"ได้โปรด! Please!" บทที่ 11 (ํYURI)
11 เฮ้อ! จะหลับได้อย่างไรล่ะเนี่ย พันไมล์นอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงของตัวเอง หลังหล่อนแวะมาส่งเธอที่บ้านก่อน ตอนลงจากรถเก๋งคันงาม รังสิมาฉวยโอกาสหอมแก้มเธอหนึ่งฟอด พร้อมกระซิบข้างหูว่า “คืนนี้เธอเท่มาก...อย่าลืมฝันถึงฉันนะคะที่รัก พรุ่งนี้เจอกัน” สาวแว่นเกร็งตัวพยักหน้าน้อยๆ เผ่นพรวดลงจากรถอย่างไว รีบเข้าบ้านด้วยความเร็ว ราวกับมีปีศาจวิ่งตามหลัง อย่ามาพูดหวานใส่ฉันแบบนี้ พันไมล์แทบสติหลุดลอย เธอยืนใจเต้นแรงอยู่ที่ห้องรับแขก พอได้ยินเสียงรถยนต์แล่นไป จึงเปิดม่านมองตาม “ยัยคุณแมวนี่ ขี้แกล้งมาก” เธอยกมือทาบเหนือหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติ ในบ้านเงียบกริบ เดาว่าแม่คงเข้านอนไปแล้ว สาวแว่นล็อคประตู ปิดไฟแล้วขึ้นชั้นสอง เพื่อเตรียมตัวอาบน้ำเข้านอน “ดูไปดูมาก็เท่เหมือนกันนะเรา” อดชื่นชมตัวเองไม่ได้ หลังยืนส่องกระจกในห้องน้ำ เสื้อผ้าที่สวมอยู่มีราคาแพงที่สุดเท่าที่เคยมี ...แต่ถึงมีตังค์เหลือก็ไม่มีซื้อใช้เองแน่ เสื้อผ้าบ้าอะไรตั้งห้าหลัก...แพงเกิน เก็บเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า แต่กระนั้นพันไมล์ก็รู้สึกชอบเสื้อผ้าชุดนี้มาก พอมองหน้าตัวเอง พบว่าแก้มข้างหนึ่งมีรอยลิปสติกที่หล่อนฝากไว้ เปลือกนอกดูเป็นคุณแมวจอมหยิ่งยโส แต่บทจะอ้อนก็ชวนใจละลาย ...คุณเป็นคนแบบไหนกันนะ? พันไมล์พูดได้เต็มปากว่า เดาใจรังสิมาไม่ถูกว่าคิดอะไรอยู่? แค่มั่นใจว่าหล่อนเป็นพวกย้อนแย้ง หรือไม่ก็เป็นจำพวกหลายบุคลิก คงไม่ใช่พวกโรคจิตหรอกนะ...เอ๊ะ หรือว่าใช่? สาวแว่นหวนคิดไปถึง หล่อนชมชอบ BDSM ในบทบาทเจ้านายและกำลังหา ‘ทาส’ ของตัวเอง “ฉันรอให้เธอทำสัญญากับฉัน นานแค่ไหนก็จะรอ” ประโยคนั้นของหล่อนดังขึ้นในหัว พันไมล์ถอนใจเฮือก เมื่อนึกถึงความปรารถนาของหล่อน ซึ่งเธอไม่อาจตอบรับได้ แม้จะสนใจ BDSM แต่เป็นแค่อยากรู้อยากเห็น อาจเพราะเป็นความตื่นเต้นและแปลกใหม่ ทว่าสาวแว่นไม่ได้อยากสกินชิพกับใคร ความสนิทสนมแนบเนื้อ ควรแสดงกับคนรัก...ไม่ใช่กับใครก็ได้ เธอถูกมารดาปลูกฝังอบรม จึงมีความคิดเป็นอนุรักษ์นิยมพอสมควร ฉันไม่เคยเป็นทาส และไม่ได้อยากเป็นทาสใคร คุณหาผิดคนแล้วล่ะ พันไมล์ตั้งใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับรังสิมา เพื่อหล่อนจะได้ไม่เสียเวลา แล้วไปหาคนอื่นแทน คนไหนได้เป็นทาสคุณแมวหยิ่ง...คงโชคดีชะมัด! ลึกๆ เธอแอบอิจฉาผู้โชคดีคนนั้น ก่อนสะบัดความคิดประหลาดออกจากหัว แล้วไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน เป็นคนที่น่ารักน่าแกล้งมาก รังสิมาหัวเราะคิกคักกับตัวเอง สนุกที่ได้หยอกล้อพันไมล์ มองตามจนกระทั่งอีกคนเข้าบ้านไป หล่อนแกล้งปวดหัวเพื่อจะได้อ้อนเธอ ได้นอนหนุนตัก คิดไม่ถึงว่าแผนการง่ายๆ จะสัมฤทธิ์ผลเกินคาด “กลับคอนโดใช่ไหมครับ?” คนขับถามก่อนเคลื่อนรถออก “ค่ะลุงเชิด” หล่อนตอบ แล้วนึกอะไรขึ้นได้ “พรุ่งนี้แวะรับเค้กสักหกโมงนะคะ มีธุระต้องจัดการแต่เช้าน่ะค่ะ" “ครับคุณหนู” รังสิมามองไปยังที่ว่างข้างตัวที่พันไมล์เพิ่งลุกไป ก่อนหลับตาพริ้มลง แล้วคิดวางแผนบางอย่างในใจ หาอะไรไปฝากดีนะ? ติ๊งต่อง! เสียงออดหน้าบ้านดังในตอนหกโมงกว่า สองแม่ลูกกำลังวุ่นวายกับการเตรียมทำกับข้าวที่จะขายในช่วงสาย ผู้เป็นแม่กำลังยุ่งกับการเตรียมของชะงักมือ เงยหน้าไปทางพันไมล์ที่นั่งหั่นผักอยู่ใกล้ๆ “ไมล์ไปดูสิว่าใครมา” “ค่ะแม่” สาวแว่นที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงเลผ้าฝ้ายสีชมพูอ่อน ผมสีดำเข้มยาวค่อนข้างยุ่งไม่เป็นทรง พันไมล์ถือกุญแจเดินมาเกือบถึงประตูรั้ว ต้องชะงักกึก เมื่อเห็นหน้าแขกไม่ได้รับเชิญ...ผู้หญิงสวยที่ทำให้ใจสั่นเมื่อวาน “คุณ...มาทำไมแต่เช้า?” “ฉันมารับเธอไปเอารถที่บริษัทฉัน” รังสิมาในชุดสูทกระโปรงทำงานที่ดูดีสวยเป๊ะไม่ต่างจากวันก่อนบอกเหตุผล ก่อนพูดต่อ “ว่าแต่ เธอทักทายอรุณสวัสดิ์หรือสวัสดีค่ะ ไม่เป็นเหรอ?” “เอ่อ สวัสดีค่ะคุณรังสิมา” เธอพูดประชดเสียงหวานกว่าปกติ ประชดเก่งเอาเรื่อง “อืม สวัสดีไมล์” “ฉันแวะไปเอารถเองได้ คุณไปทำงานเถอะ จะได้ไม่เสียเวลารอฉัน” เธอพูดแบบเป็นทางการสุดๆ “ฉันอยากเจอคุณแม่เธอน่ะ” นี่คิดจะฟ้องแม่หรือไง? เธอยืนนิ่งจ้องหน้าหล่อนอย่างสงสัย “เปิดประตูสิ จะให้ฉันยืนตรงนี้อีกนานไหม? ฉันเมื่อยเป็นนะ” แขกสาวแกล้งทำหน้าไม่พอใจ “คุณมีอะไรกับแม่ฉัน?” “ฉันเอาของมาฝากคุณแม่ เธอต้อนรับแขกแบบนี้เหรอ?” รังสิมาชูถุงหลายใบที่ถืออยู่ ดูท่าจะมีน้ำหนักไม่เบา “เอ่อ...” พันไมล์พูดไม่ออก จำใจเปิดประตูรั้ว ผายมือให้หล่อนเข้ามา “เชิญค่ะ” “ขอบใจ” “ฉันช่วยถือนะ” หล่อนส่งถุงพวกนั้นให้เธอแบบไม่เกรงใจ “หนักจัง อะไรน่ะคุณ?” “ไม่บอก นำไปสิ” รังสิมายิ้มบางด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ “ความลับเยอะจริง” “แล้วน่าสนใจไหมล่ะ?” “อะไร?” พันไมล์ทำหน้างงไม่เข้าใจ มองเป็นเชิงถาม แต่หล่อนก็ไม่พูดอะไร จึงเดินนำเข้าไปในบ้าน รังสิมาข่มความตื่นเต้นที่จะได้พบผู้ใหญ่ของเธอไว้เต็มที่ ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนนำเสนองานครั้งแรกๆ เสียอีก นอนหลับๆ ตื่นๆ อยู่หลายรอบ ฉันจะต้องทำให้แม่ย่าประทับใจให้ได้ “ใครเหรอลูก?” พันสาถามลูกสาว หลังเห็นสาวสวยแปลกหน้าที่ดูดีเข้ามาในห้องรับแขก ที่บัดนี้ใช้เป็นโรงครัวเตรียมอาหารชั่วคราว สารพัดผักวางใส่ตะกร้าใบโต กระเทียมทุบ หอมใหญ่หั่น กะละมังใส่เนื้อหมูกับเนื้อไก่ “เอ่อ...” พันไมล์ไม่รู้จะแนะนำฐานะไหน รังสิมาจึงเอ่ยขึ้นแทน “สวัสดีค่ะคุณแม่ เค้กเป็นรุ่นพี่ของพันไมล์ ต้นเดือนหน้าไมล์จะมาช่วยงานเค้กค่ะ” สาวสวยแนะนำตัวเสียงหวาน พร้อมยกมือทำความเคารพอย่างนอบน้อม ไม่เหลือภาพลักษณ์หญิงสาวจอมหยิ่งที่พันไมล์คุ้นเคยแม้แต่น้อย “เหรอจ๊ะ ไหว้พระเถอะลูก” หญิงวัยกลางคนรับไหว้ “ไปไงมาไงถึงแวะมาได้?” “เมื่อคืนเค้กขอให้ไมล์ไปเป็นเพื่อน เลยทิ้งรถไมล์อยู่ที่บริษัท เค้กก็เลยแวะมารับค่ะ ไมล์จะได้ไม่ลำบาก” “อ๋อ” พันสาพยักหน้า หันไปทางลูกสาว “ไมล์รีบไปแต่งตัวสิ จะให้พี่เขามารอนานๆ เสียมารยาทแย่” แม่อ่ะ อย่าไปหลงเสน่ห์คุณแมวหยิ่งสิ “เอ่อ ค่ะ” พันไมล์รับปากอย่างเหลอหลา ไม่ชินกับหล่อนในเวอร์ชั่นอ่อนหวานปานน้ำผึ้งสักเท่าใด “นั่งก่อนค่ะหนูเค้ก” เจ้าของบ้านเชิญแขกนั่งที่โซฟาเก่าๆ ก่อนพูดอย่างอายๆ ที่ไม่ค่อยว่างพอจะจัดบ้านให้เข้าที่เข้าทาง รีบล้างไม้ล้างมือมานั่งคุยด้วย “ขอโทษที่บ้านค่อนข้างรกไปหน่อย” “ไม่เป็นไรค่ะ” “หนูเค้กทำงานอะไรเหรอ? แม่คงไม่ได้ก้าวก่ายไปนะ” “ไม่ค่ะ เค้กทำงานบริษัทค่ะ ตำแหน่งบริหาร” “อายุยังน้อยได้เป็นผู้บริหารซะแล้ว แสดงว่าต้องเก่งมากสินะ ตั้งใจทำงานให้ดีล่ะ จะได้ก้าวหน้าต่อไป” ถ้าอยากก้าวหน้ากว่านี้...คงต้องเป็นประธานแล้วค่ะ “ค่ะ” หล่อนไม่ขัดใจผู้ใหญ่ “หนูสวยมาก ถ้าบอกว่าเป็นดารา แม่ก็เชื่อนะ” “ขอบคุณค่ะ” คำชมของแม่เธอทำให้รังสิมายิ้มกว้าง “เค้กเอาครีมบำรุงผิวมาฝากคุณแม่ค่ะ มีทั้งทามือเท้า ทาตัว แล้วก็กันแดดด้วยค่ะ คุณแม่น่าจะชอบ เค้กใช้แล้วยี่ห้อนี้ดีมากๆ” “ขอบใจนะลูก” “แล้วก็มีพวกนมกระป่องสำหรับดื่มบำรุงด้วยค่ะ” “...” “ถุงนี้มี...” “...” เยอะไปนะ แม่เธอทำตาปริบๆ หลังหล่อนอธิบายของฝากจำนวนห้าถุง จนรู้สึกว่ามันมากไปสำหรับของขวัญแรกพบหน้า หนูคนนี้ไม่น่าเป็นแค่รุ่นพี่ของไมล์...มีอะไรที่ฉันยังไม่รู้อีก? พันสาเดาว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับลูกสาว และคิดว่าจะหาโอกาสซักพันไมล์ให้กระจ่างแจ้ง ...ทว่าความคลุมเครือก็เกิดขึ้นเพียงไม่นาน หลังพันไมล์ลงจากบันได “พร้อมแล้วคุณ” “เดี๋ยวก่อนสิ เธอแต่งตัวไม่เรียบร้อย” รังสิมาลุกขึ้นขยับตัวไปใกล้ จัดคอเสื้อเชิ้ตที่ไม่เรียบร้อยให้สาวแว่น ท่าทางสนิทสนมแบบนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาแน่ แค่มองปราดเดียวคนเป็นแม่ก็เข้าใจได้ทันที ที่แท้ก็ว่าที่แฟน เดี๋ยวนี้กล้าโกหกแม่ น่าตีจริงเจ้าลูกคนนี้ พันสาคิดคาดโทษลูกสาวในใจ “ถ้าจะกลับค่ำก็เขียนมาบอกแม่ด้วยนะไมล์ แม่เป็นห่วง” “ทราบค่ะแม่ ไปแล้วนะคะ” “โชคดีลูก หนูเค้กด้วยนะลูก” พันสาเผื่อแผ่ความเอ็นดูไปยังสาวสวยหน้าใหม่ด้วย “ค่ะ” “ขอบคุณค่ะคุณแม่” หล่อนยกมือไหว้พร้อมยิ้มหวานให้เจ้าของบ้าน มองออกว่าอีกฝ่ายเอ็นดูตนมากกว่าที่คิดไว้ ด่านแม่ย่าเหมือนจะผ่านฉลุย เหลือแต่ลูกสาว “ไปเถอะคุณเดี๋ยวสาย” พันไมล์บอก “ไปสิ” คนเป็นแม่ยืนมองส่งสองสาวเดินออกไปจนกระทั่งลับสายตา แล้วอดที่จะคิดเปรียบเทียบบางอย่างในใจไม่ได้ เจ้าไมล์นี่ตาถึงจริงๆ ถ้าเทียบแล้วหนูเค้กดีกว่าแฟนคนเก่าตั้งเยอะ พันสายิ้มดีใจที่ลูกสาวจะได้พบคนดีๆ กับเขาบ้าง “คุณแม่เธอใจดีมากนะ” รังสิมาพูดยิ้ม ขณะอยู่เบาะหลังของรถเก๋งหรูหราของตน “บางทีฉันคิดว่าแม่ใจดีเกินไปจนถูกคนอื่นเอาเปรียบ” หล่อนเลิกคิ้วเรียวอย่างสงสัย “เอาเปรียบเรื่องอะไร?” “เพื่อนบ้านมักจะขอให้แม่ไปค้ำประกันเงินกู้ให้ ที่ผ่านมายังไม่เคยมีปัญหา แต่ใครจะไปรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร” เธอไม่สบายใจเรื่องนี้เท่าไหร่ อาจเป็นการมองโลกในแง่ร้ายเกินไป เรื่องเงินทองไม่เข้าใครออกใคร กระทั่งญาติพี่น้องยังหักหลังกันได้ ฆ่าแกงกันได้ นับประสาอะไรกะแค่เพื่อนบ้านที่ไม่ผูกพันทางสายเลือด “แบบนี้น่าเป็นห่วง” หล่อนเห็นด้วย “แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเธอกับคุณแม่มีปัญหาอะไรก็มาบอกฉัน รับรองว่าฉันช่วยเต็มที่แน่” หืม? “ทำไมคุณต้องดีกับฉันนัก?” พันไมล์ถามขึ้น หลังหล่อนดูจะดีกับตนมากเกินไปจนชวนสงสัย “ไม่ดีเหรอ?” “คุณตอบไม่ตรงคำถาม” เธอไม่ชอบที่หล่อนเลี่ยงไม่ตอบตรงๆ “...” “เพราะต้องการให้ฉันทำสัญญาด้วย?” “ก็ไม่เชิง” มีเหตุผลอะไรอีก? “อธิบายชัดๆ ได้ไหม? ถ้าฉันยังคาใจ ฉันคงไม่ทำสัญญากับคุณแน่” รังสิมานิ่งคิด ก่อนหันมาตอบ “แค่ลางสังหรณ์ อาจเพราะฉันสังเกตตอนเธอดูโชว์วันนั้น แล้วฉันรู้สึกว่า เธอน่าจะเหมาะกับฉัน...เราน่าจะเข้ากันได้ดี จุดเริ่มต้นมาจากตรงนั้น” “น่าจะเหรอ?” “ใช่” หล่อนเอียงมาสบตากับเธอ “ฉันอาจไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ แต่ฉันเชื่อว่าฉันจะเป็น ‘เจ้านาย’ ที่ดีของเธอได้” คำว่า ‘เจ้านาย’ ทำให้พันไมล์ฉุนกึกขึ้นมา เบนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง “ฉันไม่ได้อยากเป็นคู่สัญญาแบบนั้นกับคุณ” รังสิมาดึงปลายคางเธอให้หันกลับมามองตน พร้อมโน้มตัวเข้าไปใกล้จนระยะห่างของเราเหลือไม่ถึงคืบ รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดใบหน้า “มองหน้าฉันเวลาพูดกับฉัน” กะ ใกล้ไปแล้ว! หัวใจไม่รักดีของพันไมล์กระโดดแทบเต้นออกมานอกเนื้อ ลืมหายใจไปหลายวินาที สายตาใต้กรอบพลาสติกจับจ้องเรียวปากสวยสีสดของหล่อน พลันลำคอแห้งผากกะทันหัน . . . “แล้วเธอต้องการมีความสัมพันธ์แบบไหนกับฉัน?”
Create Date : 02 สิงหาคม 2567 |
Last Update : 2 สิงหาคม 2567 19:29:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 132 Pageviews. |
|
|