" เรื่องราวต่างๆเป็นดั่งทองคำในเทพนิยาย เมื่อคุณแจกจ่ายไปมากขึ้น คุณก็ได้รับกลับมามากขึ้น " พอลลี แมคไกวร์
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
23 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 

ว่าด้วย กฏแห่งกรรม The Law of Karma ( หน้าที่ของกรรม)



หน้าที่ของกรรม (กิจจตุกก)

กรรม คือ เจตนาที่กระทำบุญและบาป ได้แก่ กุศลกรรม และ อกุศลกรรม ผลของบุญและบาปจะให้ผลในลักษณะ ๔ ประการ เรียกว่า หน้าที่ของกรรม คือ

๑. ชนกกรรม คือ กรรมนำเกิด
๒. อุปถัมภกกรรม คือ กรรมอุดหนุน
๓. อุปปีฬกกรรม คือ กรรมเบียดเบียน
๔. อุปฆาตกกรรม คือ กรรมตัดรอน

๑. ชนกกรรม คือ กรรมนำเกิด

เมื่อคนเราได้กระทำบุญหรือบาปลงไปแล้ว ผลของบุญหรือบาป คือ วิบากจิต จะเป็นตัวนำเกิดในภพภูมิต่าง ๆ โดยมี กรรมอารมณ์ กรรมนิมิตอารมณ์ หรือคตินิมิตอารมณ์ อย่างใดอย่างหนึ่งปรากฏขึ้น ก่อนที่สัตว์นั้นจะตายไป ลักษณะของอารมณ์ทั้ง ๓ มีดังนี้

ก่อนตายจะระลึกถึงบุญหรือบาปที่ทำไว้ ถ้าทำบาปไว้มากเมื่อสิ้นลมก็ไปสู่ทุคติคือ นรก เปรต อสุรกาย หรือ เดรัจฉาน ถ้าทำบุญไว้มากเมื่อสิ้นลมก็จะไปสู่สุคติ ไปเกิดเป็นมนุษย์ หรือเทวดา ถ้าได้ฌาน ก็จะไปเกิดเป็นพรหม ตามฐานะของฌานที่ตนได้ เรียกว่า กรรมอารมณ์ มาปรากฏ

ก่อนตายจะปรากฏให้เห็นภาพเครื่องไม้เครื่องมือในการทำบุญทำบาป เช่น เห็นแห เห็นอวน เห็นปืน ซึ่งเป็นเครื่องมือในการทำบาป เมื่อสิ้นลมก็ไป สู่ทุคติ คือ นรก เปรต อสุรกาย หรือ เดรัจฉาน ถ้าทำบุญไว้มาก เช่น ทำบุญตักบาตร ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา จะเห็นภาพอุปกรณ์ในการทำบุญ เช่น เห็นขันข้าว หม้อข้าว ทัพพี เห็นวัดวาอารามโบสถ์วิหาร เมื่อสิ้นลมก็จะไปสู่สุคติ ไปเกิดเป็นมนุษย์ หรือเทวดา ถ้าได้ฌาน ก็จะไปเกิดเป็นพรหม ตามฐานะของฌานที่ตนได้ เรียกว่า กรรมนิมิตอารมณ์ มาปรากฏ

ก่อนตายเห็นภาพสถานที่ใหม่ที่จะไปเกิด ถ้าเห็นถ้ำ ป่าเขาลำเนาไพร น้ำตก เหว ทะเล มหาสมุทร เมื่อตายลงก็จะไปเกิดเป็นเปรต อสุรกาย ถ้าเห็นไฟนรก เห็นเครื่องจองจำ เห็นสัตว์นรกกำลังถูกทรมาน เมื่อตายลงจะไปเกิดเป็นสัตว์นรก หรือถ้าเห็นหมู่เดรัจฉานนานาชนิด จะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เรียกว่า คตินิมิตอารมณ์

กรรมที่จะทำหน้าที่ชนกกรรมได้ ต้องเป็นบุญหรือบาปที่มีกำลังแรง (ครบองค์แห่งกรรมบถ) ถึงจะสามารถส่งผลเป็นชนกกรรมนำเกิดให้กับสัตว์ทั้งหลาย


กรรมที่ทำหน้าที่นำเกิดในภพภูมิต่างๆ นั้น ทำหน้าที่ ๒ กาล คือ

๑. ทำหน้าที่ในปฏิสนธิกาล (ขณะเกิด)
๒. ทำหน้าที่ในปวัตติกาล (หลังจากเกิดจนกระทั่งตาย)

ชนกกรรม คือ กรรมที่สัตว์ทั้งหลายได้กระทำไว้แล้ว ทั้งฝ่ายบุญและฝ่ายบาป ทำหน้าที่ เป็นชนก-กรรม ทำให้วิบากและกัมมชรูป (รูปที่เกิดจากกรรม) และกัมมปัจจยอุตุชรูป (รูปที่เกิดจากกรรมมีอุตุเป็นปัจจัย) เกิดขึ้นได้ทั้ง ๒ กาล คือ ปฏิสนธิกาล และ ปวัตติกาล

๑. ทำหน้าที่ในปฏิสนธิกาล คือ เมื่อสัตว์ทั้งหลายตายลงแล้วก็ไปเกิดในภพภูมิต่างๆ มี อบายภูมิ กามสุคติภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ ด้วยอำนาจของชนกกรรมที่ทำให้วิบากและกัมมชรูป(นาม-รูป)ไปเกิดเป็นสัตว์ในภูมินั้นๆ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์ การเกิดขึ้นครั้งแรกจะมีอวัยวะหรือรูปเกิดขึ้นยังไม่ครบ ต่อมาภายหลังรูปจึงจะเกิดขึ้นอีก

๒. ทำหน้าที่ในปวัตติกาล คือกรรมที่ทำหน้าที่ให้รูปนามเกิดขึ้นสืบต่อจากปฏิสนธิกาล จนกระทั่งสิ้นชีวิต เมื่อมนุษย์เกิดขึ้นมาครั้งแรกมีรูปที่เกิดจากกรรม ต่อมาภายหลังอวัยวะอื่น ๆ คือ ตา หู จมูก ลิ้น รวมทั้งอวัยวะน้อยใหญ่ก็เกิดขึ้นตัวชนกกรรม ก็ทำหน้าที่สืบต่อให้รูปหรืออวัยวะเกิดขึ้นตามมาจนครบ แม้วิมานอันเป็นที่อยู่ของ เทวดา พรหม ไฟ หรือเครื่องทรมานสัตว์นรกก็เกิดด้วยอำนาจของชนกกรรมเช่นเดียวกัน

ชนกกรรม ที่ทำให้วิบากจิต กัมมชรูป และกัมมปจยอุตุชรูป ที่เกิดในปวัตติกาลนี้ เป็นกรรมที่ครบองค์แห่งกรรมบถหรือไม่ครบก็ตาม ย่อมสามารถนำให้เกิดได้ทั้งสิ้น


๒. อุปถัมภกกรรม คือ กรรมอุดหนุน

อุปถัมภกกรรม คือ กรรมที่มีหน้าที่อุดหนุนการให้ผลของกรรมอื่นๆ และการสืบต่อของขันธ์ที่เกิดจากกรรมอื่น ๆ เหมือนบิดามารดาที่คอยอุปถัมภ์เลี้ยงดูบุตร

อุปถัมภกกรรม มี ๓ ประการ คือ
๑. ช่วยอุดหนุนชนกกรรม ที่ยังไม่มีโอกาสให้ผล ได้มีโอกาสส่งผล
๒. ช่วยอุดหนุนชนกกรรม ที่กำลังมีโอกาสให้ผล ให้มีกำลังในการส่งผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
๓. ช่วยอุดหนุนแก่รูปนาม ที่เป็นวิบากของชนกกรรมให้เจริญขึ้นและตั้งอยู่ได้นาน

๑. ช่วยอุดหนุนชนกกรรม ที่ยังไม่มีโอกาสให้ผล ได้มีโอกาสส่งผล

บุญและบาปที่เกิดขึ้นหรือกระทำตอนใกล้จะตายนั้น จะมีบทบาทสำคัญที่จะเป็นพลังสนับสนุนให้บุญและบาปในอดีต บุญและบาปในปัจจุบันที่ยังไม่มีโอกาสให้ผลได้มีโอกาสส่งผล

การช่วยอุดหนุนชนกกรรม ที่ยังไม่มีโอกาสให้ผล ให้มีโอกาสส่งผลนั้น มี ๘ ประการ คือ

๑.๑ กุศล ที่เกิดขึ้นในมรณาสันนกาล (ใกล้จะตาย)
ช่วยอุดหนุนแก่ กุศลชนกกรรมในอดีต ที่ยังไม่มีโอกาสส่งผล ได้มีโอกาสส่งผล
๑.๒ กุศล ที่เกิดขึ้นในมรณาสันนกาล (ใกล้จะตาย)
ช่วยอุดหนุนแก่ กุศลชนกกรรม ในปัจจุบัน ที่ยังไม่มีโอกาสส่งผล ได้มีโอกาสส่งผล
๑.๓ อกุศล ที่เกิดขึ้นในมรณาสันนกาล (ใกล้จะตาย)
ช่วยอุดหนุนแก่ อกุศลชนกกรรม ในอดีต ที่ยังไม่มีโอกาสส่งผล ได้มีโอกาสส่งผล
๑.๔ อกุศล ที่เกิดขึ้นในมรณาสันนกาล (ใกล้จะตาย)
ช่วยอุดหนุนแก่ อกุศลชนกกรรม ในปัจจุบัน ที่ยังไม่มีโอกาสส่งผล ได้มีโอกาสส่งผล
๑.๕ กุศล ที่เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่เสมอในปัจจุบันภพ
ช่วยอุดหนุนแก่ กุศลชนกกรรม ในอดีตภพ ที่ยังไม่มีโอกาสส่งผล ได้มีโอกาสส่งผล
๑.๖ กุศลที่เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่เสมอในปัจจุบันภพ
ช่วยอุดหนุนแก่ กุศลชนกกรรม ในปัจจุบันภพ ที่ยังไม่มีโอกาสส่งผล ได้มีโอกาสส่งผล
๑.๗ อกุศลที่เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่เสมอในปัจจุบันภพ
ช่วยอุดหนุนแก่ อกุศลชนกกรรม ในอดีตภพ ที่ยังไม่มีโอกาสส่งผล ได้มีโอกาสส่งผล
๑.๘ อกุศลที่เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่เสมอในปัจจุบันภพ
ช่วยอุดหนุนแก่ อกุศลชนกกรรม ในปัจจุบันภพ ที่ยังไม่มีโอกาสส่งผล ได้มีโอกาสส่งผล

๒. ช่วยอุดหนุนชนกกรรม ที่กำลังมีโอกาสให้ผล ให้มีกำลังในการส่งผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ถ้าเป็นบุญอุดหนุนบุญ ที่เป็นตัวนำเกิด เช่น ผู้มีใจบุญทั้งหลายทำแต่กุศลอยู่เสมอไม่เคยทำบาปเลย เวลาใกล้จะตายจิตผ่องใส เมื่อตายก็จะไปเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาที่มีฐานะมียศฐาบรรดาศักดิ์ การทำความดีระหว่างที่มีชีวิตอยู่นั้น ย่อมมีโอกาสที่จะส่งผลให้มีกำลังสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ตรงกันข้าม ถ้าเป็นผู้มีใจมืดมัวไม่กลัวบาปบุญคุณโทษ ไม่เชื่อในนรกสวรรค์ ไม่เชื่อว่าตายแล้วเกิดอีก จะทำแต่บาปอยู่เสมอ เมื่อใกล้จะตายจิตย่อมเศร้าหมอง เมื่อตายลงก็จะไปเกิดในนรก เสวยทุกข์สิ้นกาลนาน ทั้งนี้ เพราะอกุศลกรรมที่เกิดเมื่อใกล้จะตายนั้น ช่วยอุดหนุนแก่อกุศลกรรมที่เป็นตัวนำเกิด ให้มีกำลังแรงส่งผลได้เต็มที่

อุปถัมภกกรรมที่ช่วยอุดหนุนชนกกรรม ที่กำลังมีโอกาสให้ผล ให้มีกำลังในการส่งผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น มี ๑๐ ประการ คือ

๒.๑ กุศลที่เกิดขึ้นในมรณาสันนกาล (ใกล้จะตาย)
ช่วยอุดหนุนแก่ กุศลชนกกรรมในอดีต ที่กำลังมีโอกาสส่งผล ให้มีกำลังในการส่งผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
๒.๒ กุศลที่เกิดขึ้นในมรณาสันนกาล (ใกล้จะตาย)
ช่วยอุดหนุนแก่ กุศลชนกกรรมในปัจจุบันภพ ที่กำลังมีโอกาสส่งผล ให้มีกำลังในการส่งผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
๒.๓ อกุศลที่เกิดขึ้นในมรณาสันนกาล (ใกล้จะตาย)
ช่วยอุดหนุนแก่ อกุศลชนกกรรมในอดีตภพ ที่กำลังมีโอกาสส่งผล ให้มีกำลังในการส่งผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
๒.๔ อกุศลที่เกิดขึ้นในมรณาสันนกาล (ใกล้จะตาย)
ช่วยอุดหนุนแก่ อกุศลชนกกรรมในปัจจุบันภพ ที่กำลังมีโอกาสส่งผล ให้มีกำลังในการส่งผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
๒.๕ กุศลที่เกิดขึ้นในปวัตติกาล
ช่วยอุดหนุนแก่ กุศลชนกกรรมในอดีตภพ ที่กำลังมีโอกาสส่งผล ให้มีกำลังในการส่งผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
๒.๖ กุศลที่เกิดขึ้นในปวัตติกาล
ช่วยอุดหนุนแก่ กุศลชนกกรรมในปัจจุบันภพ ที่กำลังมีโอกาสส่งผล ให้มีกำลังในการส่งผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
๒.๗ อกุศลที่เกิดขึ้นในปวัตติกาล
ช่วยอุดหนุนแก่ อกุศลชนกกรรมในอดีตภพ ที่กำลังมีโอกาสส่งผล ให้มีกำลังในการส่งผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
๒.๘ อกุศลที่เกิดขึ้นในปวัตติกาล
ช่วยอุดหนุนแก่ อกุศลชนกกรรมในปัจจุบันภพ ที่กำลังมีโอกาสส่งผล ให้มีกำลังในการส่งผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
๒.๙ กุศลที่เกิดขึ้นในอดีตภพ
ช่วยอุดหนุนแก่ กุศลชนกกรรมในปัจจุบันภพ ที่กำลังมีโอกาสส่งผล ให้มีกำลังในการส่งผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
๒.๑๐ อกุศลที่เกิดขึ้นในอดีตภพ
ช่วยอุดหนุนแก่ อกุศลชนกกรรมในปัจจุบันภพ ที่กำลังมีโอกาสส่งผล ให้มีกำลังในการส่งผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น


๓. ช่วยอุดหนุนแก่รูปนาม ที่เป็นวิบากของชนกกรรมให้เจริญขึ้นและตั้งอยู่ได้นาน

บุคคลที่เกิดมามีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนประสพแต่ความสุข ยิ่งเป็นบุคคลที่เกิดมา เป็นคนมีใจบุญใจกุศลช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ทำบุญให้ทานบำรุงพระพุทธศาสนาเหล่านี้ ย่อมทำให้มีความสุขกาย สุขใจ ผิวพรรณผ่องใส มีอายุยืน เมื่อถึงคราวเจ็บไข้ก็จะพบหมอดี พยาบาลดีรักษาหายเร็ว มีคนคอยปรนนิบัติให้ได้รับความสะดวกทุกอย่าง ทั้งนี้ก็เพราะบุญอุปถัมภ์รูป-นามให้คนสัตว์ทั้งหลาย มีอายุยืนนาน

ส่วนพวกสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย มีจิ้งจก ตุ๊กแก แมว เสือ ซึ่งเกิดมาจากอกุศลกรรมทั้งสิ้น แล้วยังต้องกินสัตว์อื่นเป็นอาหารจึงจะมีชีวิตอยู่ได้ การดำรงชีวิตเป็นไปด้วยความทุกข์ยากลำบากต่าง ๆ ก็เพราะอกุศลกรรมที่กระทำอยู่นี้ช่วยอุดหนุนแก่รูปนามของสัตว์ทั้งหลาย ที่เกิดจากอกุศลกรรม ที่เป็นตัวนำเกิดให้มีชีวิตอยู่ได้ยืนนาน

อุปถัมภกกรรม ที่ช่วยอุดหนุนแก่รูปนามที่เป็นวิบากของชนกกรรม ให้เจริญขึ้นและตั้งอยู่ได้นานนั้น มี ๗ ประการ คือ

๓.๑ กุศลที่เคยทำมาในภพก่อน ๆ
ช่วยอุดหนุนแก่รูปนามที่เกิดจากกุศลชนกกรรม ให้เจริญขึ้นและตั้งอยู่ได้
๓.๒ กุศลที่เคยทำมาในภพนี้
ช่วยอุดหนุนแก่รูปนามที่เกิดจากกุศลชนกกรรม ให้เจริญขึ้นและตั้งอยู่ได้
๓.๓ อกุศลที่เคยทำมาในภพก่อน ๆ
ช่วยอุดหนุนแก่รูปนามที่เกิดจากอกุศลชนกกรรม ให้เจริญขึ้นและตั้งอยู่ได้
๓.๔ อกุศลที่เคยทำมาในภพนี้
ช่วยอุดหนุนแก่รูปนามที่เกิดจากอกุศลชนกกรรม ให้เจริญขึ้นและตั้งอยู่ได้
๓.๕ กุศลที่เคยทำมาในภพก่อน ๆ
ช่วยอุดหนุนแก่รูปนามที่เกิดจากอกุศลชนกกรรม ให้เจริญขึ้นและตั้งอยู่ได้
๓.๖ กุศลที่เคยทำมาในภพนี้
ช่วยอุดหนุนแก่รูปนามที่เกิดจากอกุศลชนกกรรม ให้เจริญขึ้นและตั้งอยู่ได้
๓.๗ อกุศลที่เคยทำมาในภพก่อน ๆ
ช่วยอุดหนุนแก่รูปนามที่เกิดจากกุศลชนกกรรม ให้เจริญขึ้นและตั้งอยู่ได้


๓. อุปปีฬกกรรม คือ กรรมเบียดเบียน

อุปปีฬกกรรม เป็นกรรมที่มีหน้าที่เบียดเบียนชนกกรรมอื่นที่มีสภาพตรงข้ามกับตน คือ บุญเบียดเบียนบาป , บาปเบียดเบียนบุญ ทุกข์เบียดเบียนสุข , สุขเบียดเบียนทุกข์ เช่น ขณะที่มีสุขอยู่ มีสุขภาพแข็งแรงดี ต่อมาเกิดโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ทำให้เกิดความทุกข์กายทุกข์ใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะบาปเบียดเบียนบุญ หรือคนบางคนต้องทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยความยากลำบาก ต่อมาถูกล็อตเตอรี่ ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นไม่ต้องตรากตรำทำงานหนักเหมือนแต่ก่อน เพราะผลบุญเบียดเบียนความทุกข์ยากที่เคยได้รับให้ลดน้อยลง

อุปปีฬกกรรมนั้นทำหน้าที่เบียดเบียนชนกกรรมให้มีสภาพตรงข้ามกับตนนั้น เบียดเบียนได้ ๒ ลักษณะ คือ ๑. เบียดเบียน เพื่อไม่ให้มีโอกาสส่งผล ๒. เบียดเบียน เพื่อลดกำลัง ไม่ให้ส่งผลได้เต็มที่ ซึ่งอุปปีฬกกรรมจะทำหน้าที่ ๓ ประการคือ

การเบียดเบียนของอุปปีฬกกรรม มีหน้าที่ ๓ ประการ คือ

๑. เบียดเบียนชนกกรรมอื่น ไม่ให้มีโอกาสส่งผล

๒. เบียดเบียนชนกกรรมอื่น ที่มีโอกาสส่งผลอยู่แล้ว ให้มีกำลังลดลง

๓. เบียดเบียนรูปนาม ที่เกิดจากชนกกรรมอื่นนั้น


๑. อุปปีฬกกรรมที่มีหน้าที่เบียดเบียนชนกกรรมอื่น ไม่ให้มีโอกาสส่งผล
อุปปีฬกกรรม มีหน้าที่เบียดเบียนชนกกรรมอื่นที่มีสภาพตรงข้ามกับตน และมีโอกาสส่งผลได้ แต่ถูกอุปปีฬกกรรม เบียดเบียนไว้ไม่ให้ส่งผล มีลักษณะการเบียดเบียน ๒ อย่าง คือ

๑.๑ กุศลกรรมที่ทำในปัจจุบันภพนี้ เบียดเบียนอกุศลชนกกรรม เพื่อไม่ให้มีโอกาสส่งผล คือ บุญ ที่ทำในชาตินี้ เบียดเบียนบาป ไม่ให้บาปมีโอกาสนำเกิดในอบายภูมิ (นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน)

๑.๒ อกุศลกรรมที่ทำในปัจจุบันภพนี้ เบียดเบียนกุศลชนกกรรม เพื่อไม่ให้มีโอกาสส่งผล คือ บาป ที่ทำในชาตินี้ เบียดเบียนบุญ ไม่ให้มีโอกาสนำเกิดในสุคติภูมิ (มนุษย์ เทวดา)

อุปปีฬกกรรมนี้ ได้แก่ อุปถัมภกกรรม นั่นเอง คือ ในขณะที่กุศลอุปถัมภกกรรม กำลังทำหน้าที่ช่วยอุดหนุนกุศลชนกกรรมอยู่นั้น ในขณะเดียวกันกุศลอุปถัมภกกรรมนั้น ได้ชื่อว่า กำลังทำหน้าที่เบียดเบียนอกุศลชนกกรรม ที่จะได้โอกาสในการส่งผล ไม่ให้มีโอกาสในการส่งผลได้ด้วย

๒. อุปปีฬกกรรม มีหน้าที่เบียดเบียนชนกกรรมอื่นที่กำลังส่งผลอยู่ ให้มีกำลังลดน้อยลง
อุปปีฬกกรรมนี้ มีหน้าที่เบียดเบียนชนกกรรมอื่น ที่มีสภาพตรงข้ามกับตนและกำลังได้โอกาสให้ผลอยู่ แต่ถูกอุปปีฬกกรรมนี้ เบียดเบียนให้มีกำลังลดน้อยลง ลักษณะการเบียดเบียนมี ๒ อย่าง คือ

๒.๑ กุศลกรรมที่ทำในปัจจุบันภพนี้ เบียดเบียนอกุศลชนกกรรม ที่กำลังมีโอกาสส่งผลอยู่ให้มีกำลังลดน้อยลง คือ บุญ ที่ทำในชาตินี้ เบียดเบียนบาป ที่จะนำเกิดในอบายภูมิ (นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน) ให้มีกำลังลดน้อยถอยลง

๒.๒ อกุศลกรรมที่ทำในปัจจุบันภพนี้ เบียดเบียนกุศลชนกกรรม ที่กำลังมีโอกาสส่งผลอยู่ ให้มีกำลังลดน้อยลง คือ บาป ที่ทำในชาตินี้ เบียดเบียนบุญ ที่จะนำเกิดในสุคติภูมิ (มนุษย์ เทวดา) ให้มีกำลังลดน้อยถอยลง เช่น การกุศลที่เจือด้วยอกุศล ได้แก่ การสร้างโบสถ์สร้างวิหารเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งด้วยความปีติยินดี แต่เมื่อไม่ได้รับการเลือกตั้งก็รู้สึกเสียใจ เสียดายเงินทองที่ทำไป ทำให้ผลของกุศลที่ได้มีกำลังลดน้อยลง เมื่อผู้นั้นตาย แทนที่จะไปเกิดเป็นติเหตุกบุคคล กลับกลายเป็นทวิเหตุกบุคคลไป เพราะอำนาจของอกุศลที่เกิดขึ้นเข้าเบียดเบียนกุศลให้มีกำลังลดน้อยลง

อุปปีฬกกรรมนี้ ก็ได้แก่ อุปถัมภกกรรม นั่นเอง คือ ในขณะที่กุศลอุปถัมภกกรรม กำลังทำหน้าที่ช่วยอุดหนุนกุศลชนกกรรมอยู่นั้น ในขณะเดียวกันกุศลอุปถัมภกกรรมนั้น ก็ได้ชื่อว่า กำลังทำหน้าที่เบียดเบียนอกุศลชนกกรรม ที่จะได้โอกาสในการส่งผลอยู่ ให้มีกำลังในการส่งผลลดน้อยลงดังกล่าว

๓. อุปปีฬกกรรม มีหน้าที่เบียดเบียนรูปนามที่เกิดจากชนกกรรมอื่นๆ
อุปปีฬกกรรมนี้ มีหน้าที่เบียดเบียนรูปนามที่เกิดจากชนกกรรมที่มีสภาพตรงข้ามกับตน ลักษณะการเบียดเบียนมี ๒ อย่าง คือ

๓.๑ กุศลอุปปีฬกกรรม เบียดเบียนรูปนามที่เกิดจาก อกุศลชนกกรรม คือ บุญเบียดเบียนรูปนามของสัตว์ทั้งหลายที่เกิดจากบาป และบาปเบียดเบียนรูปนามของสัตว์ทั้งหลายที่เกิดจากบุญ เช่น สัตว์เดรัจฉาน ที่เกิดมาร่างกายไม่สมบูรณ์ มีโรคภัยเบียดเบียนได้รับความทุกข์ แต่ได้เคยทำบุญรักษาศีลมาในอดีต และในปัจจุบันก็ไม่ได้เบียดเบียนสัตว์ ต่อมามีผู้เลี้ยงดูทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น มีความสุขสบายโรคภัยไข้เจ็บก็หาย ทั้งนี้ เพราะอำนาจแห่งกุศลอุปปีฬกกรรมที่ตนทำไว้เสมอ ๆ เบียดเบียนรูปนามที่เกิดจากผลของบาปทำให้ความทุกข์ยากนั้นหายไป

๓.๒ อกุศลอุปปีฬกกรรม เบียดเบียนรูปนามที่เกิดจาก กุศลชนกกรรมคือ บาปที่เบียดเบียนรูปนามของสัตว์ทั้งหลายที่เกิดจากบุญ เช่น มนุษย์ เกิดมามีร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ต่อมาทำบาปทุจริต มีการเสพสุรา ทำการฉ้อโกงอยู่เสมอ ภายหลังเกิดโรคภัยเบียดเบียน สติฟั่นเฟือน เกิดความวิบัติต่าง ๆ อาชีพการงานฝืดเคือง ทำให้เกิดความร้อนใจ ทั้งนี้เพราะอำนาจของอุปปีฬกกรรมที่ทำนั้น เบียดเบียนให้รูปนามของสัตว์ทั้งหลาย ที่เกิดมามีร่างกายแข็งแรงให้มีสภาพตรงกันข้ามไป


๔. อุปฆาตกกรรม คือ กรรมตัดรอน

อุปฆาตกกรรม เป็นกรรมที่มีหน้าที่ ตัดกรรม อื่น ๆ และวิบากของกรรมอื่น ๆ ให้สิ้นลงซึ่งต่างกับอุปปีฬกกรรม ซึ่งมีหน้าที่เบียดเบียนกรรมอื่น ๆ และวิบากมิให้เจริญ คือให้มีกำลังลดน้อยถอยลงเท่านั้น
อุปฆาตกกรรม เป็นกรรมชนิดที่ตัดกรรมอื่น ๆ อย่างเด็ดขาด เมื่อตัดกรรมใดแล้ว กรรมนั้นไม่สามารถส่งผลให้เกิดขึ้นได้เลยตลอดไป และถ้าตัดวิบากของกรรมนั้นแล้ว ย่อมหมายถึงร่างกาย หรืออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของผู้นั้น ย่อมเสียไปตลอดชีวิต หรือไม่ก็ตัดชีวิตของผู้นั้นให้สิ้นไปเลย

อุปฆาตกกรรม มีหน้าที่ ๒ อย่าง คือ

๑. ตัดชนกกรรมที่เป็นตัวนำเกิด ไม่ให้มีโอกาสส่งผลตลอดไป
๒. ตัดชีวิต (รูปนาม) ที่เกิดจากชนกกรรมนั้น ให้สิ้นไป

อุปฆาตกกรรม มีหน้าที่ตัดชนกกรรมอื่น ๆ เพื่อไม่ให้มีโอกาสส่งผลนี้ มี ๓ ประเภท คือ
๑.๑ กุศลอุปฆาตกกรรม ตัด อกุศลชนกกรรม ไม่ให้มีโอกาสส่งผลตลอดไป (บุญตัดบาป) มิให้นำเกิดในอบายภูมิ

๑.๒ กุศลอุปฆาตกกรรม ตัด กุศลชนกกรรมอื่น ไม่ให้มีโอกาสส่งผลตลอดไป (บุญตัดบุญ)

ผู้ที่ทำทาน รักษาศีล หรือเจริญภาวนาจนได้ฌาน ต่อมาได้เจริญวิปัสสนากรรมฐานจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ทาน ศีล ที่เป็นกุศลชนกกรรม (บุญ) ก็ไม่สามารถส่งผลให้ไปเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาได้ และฌานกุศลชนกกรรม (บุญ) ก็ไม่สามารถส่งผลให้เกิดเป็นพรหมได้ ด้วยอำนาจของอรหัตตมรรคกุศล (บุญ) ซึ่งเป็นกุศลอุปฆาตกกรรมตัดกุศลที่จะนำเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา หรือพรหมให้หมดไป ผู้ที่ทำฌานจนถึงปัญจมฌาน เมื่อตายแล้วก็ต้องไปเกิดเป็นจตุตถฌานพรหม ด้วยอำนาจแห่งปัญจมฌานกุศล เป็นอุปฆาตกกรรมตัดมหัคคตกุศลที่ต่ำกว่าไม่ให้มีโอกาสส่งผล ตัดการที่จะไปเกิดเป็น ปฐมฌานพรหม ทุติยฌานพรหม และตติยฌานพรหม ลงไป ในอรูปฌานก็ทำนองเดียวกัน

๑.๓ อกุศลอุปฆาตกกรรม ตัด กุศลชนกกรรมอื่น ไม่ให้มีโอกาสส่งผลตลอดไป (บาปตัดบุญ)

ผู้ใดผู้หนึ่งได้บำเพ็ญสมถกรรมฐานจนกระทั่งได้ฌาน ต่อมาผู้นั้นได้กระทำอกุศลกรรมที่เป็นปัญจานันตริยกรรม อกุศลปัญจานันตริยกรรมนี้ย่อมเป็น อกุศลอุปฆาตกกรรม ตัดมหัคคตกุศลชนกกรรม ไม่ให้มีโอกาสได้ส่งผลให้ผู้นั้นไปเกิดในพรหมโลก เช่น พระเทวทัต ได้เคยเจริญสมถกรรมฐานจนได้ฌานและอภิญญา ทำให้เหาะเหิรเดินอากาศได้ แต่เมื่อได้กระทำโลหิตตุปบาทและสังฆเภทอันเป็นกรรมหนัก คือ อนันตริยกรรม เมื่อพระเทวทัตตายลงจึงต้องไปเกิดในอเวจีมหานรก ทั้งนี้ เพราะอนันตริยกรรมนั้นเป็นฝ่ายอกุศลอุปฆาตกกรรม (บาป) ตัดมหัคคตกุศลชนกกรรม คือ ฌาน อภิญญา (บุญ) ทำให้ไม่สามารถจะไปเกิดในพรหมโลกได้

อุปฆาตกกรรมที่มีหน้าที่ตัดรูปนามที่เกิดจากชนกกรรมอื่นให้สิ้นไป มี ๔ ประการ คือ
๒.๑ กุศลอุปฆาตกกรรม ตัดรูปนามที่เกิดจาก อกุศลชนกกรรม
๒.๒ กุศลอุปฆาตกกรรม ตัดรูปนามที่เกิดจาก กุศลชนกกรรม
๒.๓ อกุศลอุปฆาตกกรรม ตัดรูปนามที่เกิดจาก กุศลชนกกรรม
๒.๔ อกุศลอุปฆาตกกรรม ตัดรูปนามที่เกิดจาก อกุศลชนกกรรม


๒.๑ กุศลอุปฆาตกกรรม ตัดรูปนามที่เกิดจาก อกุศลชนกกรรม
ผู้ที่ตายไปแล้ว ไปบังเกิดเป็นสัตว์นรกในนิรยภูมิ ร่างกายและความเป็นไป มีการเห็น การได้ยิน เป็นต้น ของสัตว์เหล่านี้ล้วนแต่เป็นอกุศลวิบากทั้งสิ้น ในระยะต่อมาสัตว์นรกนั้นได้ระลึกถึงกุศลกรรมที่ตนได้เคยกระทำไว้ได้ โดยอาศัยการเห็นเปลวไฟแล้วระลึกได้ว่า เราเคยได้บวชพระ เคยถวายจีวรแก่พระสงฆ์ เคยปิดทองพระพุทธรูปเป็นต้น หรือโดยอาศัยพระยายมราชเตือนสติให้ก็ระลึกถึงกุศลต่าง ๆ ที่ตนได้เคยกระทำไว้ ในขณะที่ระลึกถึงนั้น มหากุศลจิตย่อมเกิดขึ้น ในขณะนั้นสัตว์นรกก็จุติลง แล้วไปเกิดเป็นมนุษย์ หรือเทวดาทันที นี้เป็นเพราะกุศลจิตที่เกิดขึ้นในขณะที่ระลึกถึงกุศลเก่านั้นได้เอง เป็นกุศลอุปฆาตกกรรม ตัดรูปนามที่เป็นอกุศลวิบาก ทั้งนี้ เพราะกุศลจิตที่เกิดขึ้นในขณะที่ระลึกถึงกุศลเก่านั้น จะเป็นกุศลอุปฆาตกกรรม ตัดรูปนามของสัตว์นรกอันเกิดจากอกุศลชนกกรรมให้สิ้นไป

๒.๒ กุศลอุปฆาตกกรรม ตัดรูปนามที่เกิดจาก กุศลชนกกรรม
ผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ที่ยังเป็นฆราวาส ถ้าไม่บวชภายในวันนั้น จะต้องเสียชีวิตทันที ทั้งนี้ เพราะอำนาจของอรหัตตมรรคอรหัตตผลนั้นมีคุณอันประเสริฐ ไม่เหมาะกับเพศฆราวาส ซึ่งเป็นเพศชั้นต่ำ มีฐานะเพียงแค่รักษาศีล ๕ ความเป็นพระอรหันตขีณาสพนั้น ย่อมคู่ควรกับสมณเพศอันเป็นอุดมเพศ จึงจะรองรับคุณอันประเสริฐนั้นได้ เหมือนกับน้ำมันราชสีห์ ภาชนะทองเท่านั้น ที่สามารถเก็บรักษาน้ำมันนั้นอยู่ได้ ถ้าภาชนะอื่น ๆ ย่อมไม่สามารถรักษาไว้ได้ นี่แสดงให้เห็นว่าอรหัตตมรรคกุศลกรรม เป็นอุปฆาตกกรรมที่ตัดรูปนามของความเป็นมนุษย์ อันเกิดจากอกุศลชนกกรรมมิให้มีโอกาสส่งผล

๒.๓ อกุศลอุปฆาตกกรรม ตัดรูปนามที่เกิดจาก กุศลชนกกรรม
คนที่เกิดมามี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และอวัยวะของร่างกายครบถ้วนสมบูรณ์ นับว่าเป็นคนที่เกิดจากกุศลวิบาก ต่อมาได้รับอุบัติเหตุ เช่น แขนขาด ขาหัก ตาบอด หรือถึงแก่ความตาย เหล่านี้เป็นเพราะอกุศลอุปฆาตกกรรม ตัดรูปนามที่เกิดจากกุศลชนกกรรมมิให้มีโอกาสส่งผลอีกต่อไป

๒.๔ อกุศลอุปฆาตกกรรม ตัดรูปนามที่เกิดจาก อกุศลชนกกรรม
สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายนั้นเกิดมาจากอกุศลชนกกรรม มี ช้าง ม้า วัว ควาย เป็นต้น ต่อมาถ้าได้รับอุบัติเหตุ เช่น ถูกรถชนตาย ตกน้ำตาย ถูกฆ่าตาย ความตายของสัตว์เหล่านี้ เป็นเพราะอกุศลอุปฆาตกกรรมที่เคยทำไว้แล้ว เป็นผู้ตัดชีวิต คืออกุศลชนกกรรมให้สิ้นไป ไม่มีโอกาสส่งผลอีก





 

Create Date : 23 มีนาคม 2551
1 comments
Last Update : 27 มีนาคม 2551 8:02:24 น.
Counter : 1076 Pageviews.

 

ซาบซึ้งในรสพระธรรม.....แต่ปฏิบัติยากจังเลยค่ะ มันคอยเผลออยู่เรื่อย

 

โดย: ต้นแสงจันทร์ (nathanon ) 25 มีนาคม 2551 6:53:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


moonfleet
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นมาได้ หากไม่เคยเป็นความฝันมาก่อน
New Comments
Friends' blogs
[Add moonfleet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.