ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
พฤษภาคม 2562
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
16 พฤษภาคม 2562
 
 

จุมพิตรัตติกาล My Sweet Vampire เล่ม 2 บทที่ 2 (Yuri)


 
ภากรคิดสร้างผลงาน เพื่อให้พ่อยอมรับในความสามารถ จึงชวนกึ่งหว่านล้อมเพื่อนฝูงให้ไปสืบข้อมูลในสถาบันวิจัยไครอน และเป้าหมายคนสุดท้ายก็คือดิเรก
ชายหนุ่มแค่นั่งฟัง ปล่อยให้อีกสามคนทำหน้าที่หว่านล้อม    
“ขี้ขลาดตาขาวอะไรจะขนาดนี้ ถามจริงดิเรก แกเป็นหลานของปู่ดอน อดีตวีรบุรุษนักล่าผู้โด่งดังจริงๆ หรือเปล่า?” คนแรกแกล้งพูดยั่วขึ้น พร้อมลอยหน้าลอยตากวนบาทาอย่างที่สุด “หรือแค่เด็กเก็บมาเลี้ยง?”
“ไม่เกี่ยวกับปู่ดอนหรอก ฉันว่าไอ้ดิเรกมันไม่มีฝีมือมากกว่า” คนที่สองรูปร่างอ้วนกลมแกล้งพูดตอกย้ำ ให้คนฟังเจ็บใจ แล้วหยิบขนมเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
“น้องสาวแกยังแมนกว่าซะอีก ได้ยินว่าลินออกไปลาดตะเวนกับอาแซมบ่อยๆ ถ้าลินฆ่าพวกนั้นได้สักตัวสองตัว แกก็ควรจะไปเอาผ้าถุงคลุมหัว” ขุนพลอยพยักคนสุดท้ายพูดทับถม
“ใช่ๆ” สองคนแรกพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดเชือดเฉือน โดยลืมคิดถึงศักยภาพของตัวเองว่า...ไม่ได้ต่างจากดิเรกสักเท่าใด    
พวกแกห่วยยิ่งกว่าฉัน ทำมาปากเก่ง    
ดิเรกโกรธจนหน้าเขียว แม้จะรู้ว่าเป็นหลุมพราง แต่โดนคำพูดเหน็บแนมมากเข้าก็ทนไม่ได้ จึงหลุดปากออกไป  
“งานแค่นี้กระจอกจะตาย ฉันไปด้วยก็ได้ พอใจรึยัง?”   
“เยี่ยม!” คนแรกหันไปแปะมือกับเพื่อนอีกสองคน
“สำเร็จ!”
“ตกลงตามนี้” ภากรที่รอฟังคำนี้พูดขึ้น ยิ้มกว้างที่ดิเรกตอบตกลง เขารู้จุดอ่อนของพี่ชายเกวลินเป็นอย่างดี จึงให้พวกเพื่อนๆ ช่วยกันกระเซ้าเย้าแหย่ แล้วก็ได้ผลตามคาด
บ้าเอ๊ย! หลงกลจนได้
ดิเรกได้แต่ครางในใจ ที่เพลี่ยงพล้ำพลาดท่า นึกอยากจะตบหัวตัวเองแรงๆ แต่กลัวเจ็บ ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ไม่อยากกลายเป็นคนตระบัดสัตย์
“เจอกันคืนนี้สองทุ่มหลังร้านทอง เราจะไปประตูหลังสถาบันวิจัย ถนน...เส้นนี้นะ” ลูกชายหัวหน้ากลุ่มฮันเตอร์เป็นตัวตั้งตัวตี ชี้นิ้วลงบนแผนที่ เพื่อให้เข้าใจถูกต้องตรงกัน
“ครับ” คนที่เหลือรับคำอย่างพร้อมเพียง  
“แล้วต้องเอาอะไรไปบ้างลูกพี่?” หนึ่งในทีมถามขึ้นมา   
สมาชิกในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นคิลเลอร์มือใหม่แกะกล่อง เคยผ่านภาคสนามครั้งเดียว คือสอดแนมสัตว์กลายพันธุ์ แต่ไม่เคยผ่านสนามรบใดๆ มาเลย แค่เห็นสัตว์กลายพันธุ์อยู่ห่างลิบๆ ก็ปอดลอยขาสั่นจนขี้ขึ้นสมองไปหลายวัน คราวนี้ยอมมาร่วมกิจกรรมเพราะโดนภากรเสียน้ำลายตะล่อมชักแม่น้ำทั้งห้าไปพักใหญ่      
“เอามือถือไปถ่ายรูปถ่ายคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐาน ไฟฉาย สวมเสื้อผ้าสีดำ เวลาซ่อนจะได้ไม่มีใครเห็น” ภากรตั้งตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญบอก  ส่วนใหญ่ที่พูดก็จำมาจากฮันเตอร์อาวุโสเกือบทั้งสิ้น   
“แล้วอาวุธ?” ดิเรกถามบ้าง
“พวกปืนยาสลบ ไม่ก็เครื่องช็อตน่าจะพอ เราไม่ได้ไปฆ่า ไปแค่หาข้อมูลเท่านั้น” ลูกชายของหัวหน้ากลุ่มนักล่าตอบ ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากปะทะกับใคร โดยเฉพาะสัตว์ทดลองพวกนั้น  
“อือ” / “เข้าใจแล้ว” ลูกทีมตอบรับ
หลังตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งหมดแยกย้ายไปเตรียมตัว บางคนก็กลับไปบ้านเพื่อทำใจ     
เป้าหมายของงานในค่ำคืนนี้ก็คือ หาหลักฐานว่าสัตว์กลายพันธุ์ที่ไล่ฆ่าคนในพัทยา เกี่ยวข้องกับสถาบันวิจัยไครอนหรือไม่ รวมถึงหาตัวชายหนุ่มหลายคนที่หายตัวไปอย่างลึกลับ    
 
“ทำไมไม่เห็นยามเลยสักคน?” ภากรตั้งข้อสังเกตขึ้น ขณะซุ่มอยู่นอกรั้วสถาบันไครอนพักใหญ่ กับลูกน้องสี่คนรวมดิเรก แต่ไม่เห็นวี่แววของพนักงานเลย วันก่อนที่มาสังเกตการณ์ยังเห็นยามหลายคนเดินตรวจขวักไขว่ทุกสิบนาที ชนิดที่ไม่ให้แมลงวันลอดเข้าไปด้วยซ้ำ
รู้สึกแปลกๆ 
“ไม่มีก็ดีแล้วลูกพี่ จะได้เข้าอย่างสะดวก” ลูกน้องคนหนึ่งพูดแบบไม่คิดมาก อยากทำงานนี้ให้จบเร็วๆ เพื่อจะกลับไปอวดผลงานกับคนอื่น แก้ตัวที่คราวก่อนโดนดูแคลนไม่ต่างจากเป็นตัวตลก  
มันจะสะดวกจริงหรือ?
ดิเรกนึกค้านในใจ แอบวิตกว่าจะเป็นกับดักของศัตรู แต่ไม่กล้าพูดอะไร ขืนพูดมากก็จะกลายเป็นคนตาขาวเสียเปล่าๆ
มาถึงตรงนี้ จะถอยกลับคงไม่ได้...เสียหน้าตายเลย
ภากรคิดในใจ  
“งั้นพวกเราก็เข้าไปกัน”
หัวหน้าทีมขยับมือส่งสัญญาณให้เข้าไป ลุกเดินไปเปิดประตูบานเล็กที่พนักงานใช้เข้าออก เขาก้าวผ่านเข้าไปเป็นคนแรก สอดส่ายสายตาซ้ายขวาอย่างไม่ประมาท เมื่อไม่เห็นใครก็เดินเลาะข้างตึกไปยังอาคารที่น่าสงสัย
ดิเรกทำหน้าที่รั้งท้ายขบวน เขาแตะกระบอกปืนสั้นบรรจุกระสุนยาสลบที่ขอบกางเกง เพื่อความสบายใจ ก้าวเท้าตามพรรคพวก พร้อมกับปลุกปลอบความกล้าไปด้วย
ถ้าคืนนี้ได้คลิปหลักฐานกลับไป ปู่ต้องชมฉันยกใหญ่แน่ ฉันต้องได้รับการยอมรับจากทุกคน...งานนี้หมูมาก    
     
สาวชุดดำที่แอบอยู่บนต้นไม้ใหญ่ไม่ไกล โบกไม้เท้าในมือหลายครั้ง เพื่อเปิดทางสะดวกให้กับกลุ่มนักล่ามือใหม่ตามคำสั่งของเฟส ทำให้พวกยามรักษาการณ์ของไครอนสลบไสลไม่ได้สติสักพัก  
แค่นี้ก็เรียบร้อย เหลือแค่รอให้ออกมา  
ริต้ายกยิ้มอย่างพอใจ หยิบมือถือส่งข้อความถึงหัวหน้าของตนเป็นรหัสลับ  
‘ตัวต่อบุกรังผึ้ง ทางสะดวก’
ไม่กี่วินาทีต่อมา ท้ายข้อความขึ้นคำว่า ‘อ่านแล้ว’ เฟสเขียนตอบกลับมาด้วยรหัสเช่นกัน  
‘ช่วยตัวต่อเอาน้ำผึ้งให้ได้’
‘รับทราบ’
แม่มดวัยเยาว์เก็บอุปกรณ์สื่อสาร กวาดตามองไปรอบๆ เผื่อว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
หวังว่าลูกหลานคิลเลอร์คงไม่ทำให้ฉันผิดหวัง
 
ตอนแรกที่รู้ว่า ต้องปฏิบัติภารกิจช่วยคนของกลุ่มนักล่ากริช เธอก็แสดงอาการลังเลอยู่มาก เพราะถูกฝังหัวมานานว่า ฮันเตอร์เป็นหนึ่งในศัตรูของเผ่าแม่มด จึงไม่อยากยื่นมือเข้าช่วยเหลือคู่รักคู่แค้น เพราะมันค้านกับจิตสำนึกของตน 
“ขอโทษค่ะคุณเฟส ให้คนอื่นทำแทนฉันไม่ได้เหรอคะ?” ริต้าถามเสียงอ่อยๆ แบบที่ไม่เห็นบ่อยนัก
ฉันไม่อยากให้คุณเฟสผิดหวังในตัวฉัน แต่งานนี้ฉันคงทำไม่ได้จริงๆ...ทำใจไม่ได้ 
ปกติเธอเป็นพวกลุยแหลก ไม่ค่อยปฏิเสธคำสั่งของหัวหน้า แต่ถ้าต้องทำงานนี้ แค่คิดก็กระอักกระอ่วนใจไม่น้อย จึงกลัวว่าตนจะทำผิดแผน ปล่อยให้พวกคิลเลอร์ตายไปแบบไม่รู้สึกรู้สา ฐานที่พวกนี้เคยจับบรรพบุรุษของเผ่าจอมเวทจำนวนไม่น้อย เผาไฟให้ตายทั้งเป็นในช่วงยุคกลาง
แม้ริต้าจะเกิดไม่ทัน แต่ก็ศึกษาประวัติศาสตร์มาเป็นอย่างดี อ่านทีไรเลือดลมจะพลุ่งพล่าน แค้นใจเจ็บใจจนน้ำตาไหล ที่เผ่าของตนโดนคนใส่ร้าย และเข่นฆ่าอย่างเหี้ยมโหดอำมหิต ทั้งที่เผ่าแม่มดไม่เคยคิดทำร้ายใครก่อน     
นึกแล้วเชียว...
เฟสยิ้มบางๆ กับคำตอบที่คาดเอาไว้ แล้วอธิบายความจำเป็นที่ต้องปล่อยวางความแค้นกับอคติทิ้งไปจากใจ
...เพื่อประโยชน์ส่วนรวม  
เธอพยายามฝึกแบบที่มารดาเฝ้าอบรมสั่งสอน ความเกลียดชังจึงค่อยๆ เลือนหายไปจากใจ แม้จะไม่ทั้งหมด แต่ก็ไม่คิดเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมโลกแบบไร้เหตุผล
...แค้นกันไป แค้นกันมา โลกนี้คงไม่มีวันสงบสุข        
หญิงสาวคิดแค่ทำตัวเองให้ดี ไม่เบียดเบียนใคร ใช้ชีวิตเรียบง่าย มีความสุขในทุกวัน นั่นก็เพียงพอแล้ว      
“จริงๆ แล้วพวกฮันเตอร์เป็นแค่คนธรรมดา ที่เขาไม่เข้าใจพวกเราและพยายามทำลายพวกเรา เป็นเพราะพวกเขากลัวต่างหาก อย่าลืมสิว่าเชื้อสายบรรพบุรุษของเราส่วนหนึ่งก็เป็นมนุษย์ แต่เผ่าเราเก่งเกินไป มีอายุยืนยาว ในฐานะที่เราเหนือกว่าพวกเขาทุกอย่าง จึงควรต้องเปิดใจให้กว้าง แล้วเราจะไม่นึกโกรธเด็กน้อยเหล่านั้น” ลูกสาวของผู้นำเผ่าแม่มดอธิบายเสียงนุ่มนวล
มันก็ใช่
คนฟังนิ่งคิดตาม
เฟสจึงพูดต่อ
“ในความคิดของฉัน สัตว์ร้ายของไครอนน่ากลัวกว่าพวกคิลเลอร์เป็นสิบเท่าร้อยเท่า พวกมันไม่เพียงแต่แข็งแกร่งและว่องไวมาก แต่ยังอันตรายสุดๆ หากปล่อยให้มันทำร้ายคน และแพร่พันธุ์จนเต็มเมือง หรือขยายไปทั่วทั้งโลก จอมเวทอย่างเราคงขำไม่ออกแน่ เป้าหมายสำคัญที่สุดตอนนี้ต้องหาวิธีหยุด รวมถึงกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก เพื่อรักษาโลกใบนี้ รักษาเผ่าพันธุ์ของเรา และเพื่อพวกคนบริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”  
ต้องคำนึงถึงส่วนรวมก่อน สมกับเป็นลูกสาวท่านทีน่า ฉันรู้สึกนับถือคุณจริงๆ  
ริต้านึกชื่นชมหัวหน้าของตน หลังนิ่งคิดตามเหตุผลที่อีกคนบอก ก่อนพยักหน้า
“เข้าใจแล้วค่ะคุณเฟส ฉันจะทำงานนี้อย่างสุดความสามารถ”
เฟสฉีกยิ้มกว้างเต็มหน้า       
“ขอบคุณนะริต้า ฉันเชื่อมือเธอนะ ฝากด้วยล่ะ”
“ค่ะ”  
 
หลังเข้าไปในตึกวิจัย คิลเลอร์สมัครเล่นทั้งห้าได้เจอกับเตวิช จึงแอบสะกดรอยตามเขาไปยังห้องทดลอง โดยอีกฝ่ายไม่รู้ตัว ประกอบกับเป็นช่วงกลางดึกไม่ค่อยมีคนอยู่ ถึงมีก็จะอยู่ในห้องทำงานของตน
ด็อกเตอร์นั่งทำงานได้ไม่กี่นาที ก็ยกมือกุมหน้าท้อง
“โอ๊ย! อีกแล้วเหรอ...ไม่น่ากินส้มตำปูเลยฉัน”
หลังโดนข้าศึกบุกอย่างหนักเป็นครั้งที่ห้าของค่ำคืนนี้ จึงรีบเผ่นออกไปห้องน้ำ ก่อนที่ประตูค่ายจะแตกยับเยิน
หัวหน้าทีมมือใหม่พยักหน้า ฉวยโอกาสเข้าไปยังห้องทดลองลับ แล้วต้องตกตะลึง เห็นชายหลายสิบคนอยู่ในหลอดแก้วขนาดใหญ่ ซึ่งมีของเหลวบรรจุ ทั้งหมดอยู่ในสภาพหลับ คนในหลอดแก้วคุ้นหน้าว่าคือ บุคคลในประกาศที่หายตัวไปอย่างลึกลับหลายวันก่อน
“เฮ้ย” / “บ้าไปแล้ว!”
เหล่าฮันเตอร์มือใหม่หน้าไร้สีเลือด แตกตื่นตกใจสุดขีดไปตามๆ กัน คิดไม่ถึงเลยว่า สถาบันวิจัยเพื่อสุขภาพจะกลายเป็นสถานที่อันตรายกว่าที่คิด  
“นี่พวกมันเห็นคนเป็นหนูทดลองรึไง” ดิเรกพูดโพล่งขึ้น
“เลวมาก” อีกคนกล่าวเสริมอย่างเคืองแค้น
“จะทำลายที่นี่เลยไหม?” ตาอ้วนถาม
“ไม่ได้ขืนทำแบบนั้น พวกเราจะหนีไม่รอด” อีกคนตอบอย่างเร็ว
“แล้วเอาไงดี?”
สมาชิกทั้งหมดมองไปยังหัวหน้า ที่ยืนนิ่งเหมือนสติสัมปชัญญะหลุดออกจากร่าง
“ลูกพี่!”
“หา?” เจ้าของชื่อขานด้วยสีหน้าเบลอๆ  
“เอาไงต่อ?”  
“อะ อัดคลิปไว้ก่อน” ภากรที่ตั้งสติได้บอกลูกน้อง ไม่อยากพลาดโอกาสทอง “ถ่ายหน้าพวกนี้ให้ชัดๆ นะ เราจะได้มีหลักฐานไปบอกเรื่องนี้กับสังคม”
แค่คำพูดไม่กี่คำของคนธรรมดา คงสู้อำนาจเงินตราของมาร์คไม่ ได้ แม้จะมีความทะเยอทะยานอยากได้อยากดี แต่ภากรคงมีจิตสำนึกดี ในอันที่จะช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ตามที่โดนพ่อปลูกฝังมา หากเป็น ไปได้ก็อยากจะทำให้สถานวิจัยบ้าๆ แห่งนี้ถูกปิดไปตลอดกาล เพื่อจะได้ไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อีก
ถ้าพ่อเห็นคลิป พ่อต้องภูมิใจในตัวฉันแน่
ภากรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพอใจ 
“ครับ” / “ครับลูกพี่”  
สองคนหยิบโทรศัพท์รุ่นล่าสุด ซึ่งมีกล้องคุณภาพสูง บันทึกภาพในห้องทดลองไว้ทุกซอกทุกมุม รวมถึงซูมใบหน้าของผู้ชายเคราะห์ร้ายทั้งหมดไว้      
พวกนี้คงเตรียมจะเปลี่ยนเป็นสัตว์กลายพันธุ์ ขอโทษที่ฉันช่วยพวกนายตอนนี้ไม่ได้...แต่ฉันจะกลับมาช่วยแน่ อดทนอีกนิดนะ 
ดิเรกคิด ขณะมองผู้เคราะห์ร้ายอย่างสงสาร แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ได้แต่คิดเจ็บใจตัวเอง เผลอกำหมัดข้างกายแน่น  
หลายนาทีผ่านไป เตวิชที่ปลดทุกข์เสร็จเปิดประตูห้อง เห็นคนชุดดำหลายคนอยู่ในห้องปฏิบัติการของตน ซึ่งนับเป็นเขตหวงห้าม ชักสีหน้าไม่พอใจ  
“พวกนายเป็นใคร! เข้ามาที่นี่ทำไม?”
แย่แล้ว!
ภากรตกใจที่ถูกเจ้าของห้องพบร่องรอย แต่ไม่ทันออกคำสั่ง  
ไอ้เลว!
ดิเรกซึ่งอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด ชักปืนยาสลบที่เอว เล็งหัวหน้าห้องแลปแล้วแจกไปสามนัดซ้อน แล้วพูดเสียงเย็นเยือก   
“นอนเงียบๆ สักพักเถอะ ฉันไม่อยากทำร้ายใคร”    
“อา…” เตวิชครางเบาๆ นัยน์ตาเริ่มพร่ามัว เพราะฤทธิ์ยาสลบ ค่อยๆ ทรุดตัวล้มลง เขาใช้กำลังที่เหลือน้อยนิด กดปุ่มสีแดงที่อยู่ใกล้ๆ ประตู แล้วสิ้นสติไป  
กริ๊ง! กริ๊ง!
เสียงกรีดร้องดังไปทั่วทั้งอาณาจักรไครอน
“รีบออกจากที่นี่เร็ว” ภากรบอกกับลูกทีมด้วยน้ำเสียงลนลาน   
 
เสียงสัญญาณเตือนภัยในสถาบันวิจัยกรีดร้องขึ้น ริต้าที่นั่งเล่นมือถือรอบนต้นไม้สะดุ้ง ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น หลังพวกฮันเตอร์ห้าคนเข้าไปในอาคาร รู้แค่ว่า...ตอนนี้คนของสถาบันวิจัยไครอนรู้ตัวแล้วว่า มีผู้บุกรุก   
พวกนั้นพลาดหรือนี่ ทำยังไงดี?
แม่มดวัยเยาว์คิดหนัก เพื่อหาวิธีแก้ไข แต่ไม่ทันทำอะไร เห็นภากรวิ่งแจ้นนำออกมาจากตัวตึก โดยมีผู้ติดตามวิ่งตามหลังมาติดๆ
หนึ่ง สอง สาม สี่ และห้า ออกมาครบ ค่อยยังชั่วหน่อย
ทว่าเธอดีใจไม่ถึงห้าวินาที ก็เห็นพวกยามสี่ห้าคนวิ่งไล่กวดตาม หลัง ทำให้แม่มดวัยเยาว์รีบโบกไม้เท้าวิเศษในมือ
“ดีสมีนูส วีโล ซิเอสเต้”  
คาถาส่งผลให้เหล่าผู้ติดตามวิ่งช้าลงกว่าเดิมมาก ทำให้ฮันเตอร์สมัครเล่นรอดพ้นจากการถูกจับอย่างหวุดหวิด
“ทำไมมันถึงเร็วแบบนี้ ให้ตายสิ!” หนึ่งในยามหลุดคำสบถอย่างเดือดดาล เหนื่อยหอบที่วิ่งตามคนร้ายไม่ทัน
โอ๊ย! เหนื่อยชะมัด
“ลืมแจ้ง เดี๋ยวถูกหัวหน้าด่า” ยามอีกคนพึมพำ เพิ่งนึกขึ้นได้ จึงหยิบวิทยุสื่อสารแจ้งไปยังส่วนกลาง เพื่อให้ช่วยจับผู้บุกรุก ไม่เช่นนั้นคงไม่พ้นถูกตำหนิ หรือโทษอย่างแรงก็โดนไล่ออก หลังหัวหน้ากำชับมาก่อนหน้า “วอสองเรียกทุกหน่วย คนร้ายชุดดำห้าคนวิ่งไปทางประตูหลัง ช่วยสกัดจับด้วย”
“รับทราบ” / “ทราบแล้วเปลี่ยน”  
และแล้วความโกลาหลก็เกิดขึ้นไปทั่วทั้งสถาบันวิจัยไครอน ยามทุกคนระดมกำลังค้นหาทุกซอกทุกมุม
“มันเป็นไปได้ยังไง ก็เห็นวิ่งมาทางนี้ชัดๆ แล้วหายไปไหน” ยามคนแรกบ่นอุบอิบ
“นั่นสิ ไวหยั่งกับลิง” เพื่อนอีกคนเกาหัวแกรกๆ
“อย่ามัวแต่บ่น หาให้เจอ จับได้สักคนก็ยังดี ไม่งั้นพรุ่งนี้ได้น้ำตาตกกันแน่” หัวหน้ายามเอ่ยเตือนอย่างร้อนใจ  
พวกลูกน้องหน้าซีด เข้าใจความหมายของหัวหน้า จึงรีบรับคำ
“ครับ” / “ครับผม”
แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว ไม่พบคนร้ายแม้แต่เงา
ยามทุกคนก้มหน้าคอตก ไม่รู้ว่า พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น และจะทำยังไง ถ้าเกิดต้องตกงานจริงๆ?    
 
ไม่มีทางให้จับได้หรอก เสียชื่อฉันพอดี หึหึ  
ริต้าที่นั่งอยู่บนต้นไม้ยิ้มร่าสนุกสนาน ยกมือโบกไม้เท้าร่ายเวทเป็นระยะ สกัดพวกยามเอาไว้ ทำให้วิ่งช้าวนไปวนมาอยู่ในสถาบันวิจัย บางทีก็วิ่งชนกันเองกว่าสิบนาที
แค่นี้น่าจะพอแล้ว
เธอคิด มองกลุ่มคิลเลอร์มือใหม่วิ่งพ้นสถาบันวิจัยไครอนไปไกลพอสมควร จึงยกมือถือขึ้นพิมพ์ไปบอกหัวหน้าของตน เพื่อให้ดำเนินการขั้นต่อไป  
‘ตัวต่อปลอดภัย รับไม้ต่อด้วย’
เฟสอ่าน แล้วพิมพ์ตอบกลับมา  
‘รับทราบ’
 
นักล่ามือใหม่ทั้งห้ารอดออกมาจากไครอนได้อย่างปาฏิหาริย์ ทุกคนคิดแต่ว่ารอดเพราะโชคดี โดยหารู้ไม่ว่า พวกตนได้รับความช่วยเหลือของเผ่าชามันคา
หัวหน้าทีมพาลูกน้องวิ่งหน้าตั้งชนิดไม่คิดชีวิต ผ่านพื้นที่รกร้างราวหนึ่งกิโลเมตรกว่า จนถึงยานพาหนะที่จอดทิ้งไว้       
ทั้งห้าคนยืนหอบแฮ่กๆ พิงรถยนต์เป็นหมาหอบแดด เหงื่อแตกพลั่กเหมือนเพิ่งอาบน้ำ ตามตัวมีบาดแผลคนละหลายรอยจากกิ่งไม้และหญ้าคาบาด แต่ไม่มีคนใดได้รับบาดเจ็บร้ายแรง   
“อะ โอ๊ย เหนื่อยมาก” ตาอ้วนตัวกลมบ่นงึมงำ ทรุดตัวลงนั่งข้างรถอย่างหมดสภาพ ชนิดไม่กลัวเลอะเทอะเปรอะเปื้อน
รอดตายแล้วฉัน...นึกว่าจะถูกจับเสียแล้ว  
“รอดอย่างหวุดหวิด ฟู่” หัวหน้าทีมเป่าลมออกปาก กวาดตามองลูกน้องของตน “มาครบทุกคนนะ”
“คะ ครับ” บางคนตอบรับ
ส่วนที่เหลือพยักหน้าแทน เพราะยังหายใจไม่ทัน    
“ตื่นเต้นแทบหัวใจหยุดเต้น” ลูกน้องคนหนึ่งพูดเปรยขึ้น
“ใช่ แต่ตอนนี้ เหนื่อยมากกว่า แล้วก็ชักหิวอีกแล้ว” ตาอ้วนพูดเสริมตะกุกตะกัก หายใจแรงหนัก ยังคงนั่งเหยียดขากับพื้น
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่วิ่งไกลขนาดนี้ ที่วิ่งไหวเพราะกลัวขึ้นสมอง ไม่อยากถูกจับ กลัวต้องเป็นตัวประหลาดเหมือนพวกผู้ชายที่อยู่ในหลอดทดลอง
“แกต้องลดน้ำหนักสักสิบโล ไม่งั้นวิ่งไกลกว่านี้ไม่ไหวแน่” เพื่อนอีกคนแซวขึ้น
“ไม่ต้องย้ำเลย ฉันรู้แล้ว ไอ้พวกชอบซ้ำเติมคนอื่น” ตาอ้วนค้อนอย่างหมั่นไส้ที่ถูกล้อเลียน
เพื่อนอีกสองคนจึงหัวเราะร่วน     
นี่มันใช่เรื่องสนุกนักหรือไง พวกงี่เง่า!
ดิเรกนึกรำคาญเพื่อนช่างจ้อ ที่ไม่เข้าใจสถานการณ์สักเท่าไหร่ จึงหันไปคุยกับภากรแทน    
“แล้วจะทำยังไงกับคลิป?”
“เอาไปให้พ่อกับผู้อาวุโสของกลุ่มกริชดู” หัวหน้าทีมตอบแบบไม่ต้องคิดมาก ยิ้มกว้างเต็มหน้า “คราวนี้ถือว่าพวกเรามีผลงานมาก ต้องได้รับคำชมเชยเพียบแน่”
“จริงด้วย” ลูกน้องคนสนิทหัวเราะร่วน
“ไม่มีใครกล้าดูถูกพวกเราอีกแล้ว”
“ใช่ๆ”
ชายทั้งสามคุยโม้คำโตอีกหลายคำ
การสอดแนมถือเป็นแค่งานระดับต้นของนักล่า จะคาดหวังคำชมอะไรกันนักหนา
ดิเรกไม่อยากขัดคอ จึงยืนกอดอกฟังแบบไม่ใส่ใจนัก      
หัวหน้าทีมมองเวลา แล้วเอ่ยตัดบทสนทนา  
“กลับกันดีกว่า”
ทั้งห้าก้าวขึ้นรถยนต์ ลูกทีมมีสีหน้ายิ้มแย้ม มุ่งตรงไปบ้านเชนหัวหน้ากลุ่มนักล่ากริช เพื่อรายงานผลการปฏิบัติงานทันที   
 
OoXoO

ขอบคุณที่กรุณาติดตาม หนังสือชุด 2 เล่ม ปิดจอง 26 พ.ค.2562 นะคะ สนใจดูรายละเอียดหน้า 'สินค้า' ค่ะ

นิยายของไรท์ทุกเล่ม โหลดซื้อ E-book ได้ทางลิงค์ขวามือนะคะ 

นาง ^^

OoXoO




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2562
0 comments
Last Update : 16 พฤษภาคม 2562 14:53:01 น.
Counter : 801 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com