ในวันที่อายุได้ 31 ปีการย้อนนึกเรื่องราวในอดีตแห่งวัยเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายนักคงมีเพียงความทรงจำสวยสด ที่แจ่มชัดพอให้นึกถึงครั้นเป็นความทรงจำที่เลวร้ายและเจ็บปวดมันมักจะซ่อนตัวอยู่ในเหลือบซอกด้วยความเหนียมอายแม้นว่ามีใครสักคนเดินเข้ามาขอร้องให้บอกเล่าอดีตที่เจ็บปวด มันคงยากและฝืนใจที่จะระลึกหากแต่เมื่ออดีตแบบเดียวกันนั้นวางตัวรออยู่ในหนังสือเล่มหนึ่ง เมื่อเปิดอ่านความเจ็บปวดที่เคยเหนียมอายจะแสดงตัวเบื้องหน้าเราอย่างกล้าหาญอย่างน้อยมันก็เป็นความจริงที่เคยปรากฏแม้ไม่สวยงาม ต้นส้มแสนรัก โจเซ่ วาสคอนซีลอส พาผู้อ่านย้อนกลับไปสัมผัสความทรงจำในวัยเด็กใช่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับเซเซ่-เด็กน้อยบราซิลวัย 5 ขวบจะเฉียดใกล้เรื่องราวของเราเสียทุกเรื่องหากบางเหตุการณ์เราสัมผัสมันด้วยความรู้สึกร่วมของวัยเด็ก ไม่ว่าจะการเล่นซนจนเกินเหตุ ของสะสมชิ้นเล็กๆ ที่มีคุณค่าทางใจ และคำว่าเพื่อนในทุกๆมิติความหมายของแต่ละคน ชีวิตของชายหนุ่มพนักงานเงินเดือนที่อายุล่วงมาเกือบครึ่งคน นับวันเวลาแค่สามสิบและสามสิบเอ็ดวัน วนเวียนเป็นกงล้อแห่งการหลับตื่น ส่วนใหญ่หมดเปลืองไปกับเรื่องรอบตัวทำงานหาเลี้ยงชีพ เอาตัวรอดในสังคม เจียดเวลาน้อยนิดที่พอเหลือมาตกแต่งความฝันที่มีอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต การคร่ำครวญพร่ำเพ้อถึงอดีตที่ห่างไกล ดูจะเป็นเช่นการฟุ่มเฟือยเวลาที่มี หากบางครั้งภายในจิตใจกลับรู้ดี นั่นเป็นเพียงข้ออ้างต่างหาก อดีตที่ห่างไกลนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่มีเพียงตัวเองที่รับรู้ว่าชีวิตผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาอย่างไร เซเซ่เติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขามีค่าควรแก่การประหยัดและใช้สอยเขาจึงสร้างโลกของตัวเองขึ้นมา โลกที่ไม่ว่าจะกองเงินท่วมตัวก็ไม่อาจแลกเปลี่ยนเอาไปได้ และเขายังพาหลุยส์-น้องชายตัวจ้อย ให้เข้ามาเที่ยวเล่นในโลกของเขา ด้วยความรักของพี่ที่มีต่อน้องชาย น้องชายที่เป็นดั่งเทพบุตรตัวน้อยของเขา สถานที่ที่เซเซ่พาหลุยส์ท่องเที่ยวไปนั้น ไม่ต้องใช้เงินแม้แต่น้อย เขาพาน้องชายสุดที่รักท่องเที่ยวไปในดินแดนจินตนาการทั้งสวนสนุก ทวีปยุโรป เครื่องบิน และการขี่ม้าท่องทุ่งกว้าง การอ่านเรื่องราวของเซเซ่ทำให้มีโอกาสระลึกถึงบางเหตุการณ์ของวัยเด็ก ผมเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้มั่งมี แต่ก็มีมั่ง ไม่ยากจนถึงขนาดเซเซ่ ขณะที่เขียนบทความนี้ ความคิดก็เพริดเตลิดไปรอท่าอยู่ในห้วงชีวิตวัยนั้นแล้ว ผมเริ่มรับรู้ความรู้สึกของการมีมากและมีน้อย ความจำเป็นและความฟุ่มเฟือย เพียงแค่อายุผ่านไปได้3-4 ขวบปี หลังเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลเอกชนประจำอำเภอ ด้วยค่าเทอมในตอนนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่เกือบเรียกได้ว่าแพงแลกมาด้วยการทำงานหนักขึ้นของพ่อ ชีวิตความเป็นไปในนั้นดูจะสนุกสนานตามชีวิตของเด็กอนุบาล หากแต่ความเจ็บปวดบางอย่างก็ได้เริ่มก่อตัวช้าๆ ไม่เป็นรูปร่างและเกินกว่าเด็กวัยนั้นจะเข้าใจ ทุกครั้งหลังพักเที่ยง คุณครูจะเรียกเด็กๆ ให้มายืนต่อแถวกินอาหารว่าง บางวันเป็นน้ำเต้าหู้ บางวันเป็นนม บางวันมีขนมน่าอร่อย แต่ในแถวนั้นผมไม่มีสิทธิ์ได้ยืนต่อเพราะว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่พ่อแม่ของเด็กๆ ต้องจ่ายเพิ่ม เรียกว่าค่าอาหารว่าง ผมเลือกที่จะไม่ไปยืนมองแถวยาวนั้น เลือกที่จะยักไหล่ไม่สนใจ และนั่งเล่นกับเพื่อนที่เหลือที่พ่อแม่ไม่ได้จ่ายค่าอาหารว่างเช่นกัน ความคิดในตอนนั้นที่ยังพอนึกได้ลางๆ คือว่าทำไมเราถึงไม่ได้กินแบบเพื่อนละ คงเป็นเพราะนั่นคือลูกคนมีเงินไงเลยได้กินแต่น่าแปลกที่ไม่มีความเสียใจเกิดขึ้น มีเพียงความไม่เข้าใจของเด็ก อีกเหตุการณ์ที่ยังพอระลึกได้ในห้วงนั้น ช่วงเวลาเรียกเก็บค่าเทอม ซึ่งถูกคุณครูตามหลายครั้งเพราะจ่ายไม่ตรงเวลา มันคงเป็นบาดแผลเล็กๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันสังเกต เมื่อวันเวลาเคลื่อนผ่านจนพอจะทำความเข้าใจกับเรื่องราวรอบตัวได้แล้ว ผมก็เรียนรู้ที่จะไม่ร้องขออะไรจากพ่อและแม่ เพราะรู้ว่าสุดท้ายทั้งพ่อและแม่ต้องดิ้นรนเพื่อให้เราได้ครอบครอง ผมปรับเปลี่ยนความอยากเป็นความอยากที่พอจะสะสมเงินเก็บไปซื้อได้เท่านั้น อีกเหตุการณ์ที่ซ่อนเก็บไว้ในหลืบลึก มันเป็นช่วงเวลาในการเรียนมัธยมต้น ด้วยความซนทำให้ฟันซี่ล่างด้านหน้าของผมหักครึ่งซีก หลังจากผ่านการรักษารากฟันก็ต้องทำฟันปลอมครอบรากเดิม ซึ่งต้องทำจากร้านหมอฟันเอกชนผมนั่งอยู่ที่เก้าอี้ ได้ยินพ่อคุยกับคุณหมอเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ทั้งหมดเป็นจำนวนเงิน 700 บาท มันไม่เยอะมากสำหรับบางครอบครัว แต่สำหรับเราแล้วมากเอาการ ผมเผลอคิดไปว่าคงไม่ได้ทำแน่ ผมได้ยินเสียงของพ่อบอกกับคุณหมอว่าขอชำระเป็นสองครั้งได้ไหมวันนี้จะจ่ายให้ 400 บาทและสัปดาห์หน้าจะชำระให้อีก 300 บาท คุณหมอยิ้มบอกกับพ่อว่าไม่ต้องกังวล ทำไปเถอะ มีเงินแล้วค่อยเอามาให้ ผมจำไม่ได้ว่าตอนนั้นร้องไห้ออกมาหรือเปล่า แต่ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อตัวภายในนั้นแล้ว นับเนื่องจากนั้นผมสัญญากับตัวเองเอาไว้ลึกๆ น้องชายที่ต่างวัยกันห้าปี จะต้องไม่เจอกับสิ่งที่ผมได้เจอ หนังสือ ต้นส้มแสนรัก ถูกปิดลงด้วยคราบน้ำตาเปรอะแก้ม น้ำตามากหยดหลั่งให้กับเซเซ่ และอีกส่วนนั้นให้กับอดีตที่หลบเร้นอยู่ในซอกหลืบมานานโจเซ่ วาสคอนซีลอส ใช้เวลา 12 วันในการเสกต้นฉบับอัศจรรย์นี้ และผมใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการซึมซับเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ แต่มันกลับทำให้ผมได้ย้อนกลับไปในอดีตหลายๆ วัน ที่ถูกกลืนหายไปในสายธารแห่งการเอาชีวิตรอดในปัจจุบัน และได้ระลึกถึงอดีตนั้นด้วยน้ำตา. |
ช่วงที่ห้องสมุดในพันทิพยังรุ่งเรือง วรรณกรรมเยาวชนนี่แนะนำกันอย่างสนุกสนานเลยค่ะ