เมษายน 2552

 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ไดโนเสาร์เต่าล้านปี
ไ ด โ น เ ส า ร์ เ ต่ า ล้ า น ปี




อารัมภบท

เนื่องจากสาวบ้านนอกฯ เพิ่งค้นพบซากฟอสซิล เอ้ย! ต้นฉบับ (กระดาษ) เรื่อง “ไดโนเสาร์เต่าล้านปี”
ซึ่งได้เขียนไว้นานหลายปี ตั้งแต่ปี 2546 จึงได้จัดพิมพ์ (คอมพิวเตอร์) ใหม่
เพื่อนำมาเสนอให้มิตรรักนักเขียน (บล็อก) อ่านด้วยกันอีกครั้งค่ะ




ถ้ามีใครมาบอกว่า “เธอเป็นพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี”
หลายคนที่ได้ยินได้ฟังอาจจะไม่ชอบประโยคนี้เท่าใดนัก
เพราะรู้สึกว่าเป็นคนหลงยุคมาเกิดหรือเป็นพวกล้าหลังไม่ทันสมัย
แหม! ช่างเปรียบเทียบนะ

แต่สำหรับฉันยอมรับด้วยความภาคภูมิที่เป็นพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปีจริง ๆ
จะไม่ให้รู้สึกภูมิใจได้อย่างไร เพราะดินแดนที่ฉันอยู่อาศัย (ระหว่างทำงานในปีพ.ศ. 2539-2551)
ตามหลักฐานทางภูมิศาสตร์เป็นถิ่นฐานของไดโนเสาร์และเต่าต่วมเตี๊ยม เคยมีชีวิตอยู่มาก่อน
เมื่อ 200 ล้านปีมาแล้ว (ย้ำ!ล้านปีนะ)

ซากฟอสซิลไดโนเสาร์ ได้มีการขุดค้นพบในบริเวณเทือกเขาภูเวียง
คำว่า “ภู” หมายถึง “ขุนเขา” คำว่า “เวียง” เป็นภาษาเขมร (หรือขอม) แปลว่า “ยาว”
“ภูเวียง” จึงแปลความหมายได้ว่า “ขุนเขายาว” ดูจากแผนผังแล้วยืนยันว่า “ยาวจริง ๆ”

จากแหล่งข้อมูล อุทยานแห่งชาติภูเวียง จ.ขอนแก่น มีพื้นที่ประมาณ 325 ตร.กม.
มีแนวภูเขาล้อมเป็นวง 2 ชั้น ชั้นนอกมีความสูงที่สุดประมาณ 720 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ซึ่งบริเวณนี้จะอยู่ในเขต อ.ชุมแพ ส่วนชั้นในมีความสูงประมาณ 470 เมตรจากระดับน้ำทะเล
มีที่ราบลุ่มตอนกลาง สภาพป่าเป็นป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง
ขออ้างอิงข้อมูลวิชาการเล็กน้อยเพื่อความน่าเชื่อถือ

ฉันโชคดี (คิดเข้าข้างตัวเองมาโดยตลอด) มีโอกาสได้มาชมพิพิธภัณฑ์อุทยานแห่งชาติภูเวียงในครั้งนี้
ด้วยเหตุผลที่ฟัง (อ่าน) แล้วยังงง!
เนื่องจากมีการประชุมสัมมนาสมาคมตระกูลลิ้มทั่วประเทศไทย ในภูมิภาคครั้งที่ 1
แล้วตัวฉันเกี่ยวอะไรกับตระกูลลิ้ม?

ฉันไม่ได้มีเชื้อสายจีนแซ่ลิ้ม ไม่มีญาติโกโหติกาคนไหนเป็นคนจีนเลย
ต่อให้ขุดค้นบรรพบุรุษเจ็ด-เก้าโคตร ตรวจ DNA แล้ว ก็ไม่พบยีน “แซ่ลิ้มในสายเลือด”
หรือตรวจดูเส้นลายมือก็ไม่บ่งบอกว่าปู่ย่าตาทวด อพยพมาจากทะเลจีนใต้แต่อย่างใด

เอาเป็นว่า คนที่นำพาให้ชีวิตฉันได้มาท่องเที่ยวพร้อมคณะทัวร์คือ พี่แหม่ม
เธอเป็นพยาบาลอยู่ห้องตรวจหัวใจ ใครที่มีหัวใจผิดปกติปรึกษาเธอได้
โดยเฉพาะโรค “หัวใจง่าย” ฉันเองเป็นบ่อยถ้าใครชวนไปเที่ยวทั่วไทย
ไม่ต้องคิดอะไรมากมายพร้อมทันทีที่มีสตางค์ แต่ใครมาชวนเที่ยวนอกเขตแผนที่ประเทศไทย
ไม่คิดให้เปลืองสมองเลย เพราะใช้สตางค์มากกว่าที่จะคิด
และฉันสนับสนุนการท่องเที่ยวทั่วไทยเท่านั้น! (เหมือนพี่เบิร์ด อะคึ่ ๆ)

ก่อนอื่นขออนุญาตแนะนำทำความรู้จักครอบครัวพี่แหม่มเล็กน้อย
พวกเขามีบรรพบุรุษอยู่ใน “ต้นตระกูลลิ้ม” ซึ่งเป็นกิ่งก้านใดกิ่งก้านหนึ่งที่แตกแขนงออกมา
ได้อพยพย้ายถิ่นฐานจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองจีน ตามแบบฉบับสุดฮอตยอดฮิตคือ
“เสื่อผืนหมอนใบ” ผจญโชคเสี่ยงภัยหวังมาตายเอาดาบหน้า
แต่ทว่าไม่ยอมตาย! ยังมีลมหายใจและได้ทำมาหากินในดินแดนขวานทอง
แตกหน่อออกลูกออกหลาน ขยายครอบครัวกระจัดกระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วเมืองไทย
ตั้งรกรากปักฐานอย่างมั่นคง พี่หมูน้องสาวพี่แหม่มผู้ให้ข้อมูลความเป็นมาในเบื้องต้น

การประชุมสัมมนาเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 – 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546
เป็นการรวมตัวกันของพี่น้อง “ตระกูลลิ้ม” ทั่วประเทศไทยครั้งแรกทีเดียวเชียวนะ ยิ่งใหญ่มากกกกกก!

ฉันรู้สึกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพี่น้องคนจีน
ที่มีโอกาสมาพบปะสังสรรค์ทำความรู้จักกัน
เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นให้แน่นแฟ้นและมิตรภาพที่ผูกพันอย่างยั่งยืน

พี่แหม่มเธอบอกเตือนฉันก่อนวันเดินทางไป อช.ภูเวียง
ซึ่งเรานัดเจอกันที่บริเวณโรงแรมเจริญธานีในเช้าวันที่ 30 พ.ย. 2546 เวลา 07.30 น.
ณ ลานจอดรถ ฉันสะพายเป้ทำเท่เข้าไว้ให้เข้าบรรยากาศการท่องเที่ยว
เป้เปล่า ๆ เอาไปทำไมก็ไม่รู้ ทั้งที่ไม่ได้นอนค้างแรม ฉันยืนรอสลับนั่งรอบริเวณลานจอดรถ
นานหลายชั่วครู่ประมาณลมตดของมดตะนอยหายเหม็น (ช่างเปรียบเปรยจังนะ)

“แก๊งเสื้อแจ๊คเก็ตสีแดงเลือดหมูแถบสีเหลืองแจ่ม”
พวกเขามาเป็นกลุ่ม นำหน้าโดยคุณแม่ของพี่แหม่ม พี่หมูและเพื่อนพยาบาลจาก รพ.ศรีนครินทร์
พี่แหม่มยื่นป้าย “พยาบาล” ส่งให้ฉันคล้องคอทันที
ฉันเพิ่งรู้เหตุผลที่พี่แหม่มชักชวนมาเที่ยวกับคณะทัวร์ครั้งนี้
ทั้งที่ฉันไม่ได้เป็นพยาบาลเลยนะ จะทำไงดีหลวมตัวมาแล้วนี่ เลยต้องเดินตามก้นกันไป
ซึ่งทุกคนพร้อมปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง “หน่วยปฐมพยาบาล”

รถหน่วยกู้ชีพ (EMS) รพ.ขอนแก่น มาพร้อมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพ
พนักงานขับรถและเจ้าหน้าที่กู้ชีพอีก 1 คน มีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาพยาบาลแก่คณะทัวร์
ที่อาจจะเกิดการบาดเจ็บหรือป่วย

เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์ 08.09 น. (ชอบดูนาฬิกา)
รถตำรวจนำขบวนตามด้วยรถบัสนำเที่ยวคันใหญ่ 5 คัน
รถตู้อีกหลายสิบคันนับไม่ทัน และปิดท้ายด้วยรถหน่วยกู้ชีพตามระเบียบ

รถทัวร์แบบยุโรปสองชั้น
เป็นคันที่ทีม “หน่วยปฐมพยาบาล” ตัดสินใจเลือกที่จะดูแลคณะทัวร์จากสุราษฎร์ธานี
เพราะว่ามีท่านประธานหนุ่มหล่อไฟแรง จึงเป็นเหตุผลที่สมควรขึ้นคันนี้
เผื่อว่าสาว ๆ เกิดอาการหัวใจกระตุก อกสั่นหวั่นไหว
ทีมพยาบาลจะได้ช่วยทันทีทันใด

แต่ว่า.. พยาบาลสองพี่น้องเธอเปลี่ยนบทบาทไปซะแล้ว
พอคว้าไมค์ได้ที่หน้ารถ เธอสวมวิญญาณไกด์สาวหมวยและผมยาว
โดยบรรยายถึงการเตรียมงานต้อนรับพี่น้องตระกูลลิ้มจากทั่วประเทศไทยด้วยความภาคภูมิใจ
รวมถึงแนะนำสถานที่สำคัญเมื่อรถทัวร์วิ่งผ่านไปตามเส้นทางการจราจร ซึ่งแสนสะดวกโยธิน
แม้มีสัญญาณไฟแดงอยู่ทุกสี่แยกก็ตาม รถคันอื่นผ่านไม่ได้นะ ขอบอก

รถวิ่งผ่าน “ศาลหลักเมือง” ซึ่งชาวขอนแก่นให้การเคารพสักการะและศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์
ขบวนรถมุ่งหน้าไปที่ถนนมะลิวัลย์-ชุมแพ ผ่านศูนย์การประชุมกาญจนาภิเษก
ซึ่งอยู่ใกล้ทางเข้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น มองเห็นโดดเด่นเป็นสง่า
พี่หมูรู้จักเป็นอย่างดีเพราะเป็นเจ้าถิ่น คล้าย ๆ เจ้าที่เจ้าทางประมาณนี้

มีการเล่าเรื่องโจ๊กใส่ไข่ให้คณะทัวร์ฟัง บางช่วงเสียงขาดหายไป
คนที่อยู่ด้านหลังรถไม่ได้ยิน ตะโกนขอให้เปิดเสียง พี่หมูบอกว่าถูกเซ็นเซอร์ (ดูดเสียง)
ไม่สามารถเล่าออกอากาศได้ เพราะพูดถึงเรื่องที่อยู่ใต้สะดือและเหนือหัวเข่า
(เป็นความสามารถเฉพาะบุคคล)
เนื่องจากพี่หมูทำงานที่ห้องผ่าตัดทำหมันหญิงและชาย ซึ่งใครสนใจเรื่องใต้สะดือและเหนือหัวเข่า
ปรึกษาเธอได้ทันทีหรือจะใช้บริการก็ยินดี (อันนี้กะสอยยยยยย)

พี่แหม่มก็ใช้จะน้อยหน้า เป็นไกด์นำเที่ยวตามนโยบาย 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์
โดยนำเสนอผ่านสื่อ “ภาษาอีสาน (ลาว)” อนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น
ซึ่งคณะทัวร์จากภาคใต้ใช้วิธีแปลโดยการออสโมซีสผ่านการแปลงสัญญาณพิเศษ
พอจบการบรรยายความเป็นมาของ “เมืองขอนแก่น”
ไกด์ทดสอบว่าฟังรู้เรื่องหรือไม่ หลายคนบอกว่าเข้าใจ แต่มีส่ายหน้านิดหน่อย

คุณแม่ของสองพยาบาลซึ่งนั่งอยู่ตอนกลางคันรถใกล้กับฉัน
คุณแม่พยายามทำหน้าที่สนับสนุนไกด์สาว สอนพี่น้องตระกูลลิ้มเรียนรู้ถึงความเป็น “ลาว” แบบง่าย ๆ
โดยมีอุปกรณ์สื่อการเรียนรู้คือ ข้าวเหนียว 1 กระติบกับแจ่วบ่อง (ปลาร้าสุก) 1 กระปุก
พี่น้องตระกูลลิ้มจากสุราษฎร์ได้ลิ้มรสชาติอาหารพื้นเมือง ชวนชิมกันคนละคำสองคำ
มิน่าละ! ทำไมไม่ต้องมีการแปลภาษาลาว

พี่หมูเล่าถึงเส้นทางที่จะไปยังพิพิธภัณฑ์ อช.ภูเวียง ชาวบ้านได้มีการปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้
โดยใช้วัสดุยางรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน มาดัดแปลงทำเป็นกระถางใบใหญ่ทาสีสันให้สวยงาม
ตั้งเรียงเป็นแถวข้างรั้วบ้านของชาวอำเภอภูเวียงทุกหลังคาเรือน
เพื่อต้อนรับการประชุม APEC เมื่อเดือนมิถุนายน (พ.ศ.2546) ที่ผ่านมา
ซึ่งคณะที่มาประชุมได้แวะมาชมพิพิธภัณฑ์ อช.ภูเวียงแห่งนี้ด้วย

ถึงที่ทำการ อช.ภูเวียง เป็นสถานที่แสดงซากฟอลซิลไดโนเสาร์และหุ่นจำลองไดโนเสาร์เต่าล้านปี
ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ที่นี่ โดยคณะทัวร์จะได้ไปชม “หลุมกระดูก” ซึ่งบนภูมีการขุดค้นพบจำนวน 9 หลุม
แต่มีการเปิดให้ชมเพียง 4 หลุมเท่านั้น

รถโดยสาร 6 ล้อบรรทุกคณะทัวร์
ทั้งอาซิ้ม อาซ้อ อาเจ๊ก อาม่า อากู่และลูกหลานหนูน้อยแก้มใส ขึ้นไปบนเขาที่สูงชัน
เนื่องจากสภาพถนนเป็นดินแดงลูกรังขี้ฝุ่นคลุ้งตลบอบอวล
หัวดำหัวขาวจึงกลายเป็นสีน้ำตาลมะฮอกกานี
โดยไม่ต้องโกรกทำสีผมที่ร้านเสริมสวยเลย

“ถ้ำเจีย” จุดแรกที่คณะทัวร์ต้องเดินผ่าน
สร้างเป็นอาคารสีขาวมีบันไดให้เดินขึ้นสูงประมาณตึก 3 ชั้น
ซึ่งเป็นหลุมที่ 2 (ของการสำรวจขุดค้นพบ) มีซากกระดูกส่วนคอ 6 ชิ้นของไดโนเสาร์กินพืช
เป็นการขุดพบเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2532

ห่างจากหลุมที่ 2 ต้องเดินขึ้นตามทางลาดไปอีก 150 เมตร จะพบสุสานหอยอายุ 150 ล้านปี
หลายคนพยายามดูซากเปลือกหอย บอกไม่ถูกว่าเป็นหอยชนิดใด ฉันคิดว่าเป็นหอยแครงนะ

ทางเดินเริ่มชันมากขึ้น
เดินต่อไปอีก 350 เมตรก็ถึงหลุมที่ 1 เรียกว่า “ภูประตูตีหมา” มีซากกระดูกหลายสิบชิ้น
เจ้าหน้าที่ฯ ได้แนะนำกระดูกแต่ละชิ้นที่จัดแสดงไว้ให้รู้ว่าส่วนใดของตัวไดโนเสาร์
อากาศเริ่มร้อนฉันรู้สึกเหนื่อยและหิวมาก ถ้าฟังจนจบคงกินไดโนเสาร์หมดทั้งตัว
จึงเดินดุ่ม ๆ ขึ้นไปที่ศาลาจุดชมวิวข้างบน เพราะมีป้ายเขียนไว้ “บริการน้ำดื่มและขนม”
สำหรับคณะทัวร์ได้เติมพลัง

พี่แหม่มพี่หมูและฉัน เดินย้อนกลับมาที่หลุม 2 เพื่อคอยเป็นกำลังใจให้คณะทัวร์ที่ทยอยมาสมทบ
อาซ้อจูงมืออาม่า ถามพวกเราว่า “ข้างบนมีอะไรน่าดูอีกไหม แล้วไกลหรือเปล่า”

“มาเที่ยวทั้งทีต้องได้ดูได้เห็นทุกอย่างนะคะ” พี่หมูสร้างแรงจูงใจ

“ไม่ไกลเท่าไร แค่ 500 เมตรค่ะ” ฉันให้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ
แต่ลืมบอกว่าความสูงชันอาจทำให้รู้สึกไกลกว่าระยะทางจริง
เพราะทำเอาฉันเหนื่อยและหอบมาแล้ว
ส่วนพี่แหม่มคอยยื่นสำลีชุมแอมโมเนียให้พกไว้ดม ถ้ารู้สึกหน้ามืดหรือมีอาการวิงเวียนศีรษะ

ได้เวลาหิวแล้วละซิ คณะทัวร์ทั้งหมดขึ้นรถลงเขากลับมายังพิพิธภัณฑ์ อช.ภูเวียงด้านล่าง
ซึ่งทีมต้อนรับได้เตรียมอาหารแบบโต๊ะจีนและบุฟเฟ่ต์ลาว ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง
ฉันกับเจ้าหน้าที่กู้ชีพ 2 หนุ่ม เดินตรงดิ่งมาที่ซุ้มไก่ยาง ส้มตำและข้าวเหนียว
จะชวนกันไปนั่งกินที่โต๊ะจีนคงไม่ได้รสชาติแน่ ๆ
จึงหาที่ปูเสื่อใต้ต้นมะม่วงดูร่มรื่นและเป็นธรรมชาติดี

มีหนุ่ม ๆจากมูลนิธิจิตกุศล 4 คน มาล้อมวงลงมือกินข้าวมื้อเที่ยงแบบหิวโหย
เพราะพลังงานถูกใช้ไปเยอะ ฉันหิวแบบไม่ลืมหูลืมตาคิดอะไรไม่ออก กิน กิน กินจนอิ่มท้อง
พอมีสติจึงรู้สึกตัว ว่านั่งอยู่ท่ามกลางชายหนุ่มตั้ง 6 คน เป็นดาวล้อมเดือน(แหว่งๆ)ตอนกลางวันแสก ๆ

อิ่มแล้วนี่! มีอะไรให้ดูอยู่ข้างในพิพิธภัณฑ์อีกตั้งเยอะ ฉันเดินดูแบบเรื่อยเปื่อย
ชอบบรรยากาศสถานที่ หุ่นจำลองไดโนเสาร์ 3-4 ชนิด สภาพป่าน้ำตกต้นไม้สวยดี
เด็ก ๆ พากันถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้เห็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี
คณะทัวร์ตระกูลลิ้มคงประทับใจกันพอสมควร

ถึงเวลาต้องกลับตามกำหนดการ ฉันแวะซื้อของที่ระลึกจาก อช.ภูเวียง
ได้การ์ดภาพวาดของเด็กนักเรียนชั้นประถม

เป็นภาพวาดมีรูปไดโนเสาร์ตัวสีเทาแก่ หันหลังให้เต่ากระดองสีน้ำตาลเข้ม

มีนกยักษ์ 2 ตัว กับต้นไม้ใหญ่หลายต้นและภูเขาไฟหนึ่งลูก

ซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายทอดจากจินตนาการของสาวน้อย




ปล. ท่านผู้อ่านที่รัก จินตนาการที่ได้จากการอ่านเรื่อง “ไดโนเสาร์เต่าล้านปี” พบอะไรบ้างคะ?





<>Blog Up last >> กล่องไม้หน้าบ้าน
คลิก >>//www.bloggang.com/mainblog.php?id=saowbannok&month=23-03-2009&group=4&gblog=27



Create Date : 04 เมษายน 2552
Last Update : 6 เมษายน 2552 19:47:48 น.
Counter : 3194 Pageviews.

16 comments
  
มาปล่อยพลังชีวิตใส่ก้าบ
..แซดๆๆๆ ขอให้มีความสุขมากๆคับ




...โจ..ก้าบ...

โดย: พลังชีวิต วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:21:47:41 น.
  
ยังอ่านไม่จบเลย ยาวเหลือเกิน
โดย: xx IP: 96.255.16.241 วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:23:59:53 น.
  
สาดผืนหมอนใบ
โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ วันที่: 5 เมษายน 2552 เวลา:12:40:37 น.
  
เหมือนได้ร่วมคณะทัวร์ไปด้วย
ไหนๆก็ไหนๆ
รถแวะพักแล้ว
สั่งกาแฟสักแก้วดีก่า
น้อง......
กาแฟแก้ว
ขอเข้มๆ
ไดโนเสาร์สั่ง
โดย: ตาพรานบุญ วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:0:34:08 น.
  
กลับมาเฉลย คำถามไม่เน้นคำตอบ เสียที Ha
หลังจากที่มีปัญหากับเครื่องคอมพ์ และต้องเดินทาง

ขอบคุณ ที่มาร่วมสนุก ทำให้เปิดมุมมองใหม่ๆ
ที่มีต่อท้องฟ้า
และขอบคุณ คำอวยพรวันเกิดด้วยค่ะ
โดย: สายลมอิสระ วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:14:44:03 น.
  
สวัสดีไดโนเสาร์ เอ๊ยสาวแขนก่อน
ร้อนมากจากภูเวียง
ขอฟังเพลงเย็นๆก่อน
ตามด้วยกาลาโต้ กาลาโต้
ไม่ใส่น้ำตาล
เพราะหวานพอแล้ว
555
โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:17:20:34 น.
  
สายัณห์สวัสดีค่ะมิตรรักนักเขียน (บล๊อก)
------------------------------------------------
พลังชีวิต
---------ขอบคุณคร้าบบบบบบ สำหรับความสุขที่ทุ่มใส่ อะเอิ๊ก ๆ

XX
--------แวะมาอ่านให้จบนะจ๊ะ

น้าหนูนีล_น้องขวัญ
---------น้องคนงามมีเชื้อจีน "แซ่" หยังคะ

ตาพรานบุญ
---------น้อง......กาแฟแก้วขอเข้มๆ ไดโนเสาร์สั่ง... โดย: ตาพรานบุญ
อ้าว! นึกว่าเป็น "เต่าล้านปี" นะ หุ หุ

สายลม (รัก) อิสระ
---------มิเป็นไรค่ะ ยินดีที่ได้เล่นอะไรสนุก ๆ
แต่ว่า....ขอให้ท้องฟ้าเป็น "สีฟ้า" เหมือนเดิมนะดีแล้วนะ

พี่ปอน ปอนขา
----------ข้าวแฝ่โสด สด (งดน้ำตาล) รอสักครู่
"กาลาโต้" ให้น้ำเดือดจัด ๆ นะค๊า


สุขสวัสดีวันปีใหม่ไทย

สุขสันต์วันสงกรานต์ ประเทศไทยจงเจริญ
---*---
โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:21:01:31 น.
  
สวัสดีสาวขอนแก่น ณโคราช

ตกลงอยู่ไหนนี่ ตอนนี้ เที่ยวนี้กลายเป็นนักเขียนสารคดีบวกมัคคุเทศน์ ไปแล้ว เล่าเรื่องได้มันเยิ้มเลยละ

โอ้สงกรานต์นี้มีฝนซะแล้ว น้ำท่ามีให้รด ให้สาดกันเหลือเฟือ

ว่าแต่ในกรุงเทพฯ สงกรานต์.... กำลังจะเกิด
โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:15:00:55 น.
  
ขอโกปี้วันละจอก....ถ้าเขาพิมพ์หนังสือให้เราจะให้อ่านฟรี
เอาม้าย...เอาม้าย

ไปละ....ร้านเน็ตเด็กเยอะ
โค*....หนวกหูเลย
โดย: ปลายแปรง วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:12:07:16 น.
  
เจ๊
มาให้รดน้ำสงกรานต์หน่อยซิ
อวยพรด้วยนะ
(ถ้าร่ำรวยๆขอก่อนสิ้นเดือนนะ เผื่อเจ๊ด้้วย)
โดย: (@-@) (ตาพรานบุญ ) วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:11:38:25 น.
  
สงกรานต์ไปไหนมาหรือเปล่าคะ?

ถามไปงั้นๆ เผื่อจะอัพบล็อกให้อ่านอีก 555
โดย: สายลมอิสระ วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:7:00:15 น.
  
อรุณสวัสดีค๊ามิตรรักนักเขียน (บล๊อก) ทุกท่าน
-----------------------------------------------------

อากาศร้อนอบอ้าวร้าวรอนต่อผิวพรรณ
(พยายาม) บิ้วอารมณ์ให้สดชื่นเหมือนนอนแช่น้ำเย็น ๆ

จินตนาการถึงน้ำตก (ห้วยจันทร์) ที่ไหลผ่านโขดหิน
นั่งมองท้องฟ้าท่ามกลางขุนเขาลำเนาไพร

หรือไม่.... มีกาแฟเย็น ๆ (สักเยือก) หนังสือ 2-3 เล่ม
ปูเสื่อนอนผึงพุงใต้ร่มให้ใหญ่
แค่นี้ชีวิตก็แจ่มแล้วค๊า

แต่ว่า...สาวฯ ขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวขายกาแฟ & ชาไทยคลาสสิก ก่อนนะค๊า
แล้วพบกันวันใหม่สดใส ปิ๊ง ๆ อะคี่ ๆ

โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 19 เมษายน 2552 เวลา:9:54:32 น.
  
ขอเอสเปรสโซ่ถ้วยนึงครับ...
โดย: pu_chiangdao IP: 118.175.184.138 วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:8:26:51 น.
  
ใครว่ายาวววว แต่เราอ่านหมดนะจะบอกให้
อ่านไปๆๆแหม ลุ้นคิดว่าจะมีเฮ มีหุบ ไม่มีอะไรเลยนี่นา ชริชริ คิดว่าจะเจอไดโนสักตัวาสองตัว
ที่แท้พยาบานสาว ฮ่าๆก็พาตระกูลลิ้มเที่ยวเนียนๆเฉยเลย
เอ๊ ตระกูลลิ้ม อาๆๆ ไม่เอาดีก่า ไม่อยากหามิตรเป็นพัน อิอิ
โดย: ยิปซีสีน้ำเงินอ่อนๆ IP: 124.121.51.187 วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:19:03:13 น.
  
ขอ กาลาโต้ อีกหนึ่งแก้วค่ะ

อะคี่ๆๆ ชงๆไปถึงไหนแล้วคะ
โดย: วีดวาด IP: 117.47.214.252 วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:21:40:07 น.
  
ราตรีสวัสดีค่ะมิตรรักนักเขียน (บล๊อก) ทุกท่าน

แล้วพบกันใหม่ค๊า
โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:22:56:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ลูกคนสุดท้องน้องสาวคนเล็ก
เด็ก ๆ ชอบเอาตัวไปปลายนา
เอาขาไปวิ่งเล่นที่ทุ่งหญ้า
โตเป็นสาว..ชอบอยู่บ้านนอก
อนาคต..ได้ไปที่ชอบ..ที่ชอบ
อะคึ่ ๆ


Friends Blog
[Add สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น's blog to your weblog]