Bloggang.com : สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น - เกร็ดชีวิตที่ "เกาะเกร็ด"

Group Blog

พฤษภาคม 2550

24 พฤษภาคม 2550

All Blog

เกร็ดชีวิตที่ "เกาะเกร็ด"

พวกเราออกเดินทางจากใจกลางเมืองกรุง เข้าสู่อาณาเขต อ.ปากเกร็ด ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ฉันโทรศัพท์ไปหาพี่ดวง มีเสียงแว่วมา
"ขณะนี้ดิฉันไม่ว่างรับสาย ถ้าว่างแล้วจะติดต่อกลับทันทีค่ะ"
หรือว่าเธอยังไม่ตื่นนอน

09.00 น. พี่ดวงโทรศัพท์เข้ามือถือฉัน จึงบอกไปว่า
"ตอนนี้นางกับหลาน ๆ อยู่แถว ๆ ตลาดปากเกร็ดแล้ว จะนัดเจอกันตรงไหนดีคะ"
เธออธิบายคร่าว ๆ แล้ววางสายกันไป

พวกเราหาทางเข้าไปเกาะเกร็ดได้สำเร็จ จอดรถยนต์บริเวณ "วัดกลางเกร็ด" ซึ่งกำลังมีการแห่นาค เสียงตีกลอง ฆ้องฉิ่งฉาบ ดังสนั่นวัด ฉันจึงอนุโมทนาบุญด้วย....สาธุ

แผนผังเกาะเกร็ด ตั้งอยู่ใกล้บริเวณท่าเรือที่จะข้ามฟาก พวกเรานั่งพักรอพี่ดวง ซึ่งเธอจะตามมาสมทบในเวลาที่ไม่ได้นัดหมาย ฉันเข้าใจถึงพุทธภาษิตที่ว่า
"ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน
ความไม่แน่นอน คือ ความไม่แน่นอน" เป็นแน่แท้

ได้ที่นั่งมุมเหมาะเจาะ ชื่นชมทัศนียภาพและชีวิตของผู้คนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ มองเห็นบางชีวิตของคนบนเรือขนทราย ที่ลอยมาตามลำน้ำ ลำเลียงหินทราย ซึ่งบรรทุกในเรือที่ทอดยาว 3-4 ลำ เรือลอยอ้อยอิ่งนิ่ง ๆ ไม่โคลงเคลง ล่องไปช้า ๆ กับเวลาที่เดินด้วยความสม่ำเสมอ

1 ชั่วโมง กับการนั่งมองดูชีวิตของผู้คนเดินทางข้ามลำน้ำ ระหว่าง "เกาะเกร็ดและวัดกลางเกร็ด" บางชีวิตผ่านสายตาฉัน ไปกับเรือด่วนหางยาวที่วิ่งฉิวจนน้ำกระเซน พร้อมกับสายลมเย็น ๆ มาปะทะใบหน้า น้ำในแม่น้ำกระเพื่อมเป็นละลอก ๆ กระทบกับกำแพงคอนกรีตรอบวัด

ฉันไม่รู้สึกเสียดายเวลา ที่ต้องนั่งมองอะไรต่อมิอะไร ซึ่งผ่านไป-ผ่านมา ฉันโทรศัพท์ติดต่อพี่ดวงอีก 2-3 ครั้ง สรุปว่า เธอให้ฉันกับหลาน ๆ นั่งเรือข้ามฟากไป "เกาะเกร็ด" ก่อน แล้วเธอจะตามมาทีหลัง บอกว่าไม่ต้องกลัวจะหากันไม่เจอ เพราะเกาะเล็ก ๆ เดินหากันไม่ยาก รับรองด้วยเกียรติลูกผู้หญิง เจอกันแน่นอน

10.15 น. ฤกษ์ดีที่พวกเราตัดสินใจนั่งเรือข้ามฟาก "ท่าเรือป่าฝ้าย" ค่าโดยสารคนละ 2 บาท

บรรจงก้าวเท้าขึ้น "เกาะเกร็ด" ครั้งแรกในชีวิต โอ้ว! ตื่นเต้นจัง

อากาศยามนี้ร้อนเหลือเกิน เจ้าแดดจ้าแลบลิ้นเลียผิวอันบอบบางของฉันเข้าให้แล้วซิเนี่ย! ถ้าเจอแดดแรงขนาดนี้ ต้องพกครีมว่านหางจระเข้ไว้ทาทั้งตัวเลยนะ

เช่ารถจักรยาน 4 คัน (คันละ 40 บาท/วัน) ต่อรองราคาได้ ลดเหลือ 140 บาท

เริ่มปั่นรถจักรยานเวียนซ้าย เข้าชม "สวนเกร็ดพุทธ" สถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางการศึกษาศิลปวัฒนธรรมหลากหลาย ทั้งจิตรกรรม หัตถกรรม สวนกล้วยไม้ ไม้ดอก-ไม้ประดับนานาพันธุ์ สีสันสวยงามทีเดียว

เดินชมภายใน "สวนเกร็ดพุทธ" ถ่ายภาพบรรยากาศรอบ ๆ ซึ่งมีกระท่อมหลังเล็กเป็นบ้านทรงไทยสมัยโบราณ หลังคามุงด้วยหญ้าคา ฝาบ้านสานด้วยไม้ไผ่ รู้สึกเย็นสบาย เมื่อพวกเราเข้าไปเยี่ยมชมภาพนิทรรศการภายในบ้าน แม้อากาศข้างนอกจะเริ่มร้อนมากขึ้น

มีร้านอาหาร ให้บริการนักท่องเที่ยวรับประทาน ราคากันเอง แต่พวกเราไม่ได้ใช้บริการ (( อิ่มแล้ว )) ถ้าใครต้องการพักค้างคืนในบรรยากาศสวย ๆ งาม ๆ สามารถติดต่อที่พักได้ในบ้านไทย ((คุณสุมาลี แสงคำคม โทร. 0-2584-5219, 0-2503-4886-7, 08-1455-5534 สวนเกร็ดพุทธ ))

ปั่นจักรยานไปตามถนนคอนกรีต เจอสาวสวยนางหนึ่ง สวมเสื้อยืดสีแดง กางเกงยีนส์ ทำเท่ข้างรถจักรยาน เหมือนเธอกำลังรอใครสักคน ใกล้บริเวณด้านหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง พวกเราปั่นจักรยานมาใกล้ ๆ ถึงบางอ้อ เธอคือ พี่ดวงที่น่ารัก เธอมาตามนัด แม้ไม่ได้นัดเวลาแน่นอน "เธอมาตามสัญญาลูกผู้หญิง"

พวกเราชื่นชมชีวิตชาวสวนแบบผสมผสาน ของชุมชนเกาะเกร็ด คู-คลองเล็ก ๆ ข้างทาง มีปลาตัวน้อย ๆ แหวกว่ายไป-มา เห็นความร่าเริงของมันกับสายน้ำที่เย็นใสแจ๋ว ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ ตามแนวร่องน้ำในสวนผลไม้ของชาวบ้าน

ซุ้มขายของที่ระลึก และรถเข็นขายอาหาร มากมายบริเวณหน้า "วัดไผ่ล้อม" หลาน ๆ พากันไปไหว้พระพุทธรูปข้างในวัด ขอพร-เสี่ยงเซียมซี อธิษฐานตามความปรารถนาส่วนตัว ฉันกับพี่ดวง ซื้ออาหาร คือ ผักและดอกไม้หลายชนิดชุบแป้งทอด น้ำจิ้มรสเด็ด มีที่พักให้นักท่องเที่ยวได้นั่งชื่นชมบรรยากาศและกินอาหารว่างเพลิน ๆ

"ข้าวแช่" (( ร้านลุงแดงข้าวแช่ รามัญ )) อาหารประจำท้องถิ่นของชาวมอญที่ขึ้นชื่อลือชา มาถึงเกาะเกร็ดต้องกิน "ข้าวแช่" กินร้านไหนก็ได้ ตามใจนักหัดเที่ยว มื้อนี้ฉันกินฟรี พี่ดวงเป็นเจ้าภาพ
ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ เงินทองไหลมา-เทมา ดั่งน้ำใจมากมายที่มอบให้....สาธุ

เจ้าถิ่น นำทางพาฉันไปชมโรงปั้นดินเผาของชาวมอญ หมู่.1 ซึ่งเป็นงานฝีมือของชาวเกาะเกร็ด มากมายจริง ๆ อันนี้ก็งาม อันนั้นก็สวย อันโน้นก็อยากได้ แต่ไม่ซื้อสักชิ้น เพราะตัดสินใจไม่ได้ จะเลือกอันไหนดี งั้น....อย่าซื้อมันเลยดีกว่า จะได้ไม่เปลืองสตางค์ (สรุป)

"เจดีย์เอน" วัดปรมัยยิกาวาส สัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงของ "เกาะเกร็ด" เสมือนแม่เหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาชื่นชมตลอดเวลา ประวัติศาสตร์ความเป็นมา กรุณาศึกษาเพิ่มเติมกันเองนะ

ขณะนั่งกินก๋วยเตี๋ยวเรือและส้มตำ (( ขาดไม่ได้เลย เดี๋ยวปลาร้าในเลือดต่ำ )) ฉันกับพี่ดวงเจอทีมสำรวจให้ตอบแบบสอบถาม เพื่อทำวิจัยความน่าสนใจใน "เกาะเกร็ด" ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ

ถ้าไม่เกรงใจกระเพาะอาหารและลำไส้ ฉันคงซื้อของกินอีกมากมาย ที่ขายในบริเวณ "เจดีย์เอน" รู้อย่างนี้อดอาหาร (ล้างท้อง) มาก็ดี จะกินให้พุงกางเลย แหม! เสียดายจริง ๆ จะซื้อกลับไปกินที่บ้าน คงไม่ได้รสชาติของการท่องเที่ยวนะ

ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกใกล้ "เจดีย์เอน" นักท่องเที่ยวทยอยมากันมากขึ้น หมวย ตี๋ขาว สาวแขกฝรั่ง มากันเป็นก๊วน ทุกคนหน้าตาเปื้อนรอยยิ้มอย่างมีความสุข ส่วนฉันหน้ามันเยิ้ม ผิวสีแทนกำลังเปลี่ยนสภาพเป็นสีเขียวคล้ำมากขึ้น งานนี้ครีมกันแดดเอาไม่อยู่ซะแล้ว

"ก๊วนป่วนเกาะ" ปั่นจักรยานไปเรื่อย ๆ จนครบรอบ ทุกคนได้เหงื่อแถมขี้เกลือพร้อมขี้ไคล เกาะตามเนื้อ-ตามตัวกันทั่วหน้า เพราะช่วงเวลาที่พวกเราท่องเที่ยวช่วงสายใกล้เที่ยง แสงแดดส่องเต็มที่
พักโฆษณา 5 วินาที : เนื้อสาวโสดแดดเดียว
ทอดกินเป็นอาหารว่าง เคี้ยวง่าย ไม่เหนียว ไม่ติดฟัน
รับประกันคุณภาพความอร่อย

น้ำดื่มเย็น ๆ ช่วยคลายร้อน รู้สึกสดชื่นทันที เมื่อเจ้าของร้านเช่าจักรยาน มอบให้ลูกค้าหลังเสร็จสิ้นภารกิจในทริปนี้

ฉันสัญญากับหัวใจตัวเอง ก่อนนั่งเรือข้ามฟากกลับจากเกาะเกร็ด
"ฝากไว้ก่อนนะ"
โอกาสหน้าฉันจะมาเหยียบที่นี่อีกแน่นอน
"จำไว้เลย" (( กระทืบเท้ากับพื้น 3 ที ))

เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยกับ "เกาะเกร็ด"

เกาะเกร็ด เป็นเกาะขนาดใหญ่กลางลำน้ำเจ้าพระยา มีฐานะเป็นตำบล แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 หมู่บ้าน

เกาะเกร็ดเกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดน้ำเจ้าพระยา ตรงที่เป็นแหลมยื่นไปตามความโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แห่งกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2265 จึงเรียกคลองนี้ว่า "คลองลัดเกร็ดน้อย" ((คลองลัดเกร็ดใหญ่อยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ที่ขุดลัดแม่น้ำเจ้าพระยา ตอนท้ายอำเภอสามโคก มาทางใต้ถึงคลองบางขวางเชียงราก ))

คลองขนาดกว้าง 6 วา ยาว 39 เส้นเศษ ลึก 6 ศอก ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทาง ทำให้คลองขยายกว้างขึ้น เพราะถูกความแรงของกระแสน้ำเซาะตลิ่งพัง จึงกลายเป็น "แม่น้ำลัดเกร็ด" เมื่อลำคลองกว้างขึ้น สภาพความเป็นเกาะเด่นชัด จึงเรียก "เกาะเกร็ด" มาถึงทุกวันนี้