จะมีใครไหมที่เคยสงสัยว่าชีวิตวัยเด็กของพระเยซูก่อนที่จะกลายมาเป็นศาสดาของคริสตชน อาจมีคนเคยสงสัยแต่ก็คงไม่ได้พยายามค้นหาอะไรมากนัก อาจมีบ้างที่ศึกษาจากพระคัมภีร์ไบเบิล แต่ช่วงชีวิตส่วนนั้นหาได้มีกล่าวไว้ไม่ ช่วงชีวิตวัยเด็กที่ว่านั้นคือช่วงเวลาตั้งแต่อายุ 12 ปี จนถึงตอนรับพิธีบัพติสมาในน้ำที่แม่น้ำจอร์แดน เรียกกันว่าช่วงพระชนม์ชีพเร้นลับของพระเยซูเจ้า แต่มีชายคนนึงอาสาพาคุณกลับไปทำความรู้จักช่วงเวลาเร้นลับนั่น ชายคนที่ว่า ไม่ใช่ชายธรรมดาทั่วไป เนื่องเพราะเขาเป็นถึง สหาย สนิทของพระเยซู ร่วมทุกข์ สุข ผจญภัย ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงนาทีสุดท้ายบนไม้กางเขนของพระเยซู ชายคนนั้นมีชื่อว่า บิฟฟ์ ลองอ่านเรื่อง เล่า ของเขา แล้วลองดูว่าคุณจะเชื่อเรื่องเล่าของบิฟฟ์ไหม
คำให้การสหายพระเยซู เป็นเนชั่นแนลเบสท์เซลเลอร์จากปลายปากกา คริสโตเฟอร์ มัวร์ หยิบมาแปลงร่างเป็นไทยโดยสำนักพิมพ์เอิร์นเนส ความพิเศษของเล่มนี้สำหรับผม อยู่ตรงที่เล่มนี้เป็นเล่มสุดท้ายจาก เพชรยอดมงกุฎ สามเล่ม ผลงานแปลชิ้นเอกจากคุณนพดล เวชสวัสดิ์ ก่อนหน้านี้มี โรงฆ่าสัตว์หมายเลข 5 (เขียนถึงแล้วที่-สงคราม ผู้ผ่านเท่านั้นจึงจะเข้าใจ) และ มาสเตอร์กับมาร์การิตา ซึ่งก็เป็นเพชรยอดมงกุฎจริงอย่างไม่ต้องสงสัย รวมไปถึงเล่มนี้ด้วย
คริสโตเฟอร์ มัวร์ พานักอ่านทุกท่านย้อนเวลา ปลุกสหายคนสนิทของพระเยซู ให้กลับมานั่งเขียนบันทึกนัยว่าจะให้เป็นคัมภีร์เล่มใหม่ดุจเดียวกับไบเบิลแต่ออกจะอ่านง่ายกว่าหน่อย แน่ละคำให้การสหายพระเยซูนั้นเป็นนิยายที่แต่งขึ้น แต่อย่าดูเบานิยายเล่มนี้ เนื่องเพราะข้อมูลที่มัวร์ได้ค้นคว้ามา หรือแม้กระทั่งบางช่วงตอนจากพระคัมภีร์ไบเบิล ก็ทำให้ผู้อ่านเช่นผมคิดว่าเขาหาข้อมูลสนับสนุนและอ่านพระคัมภีร์มาไม่รู้กี่มากรอบ แต่ก็เอาเถอะนิยายสุดท้ายก็คือเรื่องที่เขียนขึ้นมาอยู่ดี
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเทวทูตราซีลถูกขับตกสวรรค์ลงมาปฏิบัติภารกิจลับบนโลก ปลุกชีพสหายคนสนิทของพระเยซูให้ตื่นจากหลับใหลยาวนานกว่าสองพันปี จะมีใครบอกเล่าเรื่องเราได้ดีไปกว่าสหาย เพราะเหตุนั้นพระบุตรจึงได้ส่งเทวทูตลงมาปฏิบัติการนี้ จับสหายสนิทมานั่งเขียนเรื่องราวช่วงที่ขาดหายไปนัยว่าเป็นพระคัมภีร์ใหม่ให้กับชาวคริสต์บนโลก เรื่องราวต่อจากนั้นจึงเต็มไปด้วยความสนุก หรรษา ผจญภัย ซึ่งก็เป็นพื้นฐานของวัยเด็กที่จะมีการเล่นซนเป็นธรรมดา แต่บิฟฟ์สหายแห่งพระเยซู กลับได้เห็นสิ่งที่เด็กธรรมดาอย่างเขาไม่ควรได้เห็น บิฟฟ์เห็นปาฏิหารย์จากเพื่อนสนิทของเขามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการชุบชีวิตกิ้งก่า หรือพางูยักษ์เข้าบ้าน แรกก็ตื่นเต้นตกใจแต่ในที่สุดก็กลายเป็นความเคยชิน เพราะเพื่อนเขาไม่ใช่เด็กธรรมดาแต่เป็น เมสสิยาห์ ที่รอการค้นพบและฝึกฝน
ช่วงชีวิตในวัยเด็กของบิฟฟ์และโยชัวเป็นเช่นเด็กทั่วไป มีผู้หญิงอีกคนที่เข้ามาเติมสีสันให้ทั้งสอง เธอคือ แมรี แห่งแม็กเดลา ที่เติบใหญ่มาพร้อมกันและรักใคร่กันจนวันสุดท้าย เมื่อทั้งสามเติบใหญ่จนถึงวัยเหมาะสม แมรี ต้องแต่งงานอย่างจำใจ ส่วนโยชัวและบิฟฟ์ ออกผจญภัยในโลกอีกฟากเพื่อตามหาผู้วิเศษทั้งสามที่ได้มาเยี่ยมตอนที่โยชัวถือกำเนิด เพราะเชื่อว่าทั้งสามคนนี้ต้องมีสักคนที่สามารถบอกเล่าและฝึกฝนให้โยชัวกลายเป็นเมสสิยาห์ได้ การผจญภัยกว่าค่อนโลกของทั้งสองจึงเริ่มขึ้น จากดินแดนยิวสู่โลกฟากตะวันออก มาไกลสุดถึงกำแพงเมืองจีน ผ่านลัทธิความเชื่อแปลกประหลาดในอินเดีย รวมไปถึงศรัทธาในศาสนาที่ต่างกันออกไปในหลายพื้นที่ อีกส่วนก็มาจากการแต่งงานของแมรี ทำให้ทั้งสองหนุ่มใจสลาย จนร่นเวลาตัดสินใจให้เร็วขึ้น
หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายขวบปี ก็ถึงวันที่โยชัวได้ทำในสิ่งที่เป็นพระประสงค์ของ พระเจ้า โยชัวได้ออกช่วยเหลือผู้คนและเผยแพร่คำสอน สอนสั่งให้คนกลับใจจากบาป ระหว่างที่ออกเผยแพร่คำสอนนั้นมีสาวกติดตามมากมาย รวมทั้งบิฟฟ์ด้วย เรื่องราวดำเนินไปจนถึงเรื่องราวสุดท้ายที่ทุกคนต่างก็รู้กันดี คือการที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนจากการถูกกล่าวร้าย และการทรยศจากจูดาสหนึ่งในอัครสาวก
ด้วยความสัตย์จริง ระหว่างอ่านผมเอาใจช่วยไปกับการเดินทางของทั้งสองคน เผลอเอาใจช่วยในบางสถานการณ์ หลุดคำตำหนิการกระทำไร้ความคิด เสียใจไปกับบางการตัดสินใจ น้ำตาหล่นกับความซาบซึ้งใจระหว่างมิตรภาพและความรัก มัวร์ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาสมจริงจนอาจเผลอใจเชื่อว่ามีเหตุการณ์เหล่านั้นดำเนินอยู่จริง แต่หากจะกล่าวให้ชัดผมคิดว่าคุณนพดลก็ทำได้ดีดุจเดียวกัน ภาษาที่แปลเอามันส์ทำให้ผู้อ่านเช่นผมรู้สึกเป็นกันเองกับตัวนิยายเข้าถึงง่าย รู้สึกราวกับนั่งอ่านบันทึกที่สหายเขียนถึงสหายรักอีกคน จนเมื่ออ่านจบผมต้องตั้งสติและบอกกับตัวเองว่า นิยายได้จบลงแล้ว
ลองหาคำให้การของบิฟฟ์มาอ่านดู แล้วคุณอาจเผลอคิดไปว่าชีวิตวัยเด็กของพระเยซูนั้นมหัศจรรย์เพียงใด