"Would you live with ease, do what you ought, and not what you please?" Benjamin Franklin
มาเลเซีย ไม่ไปไม่รู้ ตอนที่ ๓ มะละกา เมืองนี้มีเสน่ห์

วันที่สามของการเดินทาง เราเช็คเอาท์จาก Traders Hotel เพื่อไปยังท่ารถทัวร์ที่ชื่อว่า Puduraya เป็นเหมือนเอกมัย-หมอชิตบ้านเรา มีตู้ขายตั๋วเรียงรายมากมายหลายบริษัท จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่มะละกา เมืองมรดกโลกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน อยู่ห่างจาก KL ไปประมาณ ๒ ชั่วโมง ระยะทางคงราว ๆ กทม. - พัทยา เส้นทางนี้มีรถทัวร์หลายบริษัทให้บริการ ราคา ๑๒.๒๐ ริงกิต น่าจะราคาพอ ๆ กันทุกบริษัท ก็ดูเอาคะว่าบริษัทไหนออกก่อนก็เลือกอันไหน

ภายในรถทัวร์กว้างขวางสะดวกสบาย มีที่พักขาด้วย คงเหมือนรถวีไอพีบ้านเรา มาถึงสถานี Malaka Sentral (ไม่ได้อยู่ในศูนย์กลางสมชื่อ) ราว ๆ เที่ยวง ต้องนั่งรถต่อเข้าเมืองไปอีกประมาณ ๑๕ นามี แท๊กซี่ราคาเท่ากันหมดคือ ๑๕ ริงกิต แต่ถ้าขึ้นรถเมล์ ก็ ๑ ริงกิต เท่านั้น เราขอขึ้นแท๊กซี่เพื่อความสะดวกคะ

โรงแรมที่เลือกพักคือ Holiday Inn โรงแรมค่อนข้างใหม่ทีเดียวและราคาไม่แพงเลย (ประมาณ ๒,๒๐๐ บาท) สามารถดูรีวิวได้จากหมวด Hotel Review นะค่ะ โรงแรมจะอยู่ห่างจากศูนย์กลางพอสมควร แต่ก็เดินถึงอยู่ ทราบมาจากพนักงานโรงแรมว่าในเมืองมีจักรยานให้เช่า เลยมุ่งหน้าเข้าเมืองหาร้านเช่าจักรยานก่อนเลย

อากาศที่มะละการ้อนมาก แดดก็เปรี้ยง เตรียมหมวกปีกกว้างไปด้วยจะดีกว่านะค่ะ ได้จักรยานแล้วก็ลุยเที่ยวกันเลย มะละกาเป็นเมืองที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มีห้างสรรพสินค้าให้ช้อปปิ้งด้วย แต่ถ้ามาถึงนี่เพื่อช้อปละก้อ อยู่ KL จะดีกว่าคะ

ทางโรงแรมให้แผนที่มาด้วย คนข้างละเอียดดีทีเดียว สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่รวมกัน แต่เนื่องจากเรามีจักรยาน เลยขอไปเที่ยวในที่ที่ไกลออกไปหน่อย ที่แรกที่แวะคือ St. John's Fort เป็นป้อมปราการเก่าตั้งอยู่บนเนินเขา จะว่าไปที่นี่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจนัก นอกจากป้อมปราการเก่า ๆ กับวิวมะละกา


เข้ามาในเมืองจะมีพิพิธภัณฑ์น่าสนใจมากมาย ที่เราแวะไปคือ พิพิธภัณฑ์ Stadthuys เป็นอาคารเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ.๑๖๕๐ สร้างไว้สำหรับผู้ว่าการรัฐชาวดัชต์ ค่าเข้าเพียง ๕ ริงกิต แต่มีสิ่งน่าสนใจให้ชมมากมาย และยังสามารถให้ตั๋วเดียวกันนี้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ใกล้เคียงอื่นๆ ได้อีกหลายแห่ง



แลนด์มาร์คอีกแห่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ St. Paul's Hill ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน บนเนินเขาแห่งนี้จะมีซากโบสถ์เก่าแก่เหลือแต่ด้านหน้า และกำแพงของโบสถ์ หลังคานั้นไม่มีแล้ว





ยามค่ำคืนที่นี่ก็สวยงามและน่าสนใจ ริมแม่น้ำมะละกามีทางเดินเลียบแม่น้ำตลอดทาง มีการประดับไฟไว้อย่างสวยงาม สามารถนั่งเรือชมแม่น้ำได้ ทั้งกลางวันและกลางคืน นอกจากนี้ก็มีถนนคนเดิน อยู่ในย่านไชน่าทาวน์





กลางคืนน่าเดินกว่ากลางวันมากคะ เพราะไม่ร้อนเกินไปนัก มื้อเย็นเราไปลองทานข้าวมันไก่ ที่มีข้าวปั้นเป็นก้อนกลม ๆ แต่ไม่ชอบเท่าไหร่ ไก่ก็จืด ๆ คงไปไม่ถูกร้าน เดิน ๆ ไปเจอร้านอาหารชื่อ Taragon อยู่ติดริมแม่น้ำ เลยแวะไปนั่งดื่มอะไรแก้ร้อน ร้านดูดีนึกว่าจะแพง ที่ไหนได้ราคากันเองมาก อาหารก็น่าทาน ไว้จะรีวิวให้ดูในบล็อคเกี่ยวกับอาหารที่ไปชิมในมาเลเซียโดยเฉพาะ

เราสองคนชอบมะละกามาก ได้พบเจอพูดคุยกับนักเดินทางจากชาติอื่นแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมทั้งคุยกับเจ้าของร้านอาหาร ทำให้รู้สึกสนุนสนานมากขึ้นไปกว่าการมาชมแต่สถานที่เพียงอย่างเดียว

วันรุ่งขึ้นเราสองคนตัดสินใจอยู่ที่มะละกาจนถึงเย็น จึงจะนั่งรถกลับไป KL รวมทั้งได้ไปนั่งเรือชมแม่น้ำด้วย แต่อันนี้ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ แอบงีบหลับบนเรือซะด้วย



บนถนนเส้นหนึ่งที่ขนานกับถนนคนเดินในตอนกลางคืน ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว ถนนนี้มีเกสท์เฮ้าท์เล็ก คาเฟ่ฮิป ๆ แกลเลอรี่ รวมไปถึง Baba Nyonya Heritage Musuem โดยคำว่า Baba-Nyonya นี้ใช้เรียกลูกครึ่งจีน-มาเลย์ โดยมากจะเป็นพ่อชาวจีนและแม่เป็นมาเลย์ ซึ่งคนเหล่านี้จะมีวัฒนธรรมผสมผสานกันระหว่าง ๒ วัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นบ้านของ Baba-Nyonya ในอดีต ซึ่งปัจจุบันทายาทรุ่นที่ ๔ นำมาเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้บุคคลทั่วไปได้ชม ภายในถ่ายรูปไม่ได้ มีเจ้าหน้าคอยอธิบาย น่าสนใจทีเดียว



สรุปว่าประทับใจกับที่นี่มากคะ ถ้าไปเที่ยวมาเลเซียอย่าลืมแวะไปมะละกาด้วยนะค่ะ


Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2553 21:47:13 น. 7 comments
Counter : 2301 Pageviews.

 
แวะมาkedah บ้างสิคะที่นี่ใกล้ชายแดนไทยมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย


โดย: jena_naam วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:11:39 น.  

 
มะละกาน่าเที่ยวเหมือนกันเนอะ

ขอบคุณที่เข้าไปเยี่ยมที่บล๊อกนะคะ ยุงเฟราสิ้นเดือนนี้คงฟ้าใสมากเลยค่ะ ดอกไม้ป่าที่สวิสคงเยอะด้วย อิจฉาจังอยากไปอีกรอบ ระวัง ash cloud ด้วยนะคะเห็นตอนนี้สนามบินบางแห่งปิดอีกแล้ว


โดย: Holly วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:13:27 น.  

 
น่าไปจังเลยค่ะ เห็นรูปแล้วสวยดีค่ะ


โดย: asita วันที่: 27 พฤษภาคม 2553 เวลา:2:25:37 น.  

 
ชอบเตี๋ยวชิ้นเนื้อกะเตี๋ยวชิ้นปลามากกเลยค่ะ

ตึกรามบ้านช่องที่มะละกาดูคล้ายๆ ภูเก็ตจังนะคะ แนวๆไชนีสโปรตุกีสอะไรแบบนั้น เรียกไงหว่าชักงงๆ


โดย: แซลลี่ (lazypiggy ) วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:20:23:31 น.  

 
ขอบคุณนะคะ ที่เข้าไปชมใน blog
เลยตามมาเที่ยวค่ะ เที่ยวเยอะจังเลยค่ะ สงสัยต้องเข้ามาบ่อยๆ ซะแล้วค่ะถึงจะอ่านได้หมด


โดย: p_pat_p วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:23:52:43 น.  

 
ตุลามีแพลนจะไปมาเล สงสัยต้องเติมมะละกาไว้ในลิสต์แล้วล่ะค่ะ


โดย: some dance to remember วันที่: 5 สิงหาคม 2553 เวลา:0:44:38 น.  

 
กลับเข้ามาเพิ่มเติมข้อมูลคะ พิพิธภัณฑ์ Baba Nyonya Heritage Musuem นั้นใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องบาบ๋า ย่าหยา ด้วย อันนี้ไม่มีใครบอก แต่เห็นจากในหนังเลย ว่าเอ๊ะ...คุ้น ๆ บ้านหลังนี่แฮะ

ด้วยความที่หนังเรื่องนี้มีคนติดตามชมมากมาย เข้าใจว่ามะละกาคงจะเป็นสถานที่ที่คนไทยอีกหลายคนอยากจะไปเยี่ยมชม


โดย: สาวญี่ปุ่น วันที่: 6 สิงหาคม 2553 เวลา:11:37:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

divini
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
11 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add divini's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.