นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
25 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 

เจ้าสาวพันชั่ง 8(ตีพิมพ์แล้วกับ สนพ.อักษรศาสตร์ นามปากกา ดาราพร)


สุดสัปดาห์นี้คุณสวาทตั้งใจจะไปเยี่ยมมารดา ดังนั้นจึงให้เด็กตามหาพันชั่งเพื่อขับรถไปส่ง แม่เทียมรายงานว่าคุณพันชั่งไปบ้านเพื่อน แต่บอกไม่ละเอียดว่าเพื่อนที่ไหน คุณสวาทถอนใจยาว
“เด็กผู้ชายนี่โตเข้าหน่อยก็เห็นเพื่อนสำคัญกว่าแม่ทุกคนเชียว แล้วนี่คืนนี้ต้องไปนอนค้างบ้านคุณย่า จะลืมหรือเปล่า”
“ไม่ลืมค่ะคุณผู้หญิง เพราะคุณหนูบอกอิฉันอยู่เหมือนกัน”
“แหมจริงนะแม่เทียม บางทีฉันอดน้อยใจเสียไม่ได้เลย ที่พันชั่งเขามักจะบอกอะไรหล่อนอยู่เรื่อยแต่ไม่ค่อยมีอะไรพูดกับฉัน เอ้าผิว ไปบอกคนขับรถทีว่าฉันจะไปบ้านคุณหญิงแม่”
“ค่ะคุณผู้หญิง”
“นี่แม้เทียม ถ้าลูกชายหล่อนกลับมาอย่าลืมย้ำเขาเรื่องคุณย่าให้ไปบ้านนะ”
“ค่ะ ถ้ากลับจากบ้านเพื่อนอิฉันจะเตือนหล่อนทีเดียวค่ะ”
คุณสวาทวางใจ เพราะแม่เทียมไม่ใช่คนเหลาะแหละ เพียงแต่คุณสวาทไม่รู้เท่านั้นว่า เพราะแม่เทียมเป็นคนจริงใจนี่เองจึงรู้ความลับของเด็กชายผู้ที่นางมีส่วนเลี้ยงดูร่วมกันมากับคุณสวาท หากมากกว่าคุณสวาทรู้ในเรื่องผู้หญิงเท่านั้น!!
.....................................................
น้ำในคลองเป็นระลอกคลื่นน้อยๆเมื่อเรือยนต์ ผ่านมา สายลมพัดผ่านพอให้คลายร้อน หากในสวนดูเหมือนสองหนุ่มสาวจะไม่รู้ร้อนรู้แดดสักเท่าไหร่ เพราะร่างสูงคอยเด็ดผลไม้ที่เอื้อมถึง ใส่ลงในตะกร้าให้กับสาวร่างอรชรที่คอยรอใส่
ยามเมื่อสานสบตากัน แล้วอดระบายยิ้มบางๆให้แก่กัน พันชั่งชื่นใจนักกับความหวานของรอยยิ้มสวยบนกลีบปากแดงระเรื่อ อดคิดเกินตามประสาชายไปไม่ได้ มะตูมเอ่ย
“ลูกนั้นก็ใช้ได้แล้วค่ะ”
พันชั่งมองตามมือ แล้วเอื้อมเด็ดชมพู่ม่าเหมี่ยว ลูกแดงเลือดนก ผิวบางช้ำง่าย เขาจึงเด็ดอย่างระมัดระวัง
“เอค่าแรงเรียกเป็นอะไรดีนะ” คนคิดพึ่งเอ่ยเกี้ยวออกมา มะตูมรีบว่า
“นอกจากชมพู่ตะกร้านี้แล้วก็ไม่มีอะไรจะให้หรอกค่ะ”
“มีสิน่า แต่เจ้าของคงหวง”
“ก็ได้ค่ะ ทำให้เต็มแรงนะคะ ได้เต็มตะกร้าเมื่อไหร่จะให้รางวัลค่ะ”
“งั้นรีบเด็ดขาดใจเลย ห่ามบ้างก็ได้นะ เก็บไว้บ่มวันหลัง”
“ไม่ได้ค่ะ ลูกไหนดิบ ถูกหักรางวัล”
“ว้า” พันชั่งพึมพำก่อนว่า “สงสัยต้องปีนเสียแล้วล่ะ เอาตะกร้ามาสิ”
“อุ้ยไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวตกลงมาจะแย่ค่ะ ไปต้นโน้นเถอะค่ะมีอีกต้นหนึ่ง”
ในที่สุด ผลไม้ได้เต็มตะกร้า ผู้โดนใช้แรงงานทวงรางวัล
“ไหนล่ะรางวัล”
“ให้สองสลึงค่ะ” หล่อนให้ค่าเหนื่อย
“เอใครน้า บอกเงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง สองสลึงนี้ คิดอย่างอื่นแทนได้มั้ย”
“นอกจากชมพูตะกร้านี้กับสองสลึงก็ไม่มีอะไรแทนได้แล้วค่ะ”
“แทนได้ แต่เจ้าของเขาหวงน่ะสิ”
สายตาคู่คมจับจ้องแก้มแดงใสตึง มะตูมรู้เท่าทันยิ่งเก้อเขิน ทำท่าจะหิ้วตะกร้าเดินหนี พันชั่งรีบฉวยไปถือได้ก่อน แตะมืออีกฝ่ายไม่ตั้งใจ หากเขาก็ไม่ปล่อย ครานี้ตั้งใจกุมมือนุ่มจริงๆ
“ปล่อยค่ะ คนขี้โกง” มะตูมต่อว่า
พันชั่งปล่อยมือพลางยิ้มจางๆ “ชื่นใจน่าดูเลย”
“อะไรนะคะ”
“ไม่รู้สิ จำไม่ได้แล้ว มันออกมาจากใจแวบหนึ่งน่ะ” เขากล่าวเลี่ยง มะตูมเม้มริมฝีปากข่มอายแล้วพากันกลับเรือน
ดาหาอุ้มภรรยาออกมานอนเล่นภายนอก ลำเพาล้าเต็มที แต่ดูความสุขของลูกสาวด้วยดวงตาสดใส
คุณย่าน้อมเอ่ยพาดพิงไปถึงพันชั่งกับลูกสะใภ้ เมื่อดาหาลุกไปธุระ เรื่องพันชั่งมาขลุกอยู่ด้วยตั้งแต่ยามสายจนถึงเย็น คนเป็นมารดาและจวนถึงแก่วาระสังขารดับสูญได้แต่อวยพรให้ลูกสาวสมหวังดังใจ
เมื่อดาหากลับมานั่ง สองหญิงต่างวัยจึงเปลี่ยนเรื่องพูดไปเป็นเรื่องอื่นเสีย ดาหาจึงไม่รู้ว่าทั้งสองคุยเรื่องความลับอะไรกัน
หากลำเพามีความสุขยิ่งนักเมื่อได้เห็นสองหนุ่มสาวเดินเคียงกันขึ้นเรือนมา มองดูช่างสมกันนักหนา ไม่ว่าใครก็ตามบนเรือนนี้ที่ได้เห็น
มะตูมไม่มีอะไรน้อยหน้ากว่าพันชั่ง ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งสิ้น แม่ลำเพา...คุณย่าบอกสะใภ้
หยดมารับตะกร้าจากพันชั่งไปจัดการล้างเพื่อนำมาทานเล่นกันในยามกลางวัน
มะขวิดชวนคุยเรื่องวันงานโรงเรียน ที่จะมาถึงวันพรุ่งนี้ “อยากให้แม่ไปดูมะตูมจังเลยครับ ได้เป็นนางเอกของงานด้วย”
“มะตูมเป็นนางเอกของแม่เสมอไม่ว่าอยู่ที่ไหนนะลูก มะขวิดก็เป็นพระเอกของแม่เหมือนกัน”
“งานโรงเรียน วันเดียวกับโรงเรียนของคุณย่าเลยครับ” พันชั่งเอ่ย
“อ้าวโรงเรียนอะไรครับพี่พันชั่ง” สองพี่น้องแสร้งอำทั้งที่รู้ แต่พันชั่งไม่รู้จริงๆ
“โรงเรียนกษาปณ์พงศา”
“จุดไต้ตำตอ ขวิดเป็นนักเรียนเก่าที่นั่น มะตูมก็เรียนจบปีนี้ เอ๊ะพี่พันชั่งได้ไปหรือเปล่าครับ”
“ปีนี้ไป” เขาบอก แล้วยิ่งย้ำคิดต้องไป “คุณย่าให้ไปค้างที่บ้านท่านในคืนนี้ เพราะพรุ่งนี้ท่านให้ขับรถให้ท่านครับ”
“ท่าทางพี่พันชั่งจะเป็นที่หวงแหนของญาติทุกคนเลยนะครับ” มะขวิดอดแขวะไม่ได้ เพราะหากฝ่ายชายมีกำแพงมาก พี่สาวเขาก็ยุ่งยากมากไปด้วย
“พี่โตแล้วนะมะขวิด ไม่ใช่เด็กเล็กจะได้โดนตีเวลาไม่ทำตามใจผู้ใหญ่”
มะขวิดขยับจะถามเรื่องผู้หญิง ด้วยว่าเป็นคนห่วงพี่สาว แต่มะตูมแอบหยิกไม่ให้คนอื่นเห็น มะขวิดร้องอู้มองตาพี่สาวอย่างดื้อดึง อีกฝ่ายถลึงตาใส่เป็นเชิงดุว่า
อย่าเจ้ากี้เจ้าการ...มะขวิดรู้ใจจึงชวนคุยเรื่องอื่น
“คุณพ่อไปหรือเปล่าคะ”
“มะตูมอยากให้ไปมั้ยลูก”
“ดูแลคุณแม่เถอะนะคะ คุณพ่อไม่ค่อยได้อยู่เลย มะตูมจะรีบกลับค่ะ”
“ไม่ต้องกังวลนะลูก” ลำเพาเอ่ยเสียงแผ่วเจือยิ้มจาง
เวลานั้นได้ใกล้มาถึงแล้วหล่อนรู้ตัวดี หากไม่อยากให้คนที่ตนรักทุกคนเป็นห่วง!
................................
มะตูมมากราบผู้ให้กำเนิด ลำเพาจับมือลูกสาว
“คุณแม่ขา มะตูมไม่อยากไปเสียแล้วค่ะคุณแม่”
“จงทำสิ่งที่ควรทำ สิ่งที่มีความสุข”
“แต่มะตูมมีความสุขที่ได้อยู่กับคุณแม่ โดยเฉพาะวันนี้” หล่อนสังหรณ์ใจ
“แม่อยากอยู่กับคุณพ่อ อยากเห็นมะตูมเด่นบนเวที”
“คุณแม่ไม่ได้ไปจะเห็นได้อย่างไรคะ”
“แม่เห็นสิ แต่ถ้ามะตูมไม่ไป แม่ก็ไม่ได้เห็น”
“แบบนี้เห็นทีมะตูมโยเยไม่ได้แล้ว” ดาหาเอ่ย “มะขวิดล่ะ ไปหรือเปล่า”
“สงสัยเกเรแล้วค่ะ” มะตูมบอก เพราะมะขวิดทำท่าไม่ไปนี่เองทำให้หล่อนไม่อยากไป แต่เมื่อฟังมารดาพูดแล้วทำให้มีกำลังใจไปรำฉุยฉาย พลางลูบไล้ใบหน้างามของลูกอย่างแสนรักแล้วดึงเข้าไป มะตูมรีบให้มารดากอดแนบชิด หล่อนจึงได้ยินเสียงมารดาคลอเพลงฉุยฉาย พราหมณ์ท่อนหนึ่งเบาๆ
น่ารักเอย น่ารักดรุณ
เหมือนแรกจะรุ่น จะรู้เดียงสา
เจ้ายิ้มเจ้าแย้ม แก้มเหมือนมาลา
จ่อจิตติดตา เสียจริงเจ้าเอย…

ร้องจบจึงคลายวงแขนจากลูกรัก มะตูมยิ้มใส บีบมือมารดาเอ่ยคำสัญญาหนักแน่น
“คุณแม่ขามะตูมไปก่อนนะคะ มะตูมจะรำสุดฝีมือเลยค่ะ”
“บุษบาของแม่ บุษบาคนดีของแม่ รีบไปเถอะนะเดี๋ยวจะสาย”
“ค่ะคุณแม่”
มะตูมยิ้มน้อยๆ คลานเข่าออกมา หล่อนไม่เห็นบิดาจับมือมารดาบีบเบา น้ำตาเอ่อคลอหน่วยตา ดาหายิ่งกว่ารู้ว่าวันนี้จะต้องเกิดอะไร เขาเฝ้าภรรยามาทั้งคืน วันนี้ให้อย่างไรเขาก็ไม่ห่างลำเพา
เมื่อมะตูมไปกราบคุณย่าแล้ว คุณย่าจึงเข้ามาดูลูกสะใภ้ ลำเพาขยับกาย คุณย่ารีบห้าม
“ไม่ต้องลำเพา นอนตามสบาย คิดแต่เรื่องสบายใจเถอะลูก”
คุณย่าเอ่อด้วยหยาดน้ำตาคลอ มะขวิดคลานเข่าเข้ามาอีกคน เขาร้องไห้จนตาแดงช้ำ นั่งเยื้องปลายเท้ามารดา
“มะขวิด ทำไมไม่ไปดูพี่สาว ได้ยินว่าอ่อนก็รำด้วยลูก”
มะขวิดเบือนหน้าซ่อนน้ำตาที่รินไหลอาบแก้ม
“ความพลัดพรากเป็นของธรรมดา”
“ไม่เอาครับแม่ แม่ ขวิดไม่ให้แม่ไป”
มะขวิดกลายเป็นเด็กขี้แย ดึงปลายเท้ามารดาเขย่าหาด้วยความอาลัย คุณย่าเอ็ดหลานชาย
“มะตูมทำให้สบายใจ เจ้าคนนี้มาทำให้แม่หมองใจได้หรือ”
มะขวิดอยากร้องไห้โฮ เขาได้รับการสอนมาแต่เด็กยามกราบพระสวดมนต์กับคุณย่า ท่านสอนเสมอ คนคิดดี ไม่มีจิตเศร้าหมอง จะอยู่ชาติภพที่ดี
...นี่ทำไมทุกคนจึงทำเหมือนมารดาเขาจะจากไปวันนี้ด้วยเล่า?
“สียะตราของแม่”
มะขวิดคลานเข้าไปหามารดา ลำเพาหอมแก้มลูกชาย
“ตอนนั้นคลอดมะตูมออกมาแล้ว พอหมอบอกแม่ได้ลูกชายอีกคน หัวใจแม่เหมือนมีสองดวงเลยนะลูก แม่มีแรงที่จะคลอดลูกชายน่ารักคนนี้ และแม่อุ้มลูกชายคนนี้ บอกกับเขาว่า จะได้เห็นเขาเป็นหนุ่มรูปงามแน่ๆ”
“แม่ครับ ขวิดรักแม่”
“แม่ก็รักขวิด ฝากดูแลคุณพ่อนะ หาแม่ใหม่ให้คุณพ่อด้วย”
“คุณ...ไม่เอา เราคุยกันแล้ว” ดาหารีบท้วง
“อย่าให้เพาต้องห่วงคุณอยู่คนเดียวสิคะคุณดา คุณเป็นสามีที่ประเสริฐ คุณรักเดียวใจเดียวมาตลอด แต่คุณห้ามจมกับความทุกข์ หากอยากเห็นเพามีความสุข คุณต้องหาคนมาดูแลคุณนะคะ คุณแม่ขา รับปากเพานะคะ อย่าให้คุณดาอยู่คนเดียว”
“เอาเถอะลำเพาไม่ต้องห่วง หากพบคนดี คนที่รักพ่อดา คนที่รักมะขวิดมะตูมและรักครอบครัวเราทุกคน แม่จะจัดการเอง ถ้าพ่อดาขัดขืน แม่ก็จะคลุมถุงชนซะ”
ลำเพาหัวเราะก่อนไอ ดาหากุมมือภรรยาไว้แน่น มะขวิดจับมือมารดาอีกข้างหนึ่ง
“ง่วงแล้วล่ะค่ะคุณดา เพาขอนอนหลับสักงีบนะคะ งีบเดียว เพาอยากเห็นพราหมณ์แสนสวยบนเวทีของโรงเรียน อยากเห็นคนตะลึงมองพราหมณ์น้อยของเพาค่ะ”
“พักผ่อนเถอะคุณ” ดาหาก้มจูบแก้มภรรยา หยาดน้ำชื้นแก้มซีดขาว
มะขวิดสะอื้นฮัก อยากวิ่งไปบอกมะตูมให้รีบกลับ หากเขาจะทำลายความฝันของมารดาได้อย่างไรกัน
ลำเพางีบหลับจริงดังวาจา หากคนเฝ้าต่างจับตามองอีกฝ่ายทุกระยะ การนอนนิ่ง นานๆ หายใจสักครั้ง
“ยังไม่ไปหรอกพ่อดา” ย่าน้อมเอ่ยอย่างคนผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก มะขวิดคลานออกจากห้องนั้นก่อนวิ่งไปกอดเข่าซบหน้าร้องไห้อยู่ตามลำพังคนเดียว เขาสะอื้นไห้จนตัวโยน
เวลาต่อมา เรือนของเขาเริ่มมีคนมามากขึ้นทุกที โดยเฉพาะบริวารที่เกี่ยวข้อง ข่าวไปเร็วมากว่าคุณลำเพาจะสิ้นในวันนี้
เวลาของคนที่รอการพลัดพรากเร็วอย่างน่าใจหาย
‘แม่ ทำไม ทำไมต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ จากนี้ขวิดจะได้พบแม่ที่ไหน ขวิดจะได้พบแม่ได้อย่างไรในเมื่อแม่กำลังจะไปแล้ว แม่…แม่จ๋า’
มะขวิดเดินกลับเขาไปในเรือน ภาพที่เห็นคือ มารดาลืมตาทอดเหม่อลอย เพลงฉุยฉายพราหมณ์ลอยแว่วสู่ห้วงภวังค์ ในเวลาเกือบเที่ยงวัน
ลำเพาพึมพำร้องเพลง ฉุยฉายพราหมณ์...

ที่งานคล้ายวันเกิดท่านผู้หญิง ถึงเวลาการแสดงชุดสุดท้ายซึ่งเป็นชุดเอก ม่านแหวกตัวเปิดออก ปรากฏภาพของบุษบาอยู่ในชุดฉุยฉายสีขาว พราวระยับด้วยการปักลวดลายผ้าสีเงิน งดงามจนคนทั้งห้องประชุมเลื่องลือ
เพลงไทยเดิม บทพระราชนิพนธ์ล้นเกล้า รัชกาลที่หกดังเพราะจับใจ
ฉุยฉายเอย ช่างงามขำช่างรำโยกย้าย
สะเอวแสนอ่อนอรชรช่วงกาย วิจิตรยิ่งลายที่คนประดิษฐ์
สองเนตรคมขำแสงดำมันขลับ ชม้อยเนตรจับช่างสวยสุดพิศฯ

น่ารักเอย น่ารักดรุณ
เหมือนแรกจะรุ่น จะรู้เดียงสา
เจ้ายิ้มเจ้าแย้ม แก้มเหมือนมาลา
จ่อจิตติดตา เสียจริงเจ้าเอย…

ท่านผู้หญิงพริ้มเพรานั่งเป็นประธานคู่กับหม่อมราชวงศ์หญิง สร้อยสุดา มารดาของคุณสวาท ซึ่งเป็นเพื่อนรักกันมาแต่เด็ก ถัดมาเป็นผู้อำนวยการ ส่วนคุณสวาทขนาบอยู่ข้างทางมารดาของตน และคุณหญิงไฉไล
กล่อมขวัญ ซึ่งเด็กสาวเหลือบแลสายตาไปที่พันชั่ง ซึ่งชมการรำอย่างไม่วางตา
ท่านทั้งสองเห็นฉุยฉายขึ้นรำ ต่างชมเปาะทีเดียว
“ช่างงามจับใจจริง ลูกใครหนอดูมีชาติมีตระกูลดีเหลือใจ รู้จักมั้ยพันชั่ง”
ท่านผู้หญิงหันมาถามหลานคนโปรด ท่านมีหลานหลายคน แต่คนนี้ท่านรักที่สุด พันชั่งปิดปากเงียบ ทำราวกับไม่รู้จัก คุณพร้อมจะตอบแต่ท่านผู้หญิงเอ่ยตามมาอีกว่า
“น่าอุ้มกลับไปบ้านนะหญิงสร้อย ดูสิ สี่สิบ ห้าสิบปี พึ่งเห็นฉุยฉายสวยเท่านางรำของพระองค์หญิง”
“นั่นสิ ใครสวย และรำสวยไม่เท่าแม่น้อมจิตต์สักคน”
เสียงชมของคนในวังทำให้คุณสวาทร้อนตัวยิบยับ ขณะที่คุณหญิงไฉไลมารดาของกล่อมขวัญกระซิบถามอย่างเคลือบแคลงใจ
“ยังไงกันแน่คุณสวาท”
“เด็กน้ำครำน้ำคลองค่ะ ดิฉันไม่สนใจสักนิด ไม่มีทางเอาทองไปรู่กระเบื้องแน่ นี่เห็นจะต้องหมั้นหมายหนูขวัญกับพันชั่งให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที เดี๋ยวเข้าไปแนะนำตัวกับคุณหญิงแม่ทั้งสองตอนขอพรท่านดีกว่า ให้พันชั่งพาไป”
คุณสวาทเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ ขณะที่ไม่อยากมองการร่ายรำแสนสวยบนเวที แต่ก็อดไม่ได้ ไม่ทราบว่าเพราะอะไร มะตูมจึงดึงใจให้คุณสวาทเกรงทุกครั้งไป กลัวในความสวย ความงดงามทั้งกิริยามารยาทของความเป็นผู้ดี ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี หากมะตูมไม่ใช่เด็กคลอง แต่เป็นลูกหลานคุณหญิงบ้านไหนสักบ้าน นางจะเอาพานไปรับมาบ้าน แต่นี่ ต้องกั้นลวดหนามขังลูกเสียแล้ว!!
เผือกเดินตาแดงเพราะร้องไห้ เดินเข้ามาในโรงเรียน แจ้งกับเด็กนักเรียนที่อยู่ใกล้ถึงข่าวร้าย
ลำเพาสิ้นใจแล้ว คนที่ได้รับข่าวคืออรทัย
สายตาชิงชังมีแววยิ้มอย่างคนใจดำ เพลงฉุยฉายรบกวนใจหล่อนมาหลายนาทีแล้ว ความคิดร้ายกาจแวบเข้ามา เร็วเท่ากับร่างกายวิ่งไปในห้องประชุมพรวดพราดไปข้างเวทีตะโกนสวนเพลงดังก้องห้องว่า
“มะตูมแม่หล่อนตายแล้ว คนที่บ้านหล่อนมาส่งข่าวเมื่อกี้”
คนแจ้งข่าวสาสมใจนักเมื่อเห็นมะตูมยืนรำค้างนิ่งเหมือนหุ่นกระบอก เพลงบรรเลงไปแล้วฉุยฉายยังไม่ขยับ
ทุกคนในห้องส่งเสียงกระหึ่มดัง พันชั่งมิอาจนั่งเฉยอยู่ได้ เขาผุดลุกท่ามกลางการถามของญาติพร้อมกัน
“ไปไหนพันชั่ง”
“ผมทิ้งมะตูมไว้อย่างนั้นไม่ได้ครับ”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะพันชั่ง” คุณสวาทผุดลุกตวาดลูกอย่างลืมตัว “หากเราจะลองดีกับแม่ ก็อย่ามาเรียกแม่ว่าแม่อีก”
เสียงตวาดลูกทำให้แม่สามีและแม่ตัวพากันถามเป็นเสียงเดียวกัน
“แม่สวาทอะไรกันนั่น”
“ผมขอแค่วันนี้ครับคุณแม่ ผมทนไม่ได้จริงๆ” กล่าวแล้วเขาจากไป
“สัญญาพันชั่ง สัญญากับแม่ ไม่อย่างนั้นแม่จะเอาเรื่องเด็กนั่นให้ถึงที่สุด”
“ครับคุณแม่ ผมขอแค่นี้ ขอให้ได้เป็นกำลังใจให้มะตูม”
กล่าวแล้วเดินไปหน้าเวที เวลานั้นครูผู้ปกครองให้ยุติการรำเพราะนางรำทำท่าจะเป็นลมเพราะได้รับข่าวร้าย อรอนงค์ประคองเพื่อน พันชั่งเข้าไปถึงจึงเรียกหาอีกฝ่าย
“มะตูม มะตูมจ๋า”
“พี่พันชั่งขา ไม่จริงใช่มั้ย เรื่องคุณแม่ของมะตูมไม่เป็นความจริง”
ขณะถาม สายตามะตูมเหลือบไปเห็นเผือกยืนท้ายสุดของห้อง นั่นคือคำยืนยัน อรทัยส่งข่าวร้ายอย่างจริงใจ และผิดเวลา แต่ทำลายทุกอย่างได้ในพริบตาตามที่หล่อนต้องการ
พันชั่งเอ่ยเสียงอ่อน ปลอบโยนในที “มะตูม มานี่เถอะน้อง”
มะตูมเดินเข้าหาพันชั่งราวกับเขาเป็นที่พึ่งเดียวในเวลานี้ พันชั่งยื่นมือไปรับอีกฝ่ายก่อนอุ้มลงจากเวที แล้วจึงโอบบ่าประคองเดินจากไปโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น
คุณสวาทโกรธจนกายสั่นเทา ขณะที่คุณหญิงไฉไลดึงมือลูกสาวกลับอย่างไม่พอใจ และคุณสวาทต้องตอบคำถามทั้งแม่สามีและแม่ตัว
“นั่นคู่หมายพันชั่งเขาหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะคุณหญิงแม่ ไม่มีทางใช่เด็ดขาด” คุณสวาทปฏิเสธ ด้วยความโกรธ คราวนี้นางต้องเด็ดขาดกับพันชั่งอย่างไม่อาจยอมได้อีกแล้ว
“เพราะยายนิ่มที่เดียว ทำไมมันไร้สมองอย่างนี้ ถ้ายายนิ่มไม่โวยวาย พันชั่งก็ไม่ต้องออกหน้าไปรับความเจ้ามารยาของเด็กนั่น” คุณสวาทหาที่ลงจนได้
ซึ่งหลังเวทีนั้นอรทัยเป็นที่ชิงชังของเพื่อนร่วมชั้น เวลานี้โดนตำหนิจากครูผู้ปกครองที่ทำอะไรโดยพลการจนงานต้องเสียไม่สามารถดำเนินการต่อ ฝ่ายอรทัยตาไวเห็นคุณสวาทเดินมาที่หล่อน หล่อนรีบหนี แต่อรอนงค์จับแขนญาติผู้พี่ยึดไว้มั่น
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นางอ่อน”
“จะหนีผิดไปไหนล่ะนิ่ม ให้คุณป้าลงโทษก่อนเถอะน่า อ่อนจะได้บอกให้คุณป้าทราบว่าหล่อนทำไปเพราะหลงรักพี่พันชั่ง”
“ปล่อยนะนังอ่อนปล่อยฉัน” อรทัยพยายามดิ้น แต่คุณสวาทถึงตัวเสียแล้ว
“เด็กโง่ ทำไมโง่เง่าอย่างนี้ ทำไมถึงทะเล่อทะล่าไร้มารยาท ไม่มีสมบัติผู้ดี ทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เห็นทีต้องลงโทษเสียแล้ว”
“นิ่มอิจฉามะตูม แต่หลงรักพี่พันชั่งเขาโยงมาเกี่ยวกันยุ่งไปหมดจนเกิดเรื่อง”
“ไร้ยางอาย อย่างแกฉันไม่มีทางให้พันชั่งตกแต่งด้วยเด็ดขาดนังนิ่ม”
อรทัยกรีดเสียงร้องลั่น ก่อนร้องไห้โฮ คุณสวาทเอ่ยตามหลังหลานสาวที่วิ่งจากไปว่า
“ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้างว่ามีอะไรคู่ควรกับลูกชายของฉัน”
ครูผู้ปกครองมองคุณสมบัติผู้ดีของคุณสวาท ซึ่งคงมีมากในเวลาปกติ แต่เวลานี้มาดุด่าหลานสาวโวยวายจนท่านมองไม่เห็นคุณสมบัติข้อที่ว่าในตัวคุณสวาทเช่นกัน
…………..
พันชั่งเปิดประตูรถให้มะตูมก้าวขึ้นไปนั่ง แล้วเรียกเผือกให้ไปด้วยกัน
มะตูมร้องไห้อย่างน่าสงสาร
“มะตูมไม่น่ามาเลย มะตูมไม่น่าทิ้งคุณแม่มาเลย”
“มะตูม อย่าคิดมากสิจ๊ะ”
“คุณแม่ คุณแม่ท่านอยากให้มะตูมมา ทำไมท่านไม่รักมะตูมหรือคะพี่พันชั่ง ทำไมท่านไม่ให้มะตูมอยู่ในวาระสุดท้ายของท่าน”
“โธ่มะตูม” พันชั่งรั้งอีกฝ่ายเข้ามาโอบบ่าไว้แน่น บีบไหล่อีกฝ่ายปลอบใจ
“แม่จากมะตูมไปแล้ว แม่จะไม่ได้อยู่ให้มะตูมได้เห็นหน้าอีกแล้ว พี่พันชั่งขา มะตูมจะทำอย่างไรดี”
ยามขาดที่พึ่ง เด็กสาวลืมตัวซบหน้ากับอ้อมอกชายหนุ่มร้องไห้จนตัวโยน พันชั่งโอบกอดหล่อนไว้ด้วยแขนข้างเดียว ปลอบใจโดยเงียบงัน
ความตายคือการพลัดพรากที่โหดร้าย แต่สิ่งที่พันชั่งคิดตามมาคิดสิ่งที่ร้ายยิ่งกว่า
การกระทำของเขาในวันนี้ มารดาประกาศกร้าวให้แตกหักกับเด็กสาว ซึ่งเขาเฝ้าถามใจตัวเองมาตลอดหลังจากที่พบกันอีกครั้ง
เพียงชอบ หรือว่ารัก
ทุกครั้งคำตอบที่ได้คือ เขาหลงรักมะตูม รักมาคนเดียวตลอดเวลา
มะตูมพรากจากแม่ด้วยความตาย
เขาเล่า จะต้องพรากจากหล่อนทั้งยามเป็นกระนั้นหรือ
....โอ้ เขาจะหาทางออกอย่างไรดี
ทำไมเขาไม่เป็นเพียงลูกชาวสวน ลูกชาวนา เขาจะได้มีอิสระต่อการดำเนินชีวิตอย่างคนอื่น แต่นี่ ตั้งแต่เด็ก ชีวิตเขามีแต่กรอบ กรอบ และกรอบโอบล้อมให้เขาอยู่ในแวดวงที่จำกัดนัก
เรือนไทยของย่าน้อมเป็นความอบอุ่นที่เดียวที่เขาได้รู้ว่ามีอิสระกับชีวิต
แต่หลังจากนี้ คำสัญญาที่หลุดปากไปเพราะต้องการปกป้องหญิงในอ้อมอกคนนี้...เขาต้องรับผิดชอบต่อสัญญาของลูกผู้ชาย!!
จากกันนิรันดรอย่างแม่ลำเพาหรือนี่
โอ้ เหมือนใครเอามีดมากรีดเฉือนดวงใจของเขาจนเกิดแผลที่สร้างความปวดร้าวจนรู้สึกหนาว จนกระชับอ้อมแขนกอดมะตูมแน่นเข้า ราวกับว่าทั้งสองเป็นที่พึ่งของกันและกัน
.........................
รถจอดสุดถนน พันชั่งเปิดประตูส่งให้มะตูมลงที่ท่าน้ำพร้อมเผือก แป้นนำเรือมาจอดรอที่ท่าข้ามอยู่แล้ว ชายหนุ่มห่วงใยหญิงสาวไม่น้อย หากว่าเขายังมีคุณหญิงย่า คุณหญิงยายรออยู่ที่โรงเรียน เขาอยากอยู่ร่วมทุกข์กับเด็กสาว หากหน้าที่และหัวใจของเขากำลังถูกชั่ง ด้วยความจริงใจ
“มะตูม”
“ขอบคุณพี่พันชั่งค่ะที่มาส่งมะตูม” เด็กสาวก้มหน้าร้องไห้ พันชั่งอยากรั้งอีกฝ่ายมากอดปลอบใจเสียให้แน่น แล้วอุ้มไปส่งให้ถึงที่ หากว่าเขาได้แต่เพียงคิดเท่านั้นเอง
“มะตูม พี่จะรีบมาทันที ขอพี่กลับไปจัดการเรื่องต่างๆ ก่อนนะ”
“มะตูมเข้าใจค่ะ” เด็กสาวพยักหน้ารับ
ฐานะและชนชั้น เริ่มเป็นช่องว่างที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ดวงใจสองดวงจะแนบชิด สุดท้ายพันชั่งเรียกให้แป้นหยุดเรือ ก่อนที่เขาจะพาร่างสูงลงไปในเรือตามไปที่บ้านของมะตูม
เขากุมมือเด็กสาวซึ่งจับมือของเขาแน่น ก่อนร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ ในน้ำใจของชายหนุ่ม ซึ่งไม่ทิ้งยามที่หล่อนเสียขวัญเช่นนี้

บรรยากาศบนเรือนมีการเตรียมงานกันแล้ว ร่างของลำเพานอนนิ่งหลังจากทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อย เตรียมพิธีรดน้ำศพตามประเพณี มะตูมปราดวิ่งเข้าไปหาร่างไร้วิญญาณของมารดา หากมะขวิดคว้าร่างพี่สาวมาโอบกอดแน่นไม่ให้น้ำตาของพี่สาวถูกศพ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเฒ่าคนแก่ถือกันว่า จะทำให้วิญญาณเป็นทุกข์
“มะตูม”
“ทำไมคุณแม่ทำอย่างนี้กับพี่ ทำไมคุณแม่ไม่รอมะตูม”
“แม่...แม่ร้องเพลงฉุยฉายจนสิ้นลม...มะตูม” มะขวิดบอกเล่าด้วยน้ำตา มะตูมเสียใจมาก ราวกับดวงใจแทบขาดรอน
“โอ้แม่ขา แม่”
“แม่มีความสุข ท่านยิ้มก่อนไป มะตูมอย่าให้น้ำตาถูกร่างท่านเลยนะมะตูม ท่านรักมะตูมมากนะ”
เสียงดาหาบอกลูกสาว มะตูมโผกอดบิดาแล้วคลานเข่าไปโอบกอดร่างของย่าน้อม ซึ่งคอยซับน้ำตาที่รินไหลอยู่บ่อยๆ
“มะตูมทำให้แม่มีความสุขก่อนสิ้นลม ลูกภูมิใจในความรักของแม่ที่มีต่อลูกเถอะนะ”
“คุณย่าขา คุณย่า”
“ไปหาแม่ แต่อย่าร้องไห้นะลูก” คุณย่าสั่ง
หากมะตูมจะใจแข็งเช่นที่ทุกคนต้องการได้อย่างไร หล่อนก้มกราบศพมารดาพร้อมซบสะอื้นนิ่ง หยาดน้ำตารินไหลหยดลงพื้น ทุกคนมองภาพนั้นด้วยความสะเทือนใจ ดาหาถึงกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“พันชั่ง” คุณย่าเรียกชายหนุ่ม ซึ่งคลานเข่าไปหา
“ครับคุณย่า”
“ขอบใจนะ คนเราเห็นใจกันยามยากเช่นนี้แหละลูกเอ๋ย แต่...มะตูมถึงมือญาติแล้ว พันชั่งก็คงมีหน้าที่ ที่จะต้องทำ”
“ผม...” เขาอยากบอก ไม่อยากไปไหนเลย นอกจากอยู่ปลอบใจมะตูม หากคุณย่าเตือนสติด้วยรู้ช่องว่างของทั้งสองได้ดี
“หัวใจคนเราสำคัญมากก็จริง แต่หน้าที่ก็สำคัญมากที่สุดเช่นกัน ผู้หญิงโยเยเสียใจได้ แต่ผู้ชายต้องเข้มแข็ง”
พันชั่งรู้สึกชาไปทั้งหัวใจ เมื่อคุณย่าน้อมพูดราวกับเปิดเข้าไปเห็นความคิดของเขา
“ผมรักมะตูมครับ” เขาสารภาพกับคุณย่าแสนเบา “ผมไม่อยากทิ้งเขาไปเลยครับ”
“พันชั่งทำได้นี่ลูก ทำสองอย่าง แต่ต้องทำทีละอย่าง อย่าใช้อารมณ์เข้าตัดสิน เรื่องจะบานปลายมากไปกว่านี้”
“คุณย่าเหมือนทราบว่า...”
“แอบมาหามะตูม แต่วันนี้พันชั่งไม่ได้แอบใคร ทุกคนได้เห็นหมด พันชั่งควรทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อชื่อเสียงของน้องด้วยนะ”
พันชั่งเหลียวมองรอบกายด้วยความไม่ตั้งใจ หากเขาได้เห็นคนบนเรือนมองมาที่เขาเหมือนไม่เคยพบเคยเห็น และเมื่อครู่เขาโอบบ่ามะตูมขึ้นบันไดเรือนด้วยความห่วงใย โดยลืมนึกถึงสายตาของคนรอบข้าง
“ครับคุณย่า ผมจะทำหน้าที่ แล้วจะทำเพื่อหัวใจของผมด้วยครับ”
“ขอบใจนะ”
พันชั่งก้มกราบคุณย่า และไปลาดาหากลับ ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาความสัมพันธ์ของเขาและมะตูมจากปากชาวบ้าน
‘นี่หรือเจ้าสาวพันชั่งลูกชายเทวดาของคุณตึกใหญ่’ เสียงหนึ่งตามหลังมาอย่างจงใจให้ได้ยิน
พันชั่งกัดริมฝีปากแน่น
ใช่ มะตูมจะเป็นเจ้าสาวของเขา แม้จะต้องใช้เวลาสู้รบกับมารดาตัวเองกี่ปีก็ตามที เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก นี่คือหน้าที่กับหัวใจของเขา สองสิ่งนี้ไม่อาจแยกจากกันในเรื่องของเด็กสาวและตัวเขาเอง!!!
................................................
ปล. ฝากตามข่าวละคร เรื่องลิขิตเสน่หา ทางช่อง3 ด้วยนะคะ ข่าวบอกว่า เป้นบทประพันธืของ นางแก้ว ซึ่งนางแก้วประพันธ์ เรื่องลิขิตเสน่หา แต่ไม่ใช่เรื่องที่ออกอากาศค่ะ แห่ะ ไม่รู้จะติดต่อใคร และไม่ทราบทำไมเขาอ้างนาม ปากกานี้ หรือว่า มีนางแก้ว อีกคน งง และหวั่นๆ




 

Create Date : 25 มิถุนายน 2554
0 comments
Last Update : 25 มิถุนายน 2554 16:57:53 น.
Counter : 622 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.