|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
กำแพงไทย-ญี่ปุ่น เอกสารกองโต
สำหรับคนไทยที่เคยเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ต้องขอวีซ่า(ซึ่งน่าจะเรียกว่า We sad)ก็คงจะเคยเจอประสบการณ์สยองขวัญทำเอาจิตตกไปไม่มากก็น้อย อารมณ์ตั้งแต่กรอกเอกสารไปจนถึงฟังผล ช่วงนั้นจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพ่อค้าผง ไม่ก็โจรข้ามชาติ พ่อเป็นมาเฟีย แม่เปิดบ่อน ฯลฯ มันเป็นยังไงนะเหรอ ผมจะขอเล่าถึงการขอวีซ่า(ท่องเที่ยว)ของญี่ปุ่นตามประสบการณ์(สยอง)ที่ตัวเองไปเจอมาละกัน เริ่มจากเข้าไปในเวบฯกงสุล อ่านรายละเอียด ต้องยื่นอะไร ยังไง ที่ไหน ซึ่งขั้นตอนนี้จะงงไม่มาก ประมาณว่าเล่นเกมส์ด่านแรกเจอบอสกระจอก ปราบง่ายดาย พอด่านต่อไปต้องกรอกข้อมูลลงในใบคำร้อง "อะไรฟร่ะ!..." หึๆ ช่วงนี้ละคับ จะเริ่มงง หน้ามืดวิงเวียน อันนี้อาจจะเป็นเพราะเคยไปแต่ประเทศที่ไม่ใช้วีซ่า พอมาเจอครั้งแรกเลยงงไปหมด จะเข้าเมื่อไหร่ ออกเมื่อไหร่ ไปพักที่ไหน ตั๋วเครื่องบิน โอ้ยย...ดีนะไม่มีช่อง ใส่ กกน.สีอะไร อาบน้ำวันละกี่ครั้ง..? เล่นเอาเหนื่อย พอเตรียมเอกสารทุกอย่างพร้อมแล้วก็หาฤกษ์งามยามดี เวลาเหมาะแต่ไม่ต้องถึงกับไปขอจากพระท่านนะคับ เอาเวลาที่เราว่างๆนะแหละ เดินทางไปกงสุลญี่ปุ่นชั้น 9 ตึกเสริมมิตร(ตอนนี้ย้ายไปแถวสวนลุมฯแล้วนะ) ถึงที่นั่นก็เจอคุณพี่รปภ.ตรวจกระเป๋า แลกบัตรจึงจะขึ้นไปได้ ช่วงนี้ละคับ เริ่มจะเลิ่กลั่กทำหน้าตามีพิรุธสุดขีด(ก็ไม่รู้จะทำไปทำไม)เหมือนจะมาวางระเบิดยังไงยังงั้น พอขึ้นลิฟท์มาที่ชั้นเก้าก็จะมีให้ตรวจอีกครั้งก่อนเข้าห้อง ผ่านส่วนนี้ไปก็จะถึงห้องยื่นเอกสาร โอ้วว....พ่อเจ้า กะว่ามาเช้าแล้วไหงคนเยอะแบบนี้ ที่สำคัญเวลาเดินก้าวแรกเข้ามาหลายคนจะหยุดชะงัก สอดสายตาไปมา นัยว่าขอทำความคุ้นเคยกับสถานที่ สายตา(คนอื่น)นับร้อยก็จะจ้องมาที่เรา แล้วคิดในใจ "น้องใหม่สิท่า.." ทำใจดีๆไว้นะคับ ตั้งสติไว้ สิ่งแรกที่เราต้องทำคือไปรับบัตรคิว นั่งรอจนกว่าจะถึงคิวเรา ระหว่างรอหัวใจจะเต้นรัว โลหิตสูบฉีดแรงกว่าปกติ เป็นอาการปกติของโรค visaphobia ให้ทำใจไม่มียารักษา พอถึงคิวเราก็เอาเอกสารไปยื่นตามช่องที่กำหนด ตรงนี้จะแล้วแต่บุญแต่กรรมของใครทำมาดี ก็ได้เจอเจ้าหน้าที่ใจดี ใครบุญน้อยก็ตัวใครตัวมัน ผมทำบุญไว้เยอะเลยเจอเจ้าหน้าที่ดีๆ แต่ไม่ต้องกลัวนะคับส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่กงสุลญี่ปุ่นไม่ดุ แค่โหดๆ...อ่ะล้อเล่น สิ้นสุดขั้นตอนนี้ก็ได้แต่ร้องเพลงรอ "ไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน...ไม่รู้เมื่อไรที่เราจะพบกัน..." กินไม่ได้นอนไม่หลับไปอีกประมาณสองวัน บางคนอาจนานกว่านั้น.....แต่อยากจะบอกว่าวีซ่าญี่ปุ่นไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะคับ ถ้าเอกสารครบมันจะง่ายดายกว่าปอกทุเรียนเข้าปากแน่นอน การขอวีซ่าว่าไปก็แปลกนะคับ เหมือนกับที่เขียนไว้ข้างบน คือเราก็เป็นคนธรรมด๊า..ธรรมดาเข้าประเทศด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่กลับรู้สึกกลัวๆเหมือนตัวเองทำผิดอะไรมา "กรอกแบบนี้ได้มั๊ย ถ้าเค้าถามแบบนี้ต้องตอบยังไง?.. " บางคนเครียดยังกะเตรียมสอบโอเน็ตเอเน็ต อันนี้คงเป็นเพราะความเข้มงวดที่เกิดจากคนรุ่นก่อนๆ(บางคน)เคยทำผิดไว้ ทำให้คน(หน้าตา)ดีๆอย่างเราพลอยลำบาก เฮ้อ.. อย่างวีซ่า pre-college ที่ผมจะขอหนักกว่าวีซ่าท่องเที่ยวอีกหลายเท่า เอกสารกองรวมกันนึกว่าเป็นฟูจิซัง ขอประวัติกันละเอียดยิบ นี่ถ้ามีของชาติที่แล้วคงต้องยื่นไปด้วย ที่บอกคือเอกสารที่เราต้องยื่นให้โรงเรียนพิจารณารับเราแล้วเค้าจะยื่นขอใบรับรองสถานภาพการพำนัก(Certificate of Eligibility) จากตม.ที่ญี่ปุ่น พอเราได้เจ้าใบนี้มา ก็ให้เอาไปยื่นขอวีซ่าเข้าญี่ปุ่น ขั้นตอนนี้จะไม่ยากแล้ว(เพราะมึนจนไม่รับรู้อะไรไปก่อนหน้านี้ซะแล้ว) ที่เล่ามาก็เป็นตัวอย่างสั้นๆแบบสั่นๆของคนที่จะขอวีซ่า ก็ต้องทำใจนะคับ คิดซะว่าเป็นบททดสอบแรกในการไปใช้ชีวิตยังต่างแดน......ขอให้ทุกคน(ตัวเองด้วย)โชคดีคับ.....^_^
Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2550 |
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2550 15:54:54 น. |
|
2 comments
|
Counter : 974 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: Katja วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:10:56 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ญี่ปุ่น เคยได้ข่าวผู้ญ.ไทยจะขอ
วีซ่ายากมากๆ เช็คมากๆ
ถ้ามีชาติที่แล้วก็จะขอเช็คด้วย
คงกลัวผู้ญ.ไทยไปเผาญี่ปุน
ละมั้ง..แต่ก็รู้ๆอยู่จะว่าเขา
ก็ไม่ได้...ขอให้มีความสุขกับ
ชีวิตในต่างแดนน่ะค่ะ