นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
24 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
เจ้าสาวพันชั่ง 7 (ตีพิมพ์แล้วกับ สนพ.อักษรศาสตร์ นามปากกา ดาราพร)

อรอนงค์เป็นหญิงสาวร่างอวบอรชร เดินหิ้วของเอวอ่อนมาที่มะตูม ซึ่งมาถึงโรงเรียนแต่เช้า
“หิ้วอะไรมาล่ะอ่อน”
“ทำขนมมาฝากจ้ะ วันนี้มีคนกลับบ้านไม่ใช่หรือจ๊ะ”
“จ้ะ แหมไม่รู้จะห่วงเจ้าบ๊องนั่นทำไมนักนะ ตั้งแต่มันไปสอบเตรียมทหารได้ อ่อนห่วงมันยังกับมันไปออกรบเชียว”
อรอนงค์ยิ้มละไมเมื่อนึกถึงมะขวิด เคยเรียนร่วมชั้นกันมาแต่เด็กในโรงเรียนแห่งนี้ จนกระทั่งเขาไปสอบเตรียมทหารจึงย้ายออกไป อรอนงค์เป็นเพื่อนสนิท และมะตูมรู้ใจอีกฝ่ายว่าชอบมะขวิดมานาน แต่น้องชายตัวดีทำวางเฉยจนสาวเจ้าต้องมีของมากำนัลอยู่เสมอ อรอนงค์มีชื่อเล่นว่าอ่อน หล่อนอ่อนกับมะขวิดสมชื่อจนบางครั้งมะตูมก็ทนไม่ได้เช่นกัน
“มะตูมรู้หรือเปล่าว่านิ่มไปฟ้องป้าสว่างให้ไปหาคุณน้าสวาท เพื่อให้มาจัดการเรื่องรำเรื่องละครวันเกิดท่านผู้หญิงพริ้มเพราด้วยล่ะ”
“สวาทไหน”
“คุณป้าของอ่อนเอง ท่านเป็นสะใภ้คนโปรดของท่านผู้หญิง นี่พี่นิ่มไปคุยซะทั่วเลยว่าจะเขี่ยมะตูมให้หลุดจากฉุยฉายพราหมณ์”
“โธ่เอ๊ย อยากรำก็รำไปเถอะ เวลาอ่านหนังสือก็แทบไม่มีอยู่แล้ว นี่ยังสงสัยทำไมอาจารย์แม่เอาเด็กสายวิทย์อย่างมะตูมไปรำ”
“มะตูมรำสวยนี่นา หน้าตาก็สวยกว่าใครเขาทั้งหมด อาจารย์แม่ท่านตาถึง แต่นิ่มน่ะไม่รู้ตัวอยากมารำ ทีนี้เขาประกาศคุณป้าสวาทจะมาเอาเรื่องอาจารย์แม่วันนี้”
มะตูมหยักยิ้มมุมปากเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ
“โธ่เอ๊ย จบงานนี้ก็ต่างคนต่างไปเรียนต่อที่อื่นแล้ว ทำไมนิ่มเขาชอบทำเรื่องยุ่งอยู่เรื่อย”
“เขาอยากดัง เพราะงานนี้ท่านผู้หญิงมา และผู้ชายที่เขาชอบก็มาดูด้วยเขาจึงอยากเด่น”
“เหรอ ยิ่งน่าขันใหญ่ รำอวดผู้ชาย”
“พี่พันชั่งเป็นที่หมายปองของนิ่มเขานี่นา”
อรอนงค์เอ่ยชื่อคนคุ้นเคยออกมาทำให้มะตูมถึงกับสะอึก แต่ปิดปากเงียบ อรอนงค์คุยต่อ
“ญาติทุกคนทั้งฝ่ายอาผู้ชาย และฝ่ายทางคุณป้าสวาทต่างอยากได้พี่พันชั่งเป็นเขยทั้งนั้น เขาว่าเรือล่มในหนองทองจะไปไหน”
“แล้วอ่อนล่ะ ชอบคนที่พูดถึงมั้ย”
“อุ๊ย เขาเป็นญาติผู้พี่นะจ๊ะ”
“ญาติก็แต่งงานกันได้นี่นา เขานิยมกันออก คุณพจกับคุณชาย”
“ไม่ล่ะ” อรอนงค์ยืนกราน ก่อนเอ่ยอย่างมั่นใจอีกว่า
“อ่อนไม่เห็นพี่พันชั่งชอบญาติตัวเองในฐานะคนรักสักคน เห็นเป็นน้องสาวหมดเลย มีแต่นิ่มนั่นแหละใฝ่สูง ไม่รู้ตัวเลยว่าคุณป้าสวาทเขาตีตราจองลูกสาวนายพลให้พี่พันชั่งไว้แล้ว”
มะตูมฟังเรื่องเล่าอย่างผ่านๆ ของเพื่อนด้วยหัวใจเบาหวิว ไม่ใช่ไม่รู้ว่าคุณสวาทถือยศศักดิ์ เคยกีดกันไม่ให้เล่นหัวด้วยกันในวัยเยาว์มาได้นานเป็นสิบปี แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนโน้น พันชั่งกลับไปเยือนเรือนไทยชายน้ำอีกครั้ง เหมือนกับว่าปลุกอดีตให้เริ่มต้นขึ้นใหม่ ด้วยหัวใจที่เปลี่ยนไปจากเดิม
เคยชอบความใจดีในฐานะรุ่นพี่ หากว่า...คำเกี้ยวพาทำให้หวั่นไหวเพราะใจหลงใหลได้ปลื้มอยู่แล้ว
“วันงานมะขวิดมาไหมมะตูม”
“คุณแม่ป่วยมาก มะตูมยังไม่อยากรำเลยนะ อยากอยู่กับคุณแม่ มะขวิดเขาคงจะ...”
อรอนงค์หน้าถอดสีไปนิดหนึ่ง หล่อนสุดแสนคิดถึงมะขวิด เพราะไม่ได้เจอกันเลยนับแต่อีกฝ่ายไปเรียนที่อื่น ได้แต่ฝากขนมผ่านมะตูมไปให้ เขาก็ไม่มีอะไรตอบมา นอกจากมะตูมบอก กินคนเดียวเกลี้ยงเลย มันบอกว่าอร่อยไม่แบ่งใคร ฟังแค่นี้อรอนงค์ก็ชื่นใจมาก ดังนั้นทุกสุดสัปดาห์จึงมีของติดมือมาฝากมะขวิดประจำ
รถยุโรปคันยาวดูเทอะทะในสมัยนี้ แต่สมัยห้าสิบปีก่อนนับว่าโก้หรูจนโดดเด่นมากบนท้องถนน
รถของคุณสวาทแล่นเข้ามาจอด โดยมีอรทัยก้าวลงจากรถมาด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง ตามลงมาคือ สว่างแม่ของหล่อน และคุณสวาทลงเป็นคนสุดท้ายเพราะรอให้คนรถเปิดประตูให้
“เดี๋ยวได้ยุ่งแน่มะตูม” อรอนงค์ว่า มะตูมทำท่าให้เยือกเย็น
สมองอันชาญฉลาดและโดนอบรมมาว่าต้องมีสติเสมอ ดังนั้นหากจะโดนกีดกันไม่ให้รำเป็นตัวเด่นทั้งที่ซ้อมมานานเดือนก็ไม่เป็นไร งานนี้หล่อนก็ไม่มาร่วมเท่านั้นเอง หล่อนห่วงมารดามากกว่าท่านผู้หญิงอยู่แล้ว โกหกตัวเองไม่ได้ แต่ให้พูดก็ไม่ได้เช่นกัน

คุณสวาทเดินนำ วางท่าผู้ดีจัดเพราะเป็นผู้ดีมาแต่กำเนิด อรอนงค์ขอตัวจากเพื่อนรักเพื่อไปทำความเคารพต่อคุณสวาทตามมารยาทเพราะอีกฝ่ายเป็นญาติผู้ใหญ่
“คุณป้าสวาทสวัสดีค่ะ”
“อ้าวอ่อน เห็นป้าด้วยหรือ”
“อ่อนนั่งอยู่กับมะตูมทางโน้นค่ะ”
หล่อนชี้ไปทางเก้าอี้ไม้ใต้ไร่ไม้ใหญ่ คุณสวาทเหลียวมองอย่างไม่ตั้งใจ มะตูมหันมาทางอีกฝ่ายพอดี เด็กสาวพนมมือไหว้ ในใจนึกถึงพันชั่งไหว้มารดาตนเอง หล่อนก็ควรให้ความสำคัญตรงนี้ คุณสวาทรับไหว้มือค้าง เหลือบมาเปรียบเทียบกับอรทัยซึ่งคิดจะเปลี่ยนตัวแสดง
เทียบกันไม่ได้สักนิด เด็กสาวอะไรช่างงามราวกับหลุดมาจากนางในวรรณคดีจริงๆ นางบุษบาที่วรรณคดีเอ่ยอ้าง หาใครในสามโลกยากเทียมทัน
โอย...คุณสวาทรีบเบือนหน้ากลับ สาวเท้าไปห้องท่านผู้อำนวยการเร็วมากขึ้น งามอย่างนี้ ยืนเด่นกลางเวที ตาย ใครจะไปลืมลงกันเล่า!
แม้อรทัยเทียบไม่ได้กับมะตูม แต่อรอนงค์ดูดีกว่าอรทัย งานนี้อย่างไรต้องเล่นงานเด็กมะตูมไม่ให้เป็นตัวเด่นเด็ดขาด ต้องป้องกัน สกัดดาวเด่นไม่ให้ลอยกลางฟ้าให้ได้เชียว

ห้องผู้อำนวยการทำงานแยกเป็นสัดส่วน ท่านเป็นน้องสาวคุณพร้อม หน้าตาละม้ายกัน ท่านยกมือไหว้คุณสวาทในฐานะพี่สะใภ้ คุณสวาทรับไหว้
ท่านผู้อำนวยการมองพี่สาวคุณสวาท และหลานสาวทั้งสองคนก่อนเอ่ย
“คุณพี่มีธุระอะไรหรือคะ ถึงมาโรงเรียน เอ...พันชั่งไม่ได้เรียนที่นี่นะคะ” ผู้อำนวยการล้อ เพราะคุณสวาทเลื่องลือทางด้านหวงลูกชายนักหนา
“แหมคุณน้องช่างหาเรื่องมาหยอกพี่ได้ พี่มาธุระเรื่องงานวันคล้ายวันเกิดคุณแม่ท่านน่ะค่ะ พอดีทราบว่าทางโรงเรียนให้หลานสาวพี่ได้รำอวยพรทั้งสองคน พี่ดีใจมากเลยนะคะ”
“อ๋อเรื่องนี้ครูฝ่ายปกครองเขาจัดแจงน่ะค่ะคุณพี่ อ้อหน้าตาน่ารักทั้งคู่เลยนะ แต่ข่าวว่าฉุยฉายพราหมณ์ปีนี้ได้บุษบาเด็กเรียนดีมารำ เด็กคนนี้เรียนสายวิทย์ สอบติดแพทยศาสตร์ สวยยากหาใครเทียบได้เชียว เคยให้ถ้วยรางวัลเรียนดีเขาครั้งหนึ่ง นี่คุณแม่คงชอบใจมาก เพราะท่านชอบดูรำฉุยฉายมากทีเดียว มาเห็นเด็กบุษบาคงพอใจอาจจะมีรางวัลให้ทีเดียว”
ผู้อำนวยการเอ่ยยืดยาว อรอนงค์อยากเข้าไปกอดท่านให้สมรัก ส่วนอรทัย อยากตะกุยปากที่เอาแต่ชมคู่แข่ง ส่วนสว่างนั่งไม่ติด คุณสวาทเจือยิ้มข่มอารมณ์ไม่ได้ดังใจจนอยู่หมัด ก่อนเอ่ยเรียบๆ ว่า
“ปีนี้ทราบว่าจัดเป็นงานใหญ่ทีเดียว มีศิษย์เก่ามาร่วมกันหลายรุ่น หนูอ่อนได้รำถวายพรหรือคะ”
“เอ” ผู้อำนวยการชักเอะใจ “เรื่องนี้ น้องก็ทราบมาคร่าวๆ”
“แหมแต่รำกลองยาวนี่คุณแม่ท่านไม่ค่อยชอบนัก เปลี่ยนให้หนูนิ่มไปรำฉุยฉายดีกว่ามั้ยคะคุณน้อง”
“ขา...อะไรนะคะ”
“แหม เราคนกันเองนะคะ เป็นเกียรติของพี่ที่ลูกหลานได้รำชุดใหญ่ ให้คุณแม่ได้ชม”
“เอ...ครูผู้ปกครองเขาจัดการเรื่องนี้ น้องไม่อยากเข้าไปยุ่งทีเดียว”
“แหมยังไงอาจจะเกิดลำเอียงก็ได้ เรามาดูกันหลายๆ ตา ดีมั้ยคะคุณน้อง เผื่อหนูนิ่มจะรำได้สวยกว่า ที่ดำไปนิดก็พอกแป้งเอา ฉายไฟแรงช่วยหน่อยเดี๋ยวก็ขาว”
ผู้อำนวยการเกรงใจพี่สะใภ้ไม่น้อยไปกว่าเกรงใจครูผู้ปกครองที่เฮี้ยบจนคุมเด็กทั้งโรงเรียนได้ เด็กเรียกอาจารย์แม่ทุกคน การที่จะเปลี่ยนตัวกันอย่างนี้เห็นจะออกคำสั่งไม่ได้ ดังนั้นจึงเรียกมาปรึกษาหารือกัน

อาจารย์แม่ที่อรทัยชังนักหนา ท่านเกล้าผมตึง สวมแว่นหนา แต่งกายเรียบร้อยจนดูเหมือนกำลังเข้าไปอยู่วัดมากกว่ามาสอนหนังสือ เมื่อได้ยินว่าจะเปลี่ยนตัวนางรำ อาจารย์แม่ถึงกับไม่พอใจจนเห็นได้ชัด เอ่ยไม่เห็นแก่หน้าใครว่า
“ดิฉันจัดตามความเหมาะสมเท่านั้น ไม่ได้ลำเอียงว่าใครสวยใครงาม ที่เลือกเด็กมะตูมทั้งที่ไม่ได้อยู่สายศิลป์ แต่เรียกมาคัดตัวเพราะเขารำได้สวยจัดทีเดียว เอาอย่างนี้ดีกว่าพูดไปก็ไม่เห็นด้วยตา เอาเด็กมารำคู่กันเสียเลยก็แล้วกัน”
ผู้อำนวยการจึงใช้ให้อรอนงค์ไปตามมะตูม
ในเวลาต่อมาจึงได้เปิดห้องรำไทยเป็นการรำให้ดูกัน เด็กสาวๆ ที่ทราบเรื่องต่างแย่งกันมาดู เด็กหนุ่มๆ ปีนต้นไม้ลอบมองเพราะเบียดผู้หญิงไม่ติด
สองนางรำเปลี่ยนเป็นนุ่งผ้าจูงกระเบนสีแดงตามแบบการเรียนรำไทย เมื่อสองคนยืนเทียบ เสียงเด็กนักเรียนคนหนึ่งดังมาจากประตูห้องว่า
“โธ่ อีดำตับเป็ด”
เสียงนั้นหากเป็นเวลาปกติอาจารย์แม่ต้องมองตาเขียวหาตัวคนพูดมาลงโทษเพราะเสียมารยาทอย่างแรง แต่เวลานี้ ท่านทำหูทวนลมเสียอย่างนั้น สะใจต่อเส้นใหญ่ที่หน้าเจื่อนลงไปเมื่อได้ยิน
คุณสวาทได้เห็นมะตูมเต็มตา ผมยาวรัดเกล้าขึ้นไปเผยดวงหน้ารูปไข่ได้ส่วนสวยงาม ไม่มีส่วนใดเป็นตำหนิสักนิดเดียว สวยอย่างที่เรียกได้ว่า หยาดฟ้ามาดิน เมื่อเปรียบกับอรทัย ซึ่งปกติเป็นคนสวยคม แต่เวลานี้ เมื่อเทียบกัน โดนข่มจนคุณสวาทนึกต่อว่าตัวเองไม่น่าสอดเข้ามายุ่งเรื่องนี้เลย
เพลงขึ้น เด็กทั้งสองรำพร้อมกัน เพลงรำแม่บท คุณสวาทก็หน้าแดงจัดด้วยความอายแทน เพราะนอกจากอรทัยมือจะอ่อนสู้ไม่ได้แล้วยังรำได้เก้งก้าง อย่างที่สมควรไปรำกลองยาว กระโดดไปกระโดดมาจริงๆ
คุณสวาทเห็นมะตูมร่ายรำพลางชม้ายชายตาหันมาส่งยิ้มนิดๆ ในสีหน้าให้นาง นางกริ่งเกรงอีกฝ่ายได้อย่างประหลาดทีเดียว...เด็กอะไร มั่นใจในตัวเองไม่มีเคอะเขิน รู้ทั้งรู้ว่านี่คือแม่ของพันชั่ง ที่เคยสั่งไม่ให้ไปเล่นน้ำคลองด้วยกัน
รอยยิ้มนั้นจะว่าหวานก็ได้ จะว่าเย้ยในทีก็มองได้อีกเช่นกัน
ครูผู้ปกครองปรบมือเมื่อเพลงจบลง ผู้อำนวยการเอ่ย
“คุณพี่สวาทคงไม่อยากให้น้องต้องอายคุณแม่นะคะหากจะเปลี่ยนตัวนางรำ”
“เอ่อ...คงไม่ยุ่งแล้วค่ะ เขารำได้สวยจริงๆ” สวยจนกลัวว่าท่านผู้หญิงจะหลงอุ้มเอาไปบ้านเสียด้วยซ้ำไป” ยิ่งเคยอยู่ในรั้วในวังเห็นอย่างนี้ไปนึกถึงชีวิตวัยสาว จะว่าอย่างไรกัน...
มะขวิดนึกครึ้มใจ แวะเข้าไปหาพี่สาวที่โรงเรียน ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าพี่สาวจะกลับไปหรือยัง แต่วันนั้นมะตูมและอรอนงค์รวมทั้งอรทัยยังต่างซ้อมรำกันอยู่ เมื่อมะขวิดไปพวกหล่อนก็ซ้อมกันเสร็จพอดี เด็กหนุ่มยืนยิ้มแฉ่งใต้หมวกที่คลุมลงมาจนต้องแหงน
อรอนงค์หน้าแดงจัดทันทีที่ได้เห็นมะขวิดในวันนี้ อรทัยเดินตามมา พอเห็นมะขวิดคู่อริเก่าซึ่งเมื่อครั้งอยู่ร่วมโรงเรียนเดียวกัน สองคนไม่เคยเข้ากันได้ อรทัยด่ามา มะขวิดด่ากลับ วันนี้การมาของอีกฝ่าย และญาติสาวก็ดีใจจนออกนอกหน้า ทำให้อรทัยกระชากแขนอรอนงค์ไว้ พลางกระชากเสียงถาม “แกชอบมะขวิดใช่มั้ยยายอ่อน”
“ใช่...ชอบมาตั้งแต่อ่อนเรียน ป.หนึ่ง” อรอนงค์ยั่วญาติผู้พี่ อรทัยขู่ฟ่อทีเดียว
“ฉันจะไปฟ้องน้าสายใจ ว่าแกชอบคนจน”
อรอนงค์ไม่กลัวซ้ำขู่กลับไปว่า
“อ่อนจะฟ้องคุณป้าสวาทว่า นิ่มอยากเปลี่ยนเพราะต้องการให้พี่ชั่งเห็น เพราะนิ่มหลงรักและอยากเป็น
เจ้าสาวพี่พันชั่ง”
“นางอ่อน แก แกรู้ได้ยังไง” อรทัยหลุดปาก แล้วได้คิดรีบผลักอีกฝ่ายออกห่าง
มะขวิดเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเช่นเดียวกับมะตูม สองพี่น้องเข้ามาหาอรอนงค์ อรทัยรีบผละจากไปทันที
มะขวิดร้องตะโกนตามหลัง “ตัวก็ดำใจก็ดำ คนอะไรหาความขำสักนิดก็ไม่มี”
“ไอ้มะขวิด ฉันจะฟ้องโรงเรียนแก ว่าแกหาเรื่องทั้งที่อยู่ในเครื่องแบบนักเรียนเตรียม”
“ฉันไปหาเรื่องใครไม่ทราบยายปูขาเก” มะขวิดตะโกนโต้ ไม่ได้กลัวสักนิด แต่พี่สาวปรามไว้
“ช่างเถอะ ช่างเถอะมะขวิด เดี๋ยวยายนิ่มบ้าเลือดไปฟ้องเข้าจริง ทีนี้แกโดนแทงปลาไหลสิบคลองแน่”
อรอนงค์เป็นห่วงอีกฝ่ายอย่างเปิดเผย
“นั่นสิอย่าไปว่าคนร้ายๆ อย่างนิ่มเลยมะขวิด เดี๋ยวจะแย่เสียเปล่า”
“แล้วเขาว่าอะไรอ่อนหรือเมื่อกี้นี้” มะขวิดก้มถามคนร่างเตี้ยกว่า
อรอนงค์หน้าแดง ก่อนเบือนหน้าไปทางมะตูมก่อนเลี่ยงตอบ
“เขาก็หาเรื่องไปตามประสาเขานั่นแหละ แล้วทำไมวันนี้มะขวิดมาที่โรงเรียนได้ล่ะ”
“คิดถึงมะตูม” มะขวิดว่าไปอีกทาง พี่สาวเลยตีแขนน้องชายไปทีหนึ่ง ก่อนส่งกล่องขนมที่อรอนงค์นำมาให้ตั้งแต่เช้าให้น้องชาย
“อะไรน่ะมะตูม”
“อ่อนทำขนมมาให้ ไม่ได้เปิดดูเลย สงสัยของชอบแกนั่นแหละ ใช่มั้ยอ่อน”
“ผู้ชายที่ไหนชอบกินขนม” มะขวิดว่า อรอนงค์หน้าเจื่อนลงไปนิดหนึ่ง มะขวิดยิ้มในสีหน้าก่อนว่า
“แต่ถ้าอ่อนทำขวิดกินได้ทั้งนั้นล่ะ ขวิดยอมเป็นกะเทย”
“ตายแล้วฟังพูดเข้าสิ” อรอนงค์อุทานต่อว่าอีกฝ่าย มะขวิดหัวเราะเบาๆ ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกกันไปเพราะรถที่บ้านของอรอนงค์มารับ อรอนงค์โบกมือให้สองฝาแฝด แต่ส่งยิ้มหวานจัดเป็นพิเศษให้มะขวิด มะตูมเอ่ยกับน้องชายเบาๆ ว่า
“อ่อนเอ๊ยอ่อน ตาถั่วแท้ๆ ที่มาชอบคนอย่างแกมะขวิด”
“อ่อนตาถึงที่เห็นค่าของเพชรในเรือนไทย รู้ไว้เหอะน่ามะตูม”
“เพชรยี่เกน่ะหรือ”
“เอาน่ายังไงก็ได้ เพชรยี่เกคนจะได้ไม่ต้องแย่งอ่อนไง”
“เจ้ามะกอกสามตะกร้า แกนี่ไถลลงคูได้เรื่อยเชียวนะ”
“คนมันใกล้น้ำน่ะ”
มะตูมไม่ปิดบังน้องชายเรื่องในวันนี้ มะขวิดรับฟังแล้วหัวเราะก่อนว่า “น่าจะให้ยายนิ่มเล่นลาวกระทบไม้มากกว่านะขวิดว่า”
“คิดเหมือนกันเลย มะตูมเลยแกล้งยิ้มยั่วคุณสวาทไปที”
“เอ้า! ไม่เคารพคุณแม่ในอนาคตได้ยังไงมะตูม”
“เจ้าบ้า”
“ด่าเขาแล้วทำไมต้องหน้าแดงล่ะเจ้าสาวพันชั่ง”
“เอ๊ะ อย่ามาล้อฉันนะมะขวิด” มะตูมเอ็ดเสียงดัง
“งั้นร้อยชั่งก็ได้”
“ไม่...พันชั่งหมื่นชั่งน่ะดีแล้ว” มะตูมปฏิเสธทันควัน แล้วพากันหัวเราะเบาๆ อย่างรู้ใจกันเป็นอันดี
สองพี่น้องหยอกเอินกันไปนั่งรถราง เพื่อไปต่อรถประจำทางอีกทีหนึ่ง จากนั้นจึงจะเดินเข้าตรอกไปลงเรือกลับบ้านกัน




Create Date : 24 มิถุนายน 2554
Last Update : 24 มิถุนายน 2554 10:54:23 น. 2 comments
Counter : 483 Pageviews.

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ ทักทายวันศุกร์สุดสัปดาห์ค่ะ

สถานที่ท่องเที่ยว
ไปเยี่ยมบล็อกของน้ำชาได้ค่ะ ThaiLand Travel เป็น Blog ที่รวบรวมข้อมูล สถานที่ท่องเที่ยว ทั่วทั้ง 77 จังหวัด ในประเทศไทย รวมถึงยังให้บริการ จองโรงแรม ที่มอบส่วนลดให้คุณสูงสุดถึง 75% พร้อมรับข้อเสนอแล้ววันนี้



โดย: nonguide วันที่: 24 มิถุนายน 2554 เวลา:11:13:33 น.  

 
สนุกมากเลยค่ะคุณรุ่งแก้ว ใช้ภาษาอ่านง่าย ตกลงพระเอกคือพันชั่ง นางเอกคือหมอมะตูมใช่ไหมค่ะ. จะอ่านตอนต่อไปนะค่ะ แอดเป็นเพื่อนด้วย กลัวหาไม่จอจะได้อ่านต่ออิๆๆ


โดย: คุณหนูคั่วกลิ้ง วันที่: 24 มิถุนายน 2554 เวลา:19:20:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.