ผมได้รับหนังสือเล่มนี้ในเย็นวันนึงผ่านบุรุษไปรษณีย์ จ่าหน้าผู้ส่งโดยมิตรท่านเดิมผู้ได้รับความเคารพและยกย่องในความสามารถจากผมเต็มเปี่ยม ดุจเดียวกับหนังสือดีอีกมากเล่มที่ผมมีในครอบครอง แต่การมาถึงของ The Tempest อยู่ในระหว่างการละเลียด มาสเตอร์กับมาการิตา ของสำนักพิมพ์และผู้แปลท่านเดียวกัน แต่ระหว่างนั้นก็คืบเคลื่อนไปไม่กี่บททั้งที่ก็ได้มาเนิ่นนานจากมิตรท่านเดิม เพียงแต่สิ่งที่กำกับผ่านอีเมลล์หลังจากได้รับหนังสือ ทำให้ผมวาง มาสเตอร์ฯ ลงเพื่อหยิบ The Tempest ขึ้นมาเสพ ข้อความนั้นกำกับว่า วางมาสเตอร์ลงชั่วครู่ หยิบเทมเปสต์มาลองอ่านสักสองบท น่าจะช่วยให้คิดถึงเฮียมูมากยิ่งขึ้น เท่านั้นเองก็ยวนยั่วให้ผมไม่รีรอที่เปิดหน้าแรกออกเชยชม
The Tempest วิญญาณในภาพเขียน โดย Juan Manuel de Prado นักเขียนชาวสเปน แปลโดยคุณนพดล เวชสวัสดิ์ ทรานสเลเตอร์มากฝีมือของวงการ และสำนักพิมพ์เอิร์นเนส สำนักพิมพ์ที่มีลิสต์หนังสือไม่ธรรมดาบนแผงหนังสือ พ่วงด้วยรางวัลทรงเกียรติทางด้านวรรณกรรมของสเปนอย่าง รางวัลพลาเนตา ก็ทำให้เล่มนี้น่าจับตา (ในสายตาผม) ก่อนจะวางแผงด้วยซ้ำ แต่ที่เหนือกว่านั้น ก็คือสำนักพิมพ์และทรานสเลเตอร์ของเล่มที่ทำให้ผมจับตามอง
วิญญาณในภาพเขียน เป็นเรื่องราวของอาจารย์ศิลปะจากสเปน อะเลฮานโดร บัลเลสเตอรอส อาจารย์ศิลปะผู้จาริกมาถึงนครเวนิสเพื่อเสพในสิ่งเดียวคือ ภาพเขียนเดอะ เทมเปสต์ ของศิลปิน จอร์โจเน หลังใช้เวลาศึกษาค้นคว้าเก็บข้อมูลจากแหล่งต่างๆ รวมถึงภาพพิมพ์ที่มิใช่ของจริง จนสำเร็จเป็นวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเล่มโต ไม่แม้สักครั้งที่จะได้ยลโฉมภาพนั้นผ่านสายตาตนเองโดยไม่มีอะไรขวางกั้น แต่หลังจากการมาสู่ของเขาในนครเวนิสเพียงแค่วันเดียว สิ่งที่เขาได้เสพก็เพิ่มปริมาณทบเท่าทวีคูณ ล้วนเป็นสิ่งที่นึกไม่ถึงและไม่ได้ต้องการ แต่สิ่งที่วางเรียงรอให้ได้เสพกลับไม่มีสิ่งใดทำให้เขาติดได้ แม้กระทั่งภาพเขียนที่ต้องการก็ไม่สามารถร่ายมนต์สะกดเขาได้ตามที่คิดไว้ สิ่งเดียวที่รัดรึงตรึงแน่น เขาเสพมันจะกระทั่งติดแม้กระทั่งยามฝันนั่นคือ คิอารา สาวน้อยนัยตาชาวนา เธอผู้ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้กอบกู้ ปกป้องศิลปะแห่งนครเวนิส อาจฟังดูเกินจริง แต่เมื่ออ่านจบและเก็บข้อมูลจากตัวละครก็จะรู้ได้ว่าไม่เกินจริงนักหากกล่าวเช่นนี้
เดอะ เทมเปสต์ แฝงนัยไปด้วยเรื่องราวของโลกศิลปะ เจาะจงลงไปเฉพาะโลกศิลปะแห่งมหานครเวนิส การวิพากษ์งานศิลป์หล่นเรียงรายในแต่ละบท แสบสันต์ละเอียดยิบ จนคนนอกโลกศิลปะอย่างผมเริ่มคล้อยตามหล่นไปอยู่ในโลกนั้น แต่โลกศิลปะของเดอะ เทมเปสต์ นั้นยังแต้มแต่งไปด้วยเรื่องราวของความรัก หลงรัก แอบรัก บูชารัก จนไปถึงปักใจรัก วาดเติมด้วยการหักหลัง กลโกง คำฉ้อปดมดเท็จ ใส่ร้าย และฆาตกรรม วางตัวเป็นที่เป็นทางหากแต่ไม่สะดุดตาจนกว่าจะขยับไปใกล้ ผูกโยงเรื่องราวให้น่าติดตามตลอดเรื่อง หยุดคั่นด้วยฉากวาบหวาม รสรักร้อนแรง ของตัวละคร คุณนพดล เลือกหยิบภาษาไทยไปใส่แทนที่ภาษาต้นฉบับได้อย่างมีอารมณ์ เป็นอารมณ์ร่วมของผู้อ่านแบบผม ซึ่งไม่แน่ใจนักว่าผู้อ่านท่านอื่นจะเป็นดุจเดียวกันหรือเปล่า แต่ด้วยความสัตย์จริง ผมแอบมีอารมณ์ร่วมอยู่หลายฉากทีเดียว หากจะกล่าวให้ชัด คำบรรยายถึงเธอ คิอารา ทำให้ผมหลงรักดุจเดียวกับบัลเลสเตอรอสก็ไม่ปาน
หลังจากผมปิดหนังสือเล่มนี้ลง ผมนึกไปถึงคำพูดของมิตรผู้ส่งหนังสือเล่มนี้มาให้ ที่บอกว่าจะช่วยให้ผมคิดถึงเฮียมูมากยิ่งขึ้นนั้น ก็ไม่ได้ผิดไกลนัก อารมณ์และการดำเนินของเรื่องอาจไม่เฉียดใกล้ แต่อารมณ์ของตัวพระเอกต่างหาก ที่ทำให้ผมฉุกคิดถึงตัวละครของมูราคามิอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงฉากอีโรติคในเรื่องที่หล่นเรี่ยราดตามมุมต่างๆเต็มไปหมด แถมได้ผู้ถอดความท่านเดียวกันอย่างคุณนพดล อารมณ์มูราคามิจึงลอยจางคล้ายหมอกควันเหนือนครเวนิส
อีกครั้งที่ผมได้รับหนังสือดีดีจากมิตรท่านนี้ ผู้ซึ่งหลายครั้งผมได้มุมมองหลายอย่างผ่านตัวหนังสือ ไม่อยากอวดโอ่ใช้คำว่ามุมมองทางวรรณกรรม เพราะผมเป็นเพียงผู้เสพตัวหนังสือมิใช่ตีความ การเขียนของผมจึงเป็นไปในลักษณะอ่านแล้วชอบ จึงเอามาเขียนมาเล่าให้คนอื่นได้อ่านบ้างเท่านั้นเอง ฉนั้นหนังสือที่ผมเขียนถึงทุกเล่มจึงดี (ในสายตาผม) ทุกเล่ม ถ้าไม่ดีไม่เขียนถึงเพราะไม่สามารถวิจารณ์ได้ หวังว่าวิญญาณจากภาพเขียนภาพนี้จะดลใจให้คุณหยิบหนังสือเล่มนี้กลับบ้านนะครับ