ยวนี้กลายเป็นนักเขียนสารคดีบวกมัคคุเทศน์ ไปแล้ว เล่าเรื่องได้มันเยิ้มเลยละ โอ้สงกรานต์นี้มีฝนซะแล้ว น้ำท่ามีให้รด ให้สาดกันเหลือเฟือ ว่าแต่ในกรุงเทพฯ สงกรานต์.... กำลังจะเกิด โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:15:00:55 น.
ขอโกปี้วันละจอก....ถ้าเขาพิมพ์หนังสือให้เราจะให้อ่านฟรี
เอาม้าย...เอาม้าย ไปละ....ร้านเน็ตเด็กเยอะ โค*....หนวกหูเลย โดย: ปลายแปรง วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:12:07:16 น.
เจ๊
มาให้รดน้ำสงกรานต์หน่อยซิ อวยพรด้วยนะ (ถ้าร่ำรวยๆขอก่อนสิ้นเดือนนะ เผื่อเจ๊ด้้วย) โดย: (@-@) (ตาพรานบุญ ) วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:11:38:25 น.
สงกรานต์ไปไหนมาหรือเปล่าคะ?
ถามไปงั้นๆ เผื่อจะอัพบล็อกให้อ่านอีก 555 โดย: สายลมอิสระ วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:7:00:15 น.
อรุณสวัสดีค๊ามิตรรักนักเขียน (บล๊อก) ทุกท่าน
----------------------------------------------------- อากาศร้อนอบอ้าวร้าวรอนต่อผิวพรรณ (พยายาม) บิ้วอารมณ์ให้สดชื่นเหมือนนอนแช่น้ำเย็น ๆ จินตนาการถึงน้ำตก (ห้วยจันทร์) ที่ไหลผ่านโขดหิน นั่งมองท้องฟ้าท่ามกลางขุนเขาลำเนาไพร หรือไม่.... มีกาแฟเย็น ๆ (สักเยือก) หนังสือ 2-3 เล่ม ปูเสื่อนอนผึงพุงใต้ร่มให้ใหญ่ แค่นี้ชีวิตก็แจ่มแล้วค๊า แต่ว่า...สาวฯ ขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวขายกาแฟ & ชาไทยคลาสสิก ก่อนนะค๊า แล้วพบกันวันใหม่สดใส ปิ๊ง ๆ อะคี่ ๆ โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 19 เมษายน 2552 เวลา:9:54:32 น.
ขอเอสเปรสโซ่ถ้วยนึงครับ...
โดย: pu_chiangdao IP: 118.175.184.138 วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:8:26:51 น.
ใครว่ายาวววว แต่เราอ่านหมดนะจะบอกให้
อ่านไปๆๆแหม ลุ้นคิดว่าจะมีเฮ มีหุบ ไม่มีอะไรเลยนี่นา ชริชริ คิดว่าจะเจอไดโนสักตัวาสองตัว ที่แท้พยาบานสาว ฮ่าๆก็พาตระกูลลิ้มเที่ยวเนียนๆเฉยเลย เอ๊ ตระกูลลิ้ม อาๆๆ ไม่เอาดีก่า ไม่อยากหามิตรเป็นพัน อิอิ โดย: ยิปซีสีน้ำเงินอ่อนๆ IP: 124.121.51.187 วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:19:03:13 น.
ขอ กาลาโต้ อีกหนึ่งแก้วค่ะ
อะคี่ๆๆ ชงๆไปถึงไหนแล้วคะ โดย: วีดวาด IP: 117.47.214.252 วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:21:40:07 น.
ราตรีสวัสดีค่ะมิตรรักนักเขียน (บล๊อก) ทุกท่าน
แล้วพบกันใหม่ค๊า โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:22:56:59 น.
|
สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] เด็ก ๆ ชอบเอาตัวไปปลายนา เอาขาไปวิ่งเล่นที่ทุ่งหญ้า โตเป็นสาว..ชอบอยู่บ้านนอก อนาคต..ได้ไปที่ชอบ..ที่ชอบ อะคึ่ ๆ Friends Blog
|
..แซดๆๆๆ ขอให้มีความสุขมากๆคับ
...โจ..ก้าบ...