ผมไม่ค่อยถูกจริตนักกับงานเขียนที่มีคำสร้อยต่อท้ายว่า นวนิยายรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรท์) ทุกคราวที่ได้เห็นจะรู้สึกราวกับยาขม ต่อให้ผู้ใหญ่ปลอบประโลมว่าหวานปานใดก็มิอาจปล่อยให้ไหลผ่านลงคอ แม้สรรพคุณจะดีเด่ก็ตาม และ ลับแล, แก่งคอย ของ อุทิศ เหมะมูล ก็หาได้รับการยกเว้นไม่ ผมปล่อยเวลาผ่านเลยมากเกือบสามปี ทั้งที่ใจก็เฝ้าร่ำร้องว่าอยากอ่าน จนในที่สุดปราถนาแห่งยาขมนั้นก็มีชัย
ลับแล, แก่งคอย เป็นเรื่องเล่าจากปากของ ลับแล-ผู้น้องที่ในท้ายที่สุดจะครอบครองนามอันเป็นของพี่ชาย-แก่งคอย เขาเล่าถึงครอบครัวของตัวเอง ครอบครัวของนายช่างใหญ่แห่งโรงปูนซีเมนต์ตรานกอินทรี ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เรื่องเล่า เน้นย้ำอีกสักที ว่าเรื่องที่ดำเนินอยู่นั้น เป็นเรื่องเล่าจากปากลับแล บุตรชายคนรองของนายช่างแห่งโรงปูนแต่เพียงผู้เดียว
ลับแล เริ่มต้นเรื่องเล่าของตนเองอย่างสัตย์ซื่อ ตรงตามความหมายของทุกตัวอักษรของความสัตย์ซื่อนั้น ก่อนที่ภายหลังความสัตย์ซื่อแห่งเรื่องเล่านั้นจะฉายภาพที่ผิดเพี้ยนไป ลับแลรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ของผู้พ่อ เมื่อคราวอายุครบเก้าขวบปี รับรู้ในคราวเดียวกับพี่ชาย แก่งคอย ซึ่งแก่กว่าเขาสี่ปี ระหว่างชงเหล้าให้พ่อในคืนหนึ่งกลางบ้าน ไอ้หนู กระเถิบเข้ามาใกล้ ๆ พ่อจะเล่าอะไรให้ฟัง จากนั้นพ่อของเขาก็พาสองทั้งเขาและพี่ชายย้อนกลับไปวันของตัวเอง สืบย้อนกลับไปถึงเมื่อคราวปู่และย่ามาจากเมืองจีนอย่างไร ร่ายยาวไปจนถึงความโลดโผนโจนทะยานในวัยหนุ่มกับเพื่อนซี้อย่างเสริฐ
จากเรื่องราวของผู้พ่อ ก็มาถึงเรื่องราวของลับแล ในช่วงเวลาที่ช่วงชีวิตของเขาเริ่มทาบทับกับช่วงชีวิตของแก่งคอยและคนในครอบครัว การละเล่นคึกคะนองในวัยเด็ก ความต้องการในวัยเริ่มรู้ความ ความโหยหาในสิ่งที่ขาดหายไป บางช่วงตอน เรื่องราวถูกเล่าขณะลับแลถูกแม่และพ่อเลี้ยง พามาอยู่ที่วัดกลางป่าด้วยเหตุผลว่าวิญญาณที่อยู่ในร่างของลับแลหาใช่วิญญาณของลับแลไม่ พฤติกรรมแปลกประหลาดที่นับวันยิ่งแข็งกร้าวต่อผู้คนรอบข้างและเหตุผลประกอบอีกมากประการนำสู่การตัดสินใจพาเขาเข้าสู่ความช่วยเหลือแห่งพุทธสถาน ที่แห่งนี้เอง เป็นสถานที่เริ่มต้นเรื่องราวแห่ง ลับแล, แก่งคอย และเป็นสถานที่แห่งสุดท้ายที่เปิดเผยเรื่องราวลึกลับดำมืดแห่งจิตใจ ที่ยากแท้แก่การหยั่งลง แม้เจ้าเหย้าแห่งตัวตนก็มิอาจกระทำ
อุทิศ เหมะมูล ฉีกตั๋วและนำพาผู้อ่านท่องทัวร์ทำความรู้จักครอบครัวของนายช่างแห่งโรงปูนที่แก่งคอย ผ่านเรื่องราวหลักของชีวิตทุกชีวิตในครอบครัวเขา เราผู้ติดตามอุทิศมิอ่านตัดสินใครได้ว่าการกระทำแห่งเขาเหล่านั้นถูกผิดอย่างไร หรือแม้กระทั่งเปรียบเปรยว่าหากเป็นเราจะเลือกทำเช่นนั้นหรือ ไม่มีเวลาพอ อุทิศไม่รอให้ใครได้ตัดสินใคร กลับคล้อยตามบทชีวิตและเส้นทางแห่งนั้นโดยดุษณี แม้กระทั่งฉากสุดท้ายวางแผ่ตรงหน้า ก็ยังมิอาจตัดสินว่าเป็นความผิดแห่งใคร ในเมื่อเรื่องเล่านั้นเกิดจากชิ้นส่วนของทุกตัวละคร เศษเสี้ยวชีวิตของทุกตัวละคร การตัดสินใจของหนึ่งตัวละคร ส่งผลกระทบสู่อีกตัวละครอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง ในที่สุดจนนำไปสู่ เรื่องเล่าจากร่องรอยทรงจำ