นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
12 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 

เจ้าสาวพันชั่ง 1 (ตีพิมพ์แล้วกับ สนพ.อักษรศาสตร์ นามปากกา ดาราพร)

ตอนที่ 1 ชีวิตสองฝั่งคลอง

ตึกฝรั่ง มีอายุมานานนับร้อยปี ได้รับการบูรณะเรื่อยมาจน มีความทันสมัยในแต่ละยุค ตลอดคลอง กษาปณ์พงศาไม่มีตึก หรือบ้านเรือนใคร จะใหญ่และสวยงามเท่าตึกนี้อีกแล้ว
ผู้คนแถบนั้นจะรู้จักกันดีในชื่อ คนบ้านตึกใหญ่ บัดนี้เจ้าของคือ ร้อยเอก พร้อม กษาปณ์พงศา และคุณสวาท ผู้ดีเก่า หากร่ำรวยมากเพราะการทำกิน ปล่อยเงินกู้ และค้าขายบางส่วน มีทายาทคนเดียว ที่คนทั้งคลองเอาไปลือว่าเดินไม่ติดพื้น บางคนบอกเป็นเทวดากินข้าวต้องกินกับเครื่องชุดทองคำ ซึ่งคำกระทบกระแทกแดกดันนี้ เป็นเพราะใครถามถึงพันชั่งไม่ได้ คุณสวาทจะต้องยกย่องจนทำให้เกิดเสียงนินทา พันชั่งเป็นเทวดา
“ชาวคลองเรา ถ้าบ้านไหนมีลูกสาวละก็อย่าหวังได้ย่างเข้าตึกนั้นเลย รับรองได้ คุณสวาทต้องทำบุญล้างความจนสามวันสามคืน”
“ไม่เคยเห็นหน้า ท่าทางจะงามมาก”
“พึ่งสิบขวบเท่านั้นไม่ใช่หรือ”
“อีกไม่กี่ปีก็มีเมียได้ อยากเห็นเจ้าสาวนักเชียวจะมีค่าเป็นพันชั่งจริงหรือเปล่า”
“มันต้องจริงอยู่แล้ว คุณสวาทหวงยังกับไข่ในหินซะขนาดนั้น”
“อะไรนะ ไข่เป็นหินเรอะ!” คู่เจรจาเลี้ยวลดลงคลองจนเพื่อนค้อนขวับ
“ไข่บ้านแกสิเป็นทองแดง”
“อ้าวแล้วกัน อย่างนี้เลิกคุยดีกว่า ไปขายผักให้คุณย่าน้อมดีกว่า”
“ฉันก็จะเอาขนมตาลไปฝากท่านอยู่เหมือนกัน ได้พึ่งน้ำพึ่งบุญท่านตอนไอ้หนูมันเป็นไข้”
“เอ้อ...เขาว่าคุณย่าเป็นจอม จอมประไหมสุหรีหนีผัวมาจริงหรือเปล่า”
“เอฉันเคยถามคุณย่านะว่าท่านเคยอยู่วังมั้ย ท่านว่าอยู่สิ อยู่วิกยี่เกใกล้ภูเขาทอง”
“เอ้า ถ้างั้นประไหมสุหรีนี่ก็มาจากตำแหน่งยี่เกสิ”
“ภาษาชวา ก็คงแปลว่ามเหสีละมั้ง ไปแกจะไปกับฉันหรือเปล่าล่ะ”
สองหญิงทำท่าจะแตกคอ เพราะเรื่อง ‘ไข่’ แต่ในที่สุดก็ไปด้วยกัน
การนำสิ่งของไปตอบแทนบุญคุณอย่างปากว่านั้น ทุกครั้งคุณย่าน้อม หญิงวัยหกสิบจะให้ของติดมือมาทุกครั้ง บางครั้งไปสามกลับสี่ ตามจำนวนคนในบ้าน บางทีคนไหนไปขายผักขายสิ่งของให้ ได้ขนมติดมือกลับมาฝากลูกหลานได้กิน
ความใจบุญโดยเนื้อแท้ของคุณย่าเป็นปราการที่คนทั้งคลองรัก และดูแลให้ครอบครัวริมคลอง เจ้าของบ้านทรงไทย ได้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขเสมอมา

ท่าน้ำเรือนทรงไทย เป็นท่าไม้ยาวแข็งแรง เด็กกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งจับกลุ่มด้วยเนื้อตัวเปียกปอน แต่ล้อมวงกิน ผลไม้มะกอกเปรี้ยวจนสูดปากกันด้วยความเข็ดฟัน แย่งกันจิ้มพริกเกลือซึ่งมีอยู่ตรงหน้าเพียงถ้วยเดียว ซึ่งไม่รู้มือใครเป็นมือใคร ความสนุกสนานมัวแบ่งชนชั้นจะไม่สนุก ยิ่งคนบ้านย่าน้อมแล้วคำว่าเจ้ายศเจ้าอย่างไม่มี
บนเรือนนั้นนางหยดสวมชุดเสื้อแดงผ้าถุงเขียวจัด ซึ่งคุณย่าหัวเราะเมื่ออีกฝ่ายชอบใส่สีตัดกันอย่างเด็ดขาดเช่นนี้เสมอ เจ้าตัวรับคำสั่งมาจากคุณย่าให้มาตามคุณสองคน คือ คุณบุษบา หรือคุณมะตูม และคุณสียะตรา หรือคุณมะขวิด ขึ้นเรือน
นางหยดส่งเสียงนำมาก่อน เด็กในกลุ่มอีกสามคนเป็นลูกของนางทั้งหมด มีเจ้าเผือก ยายหวี และเจ้าเปล
“คุณมะตูม คุณมะขวิดเจ้าขา คุณย่าให้ขึ้นเรือนได้แล้วเจ้าค่ะ”
เด็กหญิงผมเปียยาวเปียกลู่หันไปทางนางหยด ใบหน้าของเด็กหญิงพริ้มละไมมีเค้าสวยมาก ทั้งผิวพรรณสะอ้านดังขาวเนียนอมชมพู ดวงตากลมโตสุกใสเป็นประกาย มีแววฉลาด หันไปส่งยิ้มให้บริวาร แล้วมาส่งยิ้มให้คู่แฝดซึ่งมีผิวสองสี ผมหยักศก หน้าตาคมไปทางแขกมากกว่า สานสบตากันแล้วรู้ใจกระโดดลงคลองไปเสียพร้อมกัน เมื่อนายลง บ่าวอีกสามตาม เรือโยงผ่านมาเด็กๆ จึงเกาะเรือโยงไปอย่างสนุกสนาน
“เอ้า! แล้วกัน คุณย่าสั่งแล้วนะคะ คุณย่าสั่ง” นางหยดได้แต่ตะโกนตามเรือโยงซึ่งออกไปห่างทุกที เด็กๆ โบกมือลาอย่างสนุกสนาน นางหยดต้องไปแจ้งให้ประมุขเรือนไทยทราบว่านางทำหน้าที่ไม่สำเร็จ (อีกแล้ว)
บนเรือนไทย คุณย่าสวมผ้าโจงกระเบน ใส่เสื้อลูกไม้ บางทีท่านก็พันผ้าแถบเมื่ออากาศร้อนมาก ท่านยังคงเค้าความสวยไม่น้อย หากมองไปจะรู้ว่ามะตูมมีใบหน้าถอดเค้าคุณย่าไม่ผิดเพี้ยนทีเดียว
“ให้ไปตามเด็ก ไม่ได้เด็กมาสักคน”
“ไปกับเรือโยงอีกแล้วค่ะคุณย่า”
“ถ้าจะต้องเฆี่ยนกันเสียที ซนเหลือใจ แล้วนี่พ่อดาอยู่ไหนไม่ดูลูก”
“คุณดาไปกับเพื่อนของหล่อนค่ะ”
“เออไหว้วานใครไม่ได้ดังใจสักคน งั้นก็ปล่อยมันไป เดี๋ยวว่ายน้ำกลับมาไม่ไหว เจ๊กตงก็พายเรือมาส่งเองนั่นแหละ ไปดูคุณลำเพาในครัวไป แล้วก็ทำกุ้งคั่วน้ำตาลให้มะตูมด้วยนะหยด อย่าหวานมากนักล่ะ”
“ค่ะคุณย่า”
แม่บ้านรับคำ เดินค้อมหลังไปอย่างคนมีสัมมาคารวะ ซึ่งหากอยู่ต่อหน้า ต้องคุกเข่ากัน เป็นธรรมเนียมที่ท่านสอนบริวารเสมอว่า
สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล
“เราสกุลเจ้าหรือครับคุณย่า”มะขวิดตั้งคำถามด้วยความทะเล้น
“เออ เจ้ายี่เกแน่ะ”พลางขว้างเปลือกหมากใส่หลานชายได้เหมาะเหม็ง มะขวิด คลึงศีรษะไปมา
“ตอนเล่นยี่เก คุณย่าเป็นนักแม่นธนูด้วยหรือครับขว้างงี้แม่นยังกับจับวาง”
“อย่าพูดมากปากจะมีสี”
“คุณย่าก็มีสีนี่ครับ ย้อยมามุมปากแล้ว”เด็กชายว่าพลางคลานปับๆ ไปเช็ดน้ำหมากที่ซึมปากเวลาบ่น
คุณย่าหัวเราะเบาๆ ก่อนว่า
“นี่ล่ะเขาเรียกยิ้มหยดย้อยล่ะ”
บริวารหัวเราะกันเกรียวกับอารมณ์ของคุณย่า ที่บ้านนี้สอนให้มีสมบัติผู้ดี และสอนให้มีเหตุผล ที่สำคัญท่านเอ่ยสอนหลานว่า
“พวกเจ้าไม่มีปมด้อยอันใดในความเป็นคนดี ศักดิ์ศรีนี้จะรักษาตัวพวกเจ้าให้ยืนได้เท่าคนอื่น”
“ไม่เท่า ยังไงก็ไม่เท่า”มะขวิดมีปัญหามาโต้คุณย่าประจำ
“เดี๋ยวโดนเปลือกหมากอีก เจ้านี่ปัญหามากนัก ชักจะทนไม่ไหว”
“แน่ะ...คำสร้อยเป็นยี่เกมาอีกแล้ว”
“ย่าเป็นคนเก่า คนเก่าคนแก่ เขาพูดจามีหางเสียงมีสร้อยตามหลังฟังดูแล้วทำให้ภาษาระรื่นหู”
“ขวิดก็ว่าคุณย่าพูดเพราะดี”มะขวิดปากหวานตามมาเสมอ ดวงตาส่อแววเจ้าชู้สมกับหน้าคมคาย ซึ่งไปทางมารดาทุกส่วนแม้แต่ผิวพรรณ
“แต่มะตูมไม่พูด ชอบลงมือทุกที”
“ก็ตัวปากดี เขาเถียงสู้ไม่ได้ พอมะเหงกถึง ตัวได้เงียบไง”มะตูมย้อนแฝดน้อง
“ฮะ ฮะ หมาเห่ามันไม่กัด มะตูมไม่ใช่คนพูดมากแต่มือหนัก ระวังปากไว้หน่อยแล้วกันมะขวิด”
เสียงหัวเราะดังเบาๆ อยู่บนเรือนไทย

เวลาต่อมาสาวใช้บ้านตึก เดินหน้าง้ำผ่านมาทางศาลาท่าน้ำ พอเห็นนายน้อยนั่งคางเกยแขน ทอดสายตาไปในลำคลองกว้างนางจึงปรับสีหน้าใหม่ และเมื่อเห็นโจทก์ที่ทำให้นางอารมณ์ขุ่นจึงอดฟ้องนายไม่ได้
“เด็กบ้านโน้น โซ๊น ซน ค่ะคุณหนู เมื่อสองวันก่อนมาเอียงเรือผิวซะเกือบคว่ำ นี่ต้องผ่านไปทางนั้นอีกไม่รู้จะโดนเกาะเรืออีกหรือเปล่า”
“ผิวไปทำอะไรเขาหรือเปล่าล่ะเขาถึงแกล้งเอา”พันชั่งถามบริวารอย่างคนมีเหตุผล นางผิวจึงหลบตา เพราะวันนั้นเด็กว่ายน้ำเล่นอยู่ตั้งไกลแต่นางไปด่าว่าอย่ามาใกล้เรือนางเดี๋ยวน้ำกระเซ็นเปียก ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย คุณมะขวิดกับคุณมะตูมเลยเข้ามาจัดการโยกเรือเล่นให้อีกฝ่ายกรีดร้องลั่นคลอง เป็นที่พอใจแล้วมะตูมจึงขู่ซ้ำ
“เขายังไม่ทันทำอะไรตัวสักหน่อยอยากปากดีนัก วันหลังมาว่าเขาอีกจะคว่ำเรือซะ”
ขณะฟ้องอยู่นั้นเรือโยงแล่นผ่าน พันชั่งเห็นเด็กที่นางผิวกล่าวหาเกาะเรือกันไปเป็นแถว
“เขาคงไม่ทำอะไรผิวแล้วล่ะไปกับเรือนั่นแล้ว” พันชั่งบอก พลางทอดสายตามองความสนุกสนานของพวกเขาด้วยความรู้สึก อยากเป็นส่วนหนึ่งในนั้น อายุห่างกันไม่มากนัก แต่พันชั่งกลับไม่ได้สนุกสนานอย่างนั้นเลย เขาอยู่โรงเรียนประจำ วันเสาร์อาทิตย์มานั่งดูเด็กๆเยื้องฝั่งตรงข้าม เล่นน้ำกันสนุก เขาอยากลงไปว่ายน้ำเล่นอย่างนั้นบ้าง ไม่ใช่เอาแต่แอบมองจากห้องหนังสือชั้นบน ซึ่งมองลงไปที่ท่าน้ำ หรือมานั่งเฝ้ามองอยู่ที่ท่าศาลาบ้านตึกของตน
สักวันหนึ่ง เขาจะต้องมีโอกาสไปว่ายน้ำกับเด็กรุ่นน้องพวกนั้นนั้นบ้างล่ะ
“คุณหนูขาคุณแม่ให้มาเชิญไปที่ห้องใหญ่ค่ะ” สาวใช้วัยกลางคนมาเชิญนายน้อยไป
พันชั่งหันมาเอ่ย
“เดี๋ยวจะไป”
“แต่ว่า...คุณผู้หญิงท่านสั่ง”
พันชั่งเบือนหน้ากลับไปฝั่งคลอง บริวารพึงรับรู้ว่า ยิ่งพูดมาก หล่อนจะยิ่งนั่งแช่ให้นานเข้าไปอีกจน บริวารนั่นจะถูกคุณสวาทคาดโทษหาว่ามาตามช้า ความดื้อเงียบของคุณหนู ทำให้บริวารนึกทั้งเกรง กลัวใจกันทุกคน
นางสำลีไม่กล้าตอแย เมื่อนางเดินถอยหลังไป พันชั่งจึงได้ลุกขึ้น ซึ่งถ้านางยังรออยู่ เขาคงจะนั่งแช่อย่างนั้นเอง
พันชั่งเอาแต่ใจ และมีความคิดเป็นของตนเองเสมอ ยิ่งนับวันยิ่งรูปงามเป็นที่รักของคนในบ้าน จนรู้สึกหวงแหนไปกันหมด ไม่ว่าใครพูดถึงพันชั่งให้ได้ยิน ทุกคน กางขาผวาปีกปกป้อง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคุณหนูบ้านนี้จึงโดนนินทาว่าเป็นเทวดาเดินดินไม่เป็น เพราะนอกจากคุณสวาทแล้ว บริวารทั้งหลายยังยกย่องเสียมองเป็นของสูงเกินคนธรรมดาแตะต้อง
...ทุกคนคงไม่รู้ว่า สิ่งนั้นทำให้พันชั่งอึดอัดจนคิดอยากแอบหนีคุณสวาทไปว่ายน้ำเล่นสักวันหนึ่ง




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2554
1 comments
Last Update : 12 มิถุนายน 2554 12:24:33 น.
Counter : 615 Pageviews.

 

ชอบมากๆค่ะ แต่อ่านตอนแรกก้อชอบแล้ว

 

โดย: Nu IP: 94.170.101.221 23 สิงหาคม 2554 6:10:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.