นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
28 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 

เจ้าสาวพันชั่ง 9 (ตีพิมพ์แล้วกับ สนพ.อักษรศาสตร์ นามปากกา ดาราพร)

งานที่โรงเรียนแทนที่จะยิ่งใหญ่อย่างที่ต้องการเพราะครบอายุท่านผู้หญิงครบหกรอบ แต่เมื่อมีเรื่องให้ หยุดชะงัก พร้อมหลานคนโปรดแสดงออกนอกหน้า ตามผู้หญิงไป
ท่านผู้หญิงพริ้มเพราและคุณหญิงสร้อยสุดา จึงต้องฝืนยิ้มสดชื่นให้กับเด็กๆ ส่วนเรื่องภายในนับว่าเรื่องนี้ยิ่งใหญ่นักหนา
งานมอบของขวัญของรางวัลต่างๆ เต็มไปด้วยความสดชื่น เรื่องคำร่ำลือในวันนี้คงโจษจันอีกนาน หลานชายท่านผู้หญิงอุ้มนางละครลงเวทีหายหน้าไปเลย
ฝ่ายคุณหญิงไฉไลพาลูกสาวกลับด้วยความไม่พอใจนัก กับเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อกล่อมขวัญมาถึงบ้านก็ร้องไห้มาก ท่านนายพลโทเกริกไกรผู้เป็นบิดาสงสัยมาก ครั้นเรียกมาถามว่าเป็นเพราะเรื่องผู้ชายท่านถึงกับต่อว่าทันที
“คนรังแกค่อยน่าเสียใจ แต่นี่เรื่องผู้ชายไม่รักถึงกับร้องไห้มากเหมือนตัวเองไม่มีค่าอย่างนี้ไม่ถูกนะคุณหญิง ไปอบรมกันเสียใหม่”
“เพื่อนเกล้าน่ะสิคะ” คุณหญิงไฉไลโยนไปให้ลูกชายรับ กล่อมเกล้าซึ่งนั่งอ่านหนังสือถึงกับปิดหนังสือทันที
“ใครครับ”
“พันชั่ง...ก็คุณสวาทตกลงปลงใจจะหมั้นหมายมาให้ความหวังกับขวัญ แล้วทำอย่างนี้จนคุณพ่อตำหนิน้อง เกล้าต้องไปเอาเรื่องพันชั่งที่ทำไม่ถูก”
“ไม่ต้องเอาเรื่องใคร ผู้ชายอุ้มผู้หญิงที่ตัวเองพอใจมันผิดตรงไหนกัน แต่ผู้หญิงที่ร้องไห้เพราะผู้ชายไม่รักนี่ต่างหากน่าอาย” ท่านนายพลเกริกไกรตัดสิน
คุณหญิงไฉไลน้อยใจนัก จึงคว้าข้อมือลูกสาวขึ้นไปปลอบใจ แทนการอบรมอย่างที่ท่านนายพลสั่ง
..................................
คุณหญิงสร้อยสุดากลับมาวังของท่าน เรียกลูกหลานมาอบรมโดยเฉพาะอรทัย และคุณสว่างที่โดนหนักกว่าใคร
“นางนิ่มทำงามหน้าเหลือใจในวันนี้ งานดีๆ ของเขาต้องหยุดชะงักค้าง ไหนลองบอกเหตุผลมาทีว่าทำไมถึงไม่รอให้เขารำจบก่อนแล้วค่อยบอก”
“นิ่มอิจฉามะตูมอยู่แล้วค่ะคุณหญิงยาย” อรอนงค์เล่นงานแทนเพื่อนรัก อรทัยให้ไปทำตาขวาง คุณหญิงใช้ไม้เรียวตีพื้นเป็นการปราม
“นี่หรือสิ่งที่ผู้ดีมีสกุลเขาทำกัน ทำไมไม่รู้จักเอาน้ำขุ่นไว้ข้างในน้ำใสไว้ข้างนอก”
“จะโทษนิ่มคนเดียวก็ไม่ถูกนะคะคุณหญิงยาย นิ่มตกใจเลยตะโกนบอกไม่ทันคิด”
“หล่อนต้องคิดแล้วล่ะว่าผลมันจะออกมาอย่างนี้ แม่สวาทบอกว่าทั้งแม่ทั้งลูกไปขอให้เปลี่ยนตัวนางรำ กันตั้งแต่แรก อย่างนี้ที่อ่อนบอกยายก็เป็นเรื่องจริง”
“เรื่องอะไรสวาทจึงเอาผิดมาโยนให้ลูกล่ะคะคุณหญิงแม่ พันชั่งทำงามหน้าเองที่ไปอุ้มนางรำจนเป็นที่ครหา แล้วมาโยนผิดที่หลาน อย่างนี้ไม่ถูกนี่คะ”
“ไม่มีใครถูกทั้งนั้น แต่แม่กำลังหาสาเหตุต่างหาก สว่างเราเอาใจใส่ในพฤติกรรมของลูกสาวให้มากกว่านี้ นิสัยกระโดกกระเดกแม่ฟังจนหูร้อน วันนี้เห็นด้วยตาเลยทีเดียว อย่าให้มีเรื่องทำนองนี้อีก แล้วก็ไม่ต้องไปหวังอะไรกับพันชั่ง”
“คุณหญิงแม่คะ ทำไมต้องกันท่าหลานล่ะคะ”
“เพราะทั้งสองคนเป็นหลานน่ะสิ แม้จะแต่งงานกันได้ แต่แม่ก็ต้องเลือกเจ้าสาวให้พันชั่งเหมือนกัน เห็นนิ่มวันนี้แล้วจะให้มองเห็นจะยาก”
“คุณหญิงยายคะ นิ่มขอโทษค่ะ นิ่มจะ...จะไม่ทำตัวเกเรอย่างนี้อีกแล้ว”
“ยอมรับก็ดีจะได้ไม่ต้องพูดอะไรกันมากนัก แต่เรื่องมารยาท ดูอ่อนเป็นตัวอย่างก็ได้ พี่น้องกันแท้ๆ แต่มารยาทผิดกันลิบลับ เดี๋ยวใครไม่รู้จะหาว่าหล่อนไม่อบรมดูแลลูก”
คุณสายใจยิ้มรับเมื่อลูกสาวได้รับคำชม คุณสว่างไม่พอใจเอาเสียเลย เพราะในบรรดาพี่น้องท้องเดียวกันสามคน ฐานะที่แย่สุดคือนาง แถมลูกสาวยังไปดำคล้ายบิดาซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือน
คุณสวาทคนกลางได้สามี รวย และมีเกียรติ คุณสายใจน้องคนเล็กฐานะปานกลาง แต่สามีเป็นผู้พิพากษาอรอนงค์ยังเป็นที่เอ็นดูของคุณหญิงยาย ขนาดเรียกมาให้อ่านบทละครให้ฟังอยู่บ่อยๆ
คุณสว่างลงจากหอนั่งของผู้ให้กำเนิด ด้วยท่าทางเหมือนกินรังแตน พาลโกรธลูกสาวไปด้วยอีกคน อรทัยทำหน้าบึ้งแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดตามมารดาไป
ฝ่ายพันชั่งเขาขับรถกลับไปที่โรงเรียน ได้ทราบว่าคุณพร้อมไปส่งท่านผู้หญิงแล้วเขาจึงตามไป ซึ่งเรื่องคงยาว
หน้าที่กับหัวใจ....ต้องไปด้วยกันให้ได้สิพันชั่ง ชายหนุ่มบอกตัวเองด้วยความหยิ่งผยองยิ่งนัก!
.....................................
คฤหาสน์กษาปณ์พงศาของท่านผู้หญิง มีการพูดคุยกันถึงเรื่องพันชั่งและมะตูม คุณสวาทไล่เลียงให้ท่านผู้หญิงฟังถึงความไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ท่านผู้หญิงเห็นด้วยตาว่ามะตูมยอมให้พันชั่งอุ้ม และโอบบ่าออกไปจึงอดที่จะวิตกไม่ได้
“ท่าทางต้องเอาจริงแล้วทีนี้ ยังไงดิฉันก็ยอมไม่ได้หรอกค่ะคุณหญิงแม่”
“ลำบากจริงๆ ไปรักไปหลงเขาขนาดนี้ ไปมีเบื้องหลังอะไรกันหรือยังก็ไม่รู้”
“ตายจริง อย่าพูดอะไรที่น่ากลัวอย่างนั้นสิคะคุณหญิงแม่ ดิฉันยิ่งใจไม่ดีอยู่ด้วยค่ะ”
คุณพร้อมเอ่ยออกมาด้วยท่าทีไม่วิตกอย่างภรรยา
“พันชั่งลืมตัวด้วยความห่วง เด็กนั่นก็กำลังตกใจ เราน่าจะมีเหตุผลในการฟังลูก”
“ดิฉันไม่ยอมหรอกค่ะ นี่จะเรียนจบและจะไปเมืองนอกเมืองนาแล้ว ดิฉันต้องจับหมั้นกับหนูขวัญเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป” คุณสวาทเน้นเสียงหนัก
พันชั่งเข้าไปที่ห้องโถง เขาเข้าไปกราบขอโทษผู้เป็นย่า ซึ่งท่านเชิดหน้าอย่างไม่พอใจการกระทำของหลานชาย
“ทำอะไรไม่รู้จักคิด”
“ผมขอโทษครับ”
“แต่ก็ดี...ย่าจะได้เปิดหูเปิดตารู้ว่าเราคบคนอย่างไร”
“มะตูมไม่ใช่คนไม่ดีนะครับคุณย่า”
“พูดไม่รู้ฟัง พันชั่งเรานี่ยังไงนะ” คุณสวาทดุลูกชายด้วยความโกรธ “เด็กนั่นไม่เหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้สกุลเราสักนิด ทำไมไม่เห็นแก่วงศ์ตระกูลบ้างนะ ต่อไปเราต้องเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ หากเขารู้กำพรืดเมียมาจากน้ำครำน้ำคลองเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
พันชั่งก้มหน้าไม่โต้เถียง
“แม่จะหมั้นลูกสาวคุณหญิงไฉไลให้หมดเรื่องกันเสียที”
“ผมไม่พร้อมครับคุณแม่” ครานี้พันชั่งปฏิเสธ คุณสวาทถึงกับนั่งหลังตรง
“หมายความว่าเราจะขัดใจทุกคน จะยอมโดนไล่ออกจากตระกูลเพื่อเด็กนั่นเชียวหรือพันชั่ง”
พันชั่งตกใจกับเรื่องที่มารดากล่าวอ้างขึ้นมา เขามองบิดาซึ่งทำหน้าเฉยไม่พูดอะไรสักคำ ยิ่งกับท่านผู้หญิงท่านเมินหน้าไปทางอื่น ชายหนุ่มหนักอึ้งในอกนัก เรื่องสมบัติมหาศาลเขาไม่ห่วงเท่ากับเขาจะกลายเป็นคนอกตัญญู
เมื่อคุณสวาทเห็นลูกชายเงียบงันเพราะไม่มีคนเข้าข้าง คุณสวาทจึงย้ำด้วยความมั่นใจว่าลูกไม่มีทางเลือกแล้วว่า
“แม่จะหมั้นเรากับหนูกล่อมขวัญ ซึ่งมีฐานะทัดเทียมกันทุกอย่าง”
“ผมไม่พร้อมครับ”
“พันชั่งอยากให้แม่เอาเรื่องเด็กนั่นให้ได้ใช่มั้ย”
“มะตูมไม่ได้ผิดที่เกิดมาจนกว่า”
“หมายความว่ายังไง”
“ไม่มีความหมายอะไรครับ ผมจะไปเรียนต่อโดยไม่หมั้นกับใคร จนกว่าจะกลับมาครับคุณแม่”
“แต่…” คุณสวาทไม่ยอม แต่คุณพร้อมขัดคำ
“เอาล่ะ เอาล่ะ พันชั่งไปเรียนหลายปี ตกลงตามนั้นไม่ต้องบังคับใจกัน แต่พันชั่งเมื่อกลับมาลูกก็ต้องรู้ว่าอะไรควรไม่ควร อย่าทำให้พ่อแม่หรือคุณย่าต้องเสียใจ”
“ครับ” เขารับคำ
“แล้วนี่ คุณลำเพาเขาเสียแล้ว เอาศพไว้กี่คืน”
“ผมไม่ทราบครับ”
“ไปช่วยงานคืนนี้พร้อมพ่อกับแม่ แล้วพรุ่งนี้เราต้องกลับโรงเรียน”
คุณพร้อมเอ่ยแกมบังคับในที ซึ่งพันชั่งไม่อาจปฏิเสธบิดาทั้งที่หัวใจเจ็บปวด
...................................
งานศพลำเพาจัดอย่างเรียบง่าย พันชั่งโดนนั่งขนาบข้างทั้งบิดามารดา ชายหนุ่มแม้อยากปลีกตัวไปหามะตูมซึ่งคอยส่งธูปให้แขกได้ไหว้ขอขมาแก่ศพใจแทบขาด หากเขายังเกรงมารดาจะทำอะไรไม่ไว้หน้าคนรัก ดังนั้นเขาจึงได้แต่นั่งนิ่งเหมือนคนไม่มีหัวใจ
มะตูมรู้ความในใจและรู้ฐานะตัวเอง หากเด็กสาวยังมีความทระนงที่จะไม่นั่งเสียใจให้ใครได้เห็น หล่อนไม่เหลือบแลมองไปทางชายหนุ่มให้ชาวบ้านนินทาเช่นกัน
สองหนุ่มสาวจึงมีเพียงหัวใจผูกพันกันไว้ในช่องว่าง ระหว่างฐานะไม่ให้ห่างจากกันมากไปกว่านี้
……………
มิใช่เพียงแค่วัน หรือหนึ่งอาทิตย์ หากเขาจากไปจนถึงวันกูดบายซัมเมอร์ วันเลี้ยงฉลองจบของนักเรียนนายร้อยรุ่นที่ XX
มะขวิดเข้าเรียนปีหนึ่ง ขณะที่พันชั่งเรียนจบเข้ารับราชการตามสายงานที่เรียน และเขามีกำหนดการเดินทางไปเรียนต่อภาคพิเศษ
ลมพัดเอื่อยเข้าห้องหนังสือ พันชั่งลุกจากเก้าอี้นั่งและกองตำราภาษาต่างประเทศ เดินไปที่หน้าต่าง จากช่องนี้สามารถมองเห็นท่าน้ำบ้านเรือนไทยเยื้องฝั่งกับตึกใหญ่ที่เงียบเหงาหลังนี้
ร่างเด็กสาวใส่ชุดดำใส่บาตรให้กับพระสงฆ์ ทำให้พันชั่งถึงกับใจหวั่นไหว แม้พระจะพายเรือไปแล้ว แต่มะตูมยังนั่งโปรยเศษอาหารก้นขันลงเลี้ยงปลาในคลอง
“มะตูมจ๋า” พันชั่งพึมพำเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยใจที่ห่วงหาไม่เสื่อมคลาย แม้จะเหินห่างมาแรมปี
ราวดวงใจที่สื่อสารกันได้ มะตูมเงยหน้าขึ้นไปมองตึกใหญ่ หล่อนไม่เห็นพันชั่งหรอก แต่เห็นเพียงตึกที่ซุกซ่อนชายหนุ่มเอาไว้ หล่อนมองเพียงนิดแล้วตัดใจถือขันผุดลุกเดินขึ้นเรือน
หล่อนคงไม่รู้ว่าหัวใจของพันชั่งได้ลอยตามหล่อนไปเสียแล้ว เพราะเขาเอาแต่ยืนเหม่อมองนานจนไม่รู้ตัวเลยทีเดียวว่ายืนนานเท่าใดแล้ว!!!
………………
วันเวลาผ่านพ้นไป
เรือนไทยร้างเสียงเพลงนับแต่ผู้เป็นที่รักได้จากไป ย่าน้อมตำหมากกุกๆ แล้วก้มหาของในเชี่ยนหมาก ความชราทำให้ต้องก้มหา
มะขวิดในชุดนักเรียนนายร้อยเดินตรงเข้าไปกราบคุณย่า พร้อมช่วยควานในเชี่ยนหมากอย่างล้อเล่น คุณย่าตีมือหนึ่งที
“มาควานอะไรนะนายร้อยห้อยกระติ้ง”
“เขาเรียกห้อยกระบี่ไม่ใช่หรือครับ”
“กระบี่เขาห้อยตอนเรียนจบแล้วต่างหาก ถามว่าควานหาสมบัติอะไรมะขวิด”
“เห็นคุณย่าก้มหา ขวิดเลยควานขึ้นมาให้ครับ คุณย่าหาอะไรครับ”
“ย่าหม่องมาทาขมับ”
มะขวิดหาให้อย่างรวดเร็ว พร้อมเปิดตลับยาหม่องออกให้คุณย่า
“แก่มากปัญญาปราชญ์เปรื่องเป็นเรื่องดี แก่มากปากไวไม่ค่อยดี”
“สุภาษิตจากไหนครับ ขวิดไม่เคยได้ยิน”
“ย่าพึ่งด้น เมื่อกี้นี่เอง”
สองย่าหลานหัวเราะกันเบาๆ ครู่หนึ่งร่างนิสิตแพทย์จึงขึ้นเรือนมา ได้ยินเสียงหัวเราะของคุณย่าและมะขวิด ทำให้ความเหงาในใจของหญิงสาวผ่อนคลาย ก่อนผนึกใจให้เข้มแข็งเดินไปกราบคุณย่า
“ไงหมอ”
“ยังไม่ได้เป็นเลยค่ะคุณย่าขา พึ่งจะขึ้นปีสอง”
“ปีสามเขาว่าเริ่มผ่าศพใช่มั้ยมะตูม”
“เห็นรุ่นพี่ที่หอพักไม่กินข้าวกันหลายคนเลยล่ะ แน่ะคุณพ่อมาแล้ว”
“ไงสองคน กลับมาพร้อมกันหรือลูก” เขาไหว้มารดาแล้วจึงทักลูก
“เปล่าค่ะ มะขวิดมาเอาหน้าก่อน มะตูมตามมาไม่ทันค่ะ”
“มาช้าแต่ปากดีเหลือเกินนะนางบุษบา” มะขวิดแขวะ มะตูมเลยทุบตีเข้าให้
มะขวิดร้องเอะอะเกินจริง พลิกกายหลบเลี่ยงไปมา
“อะไร ไม่พอใจอิเหนาก็ฟาดสียะตรา เผียะ เผียะ”
“อิเหนาอะไร ฉันพอใจจะตีฉันก็ตีล่ะ” มะตูมไล่ตีน้องอย่างสนุกมือ อีกฝ่ายปิดป้องวุ่นวาย
ก่อนแยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และออกมาร่วมทานอาหารเย็น

เวลาทุ่มกว่า
หลังทานอาหารแล้วมะตูมไปหยิบขิมมาตีเล่น จึงเป็นเสียงที่หายไปนานปี เสียงเพลงนางครวญดังหวานแว่วไปทั้งคลอง
ร่างสูงสง่าของพันชั่งแต่งกายตามสบายหากเรียบร้อย ตัดผมทรงเรียบร้อยไม่ได้เกรียนอย่างนักเรียนอีกแล้ว เขาดูสง่างามกว่าเมื่อก่อนขึ้นมาอีก ร่างสูงเดินขึ้นเรือนมาอย่างเงียบๆ
ดาหาเหลือบไปเห็นก่อน พันชั่งไหว้ผู้ใหญ่ ยิ้มให้สองพี่น้อง หากมะตูมหยุดมือตีขิม ยกมือไหวเมินหน้าไปทางอื่น พันชั่งใจหายวาบ
...เวลาร่วมปีเขาไม่เปลี่ยนใจ หากหญิงสาวเล่า ทำไมปึ่งชาปานนี้เล่า
“พันชั่งหรือนั่น” คุณย่าทัก
“ครับคุณย่า”
“ดูเป็นผู้ใหญ่จนผิดตาเลยนะ ไปอย่างไรมาอย่างไรล่ะมาเสียมืดค่ำ”
“ผมจะมาลาครับ พรุ่งนี้ผมจะไปเมืองนอกแล้วครับคุณย่า”
มะตูมแม้ปั้นหน้าเฉยไปขณะหนึ่ง ใจหายครามครัน
“ไปเรียนต่อหรือพ่อคุณ”
“ครับ แต่ยังรับราชการอยู่ด้วยครับ ไปสี่ปีครับคุณย่า”
“สี่ปีเทียวรึ”
“ครับคุณย่า”
ดาหาพยักหน้ารับ เขาย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายมีอนาคตไปได้ไกลแน่นอน ตำแหน่งนายพลคงไม่หนีไปไหน เขานึกถึงภรรยาที่จากไป
...ว่าที่เจ้าบ่าวลูกสาวคุณเขากำลังหนีบุษบาของเราไปแล้วล่ะคุณเพา
“คุณอาสบายดีหรือครับ”
“สบายดี พันชั่งล่ะสังกัดกรมไหน”
“กองรบพิเศษครับ”
“อ้าว อาคิดว่าพันชั่งเรียนเสนาธิการเสียอีก เพราะท่านนายพลพร้อมมาสายนั้น”
พันชั่งหัวเราะจางๆ เขาโดนค้าน แต่ไม่ได้ฟัง ดื้อเงียบมาโดยตลอด จนได้สังกัดกองพันแล้วคุณสวาท แทบเป็นลม
“ไปอยู่กับลิงกับค่างห่างบ้านหน่อย ไม่อย่างนั้นคุณแม่จะจับหมั้นอยู่เรื่อย ผมไม่เต็มใจหมั้นกับคนที่ผมไม่รักหรอกครับ” เขาเอ่ยหนักแน่นต่อหน้าทุกคนราวกับเป็นพยาน ไม่ว่ากี่ปี ผู้ชายคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ดาหาตัดสินใจบางอย่างก่อนเอ่ยออกมาว่า
“คอยเดี๋ยวนะ อาไปในห้องสักครู่”
ดาหาเดินจากไป มะขวิดถามพันชั่งด้วยความสงสัยเช่นกันว่าทำไมจึงสังกัดกองรบพิเศษ พันชั่งเอ่ยอย่างไม่วิตกอะไรนอกจากจะบอกว่า
“อยู่กับป่ากับเขาสงบดี”
“ถ้าอย่างนั้นที่พี่หายไปปีกว่าก็อยู่ต่างจังหวัดหรือครับ”
พันชั่งหัวเราะแทนคำตอบ เขาไปราชการไม่กลับบ้านเลยเช่นกัน คุณสวาทต้องตามไปเยี่ยมคนเป็นลูก พอเห็นการเป็นอยู่ แม้จะระดับนายทหาร แต่นางก็เศร้าใจที่ลูกชายแบกปืนไปรบกับชาวบ้าน
“แล้วนี่ทำไมไปเมืองนอกครับ”
“ได้กำหนดไว้แล้ว รับราชการครบปี ไปทำราชการต่อ”
“ไปฝึกรบพิเศษหรือครับ”
พันชั่งไม่ได้ตอบอีก เขาพูดไม่เก่งเลย แต่หากเวลาอยู่กับมะตูม เขาก็ไม่ทราบว่าทำไมจึงมีเรื่องอยากบอกอยากเล่าให้หญิงสาวฟังไม่หยุด หากว่าวันนี้หญิงสาวไม่พูดหรือมองหน้าเขาเลย ทั้งที่เขากล่าวราวบอกฝากทำไมจึงหายหน้าไปแรมปี
ดาหาเดินออกมาจากห้อง ในมือมีกล่องพระมาด้วย มาถึงเขายื่นส่งให้กับพันชั่งพลางบอก
“พระนิรันตราย ศักดิ์สิทธิ์นักเทียวอารอดมาหลายครั้ง”
พันชั่งเปิดกล่องออกดู จึงเห็นพระเลี่ยมทองคำ เขาเกรงใจจนต้องยื่นมือส่งคืน
“เอ่อ...คุณอาครับ ของนี้มีค่าเหลือเกิน ผมคงรับไม่ได้”
“รับไปเถอะพันชั่ง อามีสามองค์ ของอาองค์แขวนไว้ ของมะขวิด แต่ต้องรอให้รู้จักรักษาของก่อนจึงจะให้”
น้ำใจผู้ใหญ่ให้ของด้วยความรักและหวังดี พันชั่งล้วงหยิบสร้อยทองคำของตนเองออก พลางห้อยพระใหม่ พร้อมก้มกราบดาหาด้วยความซาบซึ้งใจ
“เขาห้ามแขวนพระสององค์ไม่ใช่หรือครับพี่พันชั่ง”
“กลับไปจะถอดของคุณแม่ออก”
“แล้วกัน” มะขวิดอุทานแล้วหัวเราฮา มะตูมแอบฟังคำสนทนาอย่างที่เรียกว่าเงี่ยหูฟังแต่ไม่เอ่ยอะไรออกมา
พันชั่งรู้สึกสบายใจเสมอ เมื่อขึ้นเรือนนี้เขามีแต่ความสบายใจในความมีน้ำใจ และความอบอุ่นเป็นกันเอง และเมื่อเขาตั้งใจจริงมาหาคนงาม แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดปากคุยด้วยเลย ชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะเอ่ยขออย่างยอมโดนตีหัวแตกถ้าดาหาไม่พอใจว่า
“ผมมีธุระขอคุยกับมะตูมตามลำพังได้มั้ยครับคุณอา”
หญิงสาวรีบปฏิเสธทันทีว่า “ไม่ต้องคุยตามลำพังหรอกค่ะ บ้านเราไม่มีอะไรปิดบังกัน”
เขาหันไปมองหญิงสาวด้วยสายตาเว้าวอน
“ขอเวลาสักสิบนาทีเท่านั้น แล้วจะไม่ให้โอกาสพี่ได้พูดหรือมาที่นี่อีกเลยก็ตามแต่มะตูมจะตัดสินใจ”
“ถ้าเช่นนั้นก็ได้ค่ะ แต่สิบนาทีคือสิบนาทีนะคะ พี่พันชั่งพายเรือมาเองหรือเปล่าคะ”
ดูเถอะยังไม่ได้ทันปรับความเข้าใจ หญิงสาวเตรียมไล่เขากลับบ้านเสียแล้ว
“ครับ ครบสิบนาทีพี่จะพายเรือกลับเลยถ้ามะตูมเอ่ยปากบอก”
หญิงสาวหันไปขออนุญาตบิดา ซึ่งดาหาไม่ว่าอะไร มะขวิดอยากเขกหัวพี่สาวในความแสนงอน แต่ก็ดีใจที่พี่เล่นตัว ใจก้ำกึ่งทั้งเข้าข้างพันชั่งทั้งกลัวใจกับความหาญกล้าของฝ่ายชาย

เรื่อง เจ้าสาวพันชั่งนี้จะลงเพียงสิบตอนนะคะ เพราะหนังสืออกเป้นรูปเล่มแล้วค่ะ เหลือตอนหน้าอีกหนึ่งตอนค่ะ




 

Create Date : 28 มิถุนายน 2554
0 comments
Last Update : 28 มิถุนายน 2554 21:51:22 น.
Counter : 1187 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.