"ได้โปรด! Please!" บทที่ 2 (ํYURI)
2 ไม่กี่วันต่อมา “อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่” พันไมล์ทักทายมารดา หลังลงมาจากชั้นบนในเวลาตีห้าเศษไม่ต่างจากทุกวัน เพื่อทำหน้าที่เป็นลูกสาวที่ดี “ไง หลับสบายไหมลูก?” พันสาที่กำลังง่วนเตรียมอาหารสำหรับขาย หันมาส่งยิ้มให้ลูกสาว “หลับเป็นตายเลยค่ะ” “อะไรจะขนาดนั้น” ผู้หญิงวัยกลางคนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พูดไปก็ขยับมือไปทำงานอย่างคล่องแคล่ว สาวแว่นหัวเราะเขิน ขยับเข้าไปช่วยมารดาไม่ต่างจากทุกวัน “ไมล์ช่วยนะคะ” “อืม” บ้านของเธอเป็นทาวเฮ้าส์สองชั้นหลังเล็ก ที่อยู่มาตั้งแต่จำความได้ แต่เดิมเคยอยู่กันสามคน แต่พ่อที่เป็นตำรวจชั้นผู้น้อยเสียชีวิตไปหลายปีก่อน ทิ้งให้สองแม่ลูกต้องดิ้นรนตามลำพัง พันสาหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง ให้กับคนแถวบ้าน เน้นรสชาติอร่อย ราคา และปริมาณที่เหมาะสม จึงมีลูกค้าประจำมาอุดหนุนสม่ำเสมอ ชีวิตความเป็นอยู่จึงไม่ลำบากจนเกินไป มีเงินส่งจนพันไมล์เรียนจบ พอลูกสาวเริ่มทำงาน เธอตอบแทนด้วยการให้เงินบุพการีทุกเดือน สถานะทางการเงินจึงนับว่าดีขึ้นมาก ติ๊งต่อง! เสียงกระดิ่งหน้าบ้านดังขึ้น “น้อยมาแล้วมั้ง ลูกไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงมาทานข้าว ออกสายเดี๋ยวรถติด” พันสาเอ่ยปากไล่ลูกสาวที่ตั้งอกตั้งใจช่วยเธอจนลืมดูเวลา น้อย คือ ลูกน้องที่มาช่วยงานตั้งแต่หกโมงครึ่งไปจนถึงเย็น “เจ้าค่ะนายแม่” เธอรับคำอย่างขี้เล่น “เดี๋ยวเถอะเรา” แม่ตีไหล่ลูกสาวเบาๆ มองพันไมล์เผยยิ้มกวน จนเดินขึ้นชั้นสองไป ยิ้มได้แบบนี้ คงทำใจเรื่องนั้นได้แล้ว หวังว่าสักวันไมล์จะได้เจอคนดีที่รักและจริงใจ ผู้เป็นแม่ไม่อยากเห็นลูกสาวทุกข์ทรมานใจ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก นอกจากอยู่ข้างๆ คอยปลอบใจ ให้กำลังใจ และสนับสนุนให้ลูกสาวไปต่อ ...แค่อกหักไม่ถึงตาย อย่างน้อยก็รู้จักคำว่าความรัก พันสาสาวเท้าไปหน้าบ้านเพื่อเปิดรับน้อย หญิงสาวที่อายุน้อยกว่าสิบกว่าปี พอน้อยก้าวเข้าประตูก็ยื่นกุหลาบงามมาให้หนึ่งดอก “ดอกไม้สำหรับพี่สาค่ะ” “ขอบใจนะ แต่ไม่ต้องเอามาก็ได้ เปลืองเงิน” แม่พันไมล์เอ่ยไม่ต่างจากทุกวัน “น้อยอยากให้พี่ค่ะ” ตื้อเก่งไปนะ พันสาถอนใจเบาๆ รับช่อดอกไม้มาถือไว้ เธอรู้มานานแล้วว่าน้อยคิดอะไรกับตนนอกลู่นอกทาง ทว่าแม่ลูกหนึ่งไม่คิดสนใจ ด้วยเห็นอีกฝ่ายเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น ในหัวใจพันสามีรักเดียวเท่านั้นคือ...พันไมล์ “เข้ามาสิ พี่เตรียมของไว้เกือบเสร็จแล้ว” “ค่ะ” น้อยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “สวัสดีค่ะ” พันไมล์ก้าวเข้าไปยังสำนักงานนักสืบ SPY 123 ที่มีกลิ่นอายของความเป็นมิตรเหมือนพี่น้อง รู้จักมักจี่กันมานาน เพราะแต่ละคนล้วนร่ำเรียนมาจากสำนักเดียวกัน ...โรงฝึกครูบรรจง บิดาของพี่น้องฝาแฝดจงรักจงสุข จงสุข แฝดคนพี่ดูแลค่ายมวยที่บัดนี้กลายเป็นค่ายมวยดังระดับโลก ส่วนจงรัก แฝดน้องเป็นผู้ช่วยของร่มฉัตร โดยแบ่งร่างมาดูแลสำนักงานนักสืบบ้างสัปดาห์ละสองหรือสามวันแล้วแต่สะดวก “สวัสดีครับพี่ไมล์” กิตติ หนุ่มวัยยี่สิบต้น เป็นผู้มีอายุน้อยที่สุดในสำนักงาน ทำหน้าที่หาข้อมูล มีความสามารถทางการเข้าถึงระบบ หรือเรียกว่าแฮกเกอร์ เขาไม่ได้มาเช้า แต่อาศัยกินนอนอยู่ชั้นบนของสำนักงาน ชมชอบการเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจ มีความฝันอยากเป็นนักกีฬา Esport ระดับโลก “ดีครับลูกพี่” หนุ่มร่างสูงใหญ่หุ่นล่ำปึกทักบ้าง วราวุธอายุไล่เลี่ยกับพันไมล์ เป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของพันไมล์ เขาเคยได้รับการปกป้องจากเธอมาก่อน จากเด็กชายอ่อนแอขี้แยก็แข็งแกร่งขึ้น พอรู้ว่าสาวแว่นมาทำงานที่นี่ เขาก็ติดสอยห้อยตามมาด้วย เป็นอีกคนที่พักอยู่บนตึก SPY 123 ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าขี้เกียจขับรถกลับบ้าน วราวุธมีความสามารถพิเศษคือทักษะการช่าง ซ่อมได้สารพัด รวมไปถึงการงัดแงะด้วย เวลารับภารกิจเสี่ยงอันตราย เขาคือตัวแทงค์ของทีม สโลแกนประจำตัว...เรื่องต่อสู้ต่อยตี ขอให้บอกวราวุธ “แม่ให้เอาขนมมาฝากแบ่งๆ กันนะ อย่าลืมแบ่งให้ไอซ์ด้วย” สาวแว่นวางถุงขนมไทยที่มารดาซื้อมาเผื่อเธอกับเพื่อนร่วมงานเป็นประจำ ด้วยบอกว่าวิธีนี้จะทำให้คนอื่นชอบเรา ไอซ์คือสมาชิกผู้หญิงอีกคน มักจะมาสายด้วยบ้านอยู่ค่อนข้างไกล “ขอบคุณครับพี่ไมล์” / “ขอบคุณครับ” สองหนุ่มยิ้มกว้าง รีบรับขนมแล้วแบ่งกันทันที สำนักงาน SPY 123 เป็นห้องแถวกลางเก่ากลางใหม่ หนึ่งคูหาสี่ชั้น ลึกจากถนนใหญ่ไปราวห้าสิบเมตร ซึ่งร่มฉัตรเซ้งมาจากเจ้าของเก่าที่เปิดเป็นร้านล้างอัดรูปถ่ายในราคาค่อนข้างถูก ลังเลใจอยู่นานว่าจะเปิดกิจการอะไรดี สุดท้ายจงรักเสนอเปิดเป็นสำนักงานนักสืบ หลังลูกศิษย์จากโรงฝึกของพ่อบรรจงมีทักษะพิเศษหลายคน ร่มฉัตรเห็นดีเห็นงามด้วย จึงให้จงรักเป็นผู้จัดการ โดยเปิดดำเนินการปีที่แล้ว จงรักนั่งอยู่โต๊ะในสุด กำลังง่วนกับการทำสรุปงานของสำนักงาน ละสายตาจากโน้ตบุ๊ค แล้วเรียกสาวแว่นที่กำลังทักทายกับหนุ่มๆ “ไมล์ มาหาพี่หน่อย” “ค่ะพี่รัก” “วันนี้ดูอารมณ์ดีนะ” พันไมล์แจกยิ้ม ทรุดนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะอีกฝ่าย “มีอะไรคะพี่รัก?” “มีงานให้ทำ ผู้ว่าจ้างเจาะจงไมล์ด้วย” จงรักเอนหลังพิงเก้าอี้ พร้อมใช้ปากกาเคาะโต๊ะเบาๆ เจาะจง? คนฟังทำหน้าประหลาดใจ งานที่ SPY 123 รับมักจะทำเป็นทีม ด้วยแต่ละคนมีทักษะที่ไม่เหมือนกัน ภารกิจส่วนใหญ่คือตามหาคนหาย หาสัตว์เลี้ยง ส่งสินค้า อารักขาคน ไปจนถึงหาหลักฐานมัดตัวภรรยาหรือสามีนอกใจ ซึ่งงานแบบหลังกำลังได้รับความนิยมมากในช่วงนี้ “งานอะไรคะ?” “บอดี้การ์ดส่วนตัว” “...” เป็นภารกิจที่เธอไม่ได้ทำมาพักใหญ่แล้ว “คือคุณมาศปรียา รุ่นพี่ไมล์นั่นแหละโทรคุยกับคุณฉัตร ขอให้ไมล์ดูแลเพื่อนของเธอที่ชื่อ...รังสิมา” คุณแมวหยิ่งน่ะเหรอ? เธอนิ่วหน้าเล็กน้อย ตอนเป็นนักเรียน ใบหน้าสวยหยิ่งของสาวรุ่นพี่ตามหลอกหลอนให้ใจสั่นอยู่บ่อยครั้ง จำได้แม่นยำโดยเฉพาะดวงตาคู่นิลดุๆ นั้น ให้ความรู้สึกว่าตนทำอะไรก็ไม่ถูกใจหล่อนไปซะหมด ทำเอาเธอเสียเซลฟ์ ทำอะไรไม่ถูก ...ผู้หญิงสวยสง่าคนนั้นเดาใจโค-ตะ-ระยาก ภาพจำที่เราเจอกันที่คลับ Citrus ทำเอาพันไมล์สับสน หลังอีกฝ่ายเหมือนจะไม่สนใจเธอสักเท่าใดด้วยซ้ำ ตกลงคุณแมวหยิ่งจำฉันได้หรือเปล่า? ว่าฉันเป็นรุ่นน้องที่จบโรงเรียนเดียวกัน “ทะ ทำไมต้องเป็นไมล์คะ?” อดถามถึงเหตุผลไม่ได้ “ถามพี่ พี่จะรู้ไหมคะ?” จงรักยิ้มล้อเลียน คิดเอ็นดูน้องสาวคนนี้เป็นพิเศษ “ไมล์ควรไปถามคุณมาศ...ไม่ก็ไปถามคุณรังสิมาเองมากกว่าไหม?” คนหลังผ่านค่ะ ถามพี่มาศน่าจะง่ายกว่า พันไมล์คิดเปรียบเทียบผู้หญิงสองคนในใจ เธอมีแอปพลิเคชันติดต่อกับสาวรุ่นพี่ที่เคยแลกไว้ตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ ลัย ซึ่งมาศปรียายังคงเขียนมาคุยบ้าง แซวบ้าง เป็นรุ่นพี่นิสัยดีเสมอต้นเสมอปลาย เฟรนด์ลี่สุดๆ ...แต่ไม่มีช่องทางติดต่อกับรังสิมา ด้วยเหตุผลว่าเราไม่สนิทกัน แม้จะเคยเห็นรังสิมามาหามาศปรียาที่มหา’ ลัยหลายครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่ารู้จักตน หล่อนมองเธอด้วยสายตานิ่งเฉยเย็นชา เหมือนไม่เห็นในสายตา เหมือนไม่รู้จัก หลังทักเก้อพันไมล์รู้สึกหน้าแหกแตกละเอียดชนิดหมอไม่รับเย็บ จึงเล่นตามน้ำ คือไม่ทักทายรังสิมาอีกเลย เลือกจะหลบอยู่ไกลๆ ...พันไมล์ไม่ได้หยิ่ง แค่แอบน้อยใจนิดหน่อย เธอคิดว่า ตนไม่คู่ควรที่หล่อนจะรู้จัก ไม่คู่ควรจดจำ แค่บังเอิญเรียนจบโรงเรียนเดียวกัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ไม่มีแม้กระทั่งคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง บางครั้งอดคิดไม่ได้ว่าตนถูกรังสิมารังเกียจ แต่สาเหตุมาจากอะไรไม่อาจทราบได้ และเธอไม่คิดจะถามให้เสียเวลา “ถ้าเจอคนไม่ชอบเรา ก็อย่าไปข้องแวะด้วย ให้เสียเวลาเลยลูก” แม่เธอเคยสอนไว้แบบนั้น ตอนเด็กพันไมล์ก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายนัก แต่พอโตขึ้นจึงกระจ่างแจ้ง และไม่ลดตัวไปอ้อนวอนขอร้องใคร “ทำไมทำหน้าคิดหนักขนาดนี้ มีอะไรหรือเปล่า?” จงรักอดถามไม่ได้ หลังอีกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดคิดหนัก ดูไม่เหมือนเป็นพันไมล์ที่ตนคุ้นเคย “ปะ เปล่าค่ะ” สีหน้าแบบนี้ มีปัญหาแน่ คนอายุมากกว่าคิดในใจ หลังอีกคนแสดงพิรุธออกมา แต่ไม่คิดซักไซ้ตอนนี้ ก่อนเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นที่อยากรู้มากกว่า “ว่าแต่ไป Citrus คืนนั้นเป็นไงบ้าง? สนุกไหม?” “ก็ดีค่ะ” พันไมล์ฝืนยิ้ม ยกมือลูบต้นคอตัวเอง ไม่รู้จะพูดอย่างไรถึงจะดี “พี่ฉัตรบอกว่าคืนนั้นโชว์เด็ดมาก แต่พอพี่ถามก็ไม่ยอมบอก บอกให้มาถามไมล์” พี่ฉัตรขาโยนเผือกร้อนมาใส่หัวไมล์ทำไมคะ? เธอกระอักกระอ่วนใจที่จะพูดถึง BDSM ไม่ใช่ทุกคนจะยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นการรังแกข่มเหง บีบบังคับ ทำร้ายร่างกาย หรือร้ายสุดคือการข่มขืน ถูกมองในแง่ลบมากกว่าแง่บวก ...BDSM เป็นรสนิยมเฉพาะกลุ่ม ที่เข้าข่ายไม่รักก็เกลียดไปเลย “แน่ใจนะคะว่าอยากฟัง?” “ลองเล่ามาสิ” “เป็นโชว์ของผู้หญิงกับผู้หญิง ฝ่ายหนึ่งใช้แส้เฆี่ยน อีกฝ่ายถูกมัดขึงกับเตียง แล้วก็ทำให้เสร็จสม ด้วยการ-” เธอพูดไม่ทันจบ “พอๆ หยุดเล่าเลย” จงรักหน้าแดงก่ำรีบยกมือปางห้ามญาติ ก่อนบ่นพึมพำไปถึงเจ้านายของตัวเอง “ให้ตายเถอะคุณฉัตร แกล้งฉันอีกแล้ว คิดถูกแล้วที่ไม่ไป เฮ้อ” คนพี่พูดไปยกมือนวดขมับไป ว่าแล้ว... พันไมล์หลุดขำเบาๆ แต่พอโดนสายตาจิกแรงใส่ก็หุบยิ้มลงทันที “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ” จงรักโบกมือเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “ส่วนเรื่องบอดี้การ์ดคุณรังสิมา คุณมาศให้เธอแจ้งคำตอบกลับไปด้วยว่า จะรับหรือไม่รับ พี่ขอบอกก่อนนะว่า ข้อเสนอน่าสนใจทีเดียว...ลองอ่านดูสิ” คนพี่เลื่อนกระดาษหลายแผ่นที่เพิ่งปริ้นท์มาจากอีเมล์ให้เธอ พันไมล์หยิบมาอ่านอย่างละเอียด ก่อนพึมพำเบาๆ “สามเดือนเลยเหรอคะ?” “อืม ก็ยาวอยู่” จงรักพูดเสริม ปกติงานบอดี้การ์ดส่วนตัวมักจะกินเวลาสั้นๆ เป็นวัน หรือเป็นสัปดาห์ ส่วนใหญ่ไม่เกินหนึ่งเดือน “อ่านต่อสิ” “โห เดือนละแสน! ทำงานจันทร์ถึงศุกร์” สาวแว่นทำหน้าเหวอกับค่าตัวที่สูงลิบ ชนิดที่ไม่เคยได้รับจากลูกค้าคนใดมาก่อน “อาฮะ โอทีมีทิปต่างหากด้วยนะ” “ใจป้ำน่าดู” พันไมล์คิดหนักกับผลตอบแทน อยากได้เงินก้อนใหญ่ให้แม่ หลังอีกฝ่ายไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอบอกว่ามารดามีแนวโน้มจะมีปัญหาสุขภาพ แนะนำอย่าหักโหมทำงานหนัก พันสาก็เหมือนจะเชื่อฟังหมอ...ซะที่ไหน! สาวแว่นพูดไม่ออกกับความดื้อรั้นของแม่ ที่น่าจะส่งต่อนิสัยนี้ผ่าน DNA มาถึงตนด้วย เธอพูดอะไรแม่ฟังแต่ไม่ทำตาม ลูกสาวได้แต่หวังว่าแม่จะแข็งแรงอยู่เป็นที่พึ่งทางใจของตนนานๆ แม้นจะตั้งใจเก็บเงินหลายปีเผื่อสำรองฉุกเฉิน แต่ยังไม่นับว่ามาก จนเธอเกือบจะสิ้นหวัง จู่ๆ พลันโอกาสใหญ่หล่นใส่หัว รู้สึกเหมือนอยู่ห้วงฝัน จนอยากจะหยิกตัวเองว่าจริงหรือไม่ แต่เกรงจงรักจะเข้าใจผิดว่าตนเพี้ยน จึงระงับใจไว้ เงินเดือนเยอะขนาดนี้ ทิ้งไปก็เสียดายแย่ “ช่วงนี้งานที่ SPY 123 ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ ‘เจ้าลิงสามตัว’ น่าจะไหว พี่เห็นด้วยที่ไมล์จะรับงานนี้” จงรักคิดว่าพันไมล์น่าจะสนใจข้อเสนอ ‘เจ้าลิงสามตัว’ คือ วราวุธ กิตติ และวรรษมน สาเหตุที่จงรักสนับสนุนมีประโยชน์สามอย่างคือ หนึ่ง มาศปรียาเป็นรุ่นพี่พันไมล์ และเป็นญาติกับร่มฉัตร สอง รังสิมาเป็นบุคคลมีชื่อเสียงระดับไฮโซ หากภารกิจนี้สำเร็จย่อมส่งผลดีกับชื่อเสียงของ SPY 123 ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น สุดท้ายคือ ได้ค่าเปอร์เซ็นต์เข้าสำนักงานด้วย ยิงทีเดียวได้นกสามตัว...ไม่เอาก็บ้าแล้ว จงรักเป็นพวกชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีกับข้อเสียอย่างละเอียดยิบ แต่ก็ไม่คิดบังคับหักคอ หากพันไมล์ไม่ตกลงก็ได้แต่เสียดาย “ขอไมล์คุยกับพี่มาศก่อนนะคะ” เธอคาใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะใครเป็นผู้เลือกตนเป็นบอดี้การ์ด ...มาศปรียา หรือรังสิมา? “เอาสิ” “พี่มาศคะ ไมล์มีข้อสงสัยค่ะ สะดวกคุยไหมคะ?” พันไมล์เลือกจะโทรหารุ่นพี่แทนที่จะเป็นการเขียนคุยกันปกติ เธอมองเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน ประกอบกับไม่อยากให้รังสิมาต้องเสียเวลารอนาน ถ้าตนไม่สะดวก หล่อนจะได้หาคนอื่นทำหน้าที่นี้แทน “เรื่องงานบอดี้การ์ดเค้กน่ะเหรอ?” มาศปรียาเดาว่าสาวรุ่นน้องต้องโทรมาเพราะเรื่องนี้ และไม่ผิดจากคาดไว้ “ค่ะ” “สงสัยอะไรล่ะ?” “ใครเป็นคนกำหนดให้ไมล์รับงานนี้คะ ระหว่างพี่มาศกับคุณเขา?” “อืม...จริงๆ ก็คงเป็นพี่นะ” มาศปรียาเสียเวลาย้อนคิดเล็กน้อย หลังดูโชว์จบคืนนั้น รังสิมาได้มาซักถามอะไรตนหลายอย่างเกี่ยวกับพันไมล์ ก่อนถามความเห็นว่าหล่อนอยากได้บอดี้การ์ดสักคน ให้แนะนำหน่อย ซึ่งผู้จัดการคลับก็เสนอชื่อ...พันไมล์ “งะ งั้นเหรอคะ” น้ำเสียงเศร้าลงเล็กน้อย ก่อนถามต่อ “แล้วทำไมคุณรังสิมาถึงอยากได้บอดี้การ์ดส่วนตัว มีปัญหาอะไรเหรอคะ?” “ที่บริษัทมีปัญหายุ่งนิดหน่อย ก่อนหน้านี้มีรถเฉี่ยวเค้กด้วย แต่มันดูไม่เหมือนอุบัติเหตุ พระมารดาเค้กเป็นห่วงบอกว่าจะหาคนมาคุ้มครอง เค้กไม่โอเคบอกจะหาเอง เรื่องก็มีแค่นี้” “อ๋อ” พันไมล์ไม่แปลกใจ หลังหล่อนอยู่ตำแหน่งบริหาร เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาล ย่อมอาจมีศัตรูบ้างไม่มากก็น้อย “พี่รู้ไม่เยอะหรอก อยากรู้อะไร เราก็ลองไปคุยกับเค้กดู สัญญานั่นเปลี่ยนแปลงได้นะ พี่ว่างานนี้น่าจะเหมาะกับไมล์มาก...เรากับเค้กดูเข้ากันได้ดีออก” ตรงไหนคะที่เข้ากันได้? “พี่มาศเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ วันนั้นคุณรังสิมาแทบไม่สนใจไมล์ด้วยซ้ำ แถมว่าไมล์ด้วย นั่งเกร็งเสียแทบแย่” เธอพูดน้ำเสียงตัดพ้อ “ขนาดนั้น? สงสัยเราจะเป็นคนพิเศษ” มาศปรียาหัวเราะเบาๆ “พี่มาศอ่ะ” “ล้อเล่นๆ เอาเป็นว่าไมล์โทรไปหาเลขาฯ ของเค้กก่อน นัดวันเวลาแล้วเข้าไปคุย ลองคุยก่อน ชอบไม่ชอบค่อยว่ากันอีกที ดีไหม?” “ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยหางานให้ SPY 123 บ่อยๆ” พันไมล์ไม่อยากให้สาวรุ่นพี่ผิดหวังที่เอ็นดูหยิบยื่นน้ำใจให้ตนเสมอมา “เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม?” “เปลี่ยนเป็นอะไรคะ?” “ไว้คิดออกจะบอกแล้วกัน” “โอเคค่ะ” หลังจบการสนทนา มาศปรียาวางสมาร์ทโฟนราคาแพงบนโต๊ะ ก่อนยกมุมปากน้อยๆ เด็กซื่อบื้อ ไม่รู้อะไรเลยสินะ...
Create Date : 18 มิถุนายน 2567 |
|
2 comments |
Last Update : 18 มิถุนายน 2567 19:35:28 น. |
Counter : 330 Pageviews. |
|
|
|