นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2558
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 พฤษภาคม 2558
 
All Blogs
 
เพลิงรักวิมานไฟ ตอน เลือดไพร่

 

ตอนที่ 1 เลือดไพร่

 

 

             “ไอ้ไพร่สถุล”

 

            สุรเสียงห้าวที่แผดลั่นออกมาอย่างเดือดดาลของหม่อมเจ้าศรีมงคลสวัสดิ์ ทิพย์เทพเทวาวรกายท้วมสั่นเทาด้วยความกริ้ว เวลานี้ฉวีขาวนวลหมดจดซีดจนเขียว พักตร์งามสง่าถูกความโทสะบดบังจนสิ้น

 

 เยื้องไปบนโซฟา สีเลือดหมูสั่งทำพิเศษ สูงล้ำด้วยราคา คุณชาย ศรีโสภา พระโอรส ร่วมพระทัย ประทับยืนสั่นไปทั้งกาย มีท่าทางกริ้วจัด ท่านถอดแบบท่านบิดามิได้ผิดเพี้ยน เพราะถือในชาติกำเนิดอันสูงส่ง ท่านไม่ได้ทำงานและคงกินบุญเก่ ที่มีอย่างเหลือเฟือ ท่านร่ำๆจะเข้าทำร้ายซ้ำเติมชายร่างใหญ่ซึ่งนั่งกึ่งนอนเหยียดยาวกับพื้น คลับคล้ายใกล้สิ้นสติ ใบหน้า และเนื้อตัวมีรอยฟกช้ำไปทั่ว มีหญิงวัยกลางคนร้องไห้อยู่เคียงข้าง ลูบไล้ไปตามใบหน้าบวมช้ำ นั้นด้วยความรักและเวทนาเป็นที่สุด

 

ถัดไปไกลคือ คุณหญิงเนตรนพิศ ราชนิกุลชันษาเพิ่งแรกรุ่น ท่านกรรแสงจนพระเนตรงามบวมช้ำ มีท่าทีขัดขืนต่อการถูกควบคุมองค์ โดย หม่อมพริ้มน้าสาว ซึ่งเป็นหม่อมของคุณชาย อีกทั้งยังถูกจับจากนางหลิวพี่เลี้ยงวัยสามสิบ เพื่อมิให้คุณหญิงถลาแล่นเข้ามาช่วยชายอันเป็นที่รัก

 

คุณหญิงมีความรักให้กับ ไกรลูกชายวัยรุ่นของนางนาดา แม่นมของท่าน เรื่องถึงท่านพ่อ

 

ไกรจึงถูกข้ารับใช้ในวังทำร้ายจนสาหัส ถูกขับไล่เหมือนสุนัข จรจัดสักตัว

 

             “อย่าให้เลือดไพร่ของมันเป็นเสนียดแก่วังของกู”สิ้นดำรัส ข้ารับใช้ทั้งสองเข้าไปลากร่างที่จวนหมดสติ แม่นมผวาเข้ากอดร่างของลูก จึงถูกลากออกไปทิ้งนอกวังเสียพร้อมกันทั้งแม่และลูก คุณหญิงมิอาจทนเห็นภาพน่าเวทนาของบุคคลอันเป็นที่รักได้จึงดิ้นรนให้พ้นการจับกุมของพี่สะใภ้และพี่เลี้ยง แต่สู้แรงจับไม่ได้ คุณหญิงทูลขอ

 

             “ฝนกำลังตก อย่าทำร้ายไกรอีกเลยเพคะทูลหม่อม” หากไม่ได้ผลคุณชายศรีโสภาเชษฐาองค์ใหญ่ซ้ำเติม

 

             “ให้ฝนอันบริสุทธิ์ล้างเลือดชั่ว” เร่งให้ข้ารับใช้ทำตามดำรัสสั่งของพระบิดา “พวกมึงรีบนำนังแม่นมกับไอ้ไพร่นั่นออกไปเสียโดยเร็ว”

 

คุณหญิงเนตรนพิศ ยิ่งกรรแสง ทรุดกายลงอย่างปวดร้าวพระทัย แม้หม่อมพริ้มจะเวทนาหากมิอาจช่วยอะไรได้ เรื่องรักต่างฐานะของคุณหญิง หม่อมถูกตำหนิเสียมาก ถึงขนาดท่านชายตัดขาด ในฐานะที่ไม่ดูแล คุณหญิงเนตรนพิศให้ดี

 

         นางนาดาแม่ของคุณหญิง นั่งโอบกอดลูกชายคนเดียวอยู่ข้างถนนนอกประตูวังทิพย์เทพเทวา หยาดน้ำฝนและน้ำตารินรดใบหน้าบวมช้ำ ไกรกะพริบตาปริบ พึมพำเรียกนามคุณหญิงมิได้ขาดปาก นางนาดายิ่งกอดลูกชายแน่นเข้า ไกรกอดมารดา กล่าวขอโทษนางที่ต้องลำบากเพราะเขา

 

“ผมของโทษครับแม่ ที่ทำให้ต้องลำบากเพราะผม แต่ผมรักคุณหญิงจริงๆ”

 

               “ลูกบาดเจ็บถึงเพียงนี้จะให้แม่โกรธต่อความไม่เจียมตัวของลูกได้หรือ”

 

               ไกรกำนิ้วเขาหากันจนเอ็นร้อยขึ้นปูดโป ดวงตาที่หรี่จวนปิดปรากฏสายเลือดแดงโชติช่วง ท่วงท่ากิริยาของเขาบ่งบอกถึงความแค้นที่จุกแน่นฝังอยู่ในอกอย่างที่ตัวเองสาบานต่อสายฝนทุกหยาดเม็ดว่า จะไม่มีวันที่แค้นครั้งนี้จะจางหายถ้ามันจะไม่ได้ถูกชำระออกไปด้วยวิธีการที่เขาเปล่งเสียงบอกกับมารดาว่า

 

               “ผม จะล้างเลือดสีน้ำเงินนี้ให้จงได้ เลือดฟาติมา จะต้องเข้าไปไหลพ่านในสายเลือดของทิพย์เทพเทวาคอยดูนะแม่”

 

                “โธ่เอ๊ยลูก อย่าไปผูกพยาบาทจองเวรกันเลยนะลูก”

 

        คนเป็นแม่ยิ่งกระชับอ้อมกอดแน่นเข้า คิดว่าลูกของนางคงเสียสติไปแล้ว เพราะนางไม่เห็นทางที่จะเป็นจริงได้เลยสักนิดเดียวที่จะมีโอกาสได้แค้นแก้ และนางไม่เห็นด้วย

 

           

 

            ท่านชายประทับนั่งบริภาษบริวารทุกคน เว้นแต่คุณชายใหญ่ โอรสที่ได้ดั่งพระทัยทุกอย่าง

 

            “กูชุบเลี้ยงมึงขึ้นมาให้เป็นหม่อม แต่มึงกับดูดายไม่ดูแลหลานของมึงจนทำให้กูต้องอับอายต่อบ่าวไพร่ มึงยังจะมีหน้ามานั่งอยู่ในห้องนี้ได้อีกหรืออีพริ้ม ทำไมมึงไม่ไสหัวไปจากวังนี้เสียเลยเล่า ในเมื่อมึงทำหน้าที่แทนพี่ของมึงที่ตายไปไม่ได้เสียแล้ว”

 

            หม่อมพริ้มเม้มริมฝีปากแน่น ข่มใจที่แตกสลายเพราะไม่เคยได้รับความรักจากสวามี แม้จะนำมาเป็นหม่อมตัวแทนพี่สาว เมื่อแต่เลี้ยงดูหลานก็ไม่สามารถว่ากล่าวตักเตือนได้ หม่อมจึงรู้สึกเหมือนโซ่ที่คล้องอยู่กับเท้า ได้ถูกปลดออกให้เป็นอิสระ จากน้ำคำที่โดนขับไล่ไม่เว้นหน้า

 

            “ขอทูลลา”

 

            “อีพริ้ม นี่มึงแทนที่จะกราบตีนขอโทษกูแต่มึงยังอวดดีที่จะไปให้พ้นจริงๆใช่มั้ย” หม่อมเบือนหน้าหนีจากชายที่เคยรัก หากเวลานี้รู้สึกเข้าใจแล้วว่า เกลียดเข้าไส้นั้นเป็นอย่างไร

 

            “หม่อมไม่มีค่ามากพอจะอยู่ที่นี่ หม่อมีความสำนึกตัวแล้วว่าเหมือนหมาตัวหนึ่งที่ต้องเข้าไปอาศัยในวัดแล้วเพคะหม่อม”

 

            “อีพริ้ม อีคนเนรคุณ”ท่านบริภาษด้วยความกริ้วเหลืออด

 

            หม่อมพริ้มเดินเข่าถอยหลังออกมา บริวารในบ้านก้มหน้าร้องไห้อย่างเงียบงัน คุณหญิงถลาเข้าไปกอดน้าสาว พลางตรัสด้วยน้ำเนตรนองหน้า

 

            “หม่อมแม่ขา หญิงผิดเอง หม่อมแม่อย่าไปนะคะ อย่าทำอย่างนั้น”

 

            “นี่เป็นทางเดินที่น้าควรทำเสียตั้งแต่ยังเป็นสาวพรหมจรรย์แล้วค่ะคุณหญิง ปล่อยน้าไปเถอะ”

 

            “ปล่อยมันไปหญิงเนตร หากไม่ปล่อย ตัวแกก็ตามมันไปเหมือนที่มันบอกว่ามันเป็นหมา” ท่านชายยังทรงบริภาษอย่างดุร้ายเอาแต่พระทัย หญิงเนตรนพิศจึงหมดแรงยื้อยุดน้าสาวไว้ได้อีก เธอร้องไห้แทบกลั่นออกเป็นสายเลือด          จากนี้ไปในวังจะไม่มีหม่อมผู้อาภัพอีกแล้ว หม่อมไม่ต้องการให้ใครไปส่ง เว้นแต่ร่างน้อยๆของหม่อมหลวงทิพย์นภาผู้เป็นนัดดาที่ถลาเข้าไปหาเมื่อเห็นว่าหม่อมยายถือตะกร้าหวายปิดปากเดินออกจากวัง

 

            “หม่อมย่าเจ้าขา หม่อมย่า”

 

            หม่อมพริ้มชะงักเท้า ทรุดกายจะโอบกอดราชนิกุลน้อยๆ แต่องค์ชายมีรับสั่งทันที

 

            “ไปอุ้มหญิงกลางมานี่ชายใหญ่ พ่อไม่อยากให้นังคนใจดำมันแตะต้องคุณทิพย์”

 

            เพียงคำเดียวนั้นทำให้หม่อมพริ้มถือทิฐิ เดินลิ่วจากไปอย่างไม่เหลียวหลังกลับมามองวังที่หม่อมได้พักพิงมานานเกือบยี่สิบปี

 

            กรรมเกิดจากการกระทำ ถ้าไม่ใช่กรรมที่ติดตัวมาจากชาตินี้ก็คงมาจากอดีต หม่อมพริ้มคิดว่านี่คือกรรมเก่าที่หมดแล้วจากการเป็นข้าในวังทิพย์เทพเทวา

 

 

            หลังจากไกรถูกไล่ออกไปแล้วสามเดือน คุณหญิงเนตรนพิศได้มาประทับอยู่ที่บ้านแม่นมโดยตลอด ซึ่งบ้านพี่เลี้ยงเป็นเรือนไม้หลังเล็กๆอยู่ในชนบทห่างไกล

 

อีกหกเดือนต่อมา ภายในบ้านจึงวุ่นวายต่อการทำคลอดให้คุณหญิงเนตรนพิศ ผู้ที่หมอตำแยรู้แต่เพียงว่าเป็นหลานของนางหลิวเจ้าของบ้าน และผู้ทำคลอดไม่มีวันจะรู้ได้ว่า หญิงที่กำลังอดทนอย่างสุดชีวิต เพื่อให้ได้เห็นลูกน้อยสายเลือดฟาติมา ซึ่งท่านระมัดระวังไม่ให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ แม้ว่าผู้ให้กำเนิดจะบังคับ ขู่เข็น หรือแม้แต่แอบใส่ยาร้อน เพื่อให้เกิดตกเลือด และสุดท้ายคุณหญิงสูงศักดิ์ ต้องหนีภัยมาอยู่กับพี่เลี้ยง และรอวันให้กำเนิดสายเลือดของคนที่ตนรักที่สุด

 

            วันนี้แล้วบุตรของท่านจะออกมาดูโลกที่แบ่งชนชั้นวรรณะ แม้แต่พ่อและแม่ต้องไปคนละทาง หรือแม้แต่ทารกน้อยๆคนนี้ ได้รับการวางรากฐานแล้วว่า จะได้ดื่มน้ำนมจากอกมารดาเพียงสามเดือน จากนั้นเขาจะเป็นลูกของคนอื่น

 

            “เบ่งอีกอีหนู มดลูกบีบตัวแล้ว เบ่งอีกครั้ง เอ้า อื๊บ” หมอตำแย แก่มากแล้ว ช่วยออกลมแบ่งด้วยปาก ส่วนคนกำลังเป็นแม่ ออกกำลังครั้งสุดท้าย ส่งชีวิตน้อยๆพ้นออกจากครรภ์

 

            “โอ้โห ผู้ชายซะด้วย ตัวแดงยังกับลูกหนูท่าทางจะขาวน่าดู แหม่ อันเท่านี้ต่อไปคงเบ้อเริ่มเลย” หมอตำแยวิจารณ์เด็กน้อยในมือ

 

            นางหลิวพี่เลี้ยงคุณหญิงเนตรนพิศ หันไปบอกคนที่นางทำหน้าที่บริบาลตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาว ด้วยน้ำเสียงอ่อนโย

 

            “ผู้ชายค่ะ”

 

            “กริช ชื่อกริชนะคะหลิว”

 

            “เพคะ” หลิวรับคำลืมตัว ก่อนออกไปดูหมอตำแยทำความสะอาดเด็กน้อย ซึ่งร้องไห้ ไม่หยุดเสียงแสดงให้เห็นว่าเขามีความแข็งแรงที่จะต่อสู้กับโลกใหม่ของเขาในวันข้างหน้า

 

            ‘กริชคนดีของแม่ ลูกจะไม่มีวันอาภัพเด็ดขาด แม่จะทำทุกอย่างเพื่อชีวิตที่ดีของลูก แม่จะทำเพื่อลูกทุกวิถีทาง ชนชั้นที่กางกั้นเราแม่ลูกต้องสะบั้นลงด้วยน้ำมือของแม่นี้คอยดูนะลูกรัก’

 

            คุณหญิงจับมือเล็กๆนั้นอย่างแสนรัก ท่านให้สัจจะดังที่ใจต้องการ!!

 




Create Date : 11 พฤษภาคม 2558
Last Update : 11 พฤษภาคม 2558 8:22:58 น. 0 comments
Counter : 758 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.