นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
15 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
เลือดรักทระนง 4

“พุดกรองโกหก”รามชี้หน้าแม่เลี้ยง “เธอรู้จักกับคนร้าย เธอเรียกเขาว่าเสือกาจ เสือกาจยังบอกว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเธอ”
พระศานต์รีบให้นิ่มพารามจากไปนายตำรวจมองเด็กหญิงซึ่งหลับอุตุด้วยความอ่อนเพลียและร้องไห้มาก
“รามไม่ชอบแม่เลี้ยงจึงพูดไม่ระวังครับคุณตำรวจ”พระศานต์ว่า
นายตำรวจเชื่อถือ ยิ่งเมื่อไปพลิกแฟ้มเสือกาจเป็นโจรจึงแน่ใจในคำให้การของพุดกรองทุกประการ

ในห้องโถงใหญ่บนตึก พระศานต์ แม่นิ่ม ราม จันทร์ และพุดกรอง รวมทั้ง ทด ทนายความ กระถินตัวน้อยนอนขดตัวหลับอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวนุ่ม ซึ่งรามนั่งห่างพอควร ต่างอยู่กันพร้อมหน้า
พระศานต์เขายืนเอามือไพล่หลัง ขณะที่พุดกรองนั่งแทบไม่ติด เพราะเวลานี้เธอตกเป็นจำเลย เพราะรามเก็บงำความลับมาเปิดเผย และพระศานต์กำลังพิพากษาเธอ
พระศานต์ผู้เป็นสามี ที่พุดกรองคิดว่าจับอยู่ฝ่ายอย่างที่เรียกว่าเธอชี้ไม้ให้เขาเห็นว่าเป็นนก เขาต้องว่าตามนั้น หากเวลานี้ พุดกรองได้รู้เนื้อแท้อีกชั้นหนึ่งว่า พระศานต์เป็นคนตรงไปตรงมา บทหวานจึงหวานเข้าไส้ แต่บทขมท่านขมอย่างกลืนไม่ลงทีเดียว
“ฉันเชื่อที่รามพูด ฉะนั้นเธออย่ามาโป้ปดกับฉันเด็ดขาดว่าไม่รู้จักคนร้ายคนนั้น”
“เอ่อ...ดิฉัน ดิฉันคิดว่าพี่ชายมาหา ท่านก็ได้ยินจันทร์มาบอกดิฉันว่าพี่ชายมาหา”
“เธออย่ากล่าวเลี่ยงเพื่อที่จะไม่พูดเลยพุดกรอง เรื่องนั้นฉันได้ยิน และเรื่องที่รามพูดฉันก็เชื่อ เธอเล่าความจริงมาว่าไอ้โจรนั่นกับเด็กคนนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกับเธอ”
“ท่านเจ้าขา”พุดกรองกรากเข้าไปกอดเท้าท่าน ร้องไห้จนน้ำตาหยอดรดเท้า
คนใจแข็งอย่างพุดกรองต้องยอมแพ้ โดยคายความจริงออกมาว่า เธอเป็นสาวงามของหมู่บ้านมีชายมาติดพันมากหน้าเธอถูกกาจฉุดไป กระทั่งกาจติดคุก เธอจึงได้แต่งงานกับคนรักและมีลูกคือสร้อยสน แต่เมื่อกาจพ้นโทษแล้วก็มาฉุดคร่าและยิงสามีเธอตาย เธอต้องนำสร้อยสนไปฝากให้พี่ชายเลี้ยงดู
ตลอดเวลาที่อยู่กับกาจ เขาต้องปล้ำเธอทุกครั้ง เธอเกลียดกาจมาก แต่เธอได้ตั้งครรภ์ และเวลานั้นที่เธอได้คิดว่าจะหนีจากกาจไปได้อย่างไร
เมื่อคลอดกระถิน เธอไม่ได้ดูเด็กที่เธอเยกว่าลุกโจร ไม่ตั้งชื่อหรือสนใจ เธอหนีออกจากโรงพยาบาลไปพาสร้อยสนหนีเข้ากรุงเทพ และได้มาเป็นนักร้องตามคลับเล็กๆ จนกระทั่งเลื่อนมาในคลับใหญ่ เข้าสู่สังคมเศรษฐี
สุดท้ายพุดกรองกล่าวออกมาด้วยน้ำตาว่า
“ไม่ใช่ความผิดของพุดกรองนะเจ้าคะท่าน ไม่ใช่”
“แต่เด็กนั้นก็ได้ชื่อว่าลูก”
“มันเกิดจากดิฉันถูกย่ำยีทารุณ ท่านเจ้าขา ให้ดิฉันตายเสียดีกว่าจะเกลือกกลั้วกับพวกมัน”
“พุดกรอง แล้วญาติของเสือกาจอยู่ที่ไหน”
พุดกรองนิ่งอึ้ง เพราะไม่รู้จักญาติเสือกาจสักคน เธอถูกกาจพาระหกระเหิน ไปอยู่หลายที่ แม้แต่ในป่า พุดกรองยังต้องตามอีกฝ่ายไป ตลอดเวลาพุดกรองไม่เห็นว่ากาจมีญาติที่ไหน หลังจากพ่อแม่ของกาจ แก่งเสือตายแล้ว ดังนั้นเธอเองไม่ทราบว่ากระถินไปโตมาจากใคร เธอจึงก้มหน้าบอกตามความเป็นจริง
“ดิฉันไม่ทราบเจ้าค่ะท่าน”
“เช่นนั้นเด็กกระถินมีพ่อเพียงคนเดียว และพ่อมาตายเสียแล้ว เธอจะให้ไปทิ้งได้อย่างไรกัน”
“ดิฉัน ดิฉันทนไม่ได้อย่าให้มันต้องเรียกดิฉันว่าแม่”
“ลูก ก็คือลูก ฉันแต่งงานกับเธอเพราะเธอรักลูกเป็นชีวิต อย่าให้ฉันรู้สึกผิดหวังที่เธอจะทิ้งเลือดของเธออีกก้อนหนึ่ง”
“ท่านเจ้าขา ท่านได้เห็นฤทธิ์ของมันแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ อายุเพียงแค่นี้มันยังแสดงธาตุแท้แห่งความเป็นโจรออกมาตามสายเลือดพ่อของมัน แล้วท่านยังจะใจร้ายให้ดิฉันทนเห็นมันแทนเห็นหน้าเสือพ่อของมันอีกหรือเจ้าคะ” พระศานต์นิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่
พุดกรองรังเกียจกระถินอย่างไม่มีวันนับอีกฝ่ายเป็นลูกได้ เธอพร่ำรำพันขอความเห็นใจจากสามีว่า
“หน้าตาของมันไม่ผิดเพี้ยนมาจากเสือกาจสักนิดเดียว ท่านยังจะ ยังจะทำรายหัวใจของดิฉันด้วยการให้เห็นหน้ามัน ให้มันเรียกดิฉันว่าแม่อีกหรือคะท่าน ดิฉันผิดหรือคะที่ไม่ยอมรับเลือดที่เสือกาจมัยย่ำยีจนดิฉันต้องให้มันเกิด”
“แต่ถ้าไม่ให้กระถินเกิดเธอคงหาวิธีหนีมาจากเสือกาจไม่ได้ไม่ใช่หรือ เธออาจจะคิดให้กระถินเกิดเพราะสิ่งนี้”
“โอ้ท่าน...ทำไมท่านกล่าวเช่นนี้”
พระศานต์หันไปทางพี่เลี้ยงของลูกชาย แล้วเอ่ยว่า
“แม่นิ่มเลี้ยงเอาบุญก็แล้วกัน นางจันทร์ช่วยนมอีกแรงหนึ่ง”พระศานต์สั่ง พุดกรองมองเมิน กระถินซึ่งเผลอหลับ และลืมตาตื่นในเวลานี้ เมื่อรู้สึกตัว เด็กหญิงผุดลุกขึ้นนั่ง เธอมองหญิงสาวสวยอย่างพุดกรอง อะไรบางอย่างดลใจให้เรียก
“แม่” พุดกรองสะท้านใจเฮือกกับถ้อยวาจาไร้เดียงสานั้น หากคำที่ตามมาทำให้นางโทสะแทบกระอักออกมาเป็นเลือด
“มึงไม่ใช่แม่กู พ่อกูไปไหน ใครเอาพ่อกูไป”
“ตายแล้วคุณขา คุณกระถินทำไมพูดมึง พูดกูอย่างนี้คะ”จันทร์ปิดปากไม่ให้กระถินกล่าวคำหยาบออกมาอีก แต่เมื่อจันทร์ปิดปากอีกฝ่าย จึงถูกกระถินกัดมือจันทร์เจ็บมากจึงร้องลั่น
ทุกคนจึงรู้ฤทธิ์เด็กหญิงกระถินจนพากันนินทา ลูกเสือลูกจระเข้
“กระถินจ๋า”แม่นิ่มเอ่ยเรียกอีกฝายเสียงหวาน พลางปิดบังความจริง
“พ่อกาจกลับบ้านไปแล้ว พ่อสั่งให้คุณกระถินอยู่กับนิ่มที่นี่นะคะ”
เมื่อแม่นิ่มอ่อนโยนเข้าหา เด็กหญิงจึงคลายใจ ยอมเข้าใกล้ พลางเอ่ยปาก
“ทำไมพ่อทิ้งไป พ่อบอกจะพามาหาแม่ ไม่เจอแม่ พ่อยังทิ้งกระถินอีก”เด็กหญิงรำพัน น้ำตาร่วงเผาะ จากนั้นจึงร้องไห้โฮ
เด็กหญิงถอยหลังไปหลายก้าว ไม่ยอมให้ใครถูกตัวอีกจากนั้นจึงผละวิ่งหนีไปจากทุกคน
จันทร์ตามจับอีกฝ่ายจ้าละหวั่น โดยมีพุดกรองมองด้วยความเกลียดชัง เธอพาลเด็กน้อยว่า เพราะกระถินคนเดียวที่ทำให้พระศานต์ต้องรับรู้ว่าเธอเคยเป็นเมียโจรมาก่อน
ส่วนเด็กน้อยวิ่งหนีทะลุที่โน่น ออกที่นี่ และหายไปกับความมืด ร้อนคนในบ้านที่ต้องส่องไฟตามหากันทั่วบ้าน
แม่นิ่มมาพบอีกฝ่ายปีนขึ้นไปเกาะอยู่บนต้นไม้ แม่นิ่มจึงได้ร้องเรียกโดยใช้ไม้นวมกับอีกฝ่าย
“ขึ้นไปให้มดกัดทำไมคะคุณกระถิน”
“ช่างกู”
“เดี๋ยวมดเข้าหูคุณกระถินจะต้องปวดมาก รู้มั้ยว่าปวดมากเป็นยังไง”
“เป็นยังไง”ขณะย้อนถาม แล้วกระถินต้องสูดปากร้องเพราะเริ่มโดนมดแดงแผลงฤทธิ์กัดคนรุกล้ำถิ่นของมัน
“พอมดเข้าหูก็ต้องใช้ไม้แคะออก แล้วคุณกระถินรู้มั้ยว่าไม้อะไรแคะ”
“ไม่รู้”
“ไม้เรียวไงล่ะ ไม้เรียวที่ใช้ตีเด็กดื้อ นิ่มจะต้องเอามาตีมดที่กัดคุณกระถิน”
“โอ๊ยไม่เอา แม่ใช้ไม้เรียวตี เจ็บจะตายห่า”กระถินโต้กลับมาแล้วรีบลงมา แต่เมื่อถึงโคนไม้ ทำท่าจะวิ่ง แม่นิ่มดึงมือไว้พลางสำทับ
“ห้ามกัดนิ่มนะคะนิ่มแก่แล้ว คุณกระถินต้องสงสารคนแก่นะคะ อย่าทำร้ายคนแก่”
กระถินนิ่งงันไปด้วยความอ่อนโยนของแม่นิ่มที่มอบให้
“ไปกินขนมอร่อยๆที่บ้านนิ่มนะ ชอบมั้ยขนม”
“ข้าวสุกคลุกมะพร้าวใส่น้ำตาลเหรอ”
“อร่อยกว่านั้นอีกค่ะนิ่มชอบทำขนม คุณกระถินจะมีขนมอร่อยกินทุกวัน”
กระถินเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง แม่นิ่มทอดตามองความไร้เดียงสาของอีกฝ่าย แม่นิ่มจูงมือเล็กๆซึ่งแม่นิ่มสัมผัสได้ถึงความหยาบกร้านของอีกฝ่าย ซึ่งแสดงว่าเด็กน้อยทั้งซน และลำบากมาไม่น้อย
สายตาของบริวารทุกคนที่เที่ยวหากระถินได้มองหญิงสองวัยเดินผ่านโดยที่แม่นิ่มแนะนำให้รู้จัก
“คนนี้ชื่อจันทร์ จันทร์มีเสื้อสวยๆให้คุณกระถินใส่ทุกวัน แต่ต้องอาบน้ำก่อน แล้วจันทร์จะเอาผ้าสวยใส่ให้ชอบเสื้อผ้าสวยๆมั้ย”
กระถินพยักหน้ารับ ยอมตามคนที่ดีต่อเธอไปจนถึงเรือนริมน้ำ ซึ่งเป็นเรือนไม้ยกพื้นสูงมองลอดใต้ออไปจะเห็นท่าน้ำมีศาลาหลังเล็กๆไว้ให้รอใส่บาตรพระที่พายเรือมาบิณฑบาต เรือนนี้ มีบันไดขึ้นเรือนเก้าขั้น แบ่งเป็นชานพักสี่ขั้น เอาไว้นั่งพักเหนื่อยหรือนั่งรับลมตามแต่ใจเจ้าของเรือนซึ่งคุณพระยกให้เป็นของแม่นิ่ม
ทั้งนี้ของล่อใจเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้นที่ทำให้เด็กหญิงยอมไปด้วย เพราะเนื้อแท้แล้วกระถินไปเพราะอีกฝ่ายดีต่อเธอมากต่างหาก
จากน้ำใจไมตรีอันดีที่จันทร์ดูแลตามคำสั่งของแม่นิ่มที่ให้ยกกระถินเป็นนาย แม้พุดกรองไม่ยอมรับก็ตามที
แม่นิ่มขัดขี้ไคลของเด็กหญิงด้วยมะขามเปียก กระถินโดดเป็นกุ้งเต้น จันทร์หลอกล่อ ด้วยการร้องขายขนม
“ขนมแม่เอ๊ย คุณนมของใครกันนะทำขนมดอกโสนเหลืองอร่ามมาคลุกน้ำตาลแสนอร่อย”
กระถินจึงยอมอดทน เพราะคำร้องขาน ของจันทร์ แม่นิ่มทาขมิ้นลงไปเพื่อให้ให้อีกฝ่ายแสบคัน ท่านชำระคราบไคลออกจนกระถินสะอาดหมดจด ผิวพรรณผ่องใส เนียนขาวไม่ผิดจากพุดกรอง
แม่นิ่มทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กดื้อร้ายกาจอย่างกระถิน ซึ่งทุกครั้งที่สอนอะไรสักอย่าง กระถินจะหาเหตุมาอ้างและยอกย้อนให้ได้เสียทุกคราวไป
บางวันเมื่อรามมาดูการอบรมกระถิน เด็กหญิงเกเร วิ่งไปซุกซ่อน และตามตัวยากเต็มที จนกระทั่งแม่นิ่มต้องขอร้องรามว่า ให้กระถินดีขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อยแล้วรามค่อยมาดู
วันนี้กระถินต้องหัดเดินเข่า ซึ่งเจ้าตัวดื้อบ่นไปเดินไป
“ทำไมต้องเดินเหมือนคนขาขาดอย่างนี้ด้วยนะ เจ็บเข่าเหมือนจะตาย”
“ทนนิดนะคะคุณกระถิน การเดินเข่าอย่างนี้เป็นมารยาทที่งดงาม เอาไว้ใช้เมื่อเราต้องเข้าพบผู้ใหญ่ หรือไม่เดินค้ำหัวผู้ใหญ่”
“ไม่ได้ค้ำสักหน่อย ไม่ได้เดินบนหัวผู้ใหญ่ด้วย”
“ตายจริง ทำไมจึงเถียงไปข้างๆคูๆอย่างนี้นะคุณกระถิน”
“ไม่ได้ลงคู”
แม่นิ่มถอนใจยาว ก่อนเอ่ยอย่างคนใจเย็น ที่ต้องหัดไม้อ่อนที่ไม่อ่อนดั่งวัยของกระถิน
“คุณกระถินต้องพูดทอดเสียงนะคะ พูดเสียงอ่อนๆจะได้ฟังรื่นหู น่ารัก”
“กระถินไม่อยากน่ารัก” กล่าวแล้วเจ้าตัวคลานปั้บๆประชด
“คลานเหมือนละมุดไม่มีผิด”
กระถินชะงักกึก แม่นมได้ทีจึงสอนว่า
“คุณกระถินเป็นนาย ต้องมีกิริยา มารยาทที่งดงาม จะทำอย่างบ่าวไพร่ไม่ได้นะคะ ยิ่งทำอย่างเมื่อกี้นี้ยิ่งเหมือนคนที่คุณกระถินว่าเขาไม่มีผิด จำไว้นะคะคุณกระถิน เมื่อเราว่าใคร เราอย่าไปทำตามอย่างเขา เพราะจะเข้าตำรา ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง”
กระถินพยักหน้ารับ เดินเข่าอย่างนุ่มนวล ซึ่งแม่นิ่มรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายทำได้ แต่แสร้งฤทธิ์มากไม่ทำเสียอย่างนั้น
“อิเหานี่คืออะไรคะแม่นิ่ม”
“อิเหนาค่ะ ไม่ใช่อีเหา”
จันทร์ได้ทีตะโกนมาจากครัวขนมหวาน ซึ่งแม่นิ่มจะเป็นคนลงมือทำขึ้นข้างบน
“อีเหาโดนใบน้อยหน่าไล่หมดแล้วค่ะคุณกระถิน”
“ปากดีนักนะ เดี๋ยวกระถินจะหามาใส่หัวใหม่ แต่เป็นหัวของพี่จันทร์ ไม่ใช่หัวของกระถินคอยดูนะ”
“โอ๊ย ไม่เอาค่ะ กลัวแล้วค่ะกลัวแล้ว”จันทร์โต้ออกมาอย่างกลัวจริงๆ
กระถินเข้าไปนั่งใกล้แม่นิ่ม นอนหนุนตักอีกฝ่าย แม่นิ่มบอกเล่าสุภาษิตให้กระถินฟัง
“อิเหนา เป็นบทละครร้องที่นิยมกันมากในสมัยรัชกาลที่สอง พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ พระราชนิพนธ์แปลว่าแต่งเรื่อง และที่ว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เพราะอิเหนาไปว่าคนอื่น แต่ตัวมาทำเสียเอง เรื่องนี้อิเหนาตะบัดสัตย์ ไม่รับเลี้ยงคู่หมั้นแต่เด็ก สุดท้ายมาลักพาตัวแล้วโทษโจรให้วุ่นวายไป”
“แต่อิเหนาเป็นคนทำหรือคะแม่นิ่ม”
แม่นิ่มลูบศีรษะเด็กหญิงแสนฉลาดเฉลียว ช่างจำนักหนา ยิ่งนับวันทั้งคนเลี้ยง คนถูกเลี้ยงติดพันกันแจ




Create Date : 15 มิถุนายน 2554
Last Update : 15 มิถุนายน 2554 9:42:31 น. 0 comments
Counter : 736 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.