นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
5 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
ห้วงเสน่หา ปรารถนาแห่งหัวใจ 22

ตอนที่ 22 เข้าใจผิด

สัจจะนอนครุ่นคิดถึงเรื่องของตนเองและหญิงสาว เขาไม่อาจตักตวงความสุขใส่ตัวโดยที่หญิงสาวจ้องประชดมารดาของเธออยู่อย่างนี้ เขาอยากให้เธอได้เลือกเดินทาง เขาเองตัดสินใจแล้วว่าจะเปิดทางให้เธอเดิน จะออกไปจากเขา หรือเขามาอยู่กับเขา ให้เธอได้เป็นฝ่ายเลือก
“กลับบ้านเถอะปิ๋ม”
“ไม่ค่ะปิ๋มจะอยู่กับพี่จ๊ะ” เธอร้องบอกสวมกอดอีกฝ่ายแน่นสัจจะโอบกอดตอบกดคางลงบนเรือนผมนุ่มสลวยปลอบโยนอีกฝ่าย
“ถึงจะโกรธแค้นท่านมากแค่ไหนเราก็ไม่มีสิทธิ์ล้างแค้นท่านโดยวิธีนี้มันจะทำร้ายท่านโดยไม่น่าให้อภัย”
“พี่จ๊ะไม่เข้าใจ” เธอโต้แย้ง
“เข้าใจสิพี่เคยหนีออกจากบ้านมาก่อนเมื่อย้อนกลับไปแม่ก็ไม่อยู่ให้พี่เห็นเสียแล้วปิ๋มล่ะถ้าคุณแม่เป็นอะไรไป ปิ๋มจะมีความสุขได้หรือ” เธอหลบมองพื้นกระดาน
“ถ้าปิ๋มต้องกลับไปถูกบังคับให้แต่งงาน ปิ๋มก็จะต้องทำตามคำสั่งหรือค่ะทั้งๆที่หัวใจของปิ๋มมีพี่อยู่แล้ว พี่จ๊ะล่ะคะพอปิ๋มไปก็คงไม่แม้แต่จะคิดว่ามีปิ๋มอยู่บนโลกนี้ใช่มั้ย”
“พี่จะเก็บปิ๋มไว้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต” ปิ๋มส่ายหน้าไปมาผมยาวกระจายพลิ้วตามแรง ชายที่เธอมีความสัมพันธ์ด้วย พูดออกมาราวกับว่า เขาไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากความสัมพันธ์ทางร่างกายเท่านั้น
ในใจดวงน้อยเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกมารดาทุบตีด่าว่าร้อยเท่าพันเท่า จริงแล้วกระมั่งไม่มีความปวดร้าวใดจะเท่ากับรักคนที่เขาไม่ได้รักตัว เขากดศีรษะเธอไว้กับอกได้ยินเสียงของหัวใจตัวเองเต้นระรัว
“ปิ๋มจะกลับค่ะพี่จ๊ะจะทำตามคำบงการของคุณแม่จะยอมให้ท่านขังอีก ปิ๋มไม่มีหัวใจแล้วนี่คะ”
สัจจะถอนหายใจยาว เมื่อเธอเลือกทางตามที่บอกเขากลับกอดรัดร่างอิ่มนั้นเอาไว้แนบแน่น
สายฝนตกพรำลุงเลี่ยมมองลอดหน้าต่างจากบ้านไม้หลังเล็กซึ่งปลูกอยู่มุมหนึ่งของรั้วบ้านทำหน้าที่แทนยาม
“ใครจ๊ะตา”
“รถโดยสาร สงสัยคุณจ๊ะจะกลับแล้ว” ลุงเลี่ยมเดินไปหยิบร่มกางออกไปเปิดประตูรั้วรถขับผ่านเข้าไป
สัจจะชะโงกหน้าบอกลุงเลี่ยมว่าให้กลับเข้าบ้านน้ำตาลชะเง้อมองผ่านม่านน้ำฝน สัจจะหอบสัมภาระลงจากรถแผ่นภาพถูกหุ้มพลาสติกอย่างดีคล้ายกับของไม่หมด เขาวิ่งขึ้นบ้าไปหยิบร่มซึ่งแขวนไว้ติดกับเสาหน้าบ้านมุมลงไปที่รถร่างบอบบางราวสาวรุ่นถูกโอบประคองขึ้นไปด้วย ตั้งแต่ได้อาศัยอยู่ด้วยไม่เคยเห็นนายพาผู้หญิงมาด้วย
“คุณป่านหรือไงนั่น” ลุงเลี่ยมเขม้นมองไม่เห็นชัด
“คุณป่านจะมากับคุณจ๊ะได้ยังไงกันล่ะตาเขาเป็นแฟนคุณขิมแต่มองอย่างนี้เหมือนกันเลย”น้ำตาลบอกตาของตน
ส่วนในห้องส่วนตัวของสัจจะ ชายหนุ่มกำลังใช้ผ้าขนหนูสีขาวผืนสะอาดเช็ดผมยาวให้แห้งอย่างทะนุถนอม ปารมียืนนิ่งให้เขาเช็ดเรือนผมให้สัมผัสอ่อนโยนละมุนอย่างนี้จะไม่รักไม่หลงเขาได้อย่างไร?
รุ่งเช้าน้ำตาลมาทำอาหารเช้าน้ำตาลทักทายถามตรงๆไม่อ้อมค้อมแต่ก็ไม่ได้คิดร้าย
“คุณเป็นคนรักของคุณจ๊ะหรือคะ”
“ทำไมถึงถามล่ะ”
“น้ำตาลไม่เคยเห็นคุณจ๊ะพาใครมานอนที่นี่เลย”
ปารมีเชิดปากเล็กน้อยกับถ้อยวาจาตรงไปตรงมาของอีกฝ่าย แต่ดวงตาใสซื่อไม่มีแววหวังร้ายใดๆจึงค่อยๆคลายลงบ้างจึงชวนพูดคุยซักถามเรื่องที่ตนไม่รู้
“ที่นี่อยู่กันกี่คน น้ำตาล”
“สามค่ะ คุณจ๊ะ น้ำตาลทำงานบ้าน ตาดูแลสวนบางทีก็มีเพื่อนคุณจ๊ะมาพักอยู่ด้วยเป็นตำรวจค่ะ จะพักอยู่ห้องข้างๆนี้ คุณชื่ออะไรค่ะ น้ำตาลจะได้เรียกถูก”
“ปิ๋ม เรียกพี่ปิ๋มก็ได้ น้องชายก็เรียกอย่างนี้ อายุเท่าไรแล้วน้ำตาล”
“17 ค่ะ คุณดูเด็กจังค่ะ”
“ไม่เด็กแล้วจ้ะมากกว่าน้ำตาลอีกน่ะ ทำอะไรทานล่ะนั่นข้าวต้มหรือ”
“คุณจ๊ะทานทุกเช้าค่ะ วันนี้เป็นข้าวต้มไก่คุณจ๊ะไม่อยู่น้ำตาลเลยไม่ได้ซื้อของไว้คุณทานได้มั้ย”
“ได้สิ พี่ไม่เรื่องมากหรอก”เธอตอบน้ำตาลไปแล้ว นึกไปถึงมารดาแม้จะมีฐานะดีแต่เรื่องอาหารการกินไม่หรูหราฟุ่มเฟือย ข้าวต้มนั่นก็ต้องทานทุกเช้า ประหยัดกว่าหมูแฮมไข่ดาวฟาสฟู้ดนั่นไม่ต้องพูดถึงคุณประนาทกระแนะกระแหนภรรยาให้ลูกๆฟัง
“มีเงินไว้เก็บ พอตายคงลุกขึ้นมาใช้ได้”
ปารมีเดินออกมาจากครัวฝนฟ้ายังครืนครันทำท่าจะสาดกระหน่ำลงมาอีก เรือนไม้มีสี่ห้อง ห้องนอนมีเชือกอักษรลวดลายเขียนว่าเพื่อเพื่อน ปารมีเดินผ่านไปห้องฝั่งตะวันออกมีป้ายเชือกเขียนอักษรฝรั่ง สไตล์ลิส ปารมีเปิดเข้าไปดู ภายในห้องมีรูปภาพหลายภาพ ติดฝาผนังเป็นภาพเด็กชายหญิงหลายภาพเด็กหญิงดูคุ้นเคยในสายตาคล้ายเคยเห็นมาก่อน ภาพหนึ่งติดโดดเด่นเพียงภาพเดียวเด็กหญิงผมถักเปียยืนยิ้มสดใสอยู่ท่ามกลางท้องทุ่งเขียวขจีมือถือดอกไม้กำอยู่ปารมีไม่รู้จักว่าเป็นดอกอะไรดอกนิดๆแซมต้นใบ
“ป่านแก้ว” ปิ๋มพึมพำรอดริมฝีปากเมื่ออ่านชื่อภาพเป็นตัวหนังสือเล็กๆเขียนบรรจงมุมภาพ
ห้องนี้ภาพเด็กหลายภาพทุกภาพจะมีเด็กหญิงป่านแก้วเป็นจุดเด่นภาพตั้งบนขาหยั่งคลุมด้วยผ้าขาว ปิ๋มปลดออกดูอย่างถือวิสาสะ
“พี่ป่าน” เธออุทานค่อนข้างตกใจ นึกถึงชื่อชายคนที่เธอรักออกทันที
เมื่อเธอซนไปหยิบแผ่นกระดาษรูปภาพป่านแก้วจะรีบห้ามปรามไม่ให้ยุ่งเด็ดขาด ชื่อเพื่อนของป่านแก้วนี่เอง
“ของจ๊ะเพื่อนรักของพี่ป่าน น้องปิ๋มอย่าซนนะคะพี่ป่านจะเก็บไว้”
“จ๊ะหรือคะพี่ป่าน” น้องน้อยฉอเลาะกับพี่สาวผู้ที่ตนเห็นว่าเป็นผ้าหญิงที่ใจดีที่สุด อุตส่าห์เลี้ยงน้องแม้แม่เลี้ยงจะจิกหัวใช้ไม่ว่างเว้น
“สอนหลายครั้งแล้วน้องปิ๋มยังทำไม่ได้อีกมาลบกันใหม่ชูมือขึ้น” พี่สาวรุ่นสอนการบ้านน้องอย่างใจเย็นเพราะรู้ว่าน้องเป็นคนไม่ฉลาดนัก
“ปิ๋มโง่ใช่มั้ยค่ะ”
“ไม่ใช่หรอกสงสัยจะเป็นเพราะถูกตีมากสมองเลยฝ่อหมดค่อยๆตั้งใจทำเดี๋ยวก็ดีเอง"
พี่ป่านของเธอกับในรูป แน่แล้วคือคนๆเดียวกัน ถ้าไม่รักจะวาดติดไว้ทำไมให้มากมาย ภาพที่อยู่ตรงหน้านี้คงวาดไว้ไม่นานเพราะยังเป็นพี่ป่านคนปัจจุบัน
คงเหมาะสมกันดีถ้าสัจจะ จะครองรักกับพี่ป่านแก้ว แล้วเธอเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ มายืนอยู่ตรงนี้ ผู้ชายเขาไล่ให้กลับบ้านยังมีหน้าตามเขามาถึงที่นี่
สัจจะลุกขึ้นมายืนมองสายฝนผ่านหน้าต่างซึ่งติดกระจกใส มีมู่ลี่เขียนภาพวรรณคดีติดแทนม่าน บัดนี้เขาม้วนขึ้นไป ปารมีเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ แต่สัจจะก็ยังรู้สึกตัว
“นอนไม่หลับหรือจึงตื่นเช้า”
“ปิ๋มอยากกลับบ้านค่ะ” เธอสบตานิ่งลึกมองเขาแล้วต้องเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างปวดร้าว สัจจะไม่พูดว่าอะไรละสายตาจากเธอมองผ่านกระจกใส ฝนยังตกพรำไม่ขาดเม็ด
เขาเป็นฝ่ายเลือกให้เธอมาอยู่กับเขา แต่เธอมาเห็นสภาพความเป้นอยู่ของเขาแล้ว เธอกลับร้องหาบ้าน...บ้านหรือหอคอยงาช้างของเจ้าหญิงในนิทานกันแน่ สัจจะเม้มริมฝีปากแน่น กดใจตัวเองไม่ให้สลายเป็นครั้งที่สอง
ประพันธ์เอามอเตอร์ไซด์มาจอดไว้ข้างบันไดเอาเสื้อกันฝนคลุมรถแทนวิ่งขึ้นบันไดเข้าไป น้ำตาลยกอาหารออกมาตั้งบนโต๊ะอาหาร
“จ๊ะกลับมาแล้วหรือน้ำตาล”
“รู้ได้ไงค่ะคุณพัน” ช้อนตาหวานสบตาผู้มากวัยกว่า
“ก็น้ำตาลจัดโต๊ะนะสิ ดีเลยไปปลุกมันซะเลย” เขาผละจากโดยที่น้ำตาลเรียกรั้งไม่ทัน
“จ๊ะโว้ย! อุบ๊ะกลับมาเงียบ เราว่าจะมาอาศัยนอนสักสองคืน” ประพันธ์พรวดพราดเปิดประตูห้องนอนของเพื่อนอย่างถือวิสาสะไปถึงก็โพล่งๆปากโดยไม่ทันสังเกตหญิงร่างบางที่รีบหันหลังให้
“อ้าวมีแขกหรือ” มองข้างหลังผิวเผิน ประพันธ์ใจหายนึกว่าป่านแก้ว แต่เหลือบมองอีกทีจึงรู้ว่าไม่ใช่เขาทำท่าจะออก
“เดี๋ยวพันช่วยหน่อย”
“อะไรเพื่อน”
“ไปตามรถเช่าให้หน่อยสิ” ประพันธ์รับปากโดยไม่ถามสักคำ เขาต้องกลับออกไปอีกทั้งๆที่ง่วงเต็มที่
ปารมีจัดเก็บของลงเป๋าซึ่งพึ่งมีของใช้ไม่กี่ชิ้น
“พี่จ๊ะ” เธอเรียกพร้อมเดินเข้ามาหาเขายืนนิ่งที่เดิม
สัจจะยังยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เธอชะงักเท้าต่อท่าทีนั้น เมินเฉย เย็นชา ปารมีหันกลับไปนั่งที่เดิมรอรถมารับ
“อาหารเสร็จแล้วค่ะ” น้ำตาลเคาะประตูบอก สัจจะจากไปยืนรอที่โต๊ะอาหาร
“ทานข้าวก่อนสิปิ๋มเดี๋ยวจะหิวระหว่างทาง”
เธอสั่นศีรษะปฏิเสธ
“อยากกลับมากสินะ” เขาพูดแผ่วแทบไม่รอดริมฝีปาก
รถเช่ามาจอดรออยู่ข้างล่าง ปารมีผุดลุกเมื่อประพันธ์ขึ้นมาตาม
สัจจะขยับตัวไปหยิบกระเป๋าเงิน พลางบอกเสียงเรียบอย่างบังคับไม่ให้สั่น
“ไปสิจะไปส่ง”
“ปิ๋มไปได้”
“ไปไหนล่ะหรือจะไปค้างกับใครก็ได้อีก” คราวนี้สัจจะไม่รู้ตัวว่าพูดออกไปได้อย่างไร
ปารมีโกรธจัด เดินฝ่าสายฝนปึงๆลงไปโดยไม่สนใจร่มที่สัจจะกางให้ รถแท็กซี่มองสองหนุ่มสาว ฝ่ายหญิงขึ้นรถแล้วปิดประตูไม่ยอมให้ฝ่ายชายได้นั่งข้าง ร่างสูงโย่งต้องขึ้นไปนั่งข้างคนขับ
“ไปไหนครับ”ปารมีบอกทางซึ่งไม่ค่อยแน่ใจนักเธอก็ไม่เคยไปยังสถานที่ที่บอก
ประพันธ์รีบถามกับน้ำตาล
“ใครน่ะน้ำตาล”
“ไม่รู้ค่ะมาเมื่อคืนนี้ทะเลาะกันหรือเปล่าค่ะ” เธอย้อนถาม
ประพันธ์ซึ่งเขายิ่งงงนัก คนอยู่บ้าน แต่น้ำตาลกลับถามคนพึ่งมา
สัจจะนั่งเบาะหน้า ปารมีนั่งเบาะหลัง เธอไม่เคยมาบ้านป่านแก้ว ได้แต่รู้ว่าอยู่บ้านเลขที่อะไร หมู่บ้านอะไร ดังนั้นเธอจึงบอกทางอย่างสับสนไม่แน่ใจ กระทั่งแท็กซี่ถามย้ำ
“ตกลงหลังไหนกันแน่ครับ” หมู่บ้านแถวนี้เป็นของพวกคนมีเงินทั้งนั้น
“ปิ๋มกลับบ้านแน่หรือ” สัจจะถามด้วยความรู้สึกขุ่นมัวยิ่ง
“ช่างปิ๋ม” เธองอนอย่างไม่มีเหตุผล
“งั้นกลับไปบ้านพี่” เขาสั่ง
“ไม่ปิ๋มไม่ไปแล้ว” เธอดื้อ สัจจะจึงไม่พูดอะไรอีก
ผ่านบ้านเดี่ยว สนามหญ้ามีไม้ดัดสวนหย่อมขนาดเล็ก ข้างๆเป็นสระปลาทองปารมีเห็นบ้านเลขที่แล้วจึงจำได้ทันที
“จอดๆ” เธอร้องบอก รถจอดพรืด ปารมีเปิดประตูพลางลงไปกดกริ่งเรียกสักครู่ มีคนวิ่งกางร่มออกมารับ ปิ๋มโผเข้ากอดร้องไห้โฮ
“กลับเถอะ” สัจจะบอกคนขับ เลี้ยวรถออกไปเขาหันหน้ามามองปารมีถูกโอบประคองเข้าบ้านไปแล้ว สัจจะใจหายจนเจ้าตัวรู้สึกหวิว
“แฟนหรือคุณ” แท็กซี่ถาม เขาไม่ตอบ เธอไปเห็นสภาพบ้านของเขาแล้วก็ร้องกลับคงทนรับไม่ได้กระมั่ง สวนหย่อมหน้าบ้านนั้นราคาเกือบเท่ากับบ้านไม้ของเขาทั้งหลัง
บัวศรีถามหญิงสาวด้วยความคลางแคลงใจ
“คุณปิ๋มไปไหนมาคะ ทุกคนห่วงคุณปิ๋มมากนะคุณท่านมาตามหาที่นี่ตั้งหลายครั้ง”
“พี่ป่านอยู่ไหน ปิ๋มอยากพบพี่ป่าน”
“คุณป่านไปทำงานค่ะ คุณปิ๋มไปนอนพักผ่อนก่อนนะคะ” บัวศรีหาผ้าของป่านแก้วมาผลัดเปลี่ยนให้ จัดนอนพักที่ห้องรับรองเธอนอนร้องไห้เงียบๆตามลำพัง
ไม่ควรเลยไม่ควรประชดมารดาเช่นนี้เลย ผู้ขายคนนี้เย็นชาเหลือเกินไม่แม้แต่จะเอ่ยปากพูดกับเธอว่าลาก่อน!
บัวศรีรีบแอบโทรหานายสาวทันที
ป่านแก้ววางโทรศัพท์ลงบนแป้นสั่งเลขาว่าจะออกไปธุระและไม่กลับเข้ามาอีกดังนั้นเมื่อปกรณ์เรียกตัวไปพบจึงได้รับรายงานว่ามีธุระด่วนออกไปแล้วป่านแก้วไม่เคยเสียงานคงมีธุระสำคัญ ปกรณ์จึงไม่ได้ว่าอะไร
“น้องปิ๋มพี่ป่านเองนะคะ” ไม่มีเสียงตอบป่านแก้วจึงถามพี่เลี้ยง
“ไปไงมาไงพี่บัว”
“มีแท็กซี่มาส่งค่ะ ใส่เสื้อผ้าผู้ชายมาด้วย”
“อะไรนะพี่บัว”
“เห็นไม่ชัดค่ะคนที่นั่งอยู่ในรถผมยาวๆแต่คงไม่ใช่ผู้หญิงแน่”
ป่านแก้วทุบประตูห้องเมื่อฟังเรื่องร้อนจากพี่เลี้ยง ถ้าบัวพูดจริงก็หมายความว่าเกือบเดือนที่ผ่านมาปารมีไปกับผู้ชายถ้าใช่ก็ต้องลากมันมาคุยตรงหน้านี้ให้รู้เรื่อง เพราะไอ้หมอนั่นคงหลอกน้องสาวของเธอเป็นแน่
ปารมีสะดุ้งตื้นได้ยินเสียงป่านแก้วเรียกเธอผวาลุกจากห้องมาเปิดประตูพอเห็นหน้าพี่สาวตาบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างนักก็ต้องร้องออกมาอีก
“ใจเย็นๆคนดีมีอะไรให้พี่ป่านช่วยก็บอกมา”
“พี่ป่าน ปิ๋มผิดไปแล้วยกโทษให้ปิ๋มด้วยปิ๋มไม่ได้แย่งพี่ป่านนะค่ะปิ๋มขอโทษ”
น้องสาวพูดอะไรป่านแก้วไม่รู้เรื่องเลย เธอประคองน้องสาวซึ่งตัวใหญ่กว่าไปนั่งริมเตียงปลอบโยนด้วยถ้อยคำอ่อนหวานจนอีกฝ่ายค่อยคลายการร่ำไห้ลงบ้าง
“ถ้ายังไม่สบายใจ น้องปิ๋มก็ยังไม่ต้องบอกพี่ป่าน แต่ว่าควรจะบอกคุณพ่อให้ทราบนะ”
“ปิ๋มไม่กลับบ้าน” เธอโผเข้ากอดพี่สาวอีกครา “ปิ๋มจะอยู่กับพี่ป่าน ปิ๋มไม่อยากเจอคุณแม่”
“ตกลงปิ๋มอยู่กับพี่ป่าน งั้นเราบอกคุณพ่อก็พอ”
“แล้วคุณแม่จะพาปิ๋มกลับมั้ยคะพี่ป่าน”
“ถ้าคุณพ่อสั่งคงไม่กล้ าพี่ป่านจะขอร้องคุณพ่อเอง”
“ปิ๋มยังไม่อยากพบคุณพ่อค่ะ ปิ๋มกลัวคุณแม่หาผู้ชายรวยๆไม่ซ้ำหน้ามาให้ปิ๋ม ปิ๋มเกลียด” ป่านแก้วถอนใจอย่างหนักอก ตกลงน้องสาวไม่เอาอะไรสักอย่าง
ป่านแก้วเปลี่ยนชุดอยู่บ้าน เข้ามาดูน้องในห้องอีกฝ่ายนั่งกึ่งนอนเหม่อมองออกนอกหน้าต่างกระจก
ป่านแก้วคิดว่ายังไงไม่ควรรบกวนอีกฝ่าย จึงปิดประตูไว้ตามเดิมปารมีรู้ทุกอย่างน้ำตาเจ้ากรรมพาลรินไหลลงมาอีกป่านแก้วก็ใจดีเช่นนี้เสมอตนเองไม่น่าที่จะทำร้ายพี่สาวทอดตัวให้เขาเชยชมโดยไม่รู้เลยว่าเขารักป่านแก้ว
ฝ่ายสัจจะ ทำหน้าบอกบุญไม่รับกลับบ้าน ประพันธ์ถามอีกฝ่าย
“จ๊ะไปไงมาไง ผู้หญิงคนนั้น”
“ลูกคนรวยเห็นสภาพฉันแล้วรับไม่ได้คงเผ่นหนีมั้ง แล้วนายพึ่งออกเวรหรือ”
“เปล่ามาหาน้ำตาล”
“อ้อรักกันดีนิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลก อิจฉาเหมือนกันที่ทุกคนมีความสุขกันดี ประพันธ์เดินตามสัจจะเข้าไปถึงห้องนอน นายตำรวจยังติดใจเรื่องของปารมีจึงเซ้าซี้ถามถึง
“เด็กคนนั้นนายพามาจากไหน”
“อยากรู้จริงเหรอ”
“นายก็น่าจะพูดให้ใครสักคนฟังไม่ใช่หรือ ระบายออกเสียบ้างจะได้ไม่จุกอกตาย”
“ก็ไม่มีอะไร ฉันพาเขามาบ้าน เขาไม่พอใจเขาก็กลับ”
“บ้านเขาอยู่ที่ไหน”
“สมเป็นตำรวจเลยนะพัน จะไปจีบหญิงก็ไปฉันจะทำงาน”
เขายังมีแก่ใจนึกถึงงานทั้งที่รู้ว่าทำไม่ได้แน่นอน ประพันธ์ช่วยเพื่อนขนรูปภาพไปไว้ในห้องทำงาน
“รูปอะไรวะจ๊ะ”
“นางเงือก”
“ตัวเมื่อกี้หรือเปล่า”
สัจจะอยากยันเพื่อนให้สักโครมถ้าเท้าว่าง เพราะวันนี้ประพันธ์ช่างทำให้เขาหงุดหงิดเสียยิ่งนัก
เมื่อเขานำภาพตั้งบนขาหยั่งหน้าเก้าอี้ทำงานสะท้อนลึกเมื่อนางแบบคนนี้จากไปอย่างรวดเร็วเธอจะไปไหนกับใครก็ได้เขาไม่มีค่าอะไร แค่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่พอจะให้เจ้าเธอเรียนรักด้วยเท่านั้น
“อ้าว ยัยป่านยังไม่เอารูปนี้ไปหรือ” ประพันธ์ถามเมื่อเห็นภาพป่านแก้วยังตั้งอยู่ที่เดิม สัจจะสะท้านใจ ป่านแก้ว
ปิ๋มคล้ายกับป่านแก้วนี่เอง จึงหาเหตุผลอ้างว่าจะสั่งสอนในความใจง่ายหากไม่ละม้ายเหมือนจะปล่อยมือปล่อยใจไปล่ะหรือ
“ว่าจะมาเอาวันหลังเอน้ำตาลเข้ามาในห้องนี้เหรอไงรูปนี้คลุมผ้าไว้นี่นา
น้ำตาลถูบ้านตามหน้าที่สัจจะมาถามเธอปฏิเสธเขาจึงเข้าใจว่าอาจจะลืมคลุมไว้
“คุณปิ๋มเข้ามาดูหรือเปล่าค่ะเห็นเมื่อเช้าเดินเล่นอยู่”
คำพูดของน้ำตาลราวกับมีแสงสว่างวาบขึ้นในใจอันมืดมน เป็นไปได้มั้ยที่ปิ๋มมาเห็นป่านแก้วหลังอาจจะเข้าใจอะไรผิดจู่ๆก็กลับไปร้องบอกว่าอยากจะกลับบ้านทั้งที่เมื่อคืนยังดูมีความสุขอยู่ แต่รุ่งเช้าทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
อาจจะไม่ใช่ก็ได้ สัจจะถอนใจไม่คาดเดาอะไรอีก ผิดหวังแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก รักป่านแก้วมานานกว่ายังไม่ตายเลย กับแค่ กับแค่นางเงือกบกคนเดียวจะทำร้ายอะไรเขาได้ คนคิด คิดอย่างฟุ้งซ่าน สุดท้ายลงท้ายนั่งกอดเข่าเจ่าจุกไม่ทำอะไรเลย
“ไอ้คนปากแข็ง”
ประพันธ์เหน็บแนม หลังจากเดาอาการอกหักของสัจจะได้!!



Create Date : 05 กันยายน 2554
Last Update : 5 กันยายน 2554 0:47:18 น. 0 comments
Counter : 731 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.