นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
พระดีที่โลกรอ 6

ตอนเจ้าอาวาสรูปใหม่
วันนี้ชาวบ้านสาระขำ ต่างตื่นตัวกับข่าวการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดสาระขำรูปใหม่ แทนสมีที่ถูกจับสึกไปแล้ว ข่าวแจ้งมาว่าเป็นพระครู และมีสมณะเป็นเจ้าคณะอำเภอ ข่าวนี้ยิ่งนำความชื่นใจมาสู่ญาติโยมมาก จึงได้มีการจัดขบวนไปต้อนรับท่านเจ้าอาวาสกันอย่างที่เรียกว่าขบวนรถยาวเหยียด นับได้ห้าสิบกว่าคัน บางคันเป็นรถขับคนเดียว และบางคันมีผู้โดยสารไปจนนั่งล้นขอบกระบะ
หลวงตาปริก ได้รับการแต่งตั้งให้ไปเชิญท่านเจ้าอาวาสในวันนี้ ส่วนพระ เณรรูปอื่นๆในวัดต่างพากันสำรวมกันมากกว่าทุกที เว้นแต่หลวงพี่เถร ซึ่งมีความสำรวมอยู่เป็นนิจอยู่แล้ว วันนี้โยมพ่อมาเยี่ยม ท่านได้ต้อนรับและสนทนาธรรมกันตามประสา หลวงพี่เถรท่านถามโยมพ่อว่า
“โยมได้เพลาเรื่องงานลงไปบ้างหรือเปล่าครับ”
“ไม่ได้ทำอะไรหนักแล้วล่ะคุณ อยู่กันตามประสา ก็จ้างชาวบ้านให้ได้มีรายได้บ้างเล็กน้อย ตอนเย็น โยมกับโยมแม่ทำวัดสวดมนต์กัน เช้าก็ทำ”
“อนุโมทนาบุญด้วยนะครับโยมพ่อ”
“อยากบวช แต่ยังตัดโลกไม่ขาดน่ะคุณ แล้วคุณตัดขาดแล้วใช่มั้ย”
“ยังไม่เก่งขนาดนั้นหรอกครับโยมพ่อ ยังมีอารมณ์ติดอยู่ในรูปบ้าง”
คำตอบของหลวงพี่เถร ทำให้หัวใจคนเป็นพ่อกระตุกหายไปวูบหนึ่ง ก่อนที่ลดเสียงลง ถามเกือบเป็นกระซิบว่า
“มีใจหลงชอบสาวสวยเข้าให้แล้วหรือคุณเถร”
“เปล่าครับเปล่า”หลวงพี่รีบปฏิเสธต่อการเข้าใจผิดของดยมพ่อแทบไม่ทัน ก่อนค่อยชี้แจงว่า
“อารมณ์ของผม คือการยังยึดติดอยู่ในขณะนั่งกรรมฐานครับ ยังแยกจิตออกไปดูไม่ได้ อารมณ์มันจับให้สุข ให้เวทนาอยู่ เลยบอกว่าไม่เก่ง
“อ้าวโยมพ่อเข้าใจผิดไปมากเลยสินี่”โยมพ่อเอ่ยอย่างสบายใจ ก่อนมีท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลวงพี่เถรนึกรู้ความคิดของดยมพ่อไปแวบหนึ่งจึงได้เอ่ยว่า
“วัดป่า วัดบ้านแตกต่างกันก็จริงครับโยม”
“คุณรู้หรือว่าโยมจะแนะให้ไปอยู่วัดป่า”
หลวงพี่เถร ทอดสายตาลงมองพื้นเบื้องหน้า ก่อนมองสบสายตาโยมพ่อ ซึ่งท่านมีความปีติในตัวอภิชาติบุตรถึงกับน้ำตาคลอเบ้า
“อนุโมทนาบุญด้วยนะครับคุณ พ่อมีบุญมากจริงๆที่ได้มีลูกเป็นพระนักปฏิบัติจน...”
“โยมพ่ออย่ากล่าวมากไปเลยนะครับ มันจะกลายเป็นผมอุตริมนุษธรรม ผมเพียงแต่รู้ชั่ววูบ ชั่ววาบเท่านั้นเองครับ ซึ่งคนทั่วไปที่เขาฉลาด มองคนออก ก็รู้ได้ในเรื่องนี้”
“แล้วทำไมยังไม่ไปอยู่ในที่เหมาะสมล่ะท่าน”
“ที่ไหนก็พอเหมาะครับโยม เพียงเรามีความพอดีกับสถานที่ ที่เราอยู่อย่างไม่พอดี ก็ไม่มีที่ใดที่ทำให้เราอยู่ได้”
“วัดนี้ เป็นวัดบ้าน ไม่กวนสมาธิท่านเลยหรือ”
“ไม่หรอกครับโยมพ่อ อยู่ไป เดินตามรอยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่ที่การทำตัวของเราครับ”
“เอ่อแล้วงานมหรสพที่ขยันจัดกันนี้ ไม่ทำให้ท่านได้อนิสงน์น้อยลงไปหรือ”
“ผมไม่เคยลงมาดู ไม่ให้ใจวอกแวก อยู่บนกุฏิฝึกจิตให้มั่น หากเก่งแล้วคงจะไปครับ”
“คุณคิดแปลกนะ มีแต่เขาจะไปทางสงบเพื่อฝึกจิตให้มั่นจะได้บรรลุธรรม”
“ผมยังไม่เก่งไงครับโยมพ่อ ต้องทนการยั่วยวนจนเห็นเป้นของธรรมดาให้ได้แล้วจึงจะไปครับ”
“อ้อ โยมเข้าใจ แล้ว สาธุ สาธุนะคุณ”
โยมพ่อยกมือไหว้พระรัตนตรัย ด้วยเกิดความปีติขึ้นมาจนขนลุก พระเถรท่านคิดถึงการ ต่อสู้กับโลกิยธรรม หรือการต่อสู้กับความหลอกลวงด้วย ภาพมายา อารมณ์มายา ซึ่งเป็นการเดินตามรอยพระพุทธศาสนาแต่ครั้งโบราณกาล โดยไม่ผิดต่อศีล ผิดธรรม
หากการปฏิบัติธรรม ยังยึดติดกับความสวยงาม ความอยากได้ ซึ่งเต็มไปด้วยกิเลสหนา จะอวดรู้ได้อย่างไร อย่างนี้เองพระเถรจึงว่าตนเองไม่เก่ง อย่างคราวที่ท่านโดนพระฉิบทำร้าย ท่านระงับอารมณ์ไม่ได้จึงสู้เข้าไปบ้าง ท่านจึงยังต้องฝึกปฏิบัติต่อทั้งที่ ท่านรู้ทันอารมณ์โกรธอย่างรวดเร็วก็ตามที
“วันนี้จะมีการฉลองวัดที่มีเจ้าอาวาสองค์ใหม่”
“องค์ใช้กับพระอรหันต์โยม”
“อ้อใช่ โยมก็ลืมไป เขาใช้กันทั่วก็เผลอใช้ไปบ้าง ว่าแต่คุณเตรียมตัวรับแล้วใช่มั้ย”
“อย่างกลัวแทนผมเลยครับโยม อย่ากลัวว่าท่านจะจงเกลียดจงชังที่ผมไม่เหมือนใคร ท่านไม่เห็นว่าผมเด่นเกินหน้าท่านหรอกครับ”
โยมพ่อนึกงันไปด้วยความชื่นชมยินดี ที่พระลูกชายได้รู้ว่าท่านคิดอย่างไร ครานี้ โยมพ่อปิดปาก และสงวนท่าทีเอาไว้ไม่ให้ลูกชายได้เห็น ซึ่งท่านยังคิดฟุ้งซ่านไปได้ว่า ถึงไม่พูด ลูกก็รู้
ส่วนพระลูกชายยิ้มในสีหน้าเท่านั้น ก่อนจะมีคนมาบอก ขบวนต้อนรับเจ้าอาวาสรูปใหม่ได้เข้ามาถึงวัดแล้ว หลวงพี่เถรขยับกาย และขยับจีวรให้ดูสำรวม เพื่อไปศาลา รวมกับพระ เณรรูปอื่น เพื่อได้แนะนำ ตัวแก่เจ้าอาวาสรูปใหม่ ซึ่งรูปนี้...ยิ่งกว่ารูปเก่าที่ถูกจับสึกไป!!
การตั้งรับโลกิยธรรม การตั้งรับกับกรรมเก่าได้มาถึงแล้ว!!!

เจ้าอาวาสรูปใหม่ ฉายาทางภาษามคธ ท่านเรียกว่า จันทโส ส่วนชื่อไทยคนมักเรียกว่าพระครูสมนึก หรืออาจารย์นึก
ท่านนั่งบนเก้าอี้ หลังรถกระบะ มีชายสองคนคอยระวังจับเก้าอี้ไม่ให้ล้ม ร่มคันใหญ่สีม่วงกางกันร้อน กว่าขบวนจะเคลื่อนจากวัดเดิมที่ท่านจำพรรษามาถึงวัดสาระขำได้ ใช้เวลานานพอดู เนื่องจากร่มไม่อาจต้านสายลมแรง หากคนขับเหยียบคันเร่งให้เกินลิมิตได้
แต่ให้นานแค่ไหน ก็พากันมาถึงวัดจนได้ คนที่ไปรับท่านบางคนเก็บอาการไม่อยู่ แอบบอกแก่กันว่า รอรับที่วัด สบายกว่ากันเยอะเลย
หลวงตาปริก ท่านเก็บอาการปวดหลังได้อย่างมิดชิดมากกับการถ่อสังขารไปรับตามคำนิมนต์ของญาติโยม เพราะเห็นว่าท่านแก่พรรษากว่าคนอื่น แต่ไม่เห็นว่าท่านนั้นมีความแก่จริงๆ น่าที่จะอยู่วัด สวดมนต์ เจริญสมาธิมากกว่า...แต่หน้าที่ของภิกษุ ใครนิมนต์แล้ว ท่านต้องไป ปฏิเสธไม่ได้ แม้จะมีการปฏิเสธว่าไม่อาจไปได้ด้วยเหตุผลร้อยแปด แต่หนึ่งในร้อยนั้นเหตุผลที่ควรแก่การตำหนิที่สุดคือ
‘อาตมาต้องการให้รถเบนซ์มารับ’
เจ้าอาวาสเดินนำ หลวงตาปริกเดินตามหลังคอยบอกว่าท่านจะไปที่ไหน และท่านได้มาที่หอฉัน ซึ่งภิกษุ และเณรรอรับท่านที่นั่น
ท่านอาจารย์สมนึกได้ก้าวขึ้นชานยกระดับไปยังที่ที่ญาติโยมจัดให้ คือเบาะนุ่ม มีพนักพิงคล้ายเก้าอี้โดนตัดขาท่านมองด้วยความพอใจที่ญาติโยมให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ ท่านอาจารย์สมนึกเห็นพระหนุ่มหน้าใส ท่านคำนวณอายุว่าไม่น่าเกินยี่สิบปี แต่มานั่งรองจากหลวงตาปริกซึ่งมีพรรษาแก่ถึงสิบห้าปี นั่นย่อมแสดงว่าหลวงพี่รูปงามท่านนี้ ต้องมีพรรษามาก…แต่รูปสวยสะดุดตา
หลวงพี่เถรท่านนมัสการท่านอาจารย์สมนึกอย่างผู้น้อยมีสัมมาคารวะแก่ผู้มากพรรษากว่า ท่านอาจารย์เอ่ยเสียงดังหวังให้ญาติโยมได้ยินกันทั่วทั้งหอฉันว่า
“มีพระหนุ่มหน้าตาสวยงามอย่างนี้นี่เล่า จึงมีคดีฉาว สร้างความเสียหายให้กับวัดมากนัก”
“พระนั้นโดนจับสึกไปแล้วครับท่านอาจารย์”ใจโยมพ่อย่อมรักลูกอยู่เสมอ การปกป้องลูกจึงตามมาอย่างยั้งไม่ทัน
“อาตมาอยากจะเตือนไว้ว่า อาตมาไม่ใช่สมีคนนั้น การเข้มงวดของอาตมาอาจจะทำให้พระที่ไม่ปฏิบัติตามกิจของสงฆ์จะอยู่กันยาก”กล่าวพลาง นั่งลงบนเก้าอี้ วางย่ามปักอักษรสวย จารึกว่าท่านเป็นพระครูได้สมณศักดิ์อะไร
มัคนายกถวายน้ำปานะ ท่านรับไว้ ก่อนเอ่ยอบรมพระเณรในวัดต่อหน้าญาติโยม ซึ่งทำให้เกิดแรงศรัทธาล้นหอที่เดียว
“อาตมาไม่อยากมาที่วัดนี้ เพราะข่าวว่ามีเรื่องกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่เมื่อผู้ใหญ่เห็นว่าอาตมาจะทำหน้าที่เป็นครูของพระเณรนอกกรอบได้อาตมาจึงต้องรับไว้ พระที่เอาแต่ฟังเพลง นอนกระดิกตีนรอปัจจัย ก็เตรียมตัวหาวัดอื่นอยู่ใหม่ได้ เณรรูปใดไม่ขยันเรียนหนังสือ ก็เตรียมสึกออกไป ส่วนคนที่ทำตัวให้เด่นทั้งที่วัดนี้เป็นวัดบ้าน แต่อยากปฏิบัติตนเป็นพระวัดป่า ก็ควรจะเห็นที่ทางที่จะเดินไปได้ตามทางที่อยากไป เพราะพระดี ไม่ต้องทำตัวให้เด่นจนทำให้พระรูปเองมัวหมอง”
“หลวงพี่เถรไม่เคยทำตัวเด่นนะครับท่านอาจารย์”พระฉิบ อดรนทนไม่ได้ต่อวาจาส่อเสียดของท่านอาจารย์ ที่เอาเรื่องคนที่พระฉิบนับถือ
ชาวบ้านทั้งหอฉันเงียบสงัดราวกับว่าทุกคนหายตัวไปจากหอฉันกันหมดแล้ว
“เธอมีฉายาว่าอะไร”
“เอ่อ...ผมมีฉายาว่าผาสุโรครับ”
“เมื่อเธอมีฉายาเช่นนั้น ทำไมไม่แสดงกิริยาให้มีสุขเหมือนฉายาเล่า ทำตัวปากเป็นพิษอย่างนี้ คืนนี้ทำข้อสอบกันหน่อยนะ”
พระฉิบคันเนื้อคันตัวยิบๆเหมือนกำลังโดนแมลงสาปแทะ การทำข้อสอบของท่านอาจารย์รูปใหม่นี้จะหาเรื่องอะไรมาไล่ท่านออกจากวัดหรือเปล่า โธ่ ท่านพึ่งซึ้งในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จากการกระทำอันดีงามของพระเถรอยู่ได้ไม่เท่าไหร่
พระฉิบชายตามองพระเถรที่ถูกจิก ถูกแทะตั้งแต่อาจารย์นึกได้พบหน้า พระเถรนั่งโดยอาการสมรวม ไม่รู้ร้อนหนาว พระฉิบเองที่ร้อน
ความร้อน มันร้อนอยู่อย่างนั้นเอง หากเรารนหาที่เข้าไปใกล้ ย่อมร้อนตาม หากปล่อยให้ความร้อนมันอยู่ที่คนพูด เหตุร้อนจะมาไม่ถึงคนที่ไม่รับ หลวงพี่เถรคงไม่คิดว่าตัวเองเป็นดังที่อาจารย์นึกตักเตือนอวดญาติโยม ท่านจึงนั่งเฉยได้อย่างสนิท
พระฉิบได้สตินึกคิดว่าท่านไปดื่มน้ำร้อน จึงได้ถูกของร้อนทันที คิดแล้วท่านค่อยสงบลงได้ เพียงท่านสงบลง จึงได้เห็นหลวงพี่เถรยิ้มในสีหน้าราวกับรู้ว่าความร้อนที่พระฉิบกลืนเข้าไปไม่มีผลแล้ว ฉับพลันทันใดความวิตกกังวลต่อเรื่องการทำข้อสอบที่อาจารย์นึกจะลงโทษไม่ได้ทำให้พระฉิบกังวลอีกต่อไป
ท่านขยันเรียนนับแต่สำนึกตัวได้ เรื่องอะไรจะต้องกริ่งเกรงในเรื่องที่ยังมาไม่ถึงด้วยเล่า การทำข้อสอบจะถูกหรือจะผิด ไม่ได้ทำให้วินัยเสื่อมเสีย อาจารย์นึกจะมาหาเหตุไล่ออกจากวัดเห็นทีจะผิดหลักการ!!
“เอาล่ะหลวงพ่อจะไม่ถามใครมีฉายาอะไร แต่ให้พวกเธอตอบหลวงพ่อมาทีละคน”
หลวงพี่เถรจึงต้องแนะนำตัวโดยรู้ว่าท่านอาจารย์อยากวิจารณ์ฉายาว่าสมกับการกระทำหรือไม่ หลวงพี่เถรไม่มีจิตนึกติดข้องสิ่งใด น้ำเสียงท่านทุ้ม แต่ฟังนุ่มนวลชวนให้คนฟังรู้สึกเย็นใจ
“ผมได้ฉายาตามภาษามคธว่า นันทปัญโญ”
ท่านอาจารย์นิ่งอึ้งไปเสียสนิท เพราะการตั้งฉายาต้องคำนวณตามวันเกิด ปีเกิดด้วย นันทปัญโญ คือผู้ที่มีปัญญาอย่างหาที่สุดมิได้
พระภิกษุรูปถัดไปกำลังจะแนะนำตัวอาจารย์นึกกล่าวดักลืมตัวว่าพูดเองว่าให้แนะนำที่ละคน แต่โดนคนแรก ก็ต้องสะดุดแล้ว
“คนที่ตั้งฉายานี้ให้เธอคือสมีที่โดนจับสึกเพราะเรื่องเสพเมถันสินะนันทะ”
“ไม่ใช่ครับท่านอาจารย์ อุปฌาย์ของผมคือท่านเจ้าคณะจังหวัดที่มรณภาพไปแล้วครับ ท่านบวชให้และสอนผมได้หนึ่งปีท่านแนะนำให้ผมมาอยู่วัดสาระขำใกล้บ้านครับ”
อาจารย์เดียวกันกับท่านพระครูจันทโสนี่เอง แล้วพระที่มีความงามหมดจดรูปนี้รอดหูรอดตาท่านมาจากวัดที่มีชื่อเสียงและเคร่งครัดในการปฏิบัติธรรมได้อย่างไรกัน อ้อที่ว่าบวชได้พรรษาเดียวแล้วโดนอาจารย์สั่งให้ย้ายมา อาจจะเป็นเพราะอาจารย์ไม่ชอบหน้า...แค่คิดอาจารย์นึกไม่อาจคิดต่อไปได้อีก ในเมื่อท่านอาจารย์ที่เป็นอุปฌาย์ของท่านนั้น เมื่อเผาไปแล้วกระดูกท่านเป็นพระธาตุสีขาวเหมือนไข่มุก ท่านจะดูถูกการมองการณ์ไกลของอาจารย์ตนเองเสียไม่ได้
แล้วพระเถรคนนี้มีอะไรดีนักหนา!
จิตร้อนทำให้ท่านอาจารย์คิดอ่านได้ไม่โปร่งใสอย่างเคย หลวงตาปริกกระแอมเหมือนคนเป็นโรคหลอดลม แต่ทำให้ท่านอาจารย์ได้สติ เอ่ยกับพระรูปต่อไปว่า
“ทำไมจึงอ้ำอึ้งไม่บอกฉาบยาของตัวเอง หรือว่าลืมไปแล้ว”
ชาวบ้านพยักหน้าแก่กันอย่างยอมรับความเคร่งครัดและเอาจริงของท่านอาจารย์สมนึก เจ้าอาวาสรูปใหม่ ซึ่งมาถึงวันแรกสำแดงเดชให้ลูกวัดได้เห็นแล้วว่า หากทำหน้าที่หย่อนยานไป จะหาที่อยู่อาศัยกันลำบาก แต่น่าแปลกที่ไม่มีชาวบ้านคนไหนกลัวว่าพระเถรจะอยู่ไม่ได้สักคน แม้แต่โยมพ่อที่ปกป้องด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อคิดได้ว่า ยังต้องห่วงอะไรกับคนที่มีปัญญามากอย่างสาวกที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า โยมพ่อมีความปีติล้นพ้นทีเดียว!



Create Date : 31 กรกฎาคม 2554
Last Update : 31 กรกฎาคม 2554 23:07:26 น. 2 comments
Counter : 1027 Pageviews.

 
มาอ่านค่ะ ชอบมาก


โดย: กระรอกเมือง วันที่: 1 สิงหาคม 2554 เวลา:19:08:58 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ ที่ไม่ได้นั่งลง
เองอ่านเอง


โดย: รุ่งแก้ว (รุ่งแก้ว ) วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:9:13:00 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.