::ครั้งแรก...หนังสือเปลี่ยนชีวิต::
"อ่ะ...หนังสือเล่มนี้ดีนะ" แม่ฉันยื่นหนังสือเล่มขนาดเหมาะมือเล่มนึงมาให้ "หือ? แล้วแม่เคยอ่านไหม?" ฉันหยิบหนังสือมาจากแม่และถามด้วยความสงสัยใคร่รู้อย่างเด็ก ๆ "เคยนะ เหมือนจะเคย แต่ก็จำไม่ได้แล้วล่ะว่าเป็นยังไง" แม่ฉันใช้เวลานึกครู่หนึ่ง ฉันจึงรับมันมาอย่างว่าง่ายเหมือนหนังสือเล่มอื่น ๆ ที่แม่ฉันหยิบยื่นให้ในรูปแบบเดียวกัน
ความทรงจำในตอนนั้นฉันอายุ 12 ปีเห็นจะได้ อยู่ประมาณประถม 6 แม่ฉันก็เริ่มหยิบยื่นหนังสือเล่มหนา ๆ ให้ เหนืออื่นใดมันคือการหยิบยื่นนิสัยการอ่านหนังสือให้ฝังรากมาจนถึงทุกวันนี้ เล่มแรก ๆ ที่แม่ให้ฉันอ่านเองไม่นับนิทานอีสป ฉันจำได้ว่าเป็นเรื่องโต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง แล้วก็แมรี่ ป๊อปปิ้นส์กับวรรณกรรมเยาวชนเล่มอื่น ๆ อีกมากมายเพราะแม่เห็นฉันโปรดปรานหนังสือแปลแนวนี้เหลือเกิน ฉันหยิบหนังสือที่แม่เพิ่งยื่นให้ขึ้นมาพลิกดู ปกสีเขียว ๆ ของใบไม้จากต้นไม้ใหญ่มีผลส้มเต็มต้นและเด็กชายยืนเอามือไพล่หลังก้มหน้าก้มตาหันหน้าเข้าต้นส้ม ฉันอ่านชื่อปกหนังสือ 'ต้นส้มแสนรัก' แล้วจึงค่อย ๆ พลิกเปิดหน้าแรกขึ้นมาอ่านช้า ๆ ตามประสานิสัยการอ่านหนังสือเชื่องช้าของฉัน โดยที่ไม่อาจรู้ได้เลยว่า...มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรบางอย่างในตัวฉันมาจนถึงทุกวันนี้...

เซเซ่เด็กชายชาวบราซิลอายุ 5 ขวบอยู่ในสภาวะแวดล้อมของครอบครัวขยาย มีพี่น้อง 5 คน แม่ทำงานโรงงาน พ่อยังเป็นหนี้สินค้างค่าเช่าบ้านถึง 8 เดือนจนทำให้ต้องย้ายบ้านไปอยู่บ้านใหม่ที่เล็กและแคบลงกว่าเดิม ซึ่งนั่นกลับนำมาสู่มิตรภาพเล็ก ๆ ระหว่าง 'มิงกินโย' ต้นส้มเขียวหวานหลังบ้านใหม่ของเซเซ่ และในขณะเดียวกัน ความซุกซนของเด็กตัวน้อยก็ยังนำพาเขาไปสู่มิตรภาพที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ระหว่างเขาและ 'โปรตุก้า' เพราะว่ามันคือมิตรภาพครั้งแรกและสัมผัสได้จริง...แต่ขณะที่ต้นส้มกำลังจะถูกตัดทิ้งเพื่อทำถนนผ่าน ข่าวการจากไปของโปรตุก้าเพื่อนแท้จริงเพียงคนเดียวของเขาก็เข้ามาพร้อม ๆ กัน แล้วเด็กอายุ 5 ขวบจะรับมือกับความเจ็บปวดอย่างนี้ได้อย่างไรกัน?
ผมเลิกคิดถึงเขาไม่ได้ ผมรู้แน่แล้วว่า ความเจ็บปวดมันคืออะไร ความเจ็บปวดไม่ใช่จากการถูกตีจนสลบ ไม่ใช่โดนเศษแก้วบาดเท้า หรือโดนเย็บแผลที่ร้านหมอ ความเจ็บปวดนั้นคือการเจ็บที่หัวใจทั้งหมด ............
ดอกไม้ของมิงกินโยบานเป็นครั้งแรกแล้ว อีกหน่อยเขาก็จะเป็นต้นส้มที่เป็นผู้ใหญ่ แล้วก็เริ่มออกลูก ผมเฝ้าจูบดอกไม้เล็กๆ สีขาวที่นิ้วมือผม ผมจะไม่ร้องไห้เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อีกต่อไปแล้ว แม้ว่ามิงกินโยจะพยายามกล่าวคำอำลาผมด้วยดอกไม้เล็กๆ เขาจากโลกในความฝันของผมไปสู่โลกแห่งความจริงและความเจ็บปวด
...........................
การเล่าเรื่องและดำเนินเรื่องโดยใช้ตัวละครอายุ 5 ขวบ มุมมองเด็กอายุ 5 ขวบผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และจินตนาการ อาจจะทำให้เรื่องนี้เป็นวรรณกรรมเยาวชนได้ แต่เรื่องราวอันเป็นปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นกับเด็กน้อยเซเซ่...มันกลับโหดร้ายเกินไป เกินกว่าวัย 'เยาวชน' อย่างฉันจะห้ามไม่ให้ฝังมันลึกลงไปในจิตใจได้ แม้ต้นส้มแสนรักจะไม่ใช่หนังสือเล่มแรกของฉัน แต่ต้นส้มแสนรักเป็นหนังสือเล่มแรกที่ทำให้ฉันร้องไห้!
เมื่อไม่นานมานี้ฉันได้กลับไประลึกวัยเด็กกับการอ่าน ต้นส้มแสนรัก อีกครั้ง แม้จะด้วยวัยที่ต่างไป ด้วยประสบการณ์ที่มากขึ้นแต่ริ้วรอยความรู้สึกอันท่วมท้นที่มาพร้อมกับสายน้ำตายังคงเดิม ทำให้ฉันอดถามกับตัวเองไม่ได้ว่า...
หรือว่าจริง ๆ แล้ว เราทุกคนก็มีวัยเด็กอันน่าเศร้าและสะเทือนใจแอบเร้นบ้างกันทุกคนอยู่แล้วนะ? หรือว่าจริง ๆ แล้วเราทุกคนก็มีส่วนเป็นเซเซ่อยู่ในตัวและมี 'มิงกินโย' ของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น?
ในขณะที่เซเซ่ทิ้งความสวยงามในวัยเด็กเพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่วัยผู้ใหญ่ ฉันเองก็กำลังทิ้งโลกแห่งวัยผู้ใหญ่เพื่อจะเข้าไปรื่นระเริงในโลกแห่งจินตนาการของเซเซ่ เหมือนฉันเห็นตัวเองว่า ฉันเองก็เคยนั่งกิ่งของ 'มิงกินโย' เล่น ณ ที่ใดที่หนึ่งในช่วงวัยที่ผ่านพ้น น้ำตาที่เสียไป อาจเนื่องมาจากบทตอนแห่งการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก อาจเป็นตอนการทำผิดอย่างไร้เดียงสา หรืออาจเป็นตอนถูกลงโทษโดยไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร ซึ่งเหล่านั้นเองอาจเป็นสิ่งที่เราเองต่างก็เคยผ่านกันมาแล้วทั้งนั้น และเซเซ่เองก็กำลังเปลี่ยนผ่านเพื่อเติบโต หรือไม่แน่ เราอาจจะกำลังหลั่งน้ำตาให้กับวัยวานอันแสนหอมหวานซึ่งไม่มีวันย้อนกลับมาก็ได้?
.......................................
สมัยยังเป็นเด็กอายุ 12 การอ่านหนังสือแล้วร้องไห้เป็นเรื่องแปลกใหม่มากทีเดียว ฉันจำได้ว่านอนอ่านหนังสืออยู่ในห้องนอนยามโพล้เพล้และสาวกระ ดาษทิชชู่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนหายใจไม่ออก หลังจากพายุน้ำตาเมื่อปิดหนังสือลงได้ผ่านพ้นไป ฉันนอนหายใจอยู่บนเตียงเฮือก ๆ กลบเกลื่อนน้ำตางุด ๆ แล้วเดินถือหนังสือไปหาแม่
"อ่านจบแล้วล่ะค่ะ" ฉันบอกแม่หน้าตาซึมเซาอย่างกลบไม่มิด "ร้องไห้ไหม?" แม่ฉันยิ้มและถามกลับมา ทำเอาฉันตกใจเล็กน้อยนึกเอาว่าแม่คงเห็นรอยยับ ๆ บนหน้า "แม่ก็ร้อง ใครอ่านก็ร้อง หนังสือเค้าดีใช่ไหมละ" แม่ฉันบอกต่อไปพลางหัวเราะฮ่า ๆ แบบไม่ได้ใส่ใจอะไร ทำเอาฉันโล่งอกโล่งใจเพราะเผลอนึกไปว่าตัวเองมีปมอะไรไหมถึงได้ร้องไห้โฮ ๆ ขนาดนั้น แอบเผลอโทษยามเหงาของยามตะวันตกดินด้วยซ้ำไป
นั่นเองเป็นครั้งแรก...ที่ฉันได้สัมผัสถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของหนังสือ พลังที่ทำให้ฉัน 'อิน' จะเป็นจะตายกับเรื่องราวแสนสะเทือนใจของเด็กชายผู้สูญเสียวัย 5 ปี ทั้งยังมีริ้วรอยแห่งความความตื้นตัน ความประทับใจ ความหดหู่ ความวังเวง ความโหยหา ไออบอุ่นทิ้งกรุ่นไว้หลังจากหน้าสุดท้ายในคราเดียวกัน หลังจากนั้นเองฉันจึงเกิดความโหยหาในพลังแห่งตัวอักษรที่สามารถนำพาอารมณ์ฉันให้โลดแล่นและจมดิ่งจากนั้นเป็นต้นมา และเมื่อรู้ตัวอีกทีฉันก็ค้นพบว่าฉันขาดหนังสือไม่ได้เสียแล้ว
แด่...ต้นส้มแสนรัก ที่นอกจากจะเปิดโลกการอ่านของฉันในมุมกว้าง และยังทำให้ฉันค้นพบตัวตนว่าฉันมีความเป็น 'เซเซ่' ซ่อนอยู่มุมใดมุมหนึ่งในอดีตกาลอีกด้วย
ทดลองอ่านต้นส้มแสนรักได้ 2 ตอน ขอบคุณสำนักพิมพ์ประพันธ์สาสน์ด้วยค่ะ ทดลองอ่านต้นส้มแสนรัก (คลิกค่ะ)
ย้อนอ่าน ::ถนนสายนี้...มีมิตรภาพ:: คลิกได้ค่ะ ขอบคุณผู้ร่วมเดินทางเส้นทางสายมิตรภาพเส้นแรกนี้ด้วยกันทุกคนนะคะ สำหรับถนนเส้นที่สอง จะมาในหัวข้อที่ชื่อว่า "แฟนฉัน...กับรักครั้งแรก"ค่ะ
หากสนใจร่วมถนนสายมิตรภาพโรยตัวอักษรเส้นที่สองกับพวกเรา ทำตามกติกาง่าย ๆ เหมือนเคย ดังนี้ค่ะ -ลงชื่อบอกกล่าวกันไว้ -เขียนเรื่องอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ และอัพบลอคในหมวดงานเขียน/บทประพันธ์ -อัพบลอคในวันจันทร์ที่ 30 มีนาคมนี้ เวลาใดก็ได้ -เมื่ออัพบลอคแล้ว กรุณามาแจ้งอีกครั้งในบลอคของคนใดคนหนึ่ง และเราจะทำการรวบรวมลิงค์อีกทีค่ะ
::ครั้งแรก...หนังสือเปลี่ยนชีวิต:: จากสาวสาวและมิตรอื่น ๆ
สาวอ้อน BeCoffee สาวแจง Nikanda คุณขอรบกวนทั้งชุดนอน คุณกะว่าก๋า คุณนัทธ์ คุณสาวไกด์ใจซื่อ คุณแม่นู๋มี่ คุณปณาลี คุณกิ่งไม้ไทย
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ หวังว่าจะได้ร่วมเดินทาง ในถนนสายมิตรภาพโรยตัวอักษรนี้ด้วยกันนะคะ
Create Date : 16 มีนาคม 2552 |
|
49 comments |
Last Update : 17 มีนาคม 2552 4:08:30 น. |
Counter : 1561 Pageviews. |
|
 |
|